สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 175.2 กลับไปแต่งกายเป็นสตรี (2)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ขณะเล่อเหยาเหยาก่นด่าในใจ คิดไม่ถึง เด็กสาวสองคนกลับไม่หยุดการทรมานตนเอง ราวกับว่าหากเธอไม่รับปาก พวกเธอจะโขกศีรษะจนตายอยู่ตรงนั้น

เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น จึงใจอ่อนทำได้เพียงเอ่ยรับปาก

“เอาล่ะ พวกเจ้าอยู่ที่นี่เถิด” เพียงไม่โขกศีรษะให้เธอเพียงพอแล้ว เธอไม่ชอบเห็นการทรมานตนเองเช่นนี้

เล่อเหยาเหยาคิดในใจ พลางเห็นสาวน้อยสองคนนั้นหลังได้ยินคำพูดเธอ จึงหยุดโขกศีรษะ ก่อนรีบร้อนเอ่ยขอบคุณเธอ

ทว่าเมื่อเล่อเหยาเหยาเห็นหน้าผากของทั้งสองคน เดิมทีเป็นปกติ แต่เวลานี้กลับบวมแดงเพราะโขกศีรษะ เห็นแล้วปวดใจเสียจริง

จึงขมวดคิ้วมุ่น ก่อนเอ่ยกับพวกเธอว่า

“พวกเจ้าไปใส่ยาก่อนเถิด มิฉะนั้นอาจทิ้งรอยแผลไว้ได้ วันหน้าจะแต่งออกไปลำบาก”

เซี่ยลี่และเซี่ยผิงได้ยินต่างพากกันลุกขึ้น หลังย่อกายให้แก่เล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋พากันถอยออกไป

ทันใดนั้น ห้องโถงจึงเหลือเพียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋และเล่อเหยาเหยา

“เหตุใดอยู่ดีๆ จึงมอบสาวน้อยสองคนให้แก่ข้า”

“วังอ๋องนอกจากเหล่าป้าแม่ครัว ไม่มีสตรีอื่น ตอนนี้เจ้าตั้งครรภ์ แม้จะมีขันทีปรนนิบัติรับใช้ อาจสะดวกสบาย แต่มิอาจสู้ให้เด็กสาวสองคนนี้ดูแลเจ้า”

“เช่นนั้นหรือ”

หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยารู้สึกมีเหตุผล และรู้สึกดีใจที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ใส่ใจรอบคอบเช่นนี้

ใบหน้าเรียวอดแนบชิดเข้าไปในอ้อมกอดกว้าง ก่อนถูไถพลางเอ่ยว่า

“อวี๋ เหตุใดท่านดีกับข้าเช่นนี้”

“ฮ่า ๆ ดีกับเจ้าไม่ดีหรือ หรืออยากให้เปิ่นหวางดีกับสตรีอื่น”

สำหรับคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงเลิกคิ้วยิ้มเอ่ยตอบไป

เล่อเหยาเหยาได้ยิน ผละออกมาเอียงหน้าเอ่ยอย่างโมโหว่า

“ท่านกล้าหรือ!”

“ฮ่า ๆ”

เมื่อเห็นท่าทางดุราวแม่เสือของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันขบขัน

ยื่นมือใหญ่ออกเกี่ยวผมที่ตกลงมาของเล่อเหยาเหยาทัดใบหู จากนั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

“ชีวิตนี้ของเปิ่นหวางมีเจ้าเพียงพอแล้ว”

“ฮ่า ๆ”

เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยายิ้มทั่วใบหน้า

เพราะเธอรักถ้อยคำหวานปานน้ำผึ้งของชายหนุ่มตรงหน้านี้เป็นที่สุด

เล่อเหยาเหยาคิดอย่างหวานชื่นในใจ จนอยากให้ทุกคนบนโลกรู้ว่าตนมีความรัก จึงเอียงศีรษะขบคิดก่อนเอ่ยว่า

“อวี๋ พวกเราไปเดินเล่นกันเถิด”

คิ้วเข้มดำขลับ โค้งงอนเกินบรรยาย

ดวงตาชุ่มฉ่ำ เมียงมองซ้ายขวา กระตุ้นเย้ายวนใจ

จมูกงอนอ่อนหวาน ฟันขาวสะอาด

ผิวหนังเกลี้ยงเกลา ลมหายใจแผ่วเบา

ผมยาวดุจเส้นไหมมวยเก็บอย่างเงียบง่ายแต่ยังคงสง่างาม บนศีรษะปักเพียงปิ่นระย้ามุกแกะสลัก พริ้วไหวไปมาตามการเคลื่อนไหวของหญิงสาว ทำให้เธอดูน่ารักชวนมองยิ่งขึ้น

กระโปรงหลัวฉวินสีขาวแกมชมพูบางเบา เปิดเผยรูปร่างอรชรบอบบางของสตรีออกมาจนหมด

หญิงสาวในกระจก มัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายเธอ[1]

เมื่อเห็นหญิงสาวในกระจก ไม่เพียงแต่เล่อเหยาเหยา กระทั่งเซี่ยผิงและเซี่ยลี่ที่ปรนนิบัติอยู่ด้านข้างพลันมองอย่างตกตะลึง

“สวรรค์ องค์หญิง ท่านงดงามเหลือเกิน” แววตาเซี่ยลี่ที่มีนิสัยค่อนข้างร่าเริงแจ่มใสแฝงด้วยความตกตะลึง ก่อนชื่นชมอย่างไม่เกรงใจ

เซี่ยผิงที่ค่อนข้างเงียบขรึมด้านข้างก็รีบเอ่ยเช่นเดียวกันว่า

“ใช่ นี่เป็นครั้งแรกที่บ่าวได้เห็นสตรีที่งดงามเช่นนี้ มิน่าท่านอ๋องจึงชื่นชอบองค์หญิงยิ่งนัก”

“ฮ่า ๆ”

ทุกคนต่างมีใจรักในความสวยความงาม หลังได้ยินคำพูดของสองคนด้านหลัง เล่อเหยาเหยาถูกชื่นชมจนตัวลอย

เพราะเธอเห็นด้วยกับคำพูดของทั้งสองคนอย่างยิ่ง

ก่อนหน้านี้เธอรู้ว่าเมื่อตนข้ามเวลามาอยู่ร่างนี้ รูปร่างหน้าตาถือไม่เลว คิดไม่ถึงไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง คำพูดนี้ไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว

หลังผ่านการแต่งตัว ขันทีปลอมที่หน้าตาดั่งหยกแกะสลักก่อนหน้านี้ กลับกลายเป็นสาวงามล่มเมือง สดใสมีชีวิตชีวาผู้หนึ่ง!

สวรรค์!

การข้ามเวลาครั้งนี้ของตน ช่างคุ้มค่าเสียจริง!

ยิ่งคิดเล่อเหยาเหยายิ่งดีใจ

ขณะที่ดีใจ ในใจอดมีใบหน้าคนผู้หนึ่งลอยขึ้นมาไม่ได้

พลางคิดในใจว่าตนแต่งกายเช่นนี้ เขาจะชื่นชอบหรือไม่

เล่อเหยาเหยาคิดในใจ ก่อนรู้สึกใจร้อนอยากให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นการแต่งกายเช่นนี้ของตน

เพราะผู้หญิงตั้งใจประทินโฉมเพื่อคนรัก!

เธอจึงอยากให้ชายที่ตนรักเห็นถึงด้านที่งดงามที่สุดของตน!

เล่อเหยาเหยาในใจคิดสิ่งใด พลันทำสิ่งนั้นทันที จึงไม่รอเซี่ยลี่และเซี่ยผิงที่อยู่ด้านข้าง ยกฝีเท้าวิ่งรีบร้อนออกไปที่ประตู

รอยยิ้มดีใจมีความสุขบนใบหน้านั้น กระจายไปทั่วใบหน้าเล็กงดงาม

ทว่าใบหน้าเล่อเหยาเหยามีรอยยิ้มอยู่ได้ไม่นาน พลันถูกความตื่นตระหนกหวาดกลัวเข้ามาแทนที่

เพราะก่อนหน้านี้คุ้นเคยกับการสวมชุดขันที

เสื้อผ้าบุรุษและสตรีในยุคโบราณถือว่าแตกต่างกันอย่างมาก กระโปรงของสตรีแม้จะสวยงาม ทว่ากลับยาวมากเกินไป ดังนั้นเพียงเล่อเหยาเหยาไม่ระวังตัว เหยียบเข้าที่ชายกระโปรงของตนเอง ทันใดนั้นร่างกายสูญเสียการทรงตัว กระโจนพุ่งไปด้านหน้า

“องค์หญิงระวังเพคะ”

คำพูดของเซี่ยลี่และเซี่ยผิงดังมาจากด้านหลัง ทว่าน่าเสียดายพวกเธออยู่ห่างจากเล่อเหยาเหยาเกินไป จึงไม่อาจช่วยเหลือได้ เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยากำลังจะล้มลงบนพื้นอยู่ตรงหน้า เซี่ยลี่และเซี่ยผิงตกใจอย่างหนัก

ส่วนเล่อเหยาเหยาก็ตกใจเช่นกัน ทว่าสิ่งแรกที่ทำคือใช้สองมือปกป้องหน้าท้องตนเอาไว้

เดิมคิดว่าครั้งนี้ตนต้องเจ็บปวดอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่ เล่อเหยาเหยาจึงปิดตาลงอย่างตกใจ เตรียมตัวรับความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น

ทว่าความเจ็บปวดที่คาดคิดไว้กลับไม่เกิดขึ้น สิ่งที่รองรับเธอไม่ใช่พื้นเย็นยะเยือก แต่เป็นอ้อมกอดหนา

“แม้จะร้อนรนอยากพบหน้าเปิ่นหวาง ก็มิควรรีบร้อนเช่นนี้ เป็นมารดาคนแล้ว ไม่กลัวผู้อื่นหัวเราะเยาะหรือ”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นหู กลิ่นคุ้นเคย ทำให้เล่อเหยาเหยาที่ใจเต้นระรัว สงบลงในที่สุด

ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดแฝงการเย้าแหย่ของชายหนุ่ม พลันทำให้เล่อเหยาเหยาแก้มร้อนผ่าว ก่อนแดงก่ำทั่วสองแก้ม ราวแต่งแต้มสีสัน!

“ผะ…ผู้ใดรีบร้อนอยากเจอท่านกัน หน้าไม่อายเสียจริง”

เล่อเหยาเหยามักเขินอายเมื่อถูกคนล่วงรู้ความในใจ จึงพูดจาตะกุกตะกัก

ทว่าใบหน้าจิ้มลิ้มกลับก้มต่ำลง ไม่รู้เขินอายหรือเพราะเหตุใด

แต่ทันใดนั้น กลับมีนิ้วเรียวยาวจับคางเธอเชิดขึ้นมา

ด้วยแรงของนิ้วนั้น ดวงตาคู่งามแฝงความเขินอายของเล่อเหยาเหยาสบเข้ากับดวงตาเย็นชามืดมิดดุจยามราตรีคู่นั้นอย่างช้าๆ ประหลาดใจและดีใจที่ค่อยๆ เห็นความตกตะลึงในแววตาของชายหนุ่ม

เพราะความงดงามของตนสามารถทำให้ชายคนรักชื่นชอบได้ ถือเป็นเรื่องที่ทำให้คนมากมายรู้สึกตื่นเต้นและภาคภูมิใจ

ตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยาที่ดีใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อยู่ตรงข้ามกลับตกตะลึงทั้งหัวใจและดวงตา

“สวรรค์ เหยาเหยา เจ้างามยิ่งนัก”

งดงามจนทำให้เขาหัวใจเต้น!

เห็นเพียงหญิงสาวตรงหน้า หน้าตางดงามราวภาพวาด ดวงตาชุ่มฉ่ำ โดดเด่นเหนือผู้ใดอย่างชัดเจน!

และบุคลิกสดใสที่ออกมาจากตัวเธอดุจเทพเซียนที่หลงผิดเข้ามาในโลกมนุษย์ ลงมาคลุกคลีกับเรื่องทางโลกนั้น ทำให้คนสงสารและชื่นชอบ

และเพียงนึกถึงว่าหญิงสาวตรงหน้านี้ เป็นผู้หญิงของเขา ใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ตื่นเต้นขึ้นมา

และไม่สนใจว่าด้านหลังมีคนอยู่ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก้มหน้าลงอย่างลืมตัว ก่อนจุมพิตสาวน้อยตรงหน้าที่ทำให้เขาใจเต้นไม่หยุดอย่างดูดดื่ม

[1] คำเปรียบเปรยถึงสาวงามเยี่ยมยอดที่สุดสี่คนของจีน ได้แก่ ไซซี หวังเจาจวินเตียวเสี้ยน และหยางกุ้ยเฟย

Next

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Status: Ongoing
เมื่อเด็กสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดข้ามเวลามายุคโบราณ อยู่ในร่างขันทีที่เป็นสตรีปลอมตัวมา ทว่าต้องปรนนิบัติพญายมผู้เกลียดชังผู้หญิงยิ่งกว่าสิ่งใด… งานนี้จะมี ‘รัก’ หรือมี ‘รอด’ กันนะ!นิยายแปลจีนโบราณ โรแมนติก-คอเมดี้ สุดฟิน จิกหมอนไปขำไป!จู่ๆ ‘เล่อเหยาเหยา’ เด็กสาวที่ข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดฟื้นขึ้นมาในร่างของผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นขันที ใช้ชีวิตอยู่ในยุคเทียนหยวนที่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์แถมยังได้รับหน้าที่ปรนนิบัติ ‘เหลิ่งจวิ้นอวี๋’ ท่านอ๋องแห่งวังรุ๋ยอ๋องผู้ที่อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แย้มยิ้มสนทนาขณะสังหารคนโดยไม่กะพริบตา จนทุกคนต่างขนานว่า ‘พญายม’ทั้งยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า รุ่ยอ๋องคนนี้เกลียดชังผู้หญิง ชนิดที่ห้ามผู้หญิงเข้าใกล้เกินห้าก้าว!ทว่า วันหนึ่งพญายมเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมาเธอจะทำเช่นไร เพื่อรักษาชีวิต และความลับที่ว่าแท้จริงแล้วเธอคือ ‘ผู้หญิง’…รวมไปถึง เรื่องที่จู่ๆ ผู้หญิงในร่างขันทีน้อยคนนี้เกิดตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิดได้เสียนี่!สวรรค์! ได้โปรดให้ฟ้าผ่าแล้วพาเธอกลับไปโลกเดิมที!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท