พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาทั้งดีใจและกังวลใจ แต่เธอไม่กล้าไปจากที่นี่
สถานที่ที่อันตรายที่สุดคือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด
เมื่อครู่พวกหงหลัวชางมาที่นี่ เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ทราบว่าเธอซ่อนตัวอยู่ใต้ตาของพวกเขาแน่นอน
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาจึงดีใจ
ตอนนี้เธอเพียงอดทนรอให้อวี๋มาช่วยเธอเพียงพอแล้ว
แม้ที่นี่จะหนาวเหน็บก็ตาม
จากนั้นตรวจสอบเสื้อคลุมบนกายครู่หนึ่ง เพื่อให้มันปิดบังร่างกายของตนเอาไว้อย่างมิดชิด
แม้จะมีคนผ่านมาที่นี่ เพราะเธอเข้าใจว่า คนอื่นยากที่จะรับรู้ถึงการมีตัวตนของเธอ
ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงรอคอยตลอดเวลา
แต่หลังเวลาผ่านไปเรื่อยๆ มีเสียงอาวุธปะทะกันดังเข้ามาไม่หยุด หัวใจของเล่อเหยาเหยาเริ่มรู้สึกไม่สบายขึ้นมา
เพราะแม้พญายมจะเป็นเหมือนดุจเทพเซียน แต่ความจริงเขาเป็นแค่เพียงคนธรรมดาเท่านั้น
เขามีชีวิตเลือดเนื้อ และเขาก็บาดเจ็บได้!
แม้เขาจะวรยุทธ์สูงส่ง มีกองกำลังไม่น้อย แต่กองกำลังของลัทธินอกรีตก็ไม่ได้อ่อนด้อย หากเขาไม่ระวังจนบาดเจ็บขึ้นมาจะทำเช่นไร!
หากเขาเสียชีวิตจะทำเช่นไร!
เล่อเหยาเหยายิ่งคิด ในใจยิ่งวิตกกังวล
เธออยากไปจากที่นี่ เพราะหมอบซ่อนตัวรออยู่ที่นี่ ช่างยาวนานเหลือเกิน!
เธออยากออกไปดูว่าอวี๋บาดเจ็บหรือไม่ ดูว่าสถานการณ์ด้านนอกเป็นเช่นไร
แต่เธอกลับกลัว หากตนออกไป จะเป็นเพียงตัวถ่วงของอวี๋
สวรรค์ ตอนนี้เธอควรทำเช่นไร!
ขณะเล่อเหยาเหยาร้อนใจดุจไฟและวิตกกังวล พลันมีเสียงคุ้นหูดังขึ้นมา
“ซินเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่ใด ซินเอ๋อร์!”
เป็นเขา ซือมู่หาน!
เมื่อได้ยินเสียงเรียกที่ร้อนรนนี้ เล่อเหยาเหยาพลันตกใจ จนแทบตะโกนออกมา โชคดีที่เธอใช้มือปิดปากไว้ได้ทันเวลา
ขณะในใจกลับสงสัย เหตุใดซือมู่หานจึงอยู่ที่นี่!
ด้านนอกยังต่อสู้กันดุจไฟกำลังโหมไหม้มิใช่หรือ เหตุใดเขายังมีเวลามาตามหาเธอ!
ขณะเล่อเหยาเหยาสงสัยในใจ ถัดมามีเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ในใจเธอเกิดเสียง ‘ตูม’ ดังขึ้น คล้ายกับมีบางสิ่งกระแทกอย่างรุนแรง
“ซือมู่หาน เจ้าคิดหนีไปที่ใด รีบคืนเหยาเหยามาให้ข้า!”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยดุดันมีเสน่ห์ บนโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นคือ…
เหลิ่งจวิ้นอวี๋!
ในที่สุดอวี๋ของเธอก็มาแล้ว!
เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาบีบแน่น สองมืออดจิกปกเสื้อของตนไม่ได้ หัวใจแทบกระดอนออกมาจากอก
ทันใดนั้น ดวงตาคู่งามที่เต็มไปด้วยความดีใจเฝ้าคอย มองผ่านกิ่งก้านของต้นดอกเหมยไปด้านนอกอย่างช้าๆ ในที่สุดก็เห็นชายสองคนยืนอยู่ด้านนอกทุ่งดอกเหมยชัดเจน
เห็นเพียงซือมู่หาน สวมชุดสีแดงทั้งตัว คิ้วยาวดุจลำไผ่ ดวงตาหงส์เย็นยะเยือก ใบหน้าประณีตนั้นงดงามกว่าหญิงสาวเสียจริง
เขามีรูปร่างสูงใหญ่ สูงกว่าหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร เสื้อคลุมสีแดงนั้นปลิวไสวไปตามสายลมเย็นที่พัดผ่าน ผมยาวพริ้วไหว สง่างามโดดเด่นดุจเทพเซียน!
แม้ชายหนุ่มที่เผชิญหน้าจะเป็นพญายมที่สังหารคนราวผักปลา เขาไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว เพราะตรงข้ามกับพญายม เขาก็คือปีศาจเต็มตัว!
และที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับซือมู่หาน คือเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่สวมชุดดำ
เห็นเพียงวันนี้เหลิ่งจวิ้นอวี๋สวมเสื้อคลุมหมางผาวสีดำ คาดเข็มขัดหยก สวมรองเท้าสีดำ มวยผมด้วยกวนหยก ทำให้ใบหน้าเด็ดเดี่ยวของเขา ดูงดงามเย็นชายิ่งขึ้น!
เวลานี้ดวงตาเย็นชา เย็นยะเยือกลึกล้ำคู่นั้นของเขา จ้องมองยังซือมู่หานด้วยสายตาคมกริบดุจกระบี่ ราวกับต้องการทิ่มแทงซือมู่หาน
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยืนนิ่งไม่ขยับตัวอยู่ตรงนั้น แต่กลิ่นอายสูงส่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด และหน้าตาดุดันน่าเกรงขามนั้น มีเพียงชนชั้นสูงที่เหนือกว่าทุกคนบนโลกนี้เท่านั้นถึงจะมีได้!
เมื่อเห็นชายหนุ่มสองคนปรากฎตัวขึ้นในสายตา เล่อเหยาเหยาพลันพบว่าชายหนุ่มสองคนที่ไม่ว่ากลิ่นอายและรูปโฉมต่างพอฟัดพอเหวี่ยงกันนั้น คล้ายกับราชสีห์สองตัวที่กำลังคุมเชิงกันอยู่อย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กัน
ขณะเล่อเหยาเหยากำลังคิดในใจ พลันได้ยินคำพูดเย็นชาดูถูกดูแคลนดังขึ้น
“ผู้ใดคิดหนี เจ้ากำลังพูดเรื่องขบขันอยู่หรือ ที่นี่ไม่มีเหยาเหยาของเจ้า เจ้ามาผิดที่แล้ว!”
“ซือมู่หาน เจ้ายังคิดเล่นลิ้นอีกหรือ คู่หมั้นของข้าถูกคนของเจ้าลักพาตัวมา ตามเหตุผลเจ้าควรส่งตัวคนออกมา แล้วข้าจะให้เจ้าตายโดยศพครบส่วน!”
น้ำเสียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋เย็นชา กลิ่นอายดุดันนั้น ทำให้เขาดูคล้ายพญายมที่ขึ้นมาจากนรกขุมที่สิบแปดน่าหวาดกลัว!
แต่ซือมู่หานก็ไม่ใช่คนน่ายั่วโมโห หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ กลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา
“ฮ่าๆ รุ่ยอ๋อง ท่านช่างพูดจาโอหังยิ่งนัก จะเหลือซากศพของข้า คำพูดนี้ควรเป็นข้าพูดกับท่านมากกว่ากระมัง!”
เมื่อได้ยิน เหลิ่งจวิ้นอวี๋หรี่ดวงตาเย็นชาลง แววตาปรากฎประกายไอสังหาร เย็นชาดุจหิมะ และไอสังหารนั้นพบได้ยาก เพราะนั่นคือไอสังหารโหดเหี้ยมที่เกิดขึ้นหลังจากสงครามการเข่นฆ่า ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน!
แต่สำหรับแววตาที่มีไอสังหารของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ไม่ได้ทำให้ซือมู่หานเกรงกลัว
ใบหน้าโดดเด่นนั้นแม้กำลังยิ้มแย้ม แต่รอยยิ้มกลับไม่ถึงก้นบึ้งของดวงตา
ดวงตาหงส์งดงามนั้นไร้ความรู้สึก สายตาลึกล้ำเย็นชา ดุจสระน้ำแข็งที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง!
ดวงตาเย็นชาสบกับดวงตาหงส์ ปะทะซึ่งกันและกัน ประกายไฟกระจายทั่วทิศ กลิ่นอายสยดสยอง!
ชายหนุ่มที่ต่างโดดเด่นสองคนนี้ บนกายล้อมรอบด้วยไอสังหาร ทำให้เล่อเหยาเหยาที่แอบลอบมองอยู่ด้านข้างใต้ต้นเหมย อดกังวลในใจไม่ได้
สองมือกำชายเสื้อแน่นจนยับย่น เพราะกังวลเกินไป
แต่ทันใดนั้น เมฆบนท้องฟ้าค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาบดบังพระจันทร์กระจ่างใสไว้จนมิด จนไร้แสงสว่าง
สายลมเย็นหวีดพัดผ่านมา แฝงไปด้วยความเย็นที่ทำให้คนหนาวสั่น
พัดผ่านดอกเหมยบนต้นให้ร่วงหล่นลงมา ร่วงลงบนพื้นหิมะอย่างช้าๆ จนเกิดเสียง ‘เปาะแปะ’ แผ่วเบาขึ้น
เมื่อดอกเหมยร่วงหล่น เห็นเพียงดวงตาเย็นชาสองดวงพลันมืดมิด เสียง ‘เคร้ง’ ดังขึ้น พร้อมกระบี่ถูกชักออกจากฝัก เกิดแสงรุ่งโรจน์เรืองรอง
เล่อเหยาเหยาไม่เข้าใจวรยุทธ์ แต่กลับมองอย่างกังวล
เห็นเพียงร่างสีแดงและสีดำต่างพัวพันกันไม่หยุดอยู่ในทุ่งดอกเหมย
เห็นเหลิ้งจวิ้นอวี๋เคลื่อนไหวรวดเร็วปานลมกรด กระบวนท่ากระบี่ดุจสายฟ้า อาภรณ์ปลิวไสว หมายสังหาร
เขาโจมตีอย่างรวดเร็ว เพลงกระบี่ต่อเนื่อง ปลายกระบี่แวววาว เงากระบี่นั้น มองนานจนทำให้คนรู้สึกเวียนหัว
ตรงข้ามกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เห็นเพียงเงาร่างเร่งร้อนของซือมู่หาน ท่าทางแปลกประหลาด กระบี่ดุจมังกรคะนอง คล่องแคล่วสง่างาม ทุกกระบวนท่า บีบบังคับไล่ต้อน!
ทันใดนั้น สองคนเผชิญหน้ากัน ได้ยินเพียงเสียงปะทะของอาวุธดังกังวาน
การเผชิญหน้าของยอดฝีมือ ย่อมไม่ธรรมดา
เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงทุ่งดอกเหมยที่เงียบสงบ มีลมหนาวพัดกระหน่ำเข้ามา จนต้นเหมยเอนเอียงไม่หยุด
ดอกเหมยนั้นไม่อาจต้านทานพายุลมที่โหมกระหน่ำนี้ได้ จึงร่วงโรยปลิวลงมา
กลีบดอกสีชมพู สีขาวนั้นต่างปลิวตกลงมาตามการต่อสู้ของทั้งสองคน
หากไม่ใช่เพราะการเข่นฆ่าของสองคนตรงหน้านี้ คงไม่ต้องสูญเสียทิวทัศน์อันสวยงามนี้ไป
แต่เมื่อเห็นทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดภายในทุ่งดอกเหมย เล่อเหยาเหยากังวลจนใจเต้นระรัว
บนหน้าผากอิ่มนั้น ก็มีเหงื่อผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่เธอกลับไม่สนใจที่จะเช็ดมันออก
เพราะชายหนุ่มสองคนตรงหน้า ไม่ว่าผู้ใดบาดเจ็บ เธอล้วนหวาดกลัวและกังวล
และไม่อยากเห็นพวกเขาคนใดคนหนึ่งเสียชีวิต
เพราะคนหนึ่งคือชายที่เธอรักที่สุด คือคู่หมั้นของเธอ เป็นชายที่เธอจะอภิเษกด้วย เป็นบิดาของลูกในครรภ์ ดังนั้นจึงไม่อยากให้เขาบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเด็ดขาด
ส่วนอีกคน แม้จะรู้จักกับเขาได้ไม่นาน และความโหดเหี้ยมของเขาทำให้เธอหวาดกลัว แต่พอนึกถึงความรักลุ่มหลงที่เขามีต่อภรรยา และรอยยิ้มดุจเด็กน้อยของเขา เธอไม่อยากให้เขาเสียชีวิต
ดังนั้นตอนนี้เมื่อเห็นชายทั้งสองต่อสู้กันราวต้องตายกันไปข้างหนึ่ง เล่อเหยาเหยามองอยู่ด้านข้างอย่างอกสั่นขวัญแขวนและไม่สบายใจ
เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า เล่อเหยาเหยาไม่รู้ว่าทั้งสองคนตรงนั้นจะต่อสู้กันนานเพียงใด เธอรู้เพียงสุดท้ายได้ยินเสียงกระบี่คมกริบบาดลึกในร่างกายเกิดขึ้น
สองคนที่ต่อสู้พัวพันกันอย่างดุเดือด พลันต่างหยุดการเคลื่อนไหวลง ก่อนยืนหันหลังให้กันอยู่ตรงนั้น
เมื่อทั้งสองต่างหยุดการเคลื่อนไหว เล่อเหยาเหยาที่หมอบอยู่ใต้ต้นเหมย แม้จะไม่รู้วรยุทธ์ แต่เพียงมองท่าทางของทั้งสองฝ่าย ก็รู้ว่าการต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าทั้งสองคนจะเป็นเช่นไร ผู้ใดบาดเจ็บ หรือผู้ใดเสียชีวิต
พอนึกถึงว่าหนึ่งในนั้นต้องตาย ใจเล่อเหยาเหยาบีบแน่น คล้ายกับมีคนใช้มีดจ้วงแทงลงไปในหัวใจของเธออย่างรุนแรง
ในที่สุดเล่อเหยาเหยาทนไม่ไหวอีกต่อไป พลันลุกขึ้นยืนอยู่ใต้ต้นเหมย จากนั้นรีบร้อนออกไปด้านนอก
“อวี๋”
“เหยาเหยาเป็นเจ้า เป็นเจ้าจริงๆ!”
เมื่อได้ยินเสียงของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ยืนเงียบอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเย็นชาพลันเบิกตากว้าง แววตาแฝงด้วยความไม่เชื่อสายตาและตกใจ
ตรงข้ามกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ซือมู่หานนั้น เมื่อเห็นเงาร่างเล็กบอบบางของเล่อเหยาเหยาพุ่งออกมาจากทุ่งดอกเหมย ดวงตาหงส์คู่งามนั้นก็เบิกกว้างเช่นกัน แววตาปรากฎความดีใจออกมา
แต่ความดีใจนี้ ไม่นานถูกแทนที่ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
เพราะเล่อเหยาเหยาพุ่งไปที่ข้างกายเหลิ่งจวิ้นอวี๋
เงาร่างขาวโพลนที่อาภรณ์ปลิวไสวนั้น ทำให้เธอดุจผีเสื้อสีขาวตัวหนึ่งที่สวยงาม
แต่ความสวยงามของเธอ กลับไม่ได้เบ่งบานเพื่อตน
พอคิดถึงตรงนี้ ซือมู่หานเจ็บปวดในใจ ราวกับหัวใจของเขาถูกคนใช้มือควักออกมา ทำให้เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิต!
จากนั้นซือมู่หานรู้สึกเพียงกลิ่นคาวทะลักขึ้นมาในลำคอ ทันใดนั้นเกิดเสียง ‘อัก’ ดังขึ้น พร้อมกับเลือดที่ถูกพ่นออกมาจากปากของเขา
เล่อเหยาเหยาที่กำลังวิ่งไปที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ เมื่อเห็นความผิดปกติของซือมู่หานพลันตกใจ
เมื่อเห็นหยดเลือดกระจายดุจดอกไม้ไฟ อาบหิมะด้านหน้าของชายหนุ่มชุดแดงจนแดงก่ำ เข้ากับเสื้อสีแดงงดงามนั้นของเขา และใบหน้าซีดขาวกว่าปกติ ทำให้เขาดูงดงามเช่นนี้
แต่เพราะงดงามเกินไป จึงแสดงให้เห็นชัดว่าไม่ใช่ของจริง
โดยเฉพาะผิวแทบโปร่งใสนั้น ทำให้เขาคล้ายพร้อมจะหายไปได้ทุกเมื่อ
เล่อเหยาเหยาเพียงเห็นก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ต้องพูดว่าเวลานี้เธอรู้สึกสงสารเห็นใจชายผู้นี้
ขณะเล่อเหยาเหยาหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างเหลิ่งจวิ้นอวี๋และซือมู่หาน ซือมู่หานที่มีสีหน้าโศกเศร้าเสียใจ หลังรับรู้ถึงสายตาของเล่อเหยาเหยามองมาที่ตน ดวงตาหงส์ปรากฎความดีใจขึ้นมา ท่าทางดีใจนั้นดูเด่นชัดกว่ารอยเลือดสีแดงตรงมุมปากของเขา
เขาเช่นนี้ ดูแล้วช่างงดงาม ทว่ากลับเปราะบาง
ดุจลูกแก้วที่ง่ายต่อการแตกหัก
“ซินเอ๋อร์ เจ้ายังเป็นห่วงข้า ใช่หรือไม่ คนที่เจ้ารักคือข้าใช่หรือไม่ ซินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาอยู่ข้างกายข้าเถิด ข้าจะรักเจ้าถนอมเจ้าเป็นอย่างดี!”
สายตามองเล่อเหยาเหยาด้วยความรักที่ลึกซึ้ง ก่อนซือมู่หานจะเอ่ยปากอ้อนวอนอย่างอ่อนโยน
เมื่อได้ยินคำพูดของซือมู่หาน เล่อเหยาเหยาเพียงเม้มริมฝีปากแดงชั่วครู่ พร้อมดวงตาคู่งามมองเหลิ่งจวิ้นอวี๋ทางด้านซ้าย ก่อนมองซือมู่หานที่อยู่ด้านขวา สุดท้ายเดินไปทางเหลิ่งจวิ้นอวี๋อย่างตัดใจ
ซือมู่หานเห็น พลันขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
หยดเลือดนั้น สาดลงไปทั่วพื้นไม่หยุด ทำให้พื้นหิมะที่ขาวโพลนเปื้อนไปด้วยดอกเหมยสีแดงอย่างงดงาม ทว่ากลับทำให้คนมองเห็นอกสั่นขวัญแขวน
เมื่อซือมู่หานกระอักเลือดอีกครั้ง ร่างกายสูงใหญ่นั้นของเขาเอนเอียงไม่หยุดชั่วขณะ ก่อนล้มลงไป
เล่อเหยาเหยามองอย่างกังวลในใจ
ก่อนอดใจหยุดฝีเท้าลงไม่ได้
เพราะซือมู่หานตอนนี้ ดูแล้วน่าสงสารยิ่งนัก
แต่ขณะที่เล่อเหยาเหยาสงสารซือมู่หานในใจ หางตาก็เหลือบเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อยู่ด้านซ้ายมือพลันล้มลง เล่อเหยาเหยาตกใจกรีดร้องออกมา ก่อนหมุนเท้าพุ่งเข้าไปหาเหลิ่งจวิ้นอวี๋
แม้สุดท้ายเธอจะรับตัวเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไว้ได้ทัน แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋หนักเกินไป ร่างกายเล็กของเธอจะต้านทานได้เช่นไร สุดท้ายพวกเขาสองคนต่างล้มลงบนพื้น
ทว่าช่วงสุดท้ายก่อนที่จะล้มถึงพื้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยังใช้ร่างกายตนเป็นเบาะรองเล่อเหยาเหยาปกป้องไว้ ไม่ให้เธอได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว
แม้เล่อเหยาเหยาจะปลอดภัย แต่ช่วงที่เธอล้มลง หูพลันได้ยินเสียงเจ็บปวดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ดังขึ้นมา
เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาพลันตกใจ และรู้สึกว่าฝ่ามือตนร้อนผ่าว คล้ายกับจับโดนของเหลวที่อุ่นร้อนบางอย่าง
พลันตกใจ ก้มลงมอง เลือดสดๆ บนฝ่ามือของเธอนั้น ช่างบาดตาเธอเหลือเกิน!