สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 203 ครอบครัวสามคน (1)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

เล่อเหยาเหยาตะลึงงัน ในใจคล้ายเข้าใจบางสิ่ง ก่อนสับสน

ขณะเล่อเหยาเหยาตกตะลึง กลับไม่รู้ตัวว่าชายชุดดำที่โอบกอดเธอ เพียงได้สัมผัสร่างของเธอ ร่างกายพลันสั่นไหว คล้ายถูกไฟดูด

ดวงตาที่ซ่อนอยู่ในผ้าโปร่งสีดำ ปรากฎความลุ่มหลง เศร้าเสียใจ สับสนอย่างหนักขึ้นมา

แม้จะเป็นเช่นนี้ ชายหนุ่มยังจับตัวเล่อเหยาเหยาไว้อย่างมั่นคงอยู่ด้านหลัง ก่อนชักมือกลับอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองคนที่สูญเสียความอบอุ่นนี้ ต่างรู้สึกผิดหวังในใจ

ทว่าสุดท้ายชายชุดดำได้สติกลับมาแล้ว ล้วงเงินออกมาวางบนโต๊ะ ก่อนคิดจากไป

เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น ในใจตื่นตระหนกอย่างไร้เหตุผล พลันยื่นมือออกไปดึงมือใหญ่ของชายหนุ่มไว้แน่นทันที

สำหรับการกระทำนี้ของเล่อเหยาเหยา เล่อเหยาเหยาและชายหนุ่มต่างตกตะลึงชั่วขณะ

เล่อเหยาเหยาขณะดึงมือชายหนุ่มไว้ จึงรู้ตัวว่าตนทำเรื่องใดอยู่

ทันใดนั้นใบหน้าจิ้มลิ้มจึงเก้อเขิน

บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยดน้ำตาแวววาวของเธอ เวลานี้บนสองแก้มแดงก่ำ ทำให้เธอดูคล้ายดอกบัวกลางหมอกยามเช้า สง่างามโดดเด่น งดงามล้ำเลิศ!

สตรีที่สง่างามโดดเด่น เพียงพอให้ชายหญิงทั่วใต้หล้าลุ่มหลงเช่นนี้

หากชายอื่นถูกหญิงสาวตรงหน้าดึงตัวไว้ ต้องปลาบปลื้มดีใจมากแน่นอน

แต่ชายหนุ่มชุดดำเพียงตะลึงเล็กน้อย เมื่อพลันได้สติกลับมาจึงทำสิ่งที่ทำให้เล่อเหยาเหยาแปลกใจออกมา นั่นคือ…

สะบัดมือเล่อเหยาเหยาอย่างรุนแรง!

ทันทีทีมือถูกสะบัดออก เล่อเหยาเหยาได้ยินเสียงคล้ายมีบางสิ่งแตกละเอียดดังขึ้น

ดวงตาคู่งามเบิกกว้างอย่างตกตะลึง สุดท้ายรู้สึกเศร้าเสียใจ ก่อนมองไปยังชายหนุ่มอย่างช้าๆ

หากเขาคืออวี๋จริง เหตุใดจึงผลักมือเธอออกอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้!

หรือเขาไม่ใช่อวี๋จริงๆ ดังนั้นจึงสะบัดมืออย่างรุนแรงเช่นนี้!

แต่หากเขาไม่ใช่อวี๋จริง เหตุใดบนกายเขาจึงให้ความรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้แก่เธอ ไม่ว่ารูปลักษณ์ภายนอก กลิ่นอาย ความรู้สึกต่างคุ้นเคยขนาดนี้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือเอกลักษณ์ของอวี๋

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาสับสันมึนงง ในใจยุ่งเหยิง

สุดท้ายหลังเธอได้สติ ได้ยินเสียงแหบพร่าแปลกหูของชายหนุ่มดังขึ้น

“ขออภัย ข้าไม่ชอบให้ผู้ใดสัมผัสกาย”

แม้จะเป็นคำขอโทษ แต่ยังแฝงด้วยการต่อต้านปฏิเสธผู้คนให้ออกห่าง

เมื่อได้ยิน ร่างกายเล่อเหยาเหยาคล้ายพลันตกจากสวรรค์สู่นรกที่ไม่สามารถปีนขึ้นมาได้อีก

เขาไม่ใช่อวี๋จริงๆ

“คนที่ควรเอ่ยขออภัยคือข้า ข้า เมื่อครู่วู่วามเกินไป”

เล่อเหยาเหยาหลุบสายตาลง ขนตาทั้งยาวและหนานั้นจึงพับลง ทำให้ดวงตาแฝงด้วยน้ำตาเปล่งประกาย ถูกความผิดหวังปกคลุมไว้ทั้งหมด

แต่จากน้ำเสียงแหบแห้งของเธอ ก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเศร้าเสียใจและผิดหวังของเธอ

เมื่อมองหญิงสาวน่าสงสารตรงหน้า

เห็นชัดว่าเธออ่อนช้อยงดงาม ทำให้ผู้คนอยากเข้าไปโอบกอดเธอ กำบังลมฝน ต้านทานแผ่นฟ้าพื้นดินให้เธอ

แต่ทั้งหมดนี้ผู้ใดจะสามารถทำให้แก่เธอได้ เพราะเขาในตอนนี้กลับทำไม่ได้

พอคิดถึงตรงนี้ สองมือของชายหนุ่มชุดดำอดกำแน่นเป็นหมัดไม่ได้ ห้านิ้วเบียดแน่น เล็กจิกเข้าไปในฝ่ามือ ทว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บปวด

และเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยาไม่รับรู้แม้แต่น้อย

เพราะเธอเวลานี้กำลังตกอยู่ในภวังค์ของความผิดหวัง

จากหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งที่เห็นชายหนุ่มผู้นี้ เธอมั่นใจมาตลอดว่าชายผู้นี้คืออวี๋ไม่ผิดแน่ ดังนั้นเธอจึงออกจากหมู่บ้าน วางแผนออกตามหาอวี๋

ผู้ใดจะรู้ชายผู้นี้คือคนที่เธอเห็น แต่เขากลับไม่ใช่อวี๋

แม้รูปลักษณ์ภายนอก บุคลิก กลิ่นกาย แม้กระทั่งอ้อมกอดอันอบอุ่นนั้น คล้ายคลึงกับอวี๋อย่างน่าตายนัก

แต่หากเป็นอวี๋ คงไม่สะบัดมือเธอออกอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้

เล่อเหยาเหยากลั้นความขมขื่นในใจเอาไว้ แต่น้ำตาภายในดวงตายังไหลรินออกมาอย่างหยุดไม่ได้

“ขออภัย”

เมื่อเห็นตนน้ำตาไหลอีกครั้งอย่างน่าผิดหวัง เล่อเหยาเหยายื่นมือปิดปาก ก่อนใช้อีกมือจับจูงเหลิ่งอวี้เซวียนที่อยู่ด้านข้างรีบร้อนหมุนตัวจากไป

เธอเวลานี้เศร้าโศกเสียใจ

เธอเพียงอยากหาสถานที่รักษาแผลใจ

เล่อเหยาเหยาเพียงต้องการออกจากสถานที่เศร้าโศกนี้ โดยไม่รู้ตัวว่าเพียงเธอหมุนตัวไป ชายหนุ่มด้านหลังอดก้าวเข้าไปคิดยื่นมือใหญ่นั้นออกไป

คล้ายคิดเหนี่ยวรั้งบางอย่าง แต่สุดท้ายกลับหยุดชะงักกลางอากาศ

“เสด็จแม่ อย่าร้องไห้อีกเลยนะ เซวียนเอ๋อร์ไม่อยากเห็นเสด็จแม่ร้องไห้อีก”

หลังกลับถึงห้องพัก เห็นเล่อเหยาเหยาร้องไห้เสียใจไม่หยุดเช่นเดิม เหลิ่งอวี้เซวียนที่ยังเด็กจึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ แต่เมื่อเห็นมารดาตนร้องไห้อย่างน่าสงสาร ในใจก็รู้สึกทรมาน

ดังนั้นจึงอดยื่นมือเล็กขาวนุ่มออกไปดึงมือเล่อเหยาเหยา ก่อนเอ่ยอ้อนวอนขึ้นไม่ได้

ใบหน้าเล็กอันประณีต ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาอ้อนวอนนั้น ช่างน่ารักจับใจ แต่กลับคล้ายคลึงกับบางคนอย่างน่าตายนัก ทั้งหมดนี้ราวกับคือฉบับย่อของเขา

เห็นเช่นนั้นเล่อเหยาเหยาที่ร้องไห้เสียใจ เจ็บปวดในใจโอบกอดคนตัวเล็กนี้ไว้แน่นทันที ก่อนอดกลั้นความคิดถึง ความเศร้าโศกไว้ไม่ได้ ร้องไห้อย่างน่าสงสารออกมา

“อวี๋ อวี๋ ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก คิดถึงท่านเสียจริง”

เสียงร้องไห้เต็มไปด้วยน้ำตาและความขมขื่น จนแทบขาดใจของเล่อเหยาเหยา ทำให้คนที่ได้ยินน้ำตาไหล

เหลิ่งอวี้เซวียนที่ถูกเล่อเหยาเหยาโอบกอด แม้จะไม่รู้ว่าอวี๋คือผู้ใด แต่เมื่อเห็นมารดาตนร้องไห้เสียใจเช่นนี้ ดวงตาก็เปียกชื้นขึ้น

แต่เขายังพยายามสูดจมูก จากนั้นทำตัวคล้ายเป็นผู้ใหญ่ ยื่นมือเล็กออกมาตบบนไหล่ของเล่อเหยาเหยา ก่อนเอ่ยปลอบใจว่า

“เสด็จแม่อย่าร้องไห้อีกเลย เด็กดี หากท่านไม่สบายใจก็บอกแก่เซวียนเอ๋อร์ หากมีคนรังแกท่าน เซวียนเอ๋อร์จะช่วยท่านแก้แค้นเอง!”

เสียงของเหลิ่งอวี้เซวียนดูอ้อแอ้ แต่อารมณ์บนใบหน้าเล็กที่แสดงออกมา ดูคล้ายกับมีคนรังแกลูกสาวสุดที่รักของเขา ก่อนที่เขากำลังจะไปคิดบัญชี

เล่อเหยาเหยาที่ร้องไห้ปานขาดใจ เมื่อเห็นท่าทางแก่แดดของบุตรชายตน เปลี่ยนแปลงลำดับชั้นอาวุโสของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง

นี่ตอนนี้ผู้ใดคือมารดา ผู้ใดคือบุตรชายกันแน่!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาที่เสียใจ อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ และทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกขบขัน

“เสด็จแม่ไม่ร้องก็ดีแล้ว เด็กดี เซวียนเอ๋อร์จะอยู่ข้างกายท่านไปตลอด ปกป้องท่านจากคนชั่ว!”

แม้ไม่รู้ว่ามารดาตนทั้งร้องไห้และหัวเราะเพราะเหตุใด แต่ตอนนี้มารดายิ้มแล้วก็พอใจ

คำพูดเมื่อครู่ของเหลิ่งอวี้เซวียนไม่ได้พูดอย่างตามใจ

เขาตอนนี้ตั้งมั่นในใจแล้วว่าต้องเติบโตเป็นเด็กดี ฝึกฝนวรยุทธ์ วันหน้าจึงจะสามารถกำจัดคนชั่ว ปกป้องมารดาไม่ให้ถูกรังแกได้

เมื่อเห็นระหว่างคิ้วของเหลิ่งอวี้เซวียนเปี่ยมด้วยความกังวล เล่อเหยาเหยาปลาบปลื้มในใจไม่หยุด

ความเศร้าโศกเสียใจที่มี ยามมองเห็นคนตัวเล็กข้างกาย ค่อยๆ มลายสูญหายไปไม่น้อย

โชคดีที่แม้เธอจะสูญเสียอวี๋ไป แต่ยังมีเซวียนเอ๋อร์อยู่ข้างกายเธอ

ขณะเล่อเหยาเหยาปลาบปลื้มในใจ กลับไม่รู้ว่าขณะเดียวกันห้องที่กำแพงติดกับเธอนั้น

ด้านนอกแสงแดดเจิดจ้า สายลมพัดเอื่อย สาดส่องลงบนกาย ทำให้รู้สึกอบอุ่น

อุณหภูมิเช่นนี้ คล้ายกระทั่งภูเขาน้ำแข็งต่างต้องถูกละลายลงอย่างช้าๆ

แต่อุณหภูมิทั้งหมดบนโลก กลับทำให้ชายหนุ่มชุดดำที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างอบอุ่นไม่ได้

เห็นเพียงชายหนุ่มผู้นั้น คล้ายหินก้อนหนึ่ง ยืนเงียบอยู่ริมหน้าต่างไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว

สายลมเย็นพัดเอื่อยจนชายเสื้อเขาปลิวไสว ผมยาวพริ้วไหว และพัดผ้าคลุมสีดำบนศีรษะของเขาขึ้น ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาดุจสวรรค์รังสรรค์เผยออกมาท่ามกลางแสงอาทิตย์

คิ้วกระบี่ดกดำโค้งงอนดั่งในตำนาน ดวงตาเย็นชาแคบยาวลึกล้ำ จมูกโด่งงามสง่า และริมฝีปากบางที่แม้จะเม้มแน่น ทว่ากลับทำให้คนใจสั่นคู่นั้น

ต้องพูดว่านี่คือใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้สตรีทั่วใต้หล้าต่างใจเต้น

และรูปร่างสูงใหญ่ ไหล่กว้างเอวคอด สองขายาวตรงนั้น ราวกับรูปร่างของนายแบบ

แม้ชายหนุ่มเพียงยืนเงียบอยู่ตรงนั้น แต่ความเย็นชาที่กระจายออกมาจากกายเขา ทำให้ดุจพญายมที่เดินขึ้นมาจากนรกขุมที่สิบแปด ทำให้ผู้คนสั่นเทิ้มหวาดผวา

และชายหนุ่มที่หล่อเหลาและเย็นชานี้ ไม่ใช่ผู้ใด แต่คือเหลิ่งจวิ้นอวี้ที่เล่อเหยาเหยาละเมอฝันถึง และเวลานี้กำลังร้องไห้จนปานขาดใจนั้น

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Status: Ongoing
เมื่อเด็กสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดข้ามเวลามายุคโบราณ อยู่ในร่างขันทีที่เป็นสตรีปลอมตัวมา ทว่าต้องปรนนิบัติพญายมผู้เกลียดชังผู้หญิงยิ่งกว่าสิ่งใด… งานนี้จะมี ‘รัก’ หรือมี ‘รอด’ กันนะ!นิยายแปลจีนโบราณ โรแมนติก-คอเมดี้ สุดฟิน จิกหมอนไปขำไป!จู่ๆ ‘เล่อเหยาเหยา’ เด็กสาวที่ข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดฟื้นขึ้นมาในร่างของผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นขันที ใช้ชีวิตอยู่ในยุคเทียนหยวนที่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์แถมยังได้รับหน้าที่ปรนนิบัติ ‘เหลิ่งจวิ้นอวี๋’ ท่านอ๋องแห่งวังรุ๋ยอ๋องผู้ที่อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แย้มยิ้มสนทนาขณะสังหารคนโดยไม่กะพริบตา จนทุกคนต่างขนานว่า ‘พญายม’ทั้งยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า รุ่ยอ๋องคนนี้เกลียดชังผู้หญิง ชนิดที่ห้ามผู้หญิงเข้าใกล้เกินห้าก้าว!ทว่า วันหนึ่งพญายมเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมาเธอจะทำเช่นไร เพื่อรักษาชีวิต และความลับที่ว่าแท้จริงแล้วเธอคือ ‘ผู้หญิง’…รวมไปถึง เรื่องที่จู่ๆ ผู้หญิงในร่างขันทีน้อยคนนี้เกิดตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิดได้เสียนี่!สวรรค์! ได้โปรดให้ฟ้าผ่าแล้วพาเธอกลับไปโลกเดิมที!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท