คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 43 พ่ออิ๋งเป็นลูกพี่ที่เก่งรอบด้าน

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

หัวหน้าแผนกอายุรกรรมย่อมรู้จักการรักษาด้วยเข็มทอง

อันที่จริงการรักษาด้วยเข็มทองไม่ถือเป็นการรักษาแผนจีน แต่เป็นการรักษาแบบโบราณ

เป็นการรักษาแบบโบราณโดยการใช้เข็มที่ผู้ใช้จะผสานกำลังภายในเข้าไปในเข็มทองเพื่อเปิดจุดประสาทของคนไข้

แต่ก็มีเพียงจอมยุทธ์โบราณเท่านั้นถึงจะมีกำลังภายในแบบที่ว่านี้ ดังนั้นคนที่รักษาแบบโบราณเป็นย่อมต้องเป็นวิทยายุทธ์แบบโบราณด้วย

แต่คนทั่วไปแทบจะไม่รู้จักการมีอยู่ของโลกการรักษาแบบโบราณและโลกวิทยายุทธ์โบราณ

“อย่าคิดว่าอ่านหนังสือแค่ไม่กี่เล่มก็จะมาทำอวดดีได้นะ” หัวหน้าแผนกอายุรกรรมแสยะยิ้ม “ได้ ต่อให้มีการรักษาด้วยเข็มทองจริง เธอทำเป็นเหรอ”

พอพูดจบตรงหน้าก็เกิดประกายสีทองวาบหนึ่ง

กล่องทรงยาวปรากฏขึ้น ในนั้นมีเข็มทองที่ขนาดไม่เท่ากันวางเรียงราย

อิ๋งจื่อจินหยิบเข็มทองขึ้นมาแล้วเริ่มใช้แอลกอฮอล์ทำการฆ่าเชื้อ

“มีเข็มทองจริงเหรอเนี่ย” หัวหน้าแผนกอายุรกรรมอึ้ง จากนั้นก็พูดขึ้น “ได้ งั้นเธอรักษา”

หมอเจ้าของไข้ช็อคหนัก “หัวหน้า จะทำแบบนี้จริงเหรอ?”

พวกเขาจนปัญญา แล้วเด็กสาวคนเดียวจะทำอะไรได้

“ปล่อยให้เธอรักษา” หัวหน้าแผนกอายุรกรรมส่ายมือ จากนั้นก็พูดขึ้น “ถ้าเธอรักษาได้ ผมจะลาออกทันที”

อย่างไรเสียคนไข้คนนี้ก็หมดทางรักษาแล้ว เขาจะได้ใช้ข้ออ้างนี้ไล่ผู้เชี่ยวชาญที่มีแต่ชื่อคนนี้ออกไป

ไว้ถึงเวลาเธอทำคนไข้ตาย คนที่ถูกเอาเรื่องก็ไม่มีทางเป็นเขาแล้ว

หมอคนอื่นๆ ก็ไม่สะดวกจะพูดอะไร ทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆ

พวกเขามองเด็กสาวหยิบเข็มทองขึ้นมาหนึ่งเล่ม ทิ่มเข้าไปที่จุดเสินถิงบนศีรษะของคนไข้ มองดูด้วยใจหวาดหวั่น

นี่ไม่ใช่การฆ่าคนจริงเหรอ

สายตาของอิ๋งจื่อจินแน่วแน่ ยกมือขึ้นอย่างใจเย็น คราวนี้ปักเข็มทองลงไปพร้อมกันสามเล่ม

มือของเธอรวดเร็วมาก คนนอกแทบมองไม่ทันว่าเธอปักลงไปอย่างไร

จนกระทั่งบนร่างกายของคนไข้มีเข็มทองปักอยู่เต็มเจ็ดเล่ม อิ๋งจื่อจินถึงได้ถอยออกไปหนึ่งก้าว

ภาพที่มองเห็นได้ด้วยตา ทันใดนั้นเข็มทองเจ็ดเล่มก็สั่นเล็กน้อย!

หมอกับพยาบาลเบิกตาโพลงอย่างห้ามไม่ได้

หัวหน้าแผนกอายุรกรรมยังคงมองดูอย่างเย็นชา

สามสิบวินาทีต่อมาเข็มทองก็หยุดสั่น

อิ๋งจื่อจินดึงเข็มทองออกมาฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์แล้วเก็บเข้ากล่อง “เสร็จแล้ว”

“แบบนี้เรียกเสร็จแล้วเหรอ” หัวหน้าแผนกอายุรกรรมชี้คนไข้บนเตียงที่ยังคงหายใจรวยริน พูดอย่างเย็นชา “พูดโกหกหน้าตาเฉย! โทรหาญาติคนไข้หรือยัง”

พยาบาลพูดจาติดๆ ขัดๆ “ทะ โทรแล้วค่ะ”

“ผมจะไปที่ห้องผู้อำนวยการก่อน” หัวหน้าแผนกอายุรกรรมมองนาฬิกาข้อมือ “พวกคุณอยู่ที่นี่…”

ยังไม่ทันพูดจบ

“ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!”

ทันใดนั้นเครื่องวัดคลื่นหัวใจก็ดังขึ้น

พยาบาลตะโกนด้วยความดีใจ “หัวใจเต้น คนไข้หัวใจเต้นแล้วค่ะ!”

หัวหน้าแผนกอายุรกรรมชะงักฝีเท้า หันขวับกลับไปมอง

เห็นภาพคลื่นหัวใจที่เดิมทีแทบจะเป็นเส้นตรงกลับมาเป็นลูกคลื่นอีกครั้ง เหลือเชื่อมาก

ยังไม่ทันที่เขาจะได้สติกลับมาก็ได้ยินเสียงไอด้วยความทรมานของคนไข้

ฟื้นแล้ว!

ทันใดนั้นสายตาของพวกหมอที่มองเด็กสาวก็เปลี่ยนไปทันที

อายุยังน้อยแต่ฝีมือรักษาสูงส่งขนาดนี้เลยเหรอ

หัวหน้าแผนกอายุรกรรมใบหน้าแดงก่ำ

รักษาได้จริงเหรอเนี่ย

งั้นคำพูดของเขาเมื่อกี้ ไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าตัวเองหรอกเหรอ

ราวกับรู้ทันความคิดของเขา อิ๋งจื่อจินเงยหน้าพูด “คุณไม่ต้องลาออก”

อาการหน้าแดงของหัวหน้าแผนกอายุรกรรมลดลงเล็กน้อย น้ำเสียงประชด “ตลก คิดว่าฉันจะลาออกจริงเหรอ”

เขาเป็นกำลังสำคัญของโรงพยาบาลเซ่าเหรินเชียวนะ ถ้าเขาไปแล้ว โรงพยาบาลเซ่าเหรินจะทำไงต่อ

อิ๋งจื่อจินมองเขา “คุณถูกไล่ออกแล้ว”

“ไล่ฉันออกเหรอ” หัวหน้าแผนกอายุรกรรมรู้สึกว่าน่าขำสิ้นดี “เป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญจอมปลอม ฉันไม่ไล่เธอออกก็ดีแค่ไหนแล้ว คิดว่าตัวเองเป็น…”

ยังไม่ทันพูดจบน้ำเสียงร้อนรนก็ดังขึ้น

“คุณหนูอิ๋ง ขอโทษครับๆ พอดีติดธุระที่บ้านเลยมาช้าไปหน่อย อย่าถือสาเลยนะครับ”

พอเห็นคนที่วิ่งเข้ามา หัวหน้าแผนกอายุรกรรมก็พูดต่อไม่ออกสีหน้าตกใจ “ผู้อำนวยการ!”

ผู้อำนวยการไม่สนใจเขา ปาดเหงื่อ โค้งตัวให้เด็กสาว “คุณหนูอิ๋ง รบกวนคุณแล้วจริงๆ ครับ คุณเพิ่งมาก็ต้องมาช่วยพวกเราเก็บกวาดเสียแล้ว”

ในหัวของหัวหน้าแผนกอายุรกรรมมีเสียงดังหึ่งๆ “…”

“ไม่เป็นไรค่ะ” อิ๋งจื่อจินยื่นโทรศัพท์มือถือให้ผู้อำนวยการ “จัดการคนในรายชื่อให้ด้วยค่ะ”

ผู้อำนวยการมองข้อมูลบนโทรศัพท์ สีหน้าเปลี่ยนไปมาก “ได้ครับ ลำบากคุณหนูแล้วครับ ส่งอันนี้ให้ผมได้ไหมครับ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า หยิบโทรศัพท์กลับมาแล้วเดินออกไป

หัวหน้าแผนกอายุรกรรมยังคงตะลึงไม่หาย มีเสียงดังหึ่งๆ ข้างหูอยู่ตลอด

“ไม่มีธุระของพวกคุณแล้ว อย่ามัวแต่ยืนอึ้ง” ผู้อำนวยการโบกมือไล่หมอกับพยาบาล “ไปดูคนไข้”

ภายในห้องคนไข้วุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง

หัวหน้าแผนกอายุรกรรมอ้าปากผุดรอยยิ้ม “ผู้อำนวยการครับ ผู้อำนวยการว่ามันตลกไหมล่ะครับ เธอกล้าบอกจะไล่ผมออก เธอคงไม่รู้ว่าผม…”

“พลั่ก!” โทรศัพท์มือถือถูกปาใส่หน้าของเขา

ผู้อำนวยการตะคอก “ดูเรื่องงามหน้าที่คุณทำสิ!”

หัวหน้าแผนกอายุรกรรมรีบรับไปดู เบิกตาโพลงขึ้นมาทันที หายใจถี่เร็ว “ผู้อำนวยการ ผมไม่ได้…”

บนหน้าจอเป็นรายการเดินบัญชีธนาคาร ยอดเล็กก็หลักแสน ยอดใหญ่ก็หลักล้าน

นี่เป็นบันทึกการฉ้อโกง

“เงินโรงพยาบาลคุณก็กล้าโกงเหรอ” ผู้อำนวยการแสยะยิ้มขัดจังหวะการพูดของเขา “ห้าล้าน แค่นี้ก็พอลากคุณขึ้นศาลได้แล้ว รอหมายศาลได้เลย!”

พูดจบก็เดินออกจากห้องคนไข้โดยไม่หันกลับมามอง

หัวหน้าแผนกอายุรกรรมทรุดตัวลงบนพื้น ใบหน้าซีดเซียว เหงื่อออกไม่หยุด

จบแล้ว ชีวิตเขาจบสิ้นแล้ว

โรงเรียนมัธยมชิงจื้อ ห้องมอห้าทับสิบเก้า

คาบสามวันนี้เป็นวิชาชีววิทยา แต่ออดดังมาแล้วห้านาทีอาจารย์ก็ยังไม่มา

เจียงหรานถีบเก้าอี้ลูกน้องที่อยู่ข้างๆ พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ไปดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น”

ลูกน้องขานรับ รีบออกไปอย่างรวดเร็ว

สามนาทีให้หลังก็กลับมาพร้อมสีหน้าโมโห

“เป็นไง” ซิวอวี่กำลังกันคิ้ว พอได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้น “ปีศาจยายไป๋เข้าโรงพยาบาลเหรอ”

“ไม่ใช่” ลูกน้องเหลือบมองอิ๋งจื่อจินที่นั่งข้างซิวอวี่ พูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ “ปีศาจยายไป๋บอกว่า ตราบใดที่พ่ออิ๋งอยู่ในห้องเรา ก็อย่าหวังจะให้อาจารย์มาสอน”

“…” เกิดความเงียบขึ้นทั้งห้องในชั่วพริบตา

อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้ว “ปีศาจยายไป๋เหรอ”

“ก็คืออาจารย์ชีวะของพวกเรา” ซิวอวี่ทำเสียงจึ๊ “อาจารย์คนนี้ปากจัด พวกเราเลยเรียกแบบนี้ แต่ว่าพ่ออิ๋ง เธอไปล่วงเกินอาจารย์คนนี้มาเหรอ”

อิ๋งจื่อจินพลิกหน้าหนังสือ “ไม่เคยรู้จัก”

ซิวอวี่ลูบคาง “งั้นก็น่าแปลก แล้วอาจารย์จะตั้งแง่ใส่เธอทำไม”

“ไม่มาสอนก็ให้ไสหัวออกไปเลย” เจียงหรานแสยะยิ้ม “คิดว่ามีคนอยากเรียนวิชานี้เหรอ”

มีการมาข่มขู่ด้วย

คิดว่าตัวเองเป็นใคร

“แต่ แต่ว่า…” ลูกน้องลำบากใจ “พี่หราน ห้องเราก็มีคนที่ตั้งใจเรียนนะ”

นักเรียนบางคนที่ฐานะขัดสนผลการเรียนธรรมดาล้วนถูกจับยัดเข้ามาในห้องของพวกเขา

เด็กนักเรียนพวกนี้ใช้ชีวิตเสเพลอย่างพวกลูกหลานเศรษฐีไม่ได้

เจียงหรานชะงัก จับขวดน้ำเปล่าแน่น

“ไม่เป็นไรๆ” พอได้ยินแบบนี้พวกนักเรียนที่นั่งอยู่แถวหน้าต่างก็ส่ายมือ พูดอย่างเป็นมิตร “พวกเราไปยืมสมุดจดจากห้องข้างๆ ก็ได้”

“จะได้ยังไง” เจียงหรานขมวดคิ้ว เขาถีบโต๊ะออกปั้นหน้าบึ้งเดินออกไป “ฉันจะไปหาผู้อำนวยการ”

“ไม่ต้องไป” อิ๋งจื่อจินเอากระป๋องโค้กที่ดื่มหมดแล้วโยนลงถังขยะ หยิบหนังสือวิชาเลือกชีววิทยาออกมาจากลิ้นชัก “แค่ชีวะ ฉันสอนพวกเธอเอง”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท