หาไม่พบจริงๆ
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินหลุบลง อยู่ไกลออกไปหน่อย
“ทุกคนดูนะ เขากลับมามีประโยชน์อะไร คุณปู่นอนอยู่ข้างในเป็นตายไม่รู้ เขายังจะโทรคุยเล่นกับผู้หญิงอีก!” พอเห็นแบบนั้นคุณชายรองของตระกูลฟู่ก็แสยะยิ้ม “หรือต้องรอให้เขาจีบสาวเสร็จก่อน คุณปู่ถึงจะฟื้นได้งั้นเหรอ”
ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมผู้เฒ่าฟู่ถึงได้รักหลานชายเสเพลคนนี้นัก
คนตระกูลฟู่ที่รุ่นราวคราวเดียวกับฟู่อวิ๋นเซินมีคนไหนบ้างที่ไม่ยอดเยี่ยม
ยังไม่ต้องพูดถึงหลานชายคนโตตระกูลฟู่ที่เข้าสู่แวดวงคนใหญ่คนโตในตี้ตูไปแล้ว แม้แต่พวกน้องๆ ที่เด็กกว่าฟู่อวิ๋นเซินห้าหกปีก็เล่นหุ้น มีเงินเข้าบัญชีเป็นหมื่นๆ
แต่ฟู่อวิ๋นเซินกลับทำตัวไร้สาระ รู้จักแต่เที่ยวเล่น
ผู้เฒ่าฟู่ตาบอดแล้วจริงๆ
คุณชายรองพูดเสียงดัง ต่อให้ฟู่อวิ๋นเซินอยู่ห่างออกไประยะหนึ่ง ปลายสายก็ยังได้ยินเสียง
“ทำไมนายยังไปเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้นอยู่อีก อย่าหาว่าฉันยุ่งเลยนะ คนตระกูลฟู่ยังจะมีหน้ามาว่านายอีกเหรอ”
ถ้าตอนนั้นฟู่อวิ๋นเซินตามหาตัวเขาเจอไม่ทันเวลา ผู้เฒ่าฟู่ยังจะอยู่ถึงตอนนี้เหรอ
ฟู่อวิ๋นเซินแสยะยิ้ม “ฉันไม่ได้ทำเพื่อพวกเขาเสียหน่อย”
“ฉันรู้ คนที่นายแคร์มีแค่ปู่ของนายคนเดียว ฉันส่งยาไปให้นายแล้ว อีกหกชั่วโมงถึงใช้ได้สามเดือน”
“ครั้งนี้ใจกว้างขนาดนี้เลยเหรอ”
“ฉันรับภารกิจล่ารางวัลมา ต้องไปเขตไร้ผู้คนช่วงนี้จะไม่อยู่”
“ตามนั้น” ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้ถามอีก “วางแล้วนะ”
“ช่วงนี้นายดูไม่ค่อยโอเค” ปลายสายหยุดเล็กน้อย “ปรับสมดุลหน่อย ใช้วิธีรักษาแบบสะกดจิต ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไร มองนอกหน้าต่าง
ไฟของห้องผ่าตัดยังคงขึ้นสีแดง สีแดงสดดุจเปลวเพลิงท่ามกลางความมืดมิด
จนกระทั่งตีหนึ่งไฟถึงเปลี่ยนเป็นสีเขียว
พวกหมอเข็นผู้เฒ่าฟู่ออกมาจากห้องผ่าตัด ย้ายไปอยู่ห้องไอซียู
คนตระกูลฟู่เข้าไปรุมล้อม อยากดูอาการ
แต่มีคนเยอะเกินไป สุดท้ายมีแค่ฟู่หมิงเฉิงคนเดียวที่เข้าไปได้
แต่ไม่ถึงสามนาทีเขาก็ออกมา
“คุณปู่เรียกนาย” ฟู่หมิงเฉิงมองลูกชายที่ไม่เอาไหนของตัวเอง หงุดหงิดพอสมควร “เลิกยืนชมวิวอยู่ตรงนั้นได้แล้ว”
คุณชายรองพูดอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อ “พ่อ นี่มันเวลาไหนแล้วคุณปู่ยังเอาแต่นึกถึงหมอนี่อีกเหรอ”
เพราะอะไร
คนอื่นๆ ก็ไม่พอใจ
แต่ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยปากพวกเขาก็พูดอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงมองฟู่อวิ๋นเซินเดินเข้าไป
ภายในห้องไอซียู สีหน้าของผู้เฒ่าฟู่ยังคงใช้ได้ พอเห็นคนเข้ามาจึงกวักมือเรียกอยู่บนเตียง “เจ้าเจ็ด มานี่ๆ”
ฟู่อวิ๋นเซินเดินเข้าไปใกล้ ก้มตัวลง ห่มผ้าให้ผู้เฒ่าฟู่ “วันนี้เกิดอะไรขึ้นครับ”
มียาอยู่ อาการไม่ควรกำเริบถึงจะถูก
“อาการเดิมๆ แหละ” ผู้เฒ่าฟู่ไม่คิดแบบนั้น “ชินแล้ว”
“ปู่อย่าชินเรื่องแบบนี้เลยครับ” ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้าขึ้น “หัวใจของผมไม่ดี ทนรับเรื่องสะเทือนใจไม่ไหว”
ผู้เฒ่าฟู่แสร้งทำเป็นไม่รู้ “ไม่กี่วันก่อนตาเฒ่าจงโทรหาปู่”
“ปู่เปลี่ยนเรื่องคุยได้ล้มเหลวมากเลยครับ”
“…”
“ปู่เพิ่งฟื้นแกก็จะทำให้โมโหเลยใช่ไหม” ผู้เฒ่าฟู่ถลึงตาใส่ “รู้ไหมว่าตาแก่จงพูดว่าอะไร”
“หืม?”
“เขาถามปู่ว่า แกอยากจะลักพาตัวหลานสาวของเขาใช่ไหม”
ฟู่อวิ๋นเซินกำลังดูขวดน้ำเกลือ สำลักขึ้นมาทันที “ว่าไงนะ”
“ปู่ว่าโอเค” ผู้เฒ่าฟู่ทำหน้าภูมิใจ “เจ้าเจ็ด ฟังปู่นะ แกลักพาตัวหลานสาวของเขาไปเลย เอาให้ตาแก่นั่นโมโหอกแตกตายไปเลย เมื่อก่อนเดินหมากด้วยกันไม่เคยยอมให้ปู่ชนะเลย”
“…” ในที่สุดฟู่อวิ๋นเซินก็เข้าใจแล้ว เขานวดหว่างคิ้ว ยิ้มอย่างจนปัญญา “คุณปู่ ไม่มีเรื่องแบบนั้น เยาเยา ยังเด็กอยู่เลยครับ”
มีความคิดแบบนี้กับเด็ก เขาไม่เป็นสัตว์ป่าเลยเหรอ
“ใครให้แกทำตอนนี้เล่า รอโตเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้หรือไง” ผู้เฒ่าฟู่ถมึงทึง “ตอนปู่อายุยังไม่ถึงยี่สิบก็จีบย่าของแกติดแล้ว แกน่ะ เสียแรงที่เกิดมาหน้าตาดี”
“ลือออกไปก็ไม่มีใครเชื่อว่าแกเป็นหลานปู่”
ฟู่อวิ๋นเซินเหนื่อยหน่าย “ปู่ผมสุดยอดจริงๆ ใช้แค่หน้าตาก็หลอกย่ามาได้แล้ว”
ผู้เฒ่าฟู่ตบกบาลหลานชาย “ถุย เพราะปู่แกเป็นคนเก่งต่างหาก”
ฟู่อวิ๋นเซินแค่ยิ้ม สายตาอ่อนโยน
“เฮ้อ ปู่ก็อายุปูนนี้แล้ว ไม่มีความคิดอะไรแล้ว ก็แค่อยากให้แกมีเหลนให้ปู่อุ้มตอนปู่ยังมีชีวิตอยู่”
ผู้เฒ่าฟู่บ่น “ถ้าแกมีครอบครัว ปู่ก็สบายใจแล้ว…”
เขากลัวแค่ว่าเกิดวันไหนเขาไม่อยู่แล้ว เจ้าหลานชายคนนี้จะเป็นบ้า
เขาจึงต้องใช้โอกาสตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ดูแลให้มากหน่อย
…
เรื่องผู้เฒ่าฟู่เข้าโรงพยาบาลปิดไว้ไม่อยู่ ไม่กี่วันต่อมาก็รู้กันไปทั่ววงการตระกูลเศรษฐีในฮู่เฉิง ผู้เฒ่าจงก็ตั้งใจมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลโดยเฉพาะ แต่หลังจากกลับไปแล้วก็แค่ส่ายหน้า ไม่พูดอะไรมาก
แต่ทุกคนต่างรู้ว่า เกรงว่าผู้เฒ่าฟู่จะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว
อิ๋งจื่อจินลองคำนวณดูก็รู้ว่าอาการหนักพอสมควร เพราะไม่มีสมุนไพรที่เหมาะสม สรรพคุณของยาหลายชนิดที่เธอปรุงยังไม่สูงพอ เอาให้คนทั่วไปที่ร่างกายแข็งแรงยังพอไหว แต่ประสิทธิภาพในการรักษาโรคเรื้อรังยังคงน้อยนิด
ไม่มีสมุนไพรเธอก็จนปัญญา เธอจำเป็นต้องใช้เงินมากกว่านี้
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง เคาะโต๊ะ “มีช่องทางหาเงินบ้างไหม”
“หืม?” ซิวอวี่กำลังเล่นเกม “พ่ออิ๋งร้อนเงินเหรอ”
“พอสมควร”
“เท่าไรล่ะ ฉันมี”
“ไม่ต้อง” อิ๋งจื่อจินส่ายหน้าเล็กน้อย “ฉันจะหาเอง”
“ก็ได้ ขอคิดก่อนนะ…” ซิวอวี่เกาหัว “เธอว่าไลฟ์เป็นไง”
อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้ว “ไลฟ์เหรอ”
“อันนี้ไง” ซิวอวี่เปิดแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ให้เธอดู “ตอนนี้ไลฟ์ทำเงินได้มากอยู่นะ มีทั้งเครื่องสำอาง สตรีมเกม ยังมีพวกไลฟ์สดโชว์กินด้วย แม้แต่หน้าตาไม่ต้องโชว์ก็มี ร้องเพลงได้ก็พอ”
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “ขอดูหน่อย”
ห้านาทีต่อมาไอดีใหม่กิ๊กก็ล็อคอินเข้าแพลตฟอร์มไลฟ์ปลาฉลาม
ซิวอวี่สงสัย “เธอเลือกอะไร ถ้าเลือกเครื่องสำอางฉันช่วยเธอได้นะ”
“ไม่ใช่เครื่องสำอาง” ขณะพูดอิ๋งจื่อจินก็หยิบกระดาษขาวปึกหนึ่งกับปากกาหนึ่งด้ามออกมา
อุปกรณ์สองอย่างนี้ทำให้ซิวอวี่งงมาก
จะวาดรูปเหรอ
จากนั้นซิวอวี่ก็เห็นอิ๋งจื่อจินเลือกโซนเรียนหนังสืออย่างไม่รีบร้อน ใส่หูฟัง เริ่มพูดเรื่องฟิสิกส์
ซิวอวี่ “?”
เดี๋ยวนะ สมัยนี้มีใครมานั่งดูไลฟ์สอนฟิสิกส์บ้าง
แบบนี้ไม่เท่ากับหาเรื่องทรมานตัวเองหรอกเหรอ
พ่ออิ๋งขายหน้าตาไม่ดีกว่าเหรอ
ซิวอวี่ไม่เข้าใจ จำต้องชะโงกหน้าเข้าไปดู
การสอนครั้งนี้ไม่เหมือนกับการบรรยายชีวะให้ทั้งห้องฟังแบบก่อนหน้านี้ อิ๋งจื่อจินแค่เขียน มีอธิบายให้เธอฟังบ้างเป็นครั้งคราว
เวลาไม่กี่นาทีซิวอวี่ก็พบว่าเธอดูแล้วไม่เข้าใจ ฟังแล้วก็สมองจะระเบิด พยายามฝืนทำตัวให้สดชื่น “พ่ออิ๋ง รอเดี๋ยวนะ ฉันจะกดส่งของขวัญให้ แบบนี้จะช่วยดึงคนมาดู”
ท่าทางของทั้งสองคนไม่ได้รบกวนคนอื่น
ตอนนี้เป็นคาบทบทวนบทเรียนด้วยตัวเองของชั้นมอห้าพอดี หลายคนในห้องสิบเก้าออกไปเล่นบาสกันแล้ว ห้องโล่งมาก
เฮ่อสวินรับหน้าที่เวรวันนี้ หลังจากตรวจเช็คหมดทุกห้องแล้วถึงมาห้องสิบเก้า
เดิมทีเขาไม่คิดว่าห้องสิบเก้าจะเรียนอย่างสงบได้ จึงแค่ยืนกวาดตามองจากประตูหลัง
อิ๋งจื่อจินนั่งแถวหลังสุด ถือโทรศัพท์ ท่าทางขี้เกียจ
มองจากด้านหลังก็เป็นที่สะดุดตาได้ง่าย
สีหน้าของเฮ่อสวินกลับเย็นชา
เทอมก่อนตอนเขาช่วยอาจารย์เติ้งสอนแทนยังมีบอกให้เธอตั้งใจเรียน ตอนนี้เขาไม่คิดจะพูดไร้สาระแบบนั้นแล้ว
ห้องสิบเก้าเป็นสถานที่ตกต่ำอย่างแท้จริง
ขณะที่เฮ่อสวินกำลังจะเดินออก สายตากลับเหลือบเห็นกระดาษที่อยู่บนโต๊ะ เขาอึ้งไปชั่วขณะ
เขาเห็นสูตรฟิสิกส์ที่คุ้นเคย