คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 60 เรื่องของคุณอิ๋ง พวกคุณไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายครับ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

เธอเดินพลางกดตอบ

[สามนาที]

[อืม พี่ชายรออยู่ที่เดิมนะ]

อิ๋งจื่อจินละสายตา เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า

เจียงหรานเห็นก็รีบเอามือยันโต๊ะออกไปแล้วลุกพรวดวิ่งไปขวางประตูห้องเรียน

เขากดคางลงใส่อิ๋งจื่อจิน “คราวก่อนเธอรับปากว่าจะสู้กับฉัน เมื่อไรล่ะ”

อิ๋งจื่อจินหยุดเดิน ดวงตาหงส์หรี่ลง มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าหนึ่งวินาที “นายไปบำรุงตัวเองให้ดีๆ กับออกกำลังกายสักหน่อยก่อน”

เจียงหราน “?”

กล้ามเขามันยังไม่แน่นพอเหรอ

“กลัวถึงเวลานายจะมีแรงไม่พอ”

“…”

พวกลูกน้องกะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าควรเข้าข้างใคร

แต่ไม่ว่าอย่างไร พ่อก็พูดถูกเสมอ!

ซิวอวี่รู้สึกสะใจ “ฉันว่าก็จริงนะ เกิดนายหมดสติตอนสู้กับพ่ออิ๋ง เดี๋ยวพวกเราก็ต้องหามกลับมาอีก”

“หุบปากไปเลย!” เจียงหรานโมโหปรอทแตก “ฉันเคยฝึก…”

ซิวอวี่ขมวดคิ้ว มองเขาพลางส่ายหน้า

เจียงหรานเงียบไป

เขาลืมไปว่าที่นี่ไม่ใช่ตี้ตู พูดส่งเดชไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะสร้างความเดือดร้อนที่ไม่จำเป็นให้กับคนรอบตัว

“ฉันไม่กิน ฉันจะสู้ตอนนี้” เจียงหรานถอดเสื้อคลุมชุดนักเรียนตัวนอกออก “ครั้งนี้ฉันไม่มีทางแพ้เธอ”

เขาต้องการกู้ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายกับเจ้าพ่อในโรงเรียนกลับมา

อิ๋งจื่อจินยกมือผลักเขาออกจากประตูอย่างง่ายดาย ราวกับไม่ได้ออกแรงแม้แต่น้อย

“วันนี้ไม่ว่าง มีธุระ”

เจียงหรานอึ้ง “ธุระอะไร”

อิ๋งจื่อจินออกไปนอกห้องแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “ร้านขายสัตว์เลี้ยง ซื้อหมู”

เจียงหราน “?”

เขายังไม่สำคัญเท่าหมูตัวนึงเลยเหรอ

หมูมันหล่อกว่าเขาอีกเหรอ

“พี่หราน อย่าคิดมากนะ” ลูกน้องเข้าไปปลอบ “นับตั้งแต่พ่ออิ๋งมาอยู่ห้องเรา สถานะของพี่ก็ถดถอยลงเรื่อยๆ พี่ต้องยอมรับความจริงข้อนี้ให้ได้นะ”

เจียงหรานหน้าดำเหมือนก้นหม้อ

ซิวอวี่เก็บกระเป๋าเครื่องสำอางเข้าลิ้นชัก ลุกขึ้นแล้วเดินไปตบบ่าของเขา “ออกมาๆ คุยกันหน่อย”

เจียงหรานเดินตามซิวอวี่ออกไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง ทิ้งพวกลูกน้องไว้ให้มองหน้ากัน

ทั้งสองคนเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารเรียน

“ยังดีที่ฉันห้ามไว้ทัน นายอยากให้คนรู้กันหมดเหรอว่านายเคยฝึกวิทยายุทธ์โบราณ” ซิวอวี่เหลือบมองเขา “อีกทั้งกำลังภายในในร่างกายของนายก็ไม่มั่นคงมาตลอด ใช้ยากดไว้ก็ช่วยได้ไม่นาน ใช้ให้น้อยๆ หน่อย”

“ฉันรู้” เจียงหรานดึงคอเสื้อชุดนักเรียน อารมณ์หงุดหงิด “เธอไม่รู้สึกว่ามันแปลกเหรอ ฉันที่ฝึกวิทยายุทธ์โบราณแต่กลับสู้คนธรรมดาไม่ได้”

“อ๋อ ไม่แปลกใจหรอก พ่ออิ๋งเก่งขนาดนั้น นายเอาชนะได้สิแปลก”

“…”

เจียงหรานขอปิดกั้นตัวเองอีกครั้ง

“อยู่ที่นี่พูดถึงวิทยายุทธ์โบราณให้น้อยหน่อย” ซิวอวี่พูด “ถึงเมืองฮู่เฉิงจะอยู่ห่างจากตี้ตูพันกว่ากิโล แต่ที่นี่ต้องมีหูตาของพวกเขาอยู่แน่นอน นายระวังไว้หน่อย”

เจียงหรานเซ็ง “รู้แล้ว”

อีกด้านหนึ่ง

พ่ออิงกับคุณนายอิงรู้ว่าอิ๋งจื่อจินเป็นเพียงลูกเลี้ยง ไม่ได้มีอำนาจอะไร

ตอนนี้อิ๋งเจิ้นถิงไม่อยู่ คนที่มีอำนาจจัดการเรื่องต่างๆ อย่างแท้จริงคือจงมั่นหวากับคุณนายผู้เฒ่าอิ๋ง

พวกเขาไม่ได้คิดจะไปขอโทษอิ๋งจื่อจินแม้แต่น้อย แต่เลือกที่จะไปขอร้องจงมั่นหวากับคุณนายผู้เฒ่าอิ๋ง

ครั้งนี้คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายในเวลาสั้นๆ ไม่กี่วันนี้

เธอเอาไม้เท้าในมือเคาะพื้นอย่างแรง แสยะยิ้ม “มั่นหวา ลูกสาวคนนี้ของเธอหมายความว่ายังไง คิดจะฟ้องแฟนคลับของเวยเอ๋อร์เลยรึ รู้หรือเปล่าว่าตัวเองเป็นใคร”

จงมั่นหวานั่งอยู่บนโซฟา เม้มริมฝีปากไม่พูด

คำพูดนี้ของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งทำให้เธออับอายและโมโหมาก

อย่างไรเสียแท้จริงแล้วอิ๋งจื่อจินก็ไม่ใช่ลูกเลี้ยง แต่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ

แต่อิ๋งเจิ้นถิงเคยพูดไว้ ห้ามเปิดเผยความจริงแม้แต่นิดเดียว เธอก็จำต้องปิดปากให้สนิท

“ไปบอกให้เด็กคนนั้นถอนฟ้องเดี๋ยวนี้” คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งทำสีหน้าเย็นชา “เรื่องแค่นี้จะเอาถึงขึ้นโรงขึ้นศาล เกินไปหน่อยไหม”

หลานสาวฟ้องแฟนคลับอาตัวเองเหรอ

ลือออกไปมีแต่คนจะหัวเราะเยาะ

ตระกูลอิ๋งยังจะมีหน้าอยู่ในแวดวงไฮโซได้อีกเหรอ

อีกทั้งอิ๋งจื่อจินเป็นแค่ลูกเลี้ยง สถานะยังสู้ลูกเมียน้อยในบ้านเศรษฐีไม่ได้เลยด้วยซ้ำ คิดจะเหยียบหัวเจ้านายเหรอ

เธอเห็นแฟนคลับพวกนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ปกป้องคนของตัวเองด้วยความสัตย์จริง ก็ดีออก

จงมั่นหวาตัวแข็งอยู่ที่เดิม ยังไม่ได้สติกลับมา

นับตั้งแต่อิ๋งจื่อจินย้ายห้องเรียนก็ย้ายออกจากบ้านตระกูลอิ๋งไป และก็ไม่ได้นอนหอโรงเรียน แม้แต่คนเป็นแม่อย่างเธอก็ไม่รู้ว่าลูกสาวแท้ๆ ของเธอไปอยู่ที่ไหน

มันช่างเสียดแทงใจเหลือเกิน

เธอไม่มีทางบอกคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งว่าแม้แต่ตัวอิ๋งจื่อจินเธอก็ยังหาไม่พบ

ให้ไปชิงจื้อเหรอ

ถูกกลุ่มนักเรียนขัดขวาง ยิ่งเสียหน้าเข้าไปใหญ่

จงมั่นหวากัดฟัน พูดเสียงเบา “คุณแม่คะ เรื่องนี้…”

“เอาล่ะ ดูท่าเธอจะไม่ยอมสินะ” คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งไม่อยากฟังเธอพูดให้จบ เอาไม้เท้าค้ำแล้วลุกขึ้น “ยายแก่อย่างฉันจะไปโรงพักกับพวกคุณเอง”

พอได้ยินแบบนี้พ่ออิงกับคุณนายอิงก็ยิ้มอย่างมีความหวัง “ขอบคุณคุณนายผู้เฒ่าครับ รบกวนด้วยครับ”

“ไม่รบกวนหรอก” คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งส่ายมือ “พวกคุณวางใจได้ แค่ลูกเลี้ยงคนเดียวทำเป็นเรื่องใหญ่ไม่ได้หรอก”

วันต่อมาเมื่อไปถึงโรงพัก คุณนายอิงก็กลับมาวางมาดอวดดีแบบก่อนหน้านี้อีกครั้ง

ถึงขนาดคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งมาเอง เฟยเฟยของพวกเขาย่อมไม่เป็นไรแน่นอน

ตอนพ่ออิงเข้าไปกลับอึ้งไปชั่วขณะ

เพราะเขาเห็นผู้กำกับการสถานีตำรวจที่ไม่ค่อยปรากฏตัวให้ใครเห็นเท่าไร ทันใดนั้นเขาก็เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี

คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งกลับไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เธอเดินขึ้นหน้า “เรื่องอิงเฟยเฟย พวกเราตกลงกันเองได้แล้ว ไม่ขึ้นศาลค่ะ”

บรรดาตำรวจที่อยู่ตรงนั้นต่างอึ้ง

ตำรวจหญิงคนก่อนหน้านี้ขมวดคิ้ว ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากกลับถูกผู้กำกับการยกมือห้าม

เขามองคุณนายผู้เฒ่าอิ๋ง “ตกลงกันแล้วเหรอครับ ไม่ทราบว่าคุณมีความสัมพันธ์เป็นอะไรกับโจทก์ครับ”

คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งทำสีหน้าหงุดหงิด น้ำเสียงแข็งกระด้างขั้นสุด “ฉันเป็นย่าของเธอ ฉันต้องการถอนฟ้อง ไม่ได้หรือไง”

ตำรวจหญิงทนไม่ไหว “คุณเป็นย่าของเธองั้นเหรอคะ ตอนหลานสาวของคุณถูกรังแกคุณทำอะไรอยู่คะ”

คนพวกนี้แต่ละคนเป็นคนยังไงกัน

แถมยังพาคนนอกมาเหยียบย่ำคนในครอบครัวตัวเอง

ตรรกะผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว

“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา” สีหน้าของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งไม่ค่อยสู้ดีนัก เธอพูดย้ำอีกครั้ง “คุณตำรวจ ถอนฟ้องตอนนี้ ปล่อยคนออกมาเถอะค่ะ”

“ขอโทษด้วยครับ พวกเราว่ากันไปตามระเบียบ” ผู้กำกับการยิ้มอย่างสุภาพ เจือไปด้วยแววประชด “เรื่องของคุณอิ๋ง พวกคุณไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายครับ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท