อีกทั้งภายในเวลาสั้นๆ แค่สามวินาที กระทู้นี้ได้ถูกปักหมุดตัวแดง
ปักหมุดตัวแดง
ปักหมุดและเน้นด้วยสีแดง
มีเพียงผู้ดูแลเว็บบอร์ดเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้
ผู้ดูแล 007 : [นักแม่นปืนอันดับเจ็ดเสียชีวิต พิกัดสุดท้ายคือเมืองฮู่เฉิงประเทศจีน ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด อันดับเจ็ดจะถูกแทนที่ด้วยอันดับแปด และอันดับอื่นๆ จะถูกเลื่อนขึ้นตาม จึงเรียนมาเพื่อทราบ]
“…”
เงียบกันทั้งเว็บบอร์ดสิบวินาที จากนั้นก็ระเบิดหนักยิ่งกว่าเดิม
[เฮ้ย ตายจริงด้วย ยังไม่รู้ว่าถูกใครจัดการ ฉันจะคลั่งแล้ว ฉันจะคลั่งแล้ว]
[แถมอยู่ที่จีนด้วย ประเทศจีนมีคนโหดเหี้ยมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร บอสคนไหนอยู่ที่จีน]
[ร่องรอยของบอสใหญ่ถูกเก็บเป็นความลับเสียยิ่งกว่าลับ พวกเราไม่มีทางรู้ได้]
[เดี๋ยวนะ พวกนายไม่สนใจเรื่องผู้ดูแล 007 ที่ออกมาครั้งนี้บ้างเหรอ]
[รู้แล้วไงล่ะ ฉันเป็นแอคเคาท์เล็กๆ ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับทีมผู้ดูแล เฮ้อ ไม่รู้ว่าถ้าแต้มสะสมถึงหนึ่งล้านจะขอสิทธิพิเศษจากผู้ดูแลได้บ้างหรือเปล่า]
[เลิกคิดเหอะ แต้มหนึ่งล้านก็คงไม่พอหรอก นายไปล่าค่าหัวอันดับหนึ่งอาจจะเป็นไปได้มากกว่า]
[ขอบาย ต่อให้ฉันระเบิดโลกก็ไม่มีทางไปล่าค่าหัวอันดับหนึ่ง ไม่รักชีวิตแล้วเหรอ]
[ฉันนึกออกแล้ว นักแม่นปืนอันดับเจ็ดรับงานล่าค่าหัวอันดับเจ็ดไปไม่ใช่เหรอ ดังนั้นจะถูกเป้าหมายเล่นงานกลับหรือเปล่า]
[ใครจะไปรู้ล่ะ เฮ้อ ยังไงซะงานนักล่า ทำไปทำมาจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ตำแหน่งฝ่ายบุ๋นอย่างพวกเราดีกว่าเยอะ]
[พอเถอะ นายคิดว่าเป็นแฮกเกอร์แล้วจะไม่ถูกตามฆ่าหรือไง ไม่งั้นลองไปแฮกมหาลัยนอร์ตันหน่อยเป็นไง (อีโมติคอนถูกเชือด)]
[…]
เนื่องจากแม้แต่ผู้ดูแลยังออกมาประกาศว่านักแม่นปืนอันดับเจ็ดเสียชีวิตแล้ว ต่อให้เหล่าสมาชิกเว็บบอร์ดจะไม่เชื่อก็ต้องยอมรับข่าวนี้แล้ว
และก็เป็นเพราะครั้งนี้อันดับมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้นักล่าจำนวนไม่น้อยเริ่มหวาดระแวง
คืนนี้บรรดาบอสใหญ่ที่ท่องไปรอบโลกย่อมอยู่กันไม่เป็นสุข
…
ทางด้านนี้
อิ๋งจื่อจินถือกระเป๋าเป้กลับเข้าห้องแล้วโยนขึ้นหลังตู้เสื้อผ้า
จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำล้างฝุ่นที่ติดอยู่บนมือ
เวินเฟิงเหมียนเข้านอนไปนานแล้ว และก็ไม่ได้เห็นว่าเมื่อสิบนาทีก่อนเธอออกไปข้างนอก
แต่เวินทิงหลานเห็น แต่ก็คิดว่าอิ๋งจื่อจินแค่ออกไปทิ้งขยะ
ไม่มีทางคาดคิดได้ว่าภายในเวลาอันสั้นนี้ ไม่เพียงแต่พี่สาวของตัวเองจะออกไปจัดการนักแม่นปืน ยังได้เอาปืนอินทรีทะเลทรายกับปืนเอเอสห้าสิบ (AS50) กลับมาด้วย
อิ๋งจื่อจินเอาผลไม้ที่หั่นไว้แล้วมาปั่นเป็นน้ำให้เวินทิงหลานกับผู้เฒ่าจงคนละแก้ว ส่วนตัวเองก็ไปนั่งดูละครที่โซฟา
ท่าทางจริงจังมาก
ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
ฟู่อวิ๋นเซินกลับมาอีกครั้งก็เห็นภาพเหตุการณ์นี้
สีหน้าของเขาเรียบเฉย น้ำเสียงทุ้มต่ำ “เยาเยา”
อิ๋งจื่อจินไม่หันมา แต่ยกแก้วน้ำผลไม้ให้เขา
ฟู่อวิ๋นเซินรับมาแล้วนั่งลงข้างเธอ “เอาของขวัญไปวางให้ในห้องแล้ว อย่าลืมแกะดูล่ะ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า ยังคงดูละครอย่างตั้งอกตั้งใจ
“เดี๋ยวนะเด็กน้อย” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองละครที่กำลังฉายอยู่ในโทรทัศน์ ขมวดคิ้วพลางพูด “ละครนี่น่าดูกว่าพี่ชายอีกเหรอ”
“ยังต้อง…” พอได้ยินแบบนี้ ในที่สุดอิ๋งจื่อจินก็หันมา เธอนิ่งไปเล็กน้อย “น่าดูกว่าคุณจริงๆ”
เนื้อเรื่องน้ำเน่าได้อีก เธอชอบ
“…”
ฟู่อวิ๋นเซินยกมือ งอนิ้วดีดหน้าผากของเธอ “ใจร้าย”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขาแล้วแย่งน้ำผลไม้ในมือเขากลับไป “งั้นไม่ต้องดื่ม”
“…”
เป็นอีกครั้งที่เขาสัมผัสได้ถึงความไร้เยื่อใยของเด็กน้อย
“พรุ่งนี้เที่ยงพี่ชายจะเลี้ยงข้าวเธอกับเพื่อนๆ ในห้อง” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะของเธอพลางยิ้ม “มีเชฟมาจากยุโรป ทำอาหารอร่อยมาก”
“ยุโรปเหรอ” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “ร้านไหน”
ฟู่อวิ๋นเซินนั่งพิงโซฟา “เดอะ กอร์ดอน แรมเซย์ (The Gordon Ramsay) ร้านมิชลินสามดาวที่มีชื่อเสียง พี่ชายติดต่อเชฟใหญ่ของพวกเขาไว้แล้ว”
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด
อืม ไม่เคยได้ยิน
ภายในห้องรับแขกเกิดความเงียบสิบกว่าวินาที
อิ๋งจื่อจินเอ่ยปากอย่างไม่รีบร้อน “คราวหน้าคุณมาถามเองก็ได้”
ฟู่อวิ๋นเซิน “?”
“ไม่ต้องกลัว” เธอหาวออกมา “ฉันไม่มีทางหัวเราะคุณ”
“…”
อีกด้านหนึ่งของห้องรับแขก
ผู้เฒ่าจงยังคงเล่นเดินหมากกับเวินทิงหลาน ไม่รู้ว่าตัวเองแพ้ไปตั้งกี่ตาแล้ว
เวินทิงหลานแอบจำอยู่เงียบๆ ว่าตัวเองได้อั่งเปาซองใหญ่ไปกี่ซองแล้ว จึงรู้สึกสนิทกับผู้เฒ่าจงขึ้นมาทันที
คุณตาคนนี้ดูเหมือนจะใจดีอยู่นะ
…
ในเวลาเดียวกันที่ยุโรป
เวลาของประเทศวายคือบ่ายสี่โมงกว่า ดวงอาทิตย์คล้อยไปทางตะวันตก แสงแดดเจิดจ้า
จงมั่นหวามาถึงร้านอาหารเดอะ กอร์ดอน แรมเซย์ (The Gordon Ramsay)
โดยทั่วไปร้านอาหารมิชลินสามดาวแห่งนี้จะต้องจองโต๊ะล่วงหน้าสองเดือน ดังนั้นก่อนมายุโรป เธอได้จองไว้ตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว
ชื่อร้านเดอะ กอร์ดอน แรมเซย์ (The Gordon Ramsay) ตั้งมาจากชื่อจริงของผู้ก่อตั้ง ผู้ก่อตั้งคนนี้เป็นปรมาจารย์เชฟระดับโลก
และนิสัยส่วนตัวของผู้ก่อตั้งคนนี้ก็สุดยอดไม่เบาเช่นกัน อารมณ์ฉุนเฉียว ถูกสื่อตั้งฉายาว่า ‘เชฟนรก’
จงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงต่างชอบร้านเดอะ กอร์ดอน แรมเซย์ (The Gordon Ramsay) มาก เมื่อก่อนพวกเขาก็เคยพาลูกๆ มากินที่ร้านนี้หลายครั้ง
ฉลองวันเกิดของเสี่ยวเซวียนครั้งนี้ พวกเขาก็ได้จองโต๊ะไว้ที่นี่
จงมั่นหวาเดินไปที่เคาน์เตอร์ หยิบพาสปอร์ตของตัวเองออกมา “จองไว้แล้วค่ะ เย็นนี้สามที่นั่ง เมนูของเชฟใหญ่”
พอได้ยินแบบนี้พนักงานตรงเคาน์เตอร์ก็เงยหน้าด้วยความตกใจ ยิ้มให้อย่างสุภาพ “คุณลูกค้ายังไม่ทราบหรือคะ”
จงมั่นหวาหน้านิ่ว “มีอะไรเหรอคะ”