เขาไม่อยากพานักเรียนเกรดแย่ไปยุโรปด้วยเลยจริงๆ แถมยังเป็นที่มหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าอย่างมหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรป
ยิ่งไปกว่านั้นมหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรปใช่ว่าจะให้โควตาเข้ามหาวิทยาลัยได้ง่ายๆ เพียงเพราะได้รับรางวัลชนะเลิศในงานเทศกาลศิลปะ
ต่อให้เป็นเด็กเก่งของคลาสศิลปะก็ยังต้องมีการพิจารณาอีกที
เฮ่อสวินย่อมไม่เคยให้ความสนใจเทศกาลศิลปะ
และเขาเองก็ไม่มีเวลา อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนดูแลคลาสนานาชาติมอปลายทั้งสามชั้นปีของชิงจื้อทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้นเฮ่อสวินก็ไม่รู้ว่าเทศกาลศิลปะครั้งนี้ของชิงจื้อ แม้แต่เซิ่งชิงถังยังต้องตะลึง
คิ้วของผู้อำนวยการขมวดเข้าหากันเล็กน้อยแบบที่ไม่อาจสังเกตเห็น
เขานึกไม่ถึงว่า เฮ่อสวินจะตั้งแง่กับอิ๋งจื่อจินมากขนาดนี้
ใช่ว่านักเรียนทุกคนจะถนัดเรียน จำเป็นต้องขนาดนี้ด้วยเหรอ
“ผมคิดไม่รอบคอบเอง” ผู้อำนวยการถอนหายใจ ถอดแว่นตาออก “อาจารย์เฮ่อ เรามาหารือเรื่องสอบสัมภาษณ์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตันกันครับ”
สีหน้าของเฮ่อสวินถึงได้ผ่อนคลายลง
ทันใดนั้นโทรศัพท์ภายในห้องทำงานได้ดังขึ้นในเวลานี้
ผู้อำนวยการรับสาย พอได้ฟังประโยคเดียวสีหน้าก็เปลี่ยน ‘อะไรนะ ครับๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้’
เฮ่อสวินเงยหน้า ดวงตาฉายแววสงสัย
“อาจารย์เฮ่อ ผมขอตัวก่อนนะครับ” ผู้อำนวยการลุกขึ้น จัดเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย “มีแขกสำคัญมา ผมจำเป็นต้องไปครับ”
เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “เป็นแขกมาจากยุโรป อาจารย์เฮ่อภาษาอังกฤษดี ไปด้วยกันสิครับ”
ยุโรปเหรอ
แต่อาจารย์ของชิงจื้อ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารระดับไหนก็ล้วนต้องเก่งภาษาอังกฤษ ทำไมยังจะเรียกเขาไปด้วย
เฮ่อสวินอึ้ง “ได้ครับ ขอผมไปที่คลาสนานาชาติปีสองก่อนนะครับ”
เวลากระชั้นชิดเกินไป ผู้อำนวยการก็ไม่มีเวลาคุยอะไรกับเขามาก พยักหน้าเสร็จก็รีบออกไป
เฮ่อสวินก็ตามออกไปด้วย ไปยังอาคารเรียนของมอห้า
หลังจากที่แจกแบบฝึกหัดของวันนี้ให้คลาสนานาชาติเสร็จ เขาก็ไปยังห้องรับรองแขกที่ผู้อำนวยการบอก
ระหว่างทางย่อมผ่านห้องมอห้าทับเก้า
เฮ่อสวินนึกถึงคำพูดของผู้อำนวยการ จึงมองผ่านทางหน้าต่างด้านหลัง
ตำแหน่งที่นั่งริมหน้าต่างแถวสุดท้าย เด็กสาวอยู่ในชุดนักเรียนแขนสั้น มีเสื้อนอกของโรงเรียนคลุมทับ กำลังฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ
เฮ่อสวินละสายตาที่เย็นชา
เวลาเรียนยังจะหลับ นิสัยไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ
นักเรียนแบบนี้เกินเยียวยาแล้ว
…
คนที่โทรเรียกผู้อำนวยการมาเป็นอาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาศิลปะ
เขาปาดเหงื่อ ชี้ไปด้านในห้องแล้วพูดเสียงเบา “ผู้อำนวยการครับ ท่านนี้คือคุณเบิร์ก ไบรอัน มาจากมหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรปครับ”
เบิร์ก ไบรอัน เป็นอาจารย์ชื่อดังของมหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรป ปกติมีตำแหน่งแต่ในนาม ไม่ได้มีการเรียนการสอนแต่อย่างใด
เพียงแต่บางครั้งจะได้รับการเชิญจากมหาวิทยาลัยอื่นให้ไปบรรยาย
แต่ไหนแต่ไรมามีแต่คนอื่นเชิญเขาทั้งนั้น ยังไม่เคยได้ยินว่าเขามาด้วยตัวเอง
สิ่งที่เบิร์กถนัดคือภาพสีน้ำมันสไตล์บารอกและยังเป็นจิตรกรจินตนิยม
ศิลปะสไตล์บารอกเป็นสไตล์ที่เฟื่องฟูของยุโรปในช่วงคริสต์ศักราชหนึ่งพันหกร้อยถึงคริสต์ศักราชหนึ่งพันเจ็ดร้อยห้าสิบ ค่อนข้างมีอิทธิพลมากในยุคหลังของศตวรรษ
ศิลปะสไตล์บารอกไม่เพียงแต่จะเกี่ยวพันถึงภาพสีน้ำมัน ยังปรากฏในสถาปัตยกรรม ดนตรี เครื่องแต่งกาย เป็นต้น
ต่อให้ไม่รู้ว่าศิลปะบารอกคืออะไร แต่ไม่มีทางไม่รู้จักชิโน ฟอน จิตรกรภาพสีน้ำมันที่โด่งดังมากในยุคนั้น
แต่สไตล์ภาพสีน้ำมันของชิโน ฟอนก็เป็นเอกลักษณ์มากเสียจนไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้
ส่วนเบิร์ก ไบรอันเป็นจิตรกรภาพสีน้ำมันยุคโมเดิร์นที่ตอนนี้เป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่าใกล้เคียงกับชิโน ฟอน
“ผมรู้จักเขา แต่ว่า…” ผู้อำนวยการมองเข้าไป ลังเลเล็กน้อย “แล้วนี่เขา…มาทำอะไร”
ภายในห้อง
ชายชาวต่างชาติอายุสามสิบกว่าหันหน้าซบกำแพง กางสองแขนออก ลูบคลำไม่หยุด ราวกับกำลังดื่มด่ำอย่างเต็มที่
“ผู้อำนวยการครับ” อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาศิลปะกลืนน้ำลาย พูดอย่างยากลำบาก “สิ่งที่เขากอดอยู่ไม่ใช่กำแพง แต่เป็นภาพสีน้ำมันของนักเรียนอิ๋งจื่อจินครับ”
ผู้อำนวยการงง
ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นของผู้ชาย
“บราโว่! บราโว่!” เบิร์กกอดแน่นยิ่งกว่าเดิม แทบอยากเอาตัวยัดใส่ภาพสีน้ำมัน “โอ้ มาย ก็อด พระเจ้าช่วย นี่มันช่างเป็นภาพที่มหัศจรรย์อะไรอย่างนี้”
“นี่มันหัตถ์ของพระเจ้าชัดๆ ชิโน ฟอนกลับชาติมาเกิด
ผู้อำนวยการ “…”
อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาศิลปะ “…”
ไม่ต้องขนาดนั้นมั้ง
อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาศิลปะกระแอมเล็กน้อย อดขัดจังหวะการดื่มด่ำของเขาไม่ได้ “คุณเบิร์กครับ ผู้อำนวยการมาแล้วครับ คุณต้องการอะไรเชิญว่ามาได้เลยครับ”
“อ้อ” ราวกับเพิ่งรู้สึกตัวว่ามีคนอยู่ด้วย เบิร์กหันตัวกลับมาถามโดยตรง “นี่เป็นภาพที่คุณวาดเหรอครับ”
ผู้อำนวยการยังงงไม่หาย “ไม่ใช่ครับ นี่คือ…”
“คุณไม่ได้วาดแล้วคุณมาทำไม” เบิร์กร้อนใจทนไม่ไหว “เร็วเข้า ผมต้องการเจอคนที่วาดภาพนี้”
“คุณเบิร์กเชิญรอสักครู่ครับ” ในที่สุดผู้อำนวยการก็รู้ว่าทำไมเขาถึงมาแล้ว ถามเป็นภาษาอังกฤษ “คุณมาที่นี่ได้ยังไงครับ”
“พวกคุณมีงานเทศกาลศิลปะอะไรนั่นไม่ใช่เหรอ” เบิร์กเริ่มรำคาญ “ผมเห็นภาพนี้ยังไงล่ะ ไม่อย่างนั้นใครจะมาที่นี่ได้เล่า”
เขากอดภาพนั้นไว้แน่น มองไปรอบๆ ด้วยสายตารังเกียจ “ที่นี่ไม่มีไอศกรีมอร่อยๆ เสียหน่อย”
“…”
อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาศิลปะปาดเหงื่ออีกรอบ กระซิบบอก “ผู้อำนวยการครับ จิตรกรเป็นพวกหลุดโลก ผู้อำนวยการอย่าตามเขานะครับ”
“อย่างนั้นเหรอ เข้าใจแล้ว” ผู้อำนวยการได้สติกลับมา “ไม่ทราบว่าคุณจะตามหาคนที่วาดภาพนี้ทำไมเหรอครับ”
“ทำไมคุณถึงได้พูดมากแบบนี้” เบิร์กโมโหมาก “ให้ผมได้เจอเจ้าตัวก่อน”
“คนวาดเป็นนักเรียน เธอกำลังเรียนอยู่ครับ” ผู้อำนวยการครุ่นคิด “รอสักครู่นะครับ”
คราวนี้เบิร์กรับปากอย่างเต็มใจ “ได้ ผมจะรอ”
เฮ่อสวินเข้ามาในเวลานี้พอดี เขาอึ้ง “คุณเบิร์ก?”
“ใครน่ะ ไม่ว่างๆ” เบิร์กส่ายมือ ไม่แม้แต่จะมองเฮ่อสวิน “ห้องเรียนของเด็กคนนี้อยู่ที่ไหน รีบพาผมไปเร็ว”
ผู้อำนวยการจำต้องพาเขาไป
เฮ่อสวินหาโอกาสพูดไม่ได้แม้แต่น้อย เขาขมวดคิ้ว หันไปถาม “คุณเบิร์กมาที่นี่ได้ยังไงเหรอครับ”
“อาจารย์เฮ่อไม่ทราบเหรอครับ” อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาศิลปะส่งแขกผู้มีเกียรติออกไปแล้วถึงรู้สึกโล่งอก พูดด้วยความภูมิใจ “เขาตั้งใจมาหานักเรียนอิ๋งจื่อจินโดยเฉพาะ ผมว่านะ คงอยากรับนักเรียนอิ๋งเป็นลูกศิษย์”
ร่างกายของเฮ่อสวินหดเกร็งขึ้นมาทันที เขายืนอึ้งอยู่ที่เดิม แทบจะไม่อยากเชื่อว่าตัวเองได้ยินอะไร หูอื้อไปหมด ราวกับถูกตีหัว
เบิร์กเป็นใคร จะมาเพราะนักเรียนคนเดียวได้ยังไง
อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาศิลปะไม่สังเกตเห็นสีหน้าของเขาที่เปลี่ยนไป เอามือไพล่หลังพลางเดินออก
“เอ๊ะ ผมเองก็ต้องไปขอโทษนักเรียนอิ๋งซะแล้ว”
…
พอคาบทบทวนบทเรียนด้วยตัวเองสิ้นสุดลง อิ๋งจื่อจินก็ตื่น
เธอหาวออกมา หยิบโทรศัพท์มือถือมาดูเวลาก็เห็นข้อความที่เซิ่งชิงถังส่งมาให้เธอ
[คุณหมอเทวดา สนใจเข้าสมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีนไหม ถ้าคุณอยากเข้าร่วม ผมให้พวกเขายกตำแหน่งรองประธานสมาคมให้ได้เลยนะ เป็นไง =w=]
“…”
อิ๋งจื่อจินคิดเสียว่าไม่เคยอ่านข้อความพวกนี้ ตอบกลับสั้นๆ
[ไม่สนค่ะ]
หลังจากที่เซิ่งชิงถังได้รับคำตอบก็ร้อนใจ
[หา!!! ทำไมล่ะ คุณหมอเทวดา จริงๆ เลย ผมบอกได้เลยว่าตาแก่ที่อยู่ในสมาคมพวกนั้นสู้คุณหมอไม่ได้เลยนะ ถ้าคุณหมอไม่เข้าสมาคมมันน่าเสียดายพรสวรรค์ของคุณหมอจริงๆ นะ!]
อิ๋งจื่อจินไม่เปลี่ยนความคิด เธอเท้าศีรษะ สีหน้าเหนื่อยหน่าย
[เพราะเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตเกษียณของฉันค่ะ]
[…QAQ]
[ส่งอีโมติคอนแบบนี้มาอีกจะบล็อกนะคะ]
[คุณหมอเทวดา ผมไม่ได้ส่ง ไอ้ลูกหัวล้านของผมมันส่ง เอาแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไรติดต่อผมมาได้ตลอดเวลา ผมเตรียมเอกสารให้คุณเรียบร้อยแล้ว คุณแค่เซ็นชื่อก็พอครับ]
อิ๋งจื่อจินหาวออกมา ดวงตาหงส์เหม่อลอย
“พ่ออิ๋ง” ลูกน้องคนหนึ่งชะโงกหน้ามาจากประตูหลัง “ผู้อำนวยการให้มาตาม ไปไหม”
“วันนี้มีธุระ ไม่ว่าง”
“อ่อ” ลูกน้องเกาหัว “งั้นผมจะไปปฏิเสธเขาเดี๋ยวนี้”
เขายังเห็นฝรั่งคนนึงด้วย ก็ไม่รู้ว่ามาทำอะไร
อิ๋งจื่อจินตอบอืม เปิดเว็บบอร์ดเอ็นโอเค รับภารกิจล่าแต้มของระดับซี
…
ณ คฤหาสน์ตระกูลอิ๋ง
ช่วงหลายวันมานี้จงมั่นหวาไม่ได้ออกไปไหน กลัวจะเจอคนดึงเธอไปคุยเรื่องเทศกาลศิลปะของชิงจื้อ
เธอตัดขาดการติดต่อและปิดเน็ต เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเสียหน้า
อย่างไรเสียเธอก็ไม่อยากสนใจอิ๋งจื่อจินแล้ว รอเวลาให้ผ่านไปนานหน่อยทุกคนก็จะลืมเรื่องขโมยผลงาน
จงมั่นหวาหยิบโทรศัพท์บ้านขึ้นมาเตรียมโทรหาอิ๋งเจิ้นถิง
ออดประตูดังขึ้น พ่อบ้านรีบไปเปิดประตู
คนที่กลับมาคืออิ๋งลู่เวย
ช่วงหลายวันมานี้คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งยังคงอยู่ที่โรงพยาบาล อิ๋งลู่เวยหลบหน้าตลอดเพราะเรื่องเวยปั๋ว ด้วยเหตุนี้ทุกวันจึงแค่กลับมาเอาซุปบำรุงที่จงมั่นหวาทำไปส่งที่โรงพยาบาล
“ลู่เวยเองเหรอ” จงมั่นหวาวางโทรศัพท์ลง “เตรียมซุปบำรุงไว้แล้ว อุ่นอยู่บนเตาในห้องครัวน่ะ เดี๋ยวให้คนใช้เอามาให้นะ”
“รบกวนพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยค่ะ” อิ๋งลู่เวยเอาผมทัดใบหู ทันใดนั้นได้พูดขึ้น “จริงสิพี่สะใภ้ใหญ่ วันนี้ฉันไปที่ชิงจื้อมา ได้ยินว่าอาจารย์จากมหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรปมาหาเสี่ยวจินด้วยค่ะ”
มือของจงมั่นหวาชะงัก สีหน้าตกใจเล็กน้อย “มหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรปเหรอ”
เนื่องจากมหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรปเป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นด้านศิลปะอย่างเดียว จึงไม่ติดสิบอันดับของโลก แต่ก็เป็นมหาวิทยาลัยที่คนส่วนใหญ่ใฝ่ฝันเหมือนกัน
“ฉันก็เคยได้ยินชื่อคุณเบิร์กคนนี้นะคะ เขาเป็นปรมาจารย์ภาพสีน้ำมัน เป็นประเภทที่เชิญไม่ได้ง่ายๆ”
อิ๋งลู่เวยรู้สึกสงสัย “พี่สะใภ้ใหญ่คะ อย่าว่าแต่ภาพสีน้ำมันเลย แม้แต่ภาพเขียนอักษรพู่กันกับจิตรกรรมจีนโบราณ เสี่ยวจินก็ไม่เห็นอยากเรียน แล้วคุณเบิร์กจะมาหาเสี่ยวจินทำไม”
จงมั่นหวาสีหน้าเปลี่ยนทันที รู้สึกแน่นหน้าอก
ยังจะอะไรได้อีก
จะต้องโกงอีกแล้วแน่นอน