คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 107 พ่ออิ๋งเป็นบรรพบุรุษของจอมยุทธ์โบราณ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

น้ำเสียงของเธอเรียบเฉยเช่นเคย โทนเสียงไม่มีขึ้นลง

เย็นชาราวกับเมฆหมอกที่ลอยไปตามสายลม

แต่สามคำนี้ทำให้อากาศหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

เจียงหรานอึ้งอย่างแท้จริง “ทำไมเธอ…”

เขาไม่ได้บอกใครเรื่องที่เขาลงแข่งมวยตลาดมืด

อีกทั้งตลาดใต้ดินแห่งนี้คนทั่วไปไม่รู้จัก และก็ไม่มีทางมา โดยเฉพาะผู้หญิง

แน่นอนว่าซิวอวี่เป็นข้อยกเว้น เธอเองก็มักจะมาแข่งรถที่นี่

อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ เธอพูดซ้ำอีกครั้ง “ลงไป”

คำเดียว ไม่อนุญาตให้สงสัย

ครั้งนี้เจียงหรานแน่ใจแล้วว่าเธอพูดกับเขา

ถ้าเป็นตอนปกติ เขาจะต้องโมโหใส่แน่นอน แต่ตอนนี้…

เขามองเท้าบ๊ะจ่างของตัวเอง โมโหจนทุบกำแพงหนึ่งที หน้าบึ้งเก็บไม้เท้าขึ้นมาแล้วไปยืนด้านข้าง

และก็ไม่มีเวลาให้คิดว่าอิ๋งจื่อจินรู้จักที่นี่ได้ยังไง เจียงหรานลังเลเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น

“พวกเขาไม่ใช่นักมวยทั่วไป ฝีมือโหดมาก ไม่อย่างนั้นเธอ…”

อิ๋งจื่อจินไม่หันหน้าไป “ลงไปแล้วก็หุบปากให้ดี”

เจียงหรานหยุดพูดทันที หน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิม

เขานึกถึงครั้งที่สองที่สู้กับอิ๋งจื่อจิน เขาแพ้อย่างราบคาบ

ต่อให้เขาตั้งใจสู้แล้วก็ยังไม่มีโอกาสได้สู้กลับ

ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

แต่เจียงหรานก็ยังคงไม่เข้าใจว่า ทำไมเด็กผู้หญิงถึงมีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนั้นได้

ถึงขนาดที่เขาแน่ใจได้ว่า ต่อให้เขาใช้กำลังภายใน เกรงว่าก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอิ๋งจื่อจินอยู่ดี

“เอ่อคือ” ไม่ว่าอย่างไรเจียงหรานก็พูดต่อให้ครบไม่ได้ “ขอบใจนะอิ๋ง อิ๋ง…”

“ไว้ก่อน” อิ๋งจื่อจินถกแขนเสื้อขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เดี๋ยวค่อยเรียก”

เจียงหราน “…”

ไม่สิ

อันที่จริงเขาไม่ได้อยากเรียก

เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เข้าใจแล้วว่าเรื่องอะไร

“คุณชายน้อย นายนี่มันไม่ได้เรื่องเลยนะ” เขาส่ายหน้า “ก็แค่สู้กัน ต้องเอาแฟนมาด้วยเหรอ”

เจียงหรานเหลือบมองเด็กหนุ่ม ไม่โกรธ แต่กลับยิ้มออกมา “ทางที่ดีนายคิดก่อนพูดดีกว่านะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะตายเอา”

แฟนเหรอ

เขากล้าเหรอ

นี่คือพ่อของห้องเขา

เป็นประเภทที่ต้องเชิดชู

เขายังไม่กล้ามากขนาดนั้น

“ขนาดนี้แล้วยังจะปากดีอีก” เด็กหนุ่มหัวเราะ เขาส่ายหน้า “ต่อยแทนก็ได้ แต่ต่อยแทนก็มีกติกาของการต่อยแทน”

เขาชี้ไปยังกระดาษที่ออกเหลืองๆ บนผนัง “เห็นหรือยัง ต่อยแทนเป็นหกเท่าของการต่อยปกติ”

ตอนนั้นเจียงหรานกำหนดไว้สามคน อิ๋งจื่อจินต่อยแทนก็ต้องสู้กับสิบแปดคน

“ทุเรศ!” เจียงหรานโมโหขึ้นมาทันที “กติกาบ้าบออะไร พวกนายจงใจเหรอ”

เด็กหนุ่มยิ้มพลางส่ายหน้า “คุณชายน้อย นายนี่มันไม่รู้กติกาเลยนะ ใสซื่อขนาดนี้มาที่นี่ทำไม”

มวยตลาดมืด เดิมทีก็ไม่ว่ากันด้วยเหตุผล ใช้หมัดคุยกัน

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเจียงหรานที่โมโหจนแทบพองขนไปทั้งตัว

ไม่ได้เป็นแค่เด็กซื่อบื้อ ยังเป็นเด็กหนุ่มติงต๊องที่ยังไม่โตอีกด้วย

“แต่เห็นแก่ที่คนที่ต่อยแทนเป็นแฟนนาย ไม่จำเป็นต้องให้เธอต่อยในครั้งเดียว” เด็กหนุ่มยิ้ม

“ต่อยทีละคนก็ได้”

“ไม่ต้อง” อิ๋งจื่อจินสีหน้าเรียบเฉย เดินขึ้นเวทีมวย “เอาทีเดียวเลย ฉันรีบ”

“…”

คำพูดนี้ทำให้ทั้งสนามมวยตกอยู่ในความเงียบ

เจียงหรานเงียบไปหลายวินาที แคะหู กำลังยืนยันให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิด

“ได้ กล้าดีนี่” เด็กหนุ่มอึ้งไปหลายวินาทีก็กวักมือเรียก แสยะยิ้ม “งั้นก็ขึ้นพร้อมกัน พอถึงเวลาอย่ามาร้องโอดโอยนะ”

สิบแปดคนแยกกันขึ้นไป เด็กสาวยืนอยู่ตรงกลางเวทีมวย

ร่างกายของเธอบอบบาง ราวกับพร้อมจะถูกลมพัดปลิวไปได้ทุกเมื่อ

ส่วนรอบตัวเธอเป็นชายหนุ่มสิบแปดคน ซึ่งแต่ละคนกล้ามแน่นรูปร่างกำยำ

“คุณชายน้อย นายนี่ก็ใจกว้างจริงๆ เลยนะ” เด็กหนุ่มทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ “อีกเดี๋ยวแฟนสาวของนายก็จะต้องนองเลือดแล้ว”

เจียงหรานไม่พูดอะไร จ้องเวทีเขม็ง เขาเองก็ไม่มั่นใจ

สิบแปดคน เอาชนะได้จริงเหรอ

นี่ไม่ใช่การแข่งทั่วไป แบบนี้ถึงตายได้

“คุณชายน้อย ตอนนี้ยังมีโอกาสให้เลือก” เด็กหนุ่มพูดขึ้นอีกครั้ง ยิ้มประชด “หรือว่า มือหนึ่งข้างของนาย ยังสู้ชีวิตเธอ…”

ทันใดนั้นคำพูดกลับจุกอยู่ในลำคอ

เพราะอิ๋งจื่อจินที่อยู่บนเวทีได้เริ่มแล้ว

เธอไม่แม้แต่จะมองคู่ต่อสู้ที่รายล้อมเข้ามา ข้อมืออาศัยแรงยันจากพื้นกระโดดขึ้น

เข่ากระแทกไปข้างหน้าเต็มแรง!

“กร๊อบ!”

เสียงกระดูกลั่นลอยมาชัดเจน กระดูกซี่โครงของคนตรงหน้าหักในชั่วพริบตา ล้มลงไปกองบนพื้น

ไม่มีเวลาให้คนอื่นๆ ได้ตั้งตัว อิ๋งจื่อจินเอียงหน้า ยกมือตั้งการ์ด

“พลั่ก!”

โจมตีด้วยข้อศอก กำจัดคนที่อยู่ด้านขวาล้มลง

ในขณะที่เธอโจมตีด้วยข้อศอก เธอก็งอเข่าอีกครั้ง จัดการหักแขนคู่ต่อสู้อีกคน

เด็กสาวไม่มีแรงมากเท่าไร ทว่าแต่ละท่วงท่ากลับแม่นยำสุดขั้ว

ราวกับรู้ว่าวินาทีต่อไปคู่ต่อสู้จะทำอะไร ทำให้อีกฝ่ายหลบไม่ทัน

เธอไม่ต่างจากมีดที่แหลมคม หมุนวนอยู่รอบตัวศัตรู

ทุกครั้งที่ตกลงล้วนกวาดไปในแนวนอน

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการต่อสู้ที่สู้อยู่ฝ่ายเดียว อีกทั้งยังน่าเวทนา

แต่กลับให้ความรู้สึกที่งดงามเหลือเกิน

ความงดงามแบบที่ฆ่าคนได้ หัวใจระทึก

“…”

เด็กหนุ่มคนนั้นที่มีหน้าที่ดูแลมวยตลาดมืดยิ้มค้างบนใบหน้า

เขามองนักมวยพวกนั้นที่ล้มลงทีละคนอย่างต่อเนื่องด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ งงไปหมด

สุดท้ายก็ข่มความกลัวในจิตใจไม่ไหว วิ่งหนีไปข้างนอกราวกับเป็นบ้า

ล้มลุกคลุกคลาน รีบกดโทรศัพท์ “ฮัลโหล เกิดเรื่องแล้ว!”

เจียงหรานเองก็งงเป็นไก่ตาแตก “…”

นี่มันวิธีต่อสู้อะไรกัน

เจียงหรานฝึกต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก และก็ไม่ได้ฝึกมั่ว สายตามองได้อย่างแม่นยำ

เขาย่อมมองออกว่าฝีมืออย่างอิ๋งจื่อจินไม่ได้จัดอยู่ในมวยประเภทไหนทั้งนั้นของยุคปัจจุบัน

แต่ทำให้เขารู้สึกคุ้นตามาก

เจียงหรานขมวดคิ้วกำลังคิด ผ่านไปนานเขาถึงได้นึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งที่เขาเคยอ่าน

พูดให้ถูกก็คือ คนที่ฝึกวิทยายุทธ์โบราณทุกคนจะต้องเคยอ่านหนังสือเล่มนี้

เพราะหนังสือเล่มนี้เป็นต้นกำเนิดของวิทยายุทธ์จีนโบราณ

บันทึกกระบวนท่าต่างๆ ของวิทยายุทธ์ในช่วงแรกสุด รวมถึงท่าที่ไม่ต้องใช้กำลังภายในก็สามารถใช้พลังของจอมยุทธ์โบราณได้

ยังไงซะกำลังภายในก็เหมือนกับกำลังภายในของสำนักบู๊ลิ้มแบบในละคร จะถูกใช้จนหมดได้

ต้นกำเนิดของวิทยายุทธ์โบราณเป็นปริศนามาตลอด ประวัติศาสตร์ก็ไม่ได้ยาวนาน มีระยะเวลาแค่สั้นๆ ไม่ถึงสี่ร้อยปี

ในศตวรรษที่สิบเก้าถึงจะเป็นช่วงที่วิทยายุทธ์โบราณเฟื่องฟูที่สุด

แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เริ่มหายไปแล้ว คนที่เหมาะสำหรับฝึกวิทยายุทธ์โบราณนับวันจะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ

เขาเองก็ฝึกอย่างจริงจัง กำลังภายในในร่างกายถึงได้ปั่นป่วน

แต่ถ้าได้จอมยุทธ์โบราณตัวจริงมาสอนด้วยตัวเองก็จะไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้แล้ว

แต่ตอนนี้ยังหาในวงการวิทยายุทธ์โบราณไม่เจอ

เจียงหรานเคาะหัว

เขานี่เพ้อเจ้อไปไกลแล้ว ถึงกับเอาพ่ออิ๋งของพวกเขาไปเชื่อมโยงกับต้นกำเนิดวิทยายุทธ์โบราณ

ต่อให้อายุขัยของจอมยุทธ์โบราณจะยืนยาวกว่าคนทั่วไป คนที่สร้างวิทยายุทธ์โบราณก็ต้องถูกฝังใต้ดินไปแล้วอยู่ดี

เจียงหรานเงยหน้าขึ้น มองการต่อสู้บนเวทีต่อ

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้สังเกตดูอย่างละเอียด

สิบแปดคนนั้นก็ล้มลงบนเวทีหมดแล้ว ร้องโอดครวญกันไม่หยุด

ถึงขนาดที่มีหลายคนสลบไปแล้ว

อิ๋งจื่อจินลงจากเวที ลงสู่พื้นอย่างสบายๆ

เธอเดินเข้ามาหยิบแก้วชานมที่ก่อนหน้านี้วางไว้บนพื้น ลูบแก้วเล็กน้อย

อืม ดีมาก ยังร้อนอยู่

ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่อีกแก้ว

หลังจากที่เอาหลอดเจาะเสร็จ อิ๋งจื่อจินก็เดินออก

ตอนมาเธอมาอย่างเงียบๆ ตอนไปก็ไม่ส่งเสียง

“เดี๋ยวก่อน!” เจียงหรานเกาะไม้เท้า เขย่งเท้าเดินตาม “รอฉันด้วย! พ่ออิ๋ง!”

พอตะโกนเรียกแบบนั้นออกมา เขาก็อยากตบปากตัวเอง

ไอ้ปากไม่รักดี

อิ๋งจื่อจินหยุดเดิน เหลือบมองเขา “นายมายังไงก็กลับไปแบบนั้น”

พูดจบเธอก็ไม่สนใจเจียงหรานอีกเดินออกทันที

เย็นชาไร้เยื่อใย เหมือนไม่ใช่พ่อมาช่วยลูก

เจียงหราน “…”

เขาจำต้องลากขาบ๊ะจ่างกระโดดเหยงๆ ออกไปนอกตลาดแล้วเรียกรถแท็กซี่

ตอนที่เจียงหรานกลับมาถึงโรงพยาบาลอีกครั้งภายในห้องพักผู้ป่วยก็มีคนเพิ่มเข้ามาหนึ่งคน

เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “แม่ ทำไมมาอีกแล้วล่ะ”

เจียงฮว่าผิงวางนิตยสารแฟชั่นในมือลง ยิ้มให้ “มาดูว่าแกตายยังไง”

เจียงหรานหน้าบึ้ง “แม่!”

“น่าเสียดายจริงๆ” เจียงฮว่าผิงถอนหายใจเบาๆ “เดิมทีแม่ก็ใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่มีกันแค่สองคนกับพ่อของแกได้ ทำไมถึงได้มีกอขอคออย่างแกโผล่มาได้นะ”

เจียงหรานหุบปากทันที

เขาแน่ใจได้ว่าแม่ของเขารู้เรื่องมวยตลาดมืดแล้ว

ไม่ได้ปรี่เข้ามาตบเขาก็ถือว่าควบคุมอารมณ์ได้ดีมากแล้ว

“มานี่ มานอนบนเตียงดีๆ” มือข้างหนึ่งของเจียงฮว่าผิงบิดหูเจียงหราน ลากเขาไปที่เตียง “ถ้ายังจะเที่ยวร่อนไปนู่นมานี่ตอนที่ยังเจ็บอยู่อีก อย่าโทษนะที่แม่แกจะเอาลูกชายถึงตาย”

เจียงหรานร้องซี้ด “แม่ เบาหน่อย เจ็บ”

“เจ็บก็ถูกแล้ว” เจียงฮว่าผิงปล่อยมือ ยืนกอดอก “ต้องการให้แกหลาบจำ ถ้าทำไม่ได้ ฉันจะตัดขาแกด้วยตัวเอง”

เจียงหรานเอาผ้าห่มคลุมโปง ปฏิเสธการสนทนากับคุณนายเจียง

“อย่าลืมกินยาด้วย” เจียงฮว่าผิงเดินออกไปแล้วปิดประตู

เธอขมวดคิ้วครุ่นคิด สุดท้ายก็โทรไปที่ตี้ตู

หลังจากที่อิ๋งจื่อจินออกจากตลาดใต้ดินก็ไปที่โรงพยาบาลเซ่าเหริน

เมื่อมีหมอคนใหม่มา คนไข้ที่มาโรงพยาบาลเซ่าเหรินก็เพิ่มมากขึ้น

รายได้และเงินหมุนเวียนของทุกวันก็เพิ่มขึ้น แทบจะไล่ตามโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของฮู่เฉิงทันแล้ว

“คุณอิ๋งครับ เป็นเพราะคุณเลยครับ” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรู้สึกนับถือเด็กสาวตรงหน้าจากใจจริง

“ข้อมูลที่คุณทิ้งไว้ให้เป็นประโยชน์กับพวกเรามากเลยครับ”

ผู้อำนวยการเองก็กำลังศึกษา ยิ่งศึกษาก็ยิ่งตะลึง

น่าเหลือเชื่อจริงๆ เด็กสาวที่อายุน้อยแบบนี้กลับมีความรู้ทางการรักษามากกว่าพวกเขาที่แก่กว่าหนึ่งรุ่นเสียอีก

อีกทั้งยังไม่กั๊กความรู้ แบ่งปันมาให้มากขนาดนี้

แต่คิดๆ ดูก็จริง

ฝีมือการรักษาของคุณอิ๋ง พวกเขาตามไม่ทันจริงๆ

อย่างน้อยวิชาการรักษาด้วยเข็มทอง ต่อให้มีหลักสูตรพวกเขาก็เรียนไม่ได้หรอก

อิ๋งจื่อจินพักหน้า “ไม่เข้าใจตรงไหนก็มาถามฉันได้ค่ะ”

“ครับ ขอบคุณคุณอิ๋งอีกครั้งครับ” ขณะที่ผู้อำนวยการกำลังจะพูดอะไรต่อ ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู

มีเสียงไอเบาๆ

“ไม่ทราบว่าคุณหมอเทวดาอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ”

อิ๋งจื่อจินหันหน้าไปมองตามที่มาของเสียง

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท