คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 113 วันนี้คุณอิ๋งตัดสินใจแทนจงซื่อ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คำพูดนี้ที่โพล่งขึ้นมาทำให้รอยยิ้มของยูจีนหุบลง

เขาหน้านิ่วมองไปทางประตูของห้องรับรองแขก

ตรงนั้นมีเด็กสาวอยู่คนหนึ่ง

ผิวพรรณของเธอขาวผ่องเป็นยองใย

ดวงตาหงส์เชิดขึ้นเล็กน้อย เปล่งประกายวูบไหว

สายตาแน่วแน่ สีหน้าเย็นชา

เธอมองตรงไปข้างหน้า

ทั้งๆ ที่บุคลิกสุภาพ แต่กลับขรึมดุจน้ำลึก ยิ่งเป็นการเพิ่มความกดดัน

สายตาที่มองมาทำให้ยูจีนใจหายวาบ สังหรณ์ใจว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีตามมา

แต่เพียงชั่วพริบตาเขาก็แอบกระแอมเสียง

ก็แค่เด็กสาววัยสิบเจ็ดสิบแปด จะทำอะไรได้

คงแค่มาเล่นๆ

แต่เขากลับรู้สึกกลัวจริงๆ ไปชั่วขณะ

ยูจีนไม่ได้มองเด็กสาวอีก แต่หันไปทางผู้เฒ่าจงทำสีหน้าเกรงใจแต่ห่างเหิน “ในเมื่อประธานจงไม่ยอม งั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกัน เวลาก็ล่วงเลยมานานแล้ว ลากันตรงนี้แล้วกันครับ”

เขาออกจากห้องรับรองแขกไม่ได้

“วางสัญญาลง” อิ๋งจื่อจินพิงประตู หันหน้ามาแล้วพูดซ้ำอีกครั้ง “พวกเราเซ็น”

“ไม่ได้ เซ็นไม่ได้เด็ดขาด!” ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนพูดเสียงแข็ง “เฝ่ยชุ่ยไจเป็นหัวใจสำคัญของจงซื่อกรุ๊ป จะชดใช้ด้วยอะไรก็ได้แต่ไม่ใช่เฝ่ยชุ่ยไจ”

ต่อให้เป็นคนโง่แค่ไหนตอนนี้ก็ดูออกแล้ว

เห็นได้ชัดว่าดีเคกรุ๊ปพุ่งเป้ามาที่เฝ่ยชุ่ยไจ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางยอมเร็วขนาดนี้ ยื่นข้อเสนอแบบนี้ออกมา

ไม่แน่ว่าการหายไปของโลกสิบทิศก็เกี่ยวข้องกับดีเคกรุ๊ป

แต่ติดตรงที่พวกเขาไม่มีหลักฐาน

อีกทั้งดีเคกรุ๊ปขโมยโลกสิบทิศโดยเล็ดรอดผ่านระบบรักษาความปลอดภัยไปได้อย่างไรภายใต้การดูแลของพวกเขา

ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนมองยูจีนด้วยสายตาเย็นชา “คุณยูจีน เราพูดกันตรงๆ ต่อให้พวกเราไม่เซ็นสัญญาฉบับนี้ ดีเคกรุ๊ปของพวกคุณก็ไม่มีทางทำให้จงซื่อกรุ๊ปต้องปิดกิจการ”

แต่เสียหายอย่างรุนแรงต้องมีอยู่แล้ว

ยูจีนอึ้ง จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ในเมื่อพวกคุณมั่นใจแบบนี้ งั้นก็ไม่ต้องเซ็นสัญญาจริงๆ ครับ”

“ไม่จำเป็น” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เซ็นไป พวกเรามีเงื่อนไขอีก”

ฝีเท้าของยูจีนชะงักเล็กน้อย มองสำรวจเด็กสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าหนึ่งรอบ พูดด้วยความดูถูก

“เธอตัดสินใจได้เหรอ”

พอคำพูดนี้ออกมา พวกผู้ถือหุ้นก็ร้อนใจยิ่งกว่าเดิม

แต่ผู้เฒ่าจงยังอยู่ตรงนี้ พวกเขาก็ทำได้เพียงเกลี้ยกล่อม

“ประธานจง เราเซ็นไม่ได้เด็ดขาด ประธานยังจะไม่รู้ถึงความสำคัญของเฝ่ยชุ่ยไจเหรอครับ”

“นั่นสิครับประธานจง นี่เป็นเรื่องใหญ่ ทำไมถึงปล่อยให้เด็กคนเดียวมาป่วนได้ล่ะครับ”

“ไม่ว่ายังไงก็เอาเฝ่ยชุ่ยไจเป็นเครื่องต่อรองไม่ได้!”

ผู้เฒ่าจงกลับไม่พูดอะไร

เขาเงียบ ราวกับว่าเพราะอิ๋งจื่อจินพูดประโยคนี้ ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป

“ประธานจง ผมรู้ว่าประธานจงเอ็นดูหลานสาวมาก แต่ก็ต้องแยกแยะนะครับ” ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนเห็นผู้เฒ่าจงสีหน้าเริ่มไม่ชอบมาพากลก็รีบพูดห้าม “เห็นได้ชัดว่าสัญญานี้ไม่ยุติธรรม พวกเราจะเซ็นได้ยังไง”

มูลค่าของเฝ่ยชุ่ยไจมากกว่าโลกสิบทิศ

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า พูดอย่างใจเย็น “ดังนั้นพวกเราต้องเพิ่มเงื่อนไข”

ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนทั้งร้อนใจทั้งโมโห “คุณอิ๋ง คุณไม่เข้าใจอะไร คุณไม่รู้หรอกว่าเฝ่ยชุ่ยไจ…”

“ได้ จื่อจิน ตาเชื่อหลาน” ผู้เฒ่าจงพูดขัดจังหวะผู้ถือหุ้นวัยกลางคน “เราจะเซ็นสัญญาเดิมพันนี้”

ขณะพูดได้หันไปสั่ง “เอาปากกามา”

ผู้ช่วยพิเศษที่อยู่ด้านข้างรีบยื่นปากกาให้

แต่ผู้เฒ่าจงไม่ได้ใช้เอง กลับยื่นให้อิ๋งจื่อจิน

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก รับปากกามา

“เฝ่ยชุ่ยไจเป็นกิจการที่สำคัญที่สุดของจงซื่อกรุ๊ป” ผู้เฒ่าจงกระแอมเสียง พูดเสียงขรึม “ดังนั้นหากครั้งนี้เดิมพันแพ้ ผมที่เป็นประธานใหญ่จะรับผิดชอบด้วยการลาออกเอง”

ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนสีหน้าเปลี่ยนมาก “อาจง!”

พอคำพูดนี้ออกมา ผู้ถือหุ้นคนอื่นก็พูดลำบากแล้ว

อย่างไรเสียตอนนี้จงซื่อกรุ๊ปก็ลำบากทั้งสองทาง

ถ้าเซ็นก็จะสูญเสียเฝ่ยชุ่ยไจ

แต่ถ้าไม่เซ็น จงซื่อกรุ๊ปก็ต้องล้มไปครึ่งหนึ่งภายใต้การดูแลของดีเคกรุ๊ป

เมื่อเทียบกันแล้วอันที่จริงไม่มีอะไรแตกต่าง

“เอาล่ะ” ผู้เฒ่าจงส่ายมือ “ยังไงซะผมก็แก่แล้ว เกษียณเร็วหน่อยก็จะได้ไปใช้ชีวิตเกษียณสักที”

ขณะพูดก็ทำสีหน้ารังเกียจอย่างยากที่จะปิดบัง “วันๆ ตั้งแต่เช้าจรดเย็นพวกคุณรบกวนเวลาเล่นเวยปั๋วของผมตลอด แก่หัวหงอกกันหมดแล้วยังต้องให้ผมตามจัดการเรื่องต่างๆ ให้ น่ารำคาญชะมัด”

ผู้ถือหุ้นวัยกลางคน “…”

ในสายตาของผู้เฒ่าจง พวกเขายังสู้เวยปั๋วไม่ได้

ยูจีนเองก็ตกใจท่าทีของผู้เฒ่าจงที่เปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแบบที่สังเกตเห็นได้ยาก แต่แล้วกลับยิ้มออกมา “พูดแบบนี้ คุณอิ๋งเป็นตัวแทนของจงซื่อกรุ๊ปกับประธานจงได้เหรอครับ”

“พูดมาก” ผู้เฒ่าจงทำเสียงฮึดฮัด “จื่อจิน วันนี้หลานจัดการได้เลย”

อิ๋งจื่อจินตบบ่าของเขาเป็นการปลอบ มองยูจีนแล้วพูดขึ้น “ถ้าพวกเราหาโลกสิบทิศเจอในห้าวัน ตามออเดอร์สามร้อยล้านดอลล่าร์ของดีเคกรุ๊ปต้องตกเป็นของจงซื่อกรุ๊ป”

“…”

พอพูดจบก็อึ้งกันหมดทุกคน

ผู้ถือหุ้นวัยกลางคนรู้สึกงง “อาจง ออเดอร์อะไรเหรอครับ”

ผู้เฒ่าจงส่ายหน้า “ไม่รู้สิ”

ยูจีนหน้าขรึม “เธอนี่กล้ามากนะ”

อีกอย่าง เธอรู้ได้ยังไงว่าดีเคกรุ๊ปมีออเดอร์นี้

“ไม่สำคัญ” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “รวมเงื่อนไขนี้เข้าไปแล้วพวกเราจะเซ็นสัญญา”

สีหน้าของเธอสุขุม “คิดดูก่อนได้นะ”

เพียงแค่คำพูดเดียวกลับเปลี่ยนสถานการณ์ได้

ตอนนี้ฝ่ายที่ถูกข่มขู่กลับกลายเป็นดีเคกรุ๊ป

ถึงขนาดที่บรรดาผู้ถือหุ้นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมดีเคกรุ๊ปถึงถูกข่มขู่ได้

หากว่ากันตามเหตุผล เงื่อนไขที่ไม่สมเหตุสมผลแบบนี้ไม่ควรต้องพิจารณาถึงจะถูก

สีหน้าของยูจีนเปลี่ยนไปหลายรอบ ผ่านไปสักพักทันใดนั้นก็แสยะยิ้มออกมา “ได้ ถ้าพวกคุณหาโลกสิบทิศได้ภายในห้าวัน ทางดีเคกรุ๊ปจะยกออเดอร์สามร้อยล้านดอลล่าร์ให้”

แต่จะเป็นไปได้อย่างไร

“ไม่มีทางเสียเฝ่ยชุ่ยไจ โลกสิบทิศก็ไม่มีทางหายไป” อิ๋งจื่อจินวางปากกาลงแล้วลุกขึ้น “เชิญค่ะ”

“คำพูดแบบนี้ใครก็พูดได้” ยูจีนส่ายหน้า หยิบปากกามาเซ็นชื่อตัวเอง

หนังสือสัญญาจัดทำขึ้นสองฉบับ หลังจากที่เขาเก็บหนึ่งฉบับเข้ากระเป๋าเอกสารแล้วก็เงยหน้ายิ้มด้วยความเสียดาย “ดูท่าจงซื่อกรุ๊ปจะไม่ได้ฉลาดอะไร”

เลือกที่จะเซ็นสัญญาเดิมพันฉบับนี้เพียงเพื่อออเดอร์สามร้อยล้านดอลล่าร์ที่ไม่มีทางได้ไป

ไม่รู้ว่าควรพูดว่าโง่เขลาหรือไร้เดียงสาเกินไป

หาเรื่องจริงๆ

พอยูจีนออกไปแล้วผู้ถือหุ้นวัยกลางคนก็ร้อนใจจนแทบกระทืบเท้า “อาจง ตอนนี้พวกเราไม่มีเบาะแสโลกสิบทิศเลยสักนิด ทำยังไงดีครับ”

ถ้าถึงเวลายังหาโลกสิบทิศไม่เจอ ผู้เฒ่าจงก็ต้องลงจากตำแหน่ง

นี่เป็นเรื่องที่พวกผู้ถือหุ้นหลายคนกับจงเทียนอวิ๋นต่างปรารถนา

แต่ก็ไม่มีใครอยากสูญเสียเฝ่ยชุ่ยไจ

“มีแน่ค่ะ” อิ๋งจื่อจินหันหน้าไป “คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องโลกสิบทิศ”

เธอคิดแล้วพูดต่อ “ช่วงสองสามวันนี้คุณตาก็นั่งเล่นเวยปั๋วอยู่ที่บ้าน หนูจะหาคลิปมาให้ น่าจะได้ยอดแชร์มากทีเดียว”

พอได้ยินประโยคหลังผู้เฒ่าจงก็ดีใจขึ้นมาทันที “ได้ๆๆ แล้วส่งมาที่โทรศัพท์ของตานะ”

ผู้ถือหุ้นวัยกลางคน “?”

สรุปว่านี่เป็นเพราะหลานสาวตามใจตาจนเป็นแบบนี้เหรอ

ทำไมพวกเรารู้สึกแปลกๆ ตรงไหนชอบกล

ผู้ถือหุ้นคนอื่นพากันส่ายหน้า รู้สึกเพียงว่าผู้เฒ่าจงเลอะเลือนทั้งยังตัดสินใจด้วยอารมณ์

ยังไม่ต้องพูดเรื่องที่ว่าจะมีเบาะแสของโลกสิบทิศในห้าวันหรือไม่ แต่การยกเรื่องนี้ให้เด็กมอปลายที่ยังไม่ได้ใช้ชีวิตในสังคมจัดการ แบบนี้มันบ้าไปแล้วชัดๆ

“คุณตาคะ หนูยังมีธุระอีก” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ขอตัวก่อนนะคะ”

ผู้เฒ่าจงก็ไม่ได้ถาม ปล่อยเธอไปจัดการธุระตามสบาย

ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าหลานสาวของตัวเองเก่งที่สุด แต่ก็ไม่มีทางเอาเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไปให้หลานสาวแบกอยู่คนเดียว

ผู้เฒ่าจงครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นก็พูดกับผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ “พวกเราต้องเตรียมแผนสำรอง ไปติดต่อนักแกะสลักทุกคนเดี๋ยวนี้

เย็นวันนั้น ซึ่งก็คือหลังจากที่เพิ่งเซ็นสัญญาเดิมพันกับดีเคกรุ๊ปไปได้สองสามชั่วโมง

ทันใดนั้นได้มีข่าวเรื่องจงซื่อกรุ๊ปทำโลกสิบทิศอัญมณีล้ำค่าของเฝ่ยชุ่ยไจหายไปปรากฏขึ้น

สี่ตระกูลเศรษฐีแห่งฮู่เฉิงไม่เหมือนตระกูลใหญ่ในตี้ตูที่โด่งดังไปทั่วประเทศจีน แต่บริษัทในเครืออย่างน้อยก็ติดอันดับบริษัทที่แข็งแกร่งในประเทศจีน ได้รับความสนใจสูงมาก

โดยเฉพาะธุรกิจอัญมณี เนื่องจากชื่อเสียงดีจึงมีลูกค้าอยู่ไม่น้อย

หลังจากที่ทราบข่าวนี้ ถึงแม้จะจุดกระแสไม่ได้มาก ไม่ขึ้นคำค้นติดอันดับ แต่ก็มีชาวเน็ตส่วนหนึ่งที่แสดงความคิดเห็นอย่างร้อนแรง

[ทำไมบริษัทที่ใหญ่อย่างจงซื่อกรุ๊ปถึงทำของสำคัญอย่างอัญมณีล้ำค่าแบบนี้หายได้ พวกผู้บริหารล่ะ ไม่มีสมองกันแล้วเหรอ]

[ฉันเริ่มกลัวละ ฉันสั่งหยกกวนอิมที่เฝ่ยชุ่ยไจไว้ให้คุณตาเป็นของขวัญวันเกิด เซ็นสัญญาไปแล้วด้วย แต่อีกสิบวันถึงจะรับของ ขนาดโลกสิบทิศยังหายได้ ใครจะไปรู้ว่าหยกกวนอิมจะหายหรือเปล่า ไม่ได้ ฉันไม่วางใจ ฉันจะไปยกเลิกที่เฝ่ยชุ่ยไจเดี๋ยวนี้ เรื่องนี้ก็เป็นปัญหาของตระกูลจง ต้องชดใช้]

พอคอมเมนต์นี้ปรากฏก็มีคอมเมนต์อื่นๆ ตามมาอีกไม่น้อย

[เพื่อนๆ ไปด้วยกัน จงซื่อกรุ๊ปมีความสามารถในการบริหารแค่นี้…มันน่าเป็นห่วงจริงๆ นะ]

[ฉันอยู่ฮู่เฉิง พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปขอคืนเงิน]

[แอบกระซิบ เมื่อก่อนเฝ่ยชุ่ยไจก็ดีมาตลอด พวกงานที่ทำจากหยกประณีตมากเลยนะ แต่ทำไมตอนนี้เป็นแบบนี้ เลิกพูดดีกว่า ปัญหาอยู่ที่ฝ่ายบริหารนั่นแหละ ประธานใหญ่จงซื่อกรุ๊ปตอนนี้คือใคร]

[ไม่แน่ใจชื่อนะ แต่ได้ยินว่าเป็นคนแก่ ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ไง]

ภายใต้สถานการณ์ที่คอมเมนต์กระหน่ำ ตรงกรอบแฮชแท็กยอดฮิตก็ได้มีแฮชแท็กติดเทรนด์อันใหม่ปรากฏขึ้น

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท