คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 134 บอสลอยลำ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

อาจารย์ฝ่ายวิชาการมองคะแนนของอันดับที่หนึ่งแล้วเงียบไปนาน คิดในใจว่าจะต้องเป็นเพราะวิธีมองของเขาไม่ถูกต้องแน่ๆ

เขารีบถอดแว่นออกมาเช็ดแล้วใส่เข้าไปใหม่

มองไปอีกครั้ง หลังจากที่พบว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเขาก็งงขึ้นมาทันที

“อาจารย์ครับ เห็นหรือยังครับ” ข้างๆ มีอาจารย์คนหนึ่งทำท่าทางลำบากใจ ผายมือออกพลางพูด “พวกเราคำนวณอันดับรวมขั้นสุดท้ายไม่ได้จริงๆ ครับ”

ผลคะแนนแถวแรกในตารางเอกซ์เซลเป็นแบบนี้

ชื่อนามสกุล : อิ๋งจื่อจิน

ห้อง : ม.5/19

ภาษาจีน : 90

คณิตศาสตร์ : 150

ภาษาอังกฤษ : 150

วิทยาศาสตร์ : 300

คะแนนรวม : 690

หมายเหตุ : ข้อสอบคลาสเด็กอัจฉริยะ

แน่นอนว่าคะแนนรวมหกร้อยเก้าสิบคะแนนอันที่จริงก็ไม่ถือว่ายิ่งใหญ่อะไรมากในชิงจื้อ

อย่างไรเสียเมื่อภาคเรียนก่อนก็มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่ได้เจ็ดร้อยคะแนนขึ้นไป

แต่ประเด็นมันอยู่ที่ นี่เป็นผลคะแนนของข้อสอบคลาสเด็กอัจฉริยะ วิธีคำนวณไม่เหมือนข้อสอบทั่วไป

ถ้าต้องคำนวณการจัดอันดับทั้งชั้นเรียน ยังต้องคูณด้วยหนึ่งจุดสอง

เมื่อเป็นแบบนี้คะแนนรวมก็จะได้

ภาษาจีน : 108

คณิตศาสตร์ : 180

ภาษาอังกฤษ : 180

วิทยาศาสตร์ : 360

คะแนนรวม : 828

สาเหตุที่ข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะกับข้อสอบทั่วไปใช้วิธีคำนวณคะแนนแบบนี้ นั่นก็มาจากบทสรุปประสบการณ์ในช่วงสิบกว่าปีนี้ของชิงจื้อ

จากประวัติที่ผ่านมา ต่อให้เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ทำข้อสอบของคลาสอัจฉริยะก็ไม่มีทางได้คะแนนรวมเกินหกร้อยยี่สิบคะแนน

ด้วยเหตุนี้ชิงจื้อจึงใช้วิธีคำนวณแบบนี้มาตลอด และใช้ในการจัดอันดับรวมของทั้งระดับชั้น

แต่ตอนนี้ได้เกิดกรณีที่มหัศจรรย์ถึงขั้นสอบได้คะแนนเต็มทุกวิชายกเว้นภาษาจีน!

พอคูณออกมาคะแนนรวมก็เลยทะลุเจ็ดร้อยห้าสิบไปแล้ว

นั่นยังไม่ใช่ประเด็น

ประเด็นคือแบบนี้จะจัดอันดับอย่างไร

อาจารย์ฝ่ายวิชาการมองผลคะแนนแล้วเงียบไปสักพัก จากนั้นถึงเงยหน้าพูดอย่างช้าๆ “ข้อสอบคลาสเด็กอัจฉริยะครั้งนี้ง่ายมากเหรอ”

ไม่อย่างนั้นจะมีเด็กนักเรียนสอบได้เต็มวิชาคณิตศาสตร์กับวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร

“…”

พอคำพูดนี้ออกมาพวกอาจารย์ก็พูดไม่ออกยิ่งกว่าเดิม

“อาจารย์ครับ ข้อสอบครั้งนี้ของคลาสเด็กอัจฉริยะไม่ง่ายเลยครับ ยาก โคตรยากเลยครับ” อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาเคมีส่ายหน้า “ผมบอกอาจารย์แบบนี้แล้วกัน โจทย์ใหญ่วิชาเคมีที่ให้เลือกทำ มีแค่นักเรียนคนนี้ที่ทำ คนอื่นไม่เขียนเลยสักตัวครับ”

อีกด้านหนึ่งอาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาชีวะก็พูดบ้าง “โจทย์เรื่องพันธุกรรมที่ผมตรวจก็มีแค่คนเดียวที่ตอบถูกหมดครับ”

อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ไม่ได้พูด คิดในใจ ดูท่าคนที่ช็อกไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว

อาจารย์ฝ่ายวิชาการเงียบไปอีกครั้ง

ยากขนาดนี้ยังสอบได้เต็มอีกเหรอ

ดังนั้น…

เป็นพวกตัวประหลาดพิสดารจริงๆ เหรอ

ทำข้อสอบพวกนี้ออกมาได้ อาจเข้าไปเรียนปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยตี้ตูได้เลยหรือเปล่า ยังจะมาเรียนที่ชิงจื้อทำไม

มาเพื่อเล่นสนุกในโรงเรียนงั้นสิ

“ซี้ด” อาจารย์ฝ่ายวิชาการแอบปวดฟัน ชี้ที่คะแนนวิชาภาษาจีน “แต่เด็กคนนี้แอบด้อยวิชานี้หรือเปล่า”

คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ ได้คะแนนเต็มหมด ทำไมภาษาจีนถึงแค่ผ่านพอดี

สำหรับนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะแล้ว วิชาภาษาจีนจะเป็นวิชาที่ได้คะแนนสูงสุดเสมอ อย่างแย่ก็ต้องขั้นต่ำที่ร้อยห้าคะแนน

นี่ได้เก้าสิบมันออกจะขัดกันไปหน่อย

อาจารย์ฝ่ายวิชาการรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง

ดูท่าเด็กประหลาดคนนี้ก็มีข้อบกพร่องเหมือนกัน

พอได้ยินแบบนี้อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาภาษาจีนก็ก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าว

เธอกรอกเลขประจำตัวนักเรียนลงในคอมพิวเตอร์เพื่อดึงกระดาษคำตอบออกมา “อาจารย์คะ อาจารย์ลองดูเอาเองแล้วกันค่ะ”

อาจารย์ฝ่ายวิชาการเลื่อนเมาส์ เริ่มไล่ดู “เอ๊ะ ลายมือสวยจริงๆ เลยนะ ผมว่าตรงอ่านตีความก็ทำได้ดี ทำไมพวกคุณไม่ให้คะแนนเต็มล่ะ ทำไมให้แค่ผ่าน”

อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาภาษาจีนเตือนด้วยสีหน้าเรียบเฉย “อาจารย์ลองพลิกดูด้านหลังสิคะ”

อาจารย์ฝ่ายวิชาการพลิกดู

หน้าสองของกระดาษคำตอบว่างเปล่า

ไม่ได้เขียนเรียงความ

หัวข้อไม่มี

หักหกสิบคะแนน

วิชาภาษาจีนก็เลยได้เก้าสิบคะแนน

อาจารย์ฝ่ายวิชาการช็อกไปชั่วขณะ “…”

สักพักเขาถึงค่อยๆ ได้สติกลับมา “สรุปว่าคะแนนรวมเอาไงดี”

“พวกเราปรึกษากันแล้ว คิดแบบนี้ครับ” อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์กระแอมหนึ่งที พูดอย่างจริงจัง “ไม่งั้นครั้งนี้ก็ไม่ต้องคูณเพิ่มครับ จัดอันดับไปเลย”

ใครจะไปคิดว่าจะมีคนที่สอบข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะแล้วได้คะแนนสูงขนาดนี้

“เดี๋ยวนะ” อาจารย์ฝ่ายวิชาการเลื่อนดูอันดับข้างล่างว่าคะแนนรวมอันดับสองของคลาสเด็กอัจฉริยะได้เท่าไร

หกร้อยแปดคะแนน

ถ้าไม่คูณ คะแนนนี้มันน่าเกลียดเกินไป

อาจารย์ฝ่ายวิชาการไปดูคะแนนอันดับหนึ่งของข้อสอบทั่วไป

หกร้อยแปดสิบเก้าคะแนน

คะแนนของสองคนนี้ทำให้เขาแน่ใจว่า ข้อสอบครั้งนี้ยากกว่าที่แล้วๆ มา

แม้แต่อันดับหนึ่งของคลาสทดลองวิทยาศาสตร์ก็ยังได้ไม่ถึงเจ็ดร้อย

“งั้นก็เอาแบบนี้แล้วกัน” อาจารย์ฝ่ายวิชาการรู้สึกเหนื่อยใจเหลือเกิน “ผมขอไปโทรหาผู้อำนวยการก่อน”

เรื่องสำคัญขนาดนี้จะต้องรายงาน

พอเขาเดินออกไป ทันใดนั้นกลับหยุด

เดี๋ยวนะ

อันดับหนึ่งคือใครนะ

เมื่อกี้เขามัวแต่ตื่นเต้นกับคะแนน ก็เลยมองชื่อแบบผ่านๆ จนลืมไปแล้ว

อาจารย์ฝ่ายวิชาการตีหัวตัวเองแล้วเดินวกกลับไป

หลังจากที่อิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินกินข้าวกลางวันที่เมืองเหิงเตี้ยนเสร็จก็ขับรถกลับฮู่เฉิง

กว่าจะกลับถึงบ้านครอบครัวเวินก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว

เดิมทีเธออยากกำจัดพิษในตัวผู้เฒ่าฟู่ในช่วงวันหยุดแรงงาน

แต่ก่อนสอบอิ๋งจื่อจินได้มาตรวจดูอาการของผู้เฒ่าฟู่แล้วก็พบว่าตอนนี้สภาพร่างกายของเขายังทนยาฤทธิ์แรงไม่ได้

ครั้นแล้วเธอจึงอยู่ปรับยาต่างๆ รอเวลาไปอีกสักระยะ

สมุนไพรทั้งหกชนิดมาถึงมือแล้ว ซึ่งเธอเองก็ได้นำไปจัดการเรียบร้อย เอาส่วนที่ดีที่สุดไปเก็บไว้มิดชิด

อย่างไรเสียสมุนไพรสองสามชนิดในนั้นแค่ดมก็ถูกพิษได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสัมผัสมัน

“เยาเยากลับมาแล้ว” โรคหอบของเวินเฟิงเหมียนหายอย่างสิ้นเชิงแล้วภายใต้การรักษาของอิ๋งจื่อจิน เขาก็ไม่ได้ผอมเหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วยเช่นกัน เขายิ้มเล็กน้อย “ไปเที่ยวกับคุณฟู่มาเป็นไงบ้าง”

เขาเป็นห่วงอิ๋งจื่อจินพอสมควร

เมื่อก่อนที่บ้านไม่มีเงิน เขาก็จนปัญญาที่จะพาสองพี่น้องออกไปเที่ยว

อาจเพราะได้แต่อุดอู้อยู่ที่อำเภอชิงสุ่ยมาตลอด ทำให้สองคนนี้เป็นคนไม่ค่อยพูดจา

ด้วยเหตุนี้ตอนที่อิ๋งจื่อจินถูกตระกูลอิ๋งมารับไป เขาถึงได้เกลี้ยกล่อมให้ไป

เพียงแต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น

เวินเฟิงเหมียนถอนหายใจ

ไม่อย่างนั้นต่อให้ชีวิตจะลำบากแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางยกอิ๋งจื่อจินให้

“ค่ะ ก็ดี” อิ๋งจื่อจินหันหน้าไป “เสี่ยวหลานล่ะคะพ่อ”

“อยู่ในห้อง” เวินเฟิงเหมียนมองประตูที่อยู่ด้านขวา “น่าจะเล่นรูบิคอยู่”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า

การรักษาโรคจิตเวชของเวินทิงหลานจำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์ภายนอกจำนวนมากด้วย เพื่อให้เขาค่อยๆ กลมกลืนสู่โลกความจริง ไม่ตีตัวเองออกห่าง

พอได้ยินเสียง เวินทิงหลานก็ออกมาจากห้อง “พี่”

“เอามาฝาก” อิ๋งจื่อจินชี้ที่กล่องขนมบนโต๊ะ “ห้ามกินเยอะ วันละชิ้น”

นิ่งไปเล็กน้อยแล้วถามต่อ “ไม่ได้ไปโรงเรียนเหรอ”

เธอจำได้ว่าเด็กมอหกของชิงจื้อไม่ได้หยุด ช่วงหลายวันนี้ก็ทำข้อสอบจำลองการสอบ

“น่าเบื่อ” ดวงตาของเวินทิงหลานหลุบลง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเขาโง่กันหมด”

เวินเฟิงเหมียนปวดหัว “อวี้อวี้ ถ่อมตัวหน่อย”

“ก็จริง” อิ๋งจื่อจินกลับเงียบ “ทำแค่ข้อสอบที่พี่ให้ก็พอ”

เวินทิงหลานพยักหน้า

เวินเฟิงเหมียนเอามือนวดหว่างคิ้ว พอจะเข้าใจแล้ว

เป็นเพราะถูกตามใจ

“พี่ พรุ่งนี้ผลสอบของพวกพี่ก็จะออกมาแล้วใช่ไหม” เวินทิงหลานเงียบไปชั่วขณะ “ในเว็บบอร์ดบอกว่าพี่พนันกับพวกเด็กคลาสอัจฉริยะไว้…”

“อืม ไม่เป็นไร นายกินไป” อิ๋งจื่อจินสีหน้าเรียบเฉย “ก็แค่สอบ”

ขณะที่เธอกำลังจะเปิดกล่องขนม ทันใดนั้นสายตาก็หยุดชะงัก

นึกถึงสีหน้าเย็นชาของฟู่อวิ๋นเซินก่อนหน้านี้ เขารีบร้อนออกไป

มิน่า

เธอมองข้ามไป

เวินทิงหลานรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของเธอ “พี่?”

“มีธุระนิดหน่อย” อิ๋งจื่อจินเช็ดมือแล้วลุกขึ้น “พี่จะออกไปข้างนอกหน่อย นายดูแลพ่อด้วย”

เดินไปได้หนึ่งก้าวก็หยุดลง “พ่อคะ ช่วยลาหยุดกับครูให้สองวันนะคะ”

เวินเฟิงเหมียนอึ้ง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก “ได้ เยาเยา ระวังตัวด้วย”

ณ โรงพยาบาลอันดับหนึ่ง

หมอกับพยาบาลต่างวิ่งวุ่น แม้แต่ผู้อำนวยการกับรองผู้อำนวยการก็ถูกเรียกมาด้วย

ไม่ว่าจะเป็นตระกูลฟู่หรือโรงพยาบาล ต่างก็นึกไม่ถึงว่าผู้เฒ่าฟู่จะอาการกำเริบขึ้นอีกครั้งในเวลานี้ อีกทั้งยังหนักที่สุดตั้งแต่อาการกำเริบมา

อย่างไรเสียช่วงสองเดือนมานี้สุขภาพของผู้เฒ่าฟู่ก็ดีขึ้นมาตลอด ไม่แน่อาจมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นก็ได้หรือเปล่า

ถึงแม้ผู้เฒ่าฟู่จะถอยออกมาจากธุรกิจแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นผู้กุมอำนาจของตระกูลฟู่ในตอนนี้

นี่ถ้ามอบให้อยู่ในกำมือพวกเขาจริง ตระกูลฟู่ไม่มีทางเลิกราแน่นอน

ฟู่หมิงเฉิงกับพี่น้องก็รอด้วยความร้อนใจอยู่ที่หน้าห้องไอซียู

แต่ร้อนใจจริงหรือแกล้งทำก็มีแค่ตัวเองที่รู้

“คุณพ่อคงไม่…”

ฟู่หมิงเฉิงมองด้วยสายตาเย็นชา “หุบปากให้หมด”

คนอื่นๆ ก็เงียบลงทันที

“ฟู่อีเฉิน มานี่” อีกด้านหนึ่งคุณนายฟู่ดึงฟู่อีเฉินไปที่หัวมุม พูดเสียงขรึม “แกไปพูดอะไรกับคุณปู่ในห้องทำงาน”

ฟู่อีเฉินเม้มริมฝีปาก “ผมไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ก็แค่ด่าฟู่อวิ๋นเซินไม่กี่คำ ไม่ได้…”

ใครจะไปรู้ว่าอยู่ๆ ผู้เฒ่าฟู่จะหมดสติไป

คุณนายฟู่โมโห “ใครบอกให้พูด แกจะไปแอบด่ายังไงก็ได้ แต่ทำไมต้องไปด่าต่อหน้าคุณปู่ด้วย สมองแกเป็นสมองหมูหรือไง หา!”

ฟู่อีเฉินพูดไม่ออก เขาเองก็กลุ้ม

“ฟู่อีเฉิน ฉันจะบอกแกให้นะ แกต้องภาวนาให้ครั้งนี้คุณปู่ของแกฟื้นขึ้นมาให้ได้” คุณนายฟู่สูดลมหายใจเข้าลึก “ไม่อย่างนั้นแกก็คือฆาตกรฆ่าคน พี่ใหญ่ของแกก็จะเดือดร้อนไปด้วย”

คนที่อยู่ข้างนอกต่างร้อนใจ หมอกับพยาบาลที่อยู่ในไอซียูก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน

พวกเขาเองก็ร้อนใจ แต่การผ่าตัดห้ามผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว

โดยเฉพาะผู้เฒ่าฟู่ที่อายุมากแล้ว หมอกับพยาบาลต่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

แพทย์เจ้าของไข้พูดขึ้นด้วยความรีบร้อน “เอาเครื่องปั๊มหัวใจมา”

พยาบาลรีบไปหยิบ

ทันใดนั้นบนหน้าจอแสดงอัตราการเต้นของหัวใจก็เกิดเสียง ‘ตื๊ด’

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท