คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 135 ชาติกำเนิดที่หลบซ่อน

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ส่งเสียงเตือนถี่เร็ว

โดดเด่นเป็นพิเศษภายในห้องผู้ป่วยที่มีเพียงเสียงฝีเท้าและเสียงหายใจ

หมอที่มีหน้าที่จับตาดูอัตราการเต้นหัวใจของผู้เฒ่าฟู่สีหน้าเปลี่ยนในทันที

ก่อนหน้านี้ถึงแม้หัวใจของผู้เฒ่าฟู่จะเต้นเบา แต่ก็ยังคงมีคลื่นไฟฟ้าหัวใจคงที่

แต่ตอนนี้ภาพที่อยู่บนเครื่องตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นเส้นตรง

หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน!

“เร็วเข้า!” หมอเจ้าของไข้รีบรับเครื่องปั๊มหัวใจมาจากพยาบาลแล้วเริ่มปั๊มหัวใจให้ผู้เฒ่าฟู่ทันที

นอกห้องไอซียู

คุณนายฟู่สั่งสอนฟู่อีเฉินเสร็จก็เดินกลับไปอยู่ข้างฟู่หมิงเฉิงอีกครั้ง พูดด้วยเสียงที่เบาที่สุด “หมิงเฉิง ครั้งนี้เกรงว่าท่านผู้เฒ่าจะไม่ไหวแล้วจริงๆ”

ใครต่างก็รู้ว่าสุขภาพของผู้เฒ่าฟู่แย่มาก

เขาเคยผ่านประสบการณ์ภัยพิบัติแร้นแค้น เมืองฮู่เฉิงในยุคสมัยนั้นระส่ำระส่ายมาก

ขณะที่ปกป้องผู้น้อยคนหนึ่งหลบหนี ผู้เฒ่าฟู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย

แต่เรื่องที่โชคดีก็คือ ตอนนั้นมู่เฮ่อชิงที่เป็นคนกุมอำนาจของตระกูลมู่บัญชาการอยู่ที่เมืองฮู่เฉิงพอดี ได้ช่วยชีวิตของผู้เฒ่าฟู่ไว้

แต่ต่อมาร่างกายของผู้เฒ่าฟู่ก็หลงเหลืออาการเรื้อรังที่ค่อนข้างรุนแรง

เดิมทีอาศัยฐานะของตระกูลฟู่ก็สามารถรักษาร่างกายให้ดีขึ้นได้

แต่สิ่งเลวร้ายก็เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน

ไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุอะไร ร่างกายของผู้เฒ่าฟู่ทรุดลงอย่างกะทันหันอีกครั้ง

หลายปีมานี้อยู่ได้เพราะยาราคาสูงของโรงพยาบาล

เมื่อสามปีก่อน ทุกคนในฮู่เฉิงต่างบอกว่า หากผู้เฒ่าฟู่จากไป สถานการณ์ในฮู่เฉิงจะต้องระส่ำระสายอย่างรุนแรงแน่นอน

แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า สามปีนี้กลับเป็นสามปีที่ผู้เฒ่าฟู่สุขภาพดีที่สุดแล้ว

สีหน้าของฟู่หมิงเฉิงไม่อาจคาดเดา “ทรมานมาตั้งหลายปี ท่านผู้เฒ่าก็ควรพักผ่อนแล้ว”

มีเหรอที่เขาจะไม่รู้ว่าผู้เฒ่าฟู่อดทนอยู่มาจนถึงตอนนี้เพื่อใครกันแน่

ในขณะที่คนในตระกูลฟู่กำลังคิดกันไปต่างๆ นานา ประตูห้องไอซียูก็เปิดออก พยาบาลคนหนึ่งเดินออกมาด้วยความรีบร้อน

“คนไหนญาติคะ” เธอชูกระดาษใบหนึ่ง สีหน้าร้อนรน “ใบแจ้งอาการวิกฤติ ช่วยเซ็นด้วยค่ะ”

พอคำพูดนี้ออกมา สีหน้าของคนในตระกูลฟู่ก็เปลี่ยนไปทันที

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทางโรงพยาบาลให้ใบแจ้งอาการวิกฤติ แต่ครั้งนี้ให้ไวที่สุด

สุดท้ายผู้เฒ่าฟู่ก็ยังคงเดินมาถึงขั้นนี้

“ทางนี้ครับ” ฟู่หมิงเฉิงรับใบแจ้งอาการวิกฤติมาดู เตรียมจรดปากกาเซ็น

แต่เขาเพิ่งเริ่มเขียนแซ่ ทันใดนั้นได้มีเสียงฝีเท้าดังมาจากสุดทางเดิน

เสียงรีบร้อน แต่มีระเบียบ

ฟู่หมิงเฉิงเงยหน้ามองไป อดอึ้งไม่ได้

คนที่นำมาเป็นชายหนุ่ม ด้านหลังของเขามีบอดี้การ์ดหลายคน พร้อมด้วยกลุ่มหมออีกจำนวนหนึ่ง

แต่เห็นได้ชัดว่าหมอพวกนั้นไม่ใช่หมอของโรงพยาบาลอันดับหนึ่ง

หลังจากที่ชายหนุ่มมาถึงหน้าห้องไอซียูก็ไม่ได้มองฟู่หมิงเฉิง ออกคำสั่งกับคนที่อยู่ด้านหลังทันที

“ย้ายโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”

คนตระกูลฟู่ยังไม่ทันได้สติ หมอกลุ่มนั้นก็เข้าไปในห้องไอซียูแล้ว

ไม่นานก็เข็นผู้เฒ่าฟู่ออกมาทั้งเตียง รีบออกไปด้านนอกด้วยความรวดเร็ว

“พวกคุณทำอะไร!” ฟู่หมิงเฉิงทั้งโกรธทั้งตกใจ “พวกคุณเป็นใคร พวกคุณบอกย้ายโรงพยาบาลก็ย้ายได้งั้นเหรอ ทำไมผมต้องให้พวกคุณเอาคุณพ่อไปด้วย”

“ก็เพราะคุณไม่มีประโยชน์” ชายหนุ่มหันกลับมาแสยะยิ้ม “เพราะที่นี่รักษาท่านผู้เฒ่าไม่ได้ คุณก็ลองขวางดูสิ”

ฟู่หมิงเฉิงสีหน้าเปลี่ยน

ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สุดท้ายก็ไม่ได้ก้าวขึ้นหน้า กำหมัดยืนอยู่ที่เดิม เส้นเลือดปุดๆ ที่ขมับ

บอดี้การ์ดพวกนั้นรูปร่างสูงใหญ่ คนตระกูลฟู่คนอื่นๆ ยิ่งไม่กล้าเข้าไป

ชายหนุ่มเดินเข้ามาสองสามก้าวแล้วหยุดลง

สายตาของเขากวาดตามองคนตระกูลฟู่ สุดท้ายหยุดที่ฟู่อีเฉิน

“เอาตัวเขาไปด้วย”

ฟู่อีเฉินยังอยู่ในอาการตะลึง ถูกบอดี้การ์ดสองคนล็อกตัวไป แม้แต่โอกาสจะดิ้นรนยังไม่มี

การกระทำแบบนี้ทำให้คนตระกูลฟู่คนอื่นๆ ต่างตะลึง

“อีเฉิน!” คุณนายฟู่หน้าซีด เดินตามไป “พวกคุณจะเอาลูกชายฉันไปไหน”

“คุณนายฟู่ ใจเย็นครับ” ชายหนุ่มหันมา ยิ้มพลางพูด “ตราบใดที่ท่านผู้เฒ่าไม่เป็นอะไร รับรองว่าจะพาลูกชายคนรองของคุณกลับมาส่งโดยไม่บุบสลายแม้แต่น้อย แต่ถ้าท่านผู้เฒ่าเป็นอะไรไป…”

เขายกมือทำท่าปาดคอ “คุณก็รอไปเถอะ”

คุณนายฟู่หน้ามืด หมดสติไปทันที

ภายในโรงพยาบาลเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง

ในที่สุดคุณนายฟู่ก็ฟื้น จับฟู่หมิงเฉิงไว้ พูดด้วยเสียงสั่นเครือ “หมิงเฉิง คนพวกนั้นใช่ ใช่…”

“น่าจะเป็นคนกลุ่มนั้น” สายตาของฟู่หมิงเฉิงขรึมลง

“ไม่เคยปรากฏตัวมาตลอดสามปี ตอนนี้มาอีกแล้ว”

เขาเคยส่งคนไปสืบ แต่กลับสืบไม่พบแม้แต่ชื่อแซ่ของคนพวกนี้

สามปีนี้เขาก็เคยถามผู้เฒ่าฟู่ แต่ทุกครั้งผู้เฒ่าฟู่กลับแกล้งทำเป็นงงพูดไม่ชัดเจน

นึกถึงเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อน สีหน้าของฟู่หมิงเฉิงแย่ลงกว่าเดิม

สิบนาทีต่อมา

ฝั่งตะวันออกของเมืองฮู่เฉิง

ที่นี่คือโรงพยาบาลเอกชน

เมื่อสามปีก่อนผู้ท่านเฒ่าฟู่ก็เคยถูกย้ายมาที่นี่ ร่างกายถึงฟื้นฟูได้

หมอกลุ่มนี้มาจากยุโรป มีหลายคนที่เป็นชั้นแนวหน้าระดับโลก

แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ก็ยังหมดทางรักษาอาการป่วยของผู้เฒ่าฟู่

หากเป็นอาการป่วยทั่วไปยังพอไหว สิ่งที่แย่คือพิษภายในร่างกายของผู้เฒ่าฟู่

ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยพบเจอ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องถอนพิษ

“คุณชาย ไม่ไหวครับ ไม่ว่าพวกเราใครสักคนแตะพิษในตัวท่านผู้เฒ่า พิษพวกนั้นก็จะออกฤทธิ์ดีเป็นพิเศษ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “ผมคิดว่า เป็นเพราะฝ่ายนั้นที่ลงมือรู้ตัวแล้ว”

พวกเขาแน่ใจมานานแล้วว่า พิษที่อยู่ภายในร่างกายของผู้เฒ่าฟู่เป็นพิษที่นักปรุงยาพิษสักคนทำขึ้นมา

อีกทั้งจะต้องเป็นคนที่อยู่ในห้าอันดับแรกของชาร์ตแน่นอน!

ยาพิษที่นักปรุงยาพิษอันดับสูงขนาดนี้ปรุงออกมาย่อมมีเอกลักษณ์พิเศษ

ไม่เพียงเท่านี้ ยาถอนพิษก็มีแค่ที่พวกเขา

นักปรุงยาพิษอันดับสามใช่ว่าจะถอนพิษที่นักปรุงยาพิษอันดับสี่ทำออกมาได้

ส่วนพิษชนิดนี้ที่อยู่ในตัวผู้เฒ่าฟู่ค่อนข้างคล้ายกับหนอนพิษของเผ่าเหมียวในประเทศจีน เป็นสิ่งมีชีวิต

ครั้งนี้คืนชีพขึ้นมาอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ดังนั้นเมื่อใดที่หมอคิดจะกำจัดพิษชนิดนี้ นักปรุงยาพิษก็จะสามารถรับรู้ได้ผ่านทางพิษ

เมื่อก่อนพวกเขาเคยเชิญนักปรุงยาพิษอันดับสามในเว็บบอร์ดเอ็นโอเคมาช่วย แต่ก็ยังคงถอนพิษชนิดนี้ไม่ได้

ส่วนนักปรุงยาพิษอันดับสองกลับไม่เคยปรากฏตัวในเว็บบอร์ดเอ็นโอเค และไม่มีบัญชีใช้งาน แต่ยังคงมีร่องรอย

พวกเขาสงสัยว่าพิษในตัวผู้เฒ่าฟู่เป็นผลงานของนักปรุงยาพิษอันดับสอง ส่วน ‘เขา’ จะเป็นคนวางยาพิษหรือไม่ก็ไม่อาจรู้ได้

สมาพันธ์แฮกเกอร์นิรนามเคยตามสืบนักปรุงยาพิษอันดับสอง แต่กลับมีแฮกเกอร์หลายคนตายไป

อีกทั้งนี่ยังเป็นภายใต้สถานการณ์ที่ห่างออกไปหลายพันเมตร

นักปรุงยาพิษอันดับสองยังน่ากลัวขนาดนี้แล้วนักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งล่ะจะขนาดไหน

แต่ที่น่าเสียดายคือ นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งไม่มีแม้แต่ร่องรอย

พวกบอสหลายคนในเว็บบอร์ดเอ็นโอเคต่างแน่ใจว่า อันดับที่หนึ่งไม่มีตัวตนอยู่จริง

สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินไม่เปลี่ยน แต่บรรยากาศรอบตัวกลับอึมครึม

ดวงตาดอกท้อที่มีรอยยิ้มมาตลอดค่อยๆ ปกคลุมด้วยความเย็นยะเยือก

“มั่นใจแค่ไหน”

ครั้งนี้พิษคืนชีพแล้ว เห็นได้ชัดว่าดึงดูดความสนใจของนักปรุงยาพิษแล้ว

หากไม่กำจัดก็ไม่เป็นอะไร

แต่ถ้ากำจัด นักปรุงยาพิษคนนี้ก็จะเริ่มลงมืออย่างแน่นอน

ฟู่อวิ๋นเซินเชื่อว่าอิ๋งจื่อจินกำจัดพิษได้แน่ แต่นี่จะเป็นการดึงเธอเข้ามาเอี่ยวด้วย

เพียงแต่เขาไม่อยากทำใครเดือดร้อนอีกแล้ว

ตัวเขาไม่เป็นไร ยกชีวิตให้ได้

เดิมทีอยากรอให้พิษนิ่งที่สุดก่อนค่อยกำจัด ใครจะไปรู้ว่ามันจะกำเริบรุนแรงขนาดนี้

ชายหนุ่มเงียบไปชั่วครู่แล้วถึงพูดด้วยความลำบากใจ “ศูนย์จุดศูนย์หนึ่งเปอร์เซ็นต์”

ความเป็นได้นี้ไม่ต่างอะไรกับศูนย์

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ต่อให้เป็นการผ่าตัดที่มีโอกาสสำเร็จเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็อาจล้มเหลวได้

ฟู่อวิ๋นเซินเอามือข้างหนึ่งยันกำแพง ดวงตาหลุบลง

ผ่านไปสักพักเขาก็หัวเราะเบาๆ

เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งรอยยิ้มก็หุบลง เหลือเพียงความเย็นชา

เขาพูด “ส่งฉันเข้าห้องผ่าตัด”

ชายหนุ่มตกใจ รีบพูดขึ้น “คุณชาย!”

เขารู้สาเหตุที่ผู้เฒ่าฟู่ถูกพิษว่าเกี่ยวข้องกับฟู่อวิ๋นเซิน

เรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อน…

ไม่มีใครอยากเอ่ยถึง

“คุณชาย ท่านผู้เฒ่าต้องไม่อยากให้คุณชายเอาชีวิตตัวเองไปแลกกับท่านแน่นอน เดิมทีท่านก็ทำเพื่อคุณชาย” ชายหนุ่มร้อนใจ พูดเกลี้ยกล่อม “อีกทั้ง ต่อให้คุณชายย้ายพิษนั่นมาไว้ในร่างกายตัวเองได้ ชีพจรหัวใจของท่านผู้เฒ่าก็ได้ถูกพิษกัดกร่อนไปแล้ว ไม่มี…”

ฟู่อวิ๋นเซินมองเขา พูดซ้ำอีกครั้ง “ส่งฉันเข้าไป”

น้ำเสียงหนักแน่นไม่ยอมให้สงสัย

ชายหนุ่มรู้ว่าตัวเองไม่มีเหตุผลที่จะขัดขวาง และก็ไม่มีความสามารถนั้น ทำได้เพียงรับปาก

หมอพวกนั้นฟังแต่คำสั่ง พูดอะไรไม่ได้

ห้องผ่าตัดถูกแบ่งเป็นสองฝั่งโดยใช้ม่านกั้นไว้

ร่างกายของผู้เฒ่าฟู่ผุกร่อนไปแล้ว ช่วยเติมเต็มให้พิษเหล่านั้นไม่ได้

ร่างกายของคนหนุ่มกำลังดี

แทบจะไม่ต้องเปลืองแรงอะไร

บรรดาหมอเตรียมเครื่องมือเรียบร้อย ตั้งค่าต่างๆ เตรียมทำการโอนถ่ายพิษ

ชายหนุ่มอยู่นอกห้องผ่าตัดทั้งร้อนใจทั้งโมโห หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจะโทรไปที่ยุโรป

แต่ทันใดนั้นกลับมีใครคนหนึ่งเปิดประตูใหญ่เข้ามา

ฝีเท้ารีบร้อน ดูเร่งรีบอย่างเห็นได้ชัด

พอชายหนุ่มได้ยินเสียงนี้ก็เงยหน้าขึ้น ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นไปชั่วขณะ

“คุณ คุณคือ…”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท