อิ๋งจื่อจินหยิบมาพลิกดู
เธออ่านเร็วมาก ไม่กี่วินาทีต่อมาก็พยักหน้า “ใช้ได้”
ชูกวงมีเดียก็มีแผนกกฎหมายของตัวเอง ได้ยินว่าหัวหน้าแผนกกฎหมายจบการศึกษามาจากสำนักงานทนายความซีเฟิง
ชูกวงมีเดียถึงถูกขนานนามว่าผู้ชนะแห่งวงการบันเทิง
แต่เรื่องพวกนี้ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ไม่รู้เลยสักนิด
หลายปีก่อนชูกวงมีเดียช่วยดาราในสังกัดแก้ปัญหาข้อพิพาททางกฎหมาย แต่ต่อมาก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับดาราของชูกวงมีเดียสักเท่าไร
แต่ก่อนหน้านี้ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นแค่บริษัทที่ไม่สะดุดตาในวงการบันเทิง ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะได้เผชิญหน้ากับชูกวงมีเดียด้วยซ้ำ
“ค่ะท่านประธาน” เลขาสาวเก็บเอกสารฉบับนั้นกลับมา เธอมองตงอวิ๋นที่ยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม ท่าทีเย็นชาลงในทันที
“ประธานตงคะ อ้อไม่ถูกสิ ตอนนี้เรียกคุณแบบนี้ไม่ได้แล้ว เดี๋ยวคุณก็จะไม่ใช่ประธานของซิงเฉินแล้ว”
ตงอวิ๋นไม่ขยับ เธอรู้สึกแค่ว่ามีฝูผึ้งมาบินหึ่งๆ อยู่รอบหูเธออยู่ตลอด มือเท้าเย็นเฉียบในชั่วขณะ เลือดในร่างกายไหลย้อนกลับ ความหงุดหงิดอารมณ์เสียหน้าพลุ่งพล่านไม่หยุด ราวกับเธอเป็นตัวตลก พูดสิ่งที่น่าขำ ถูกพูดเย้ยหยันโดยไร้เสียง เลขาสาวยังคงยื่นเอกสารให้อย่างสุภาพ แต่พูดด้วยน้ำเสียงที่รังเกียจและประชดสุดๆ “คุณตงคะ ช่วยเซ็นชื่อให้ด้วยค่ะ”
ตงอวิ๋นยังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ มือแข็งทื่อ สีหน้าเริ่มซีดลงทีละนิด
“คุณตงคะ คุณจะไม่เซ็นชื่อก็ไม่มีประโยชน์” เลขาสาวไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ตงอวิ๋นพูดอะไรกับอิ๋งจื่อจิน จึงคิดว่าเธอไม่อยากขายซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ให้ “เรื่องพวกนั้นที่คุณทำเพียงพอให้ศาลสั่งปิดซิงเฉินเพื่อตรวจสอบ ชูกวงมีเดียให้หนึ่งล้านยังไม่พอใจอีกเหรอคะ”
ในที่สุดคำพูดนี้ก็ทำให้ตงอวิ๋นได้สติกลับมา
ใบหน้าของเธอแดงก่ำแบบที่เวลาโดนดูถูกถึงจะมี กัดฟันพูด “พวกเธอฝันไปเถอะ!”
ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่อันดับสามของประเทศจีน เอาแค่หุ้นก็หลายสิบล้านแล้ว ยังไม่นับรวมมูลค่าของพวกดาราในสังกัดอีก
อาศัยความดังของซังเย่าจือ ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ยังมีดาราชายหญิงอีกหลายคนที่ตอนนี้กำลังเป็นดารารุ่นใหม่ที่ดังมากเหมือนกัน
ค่าตัวต่อเรื่องก็เริ่มต้นที่สามสิบล้านแล้ว
ชูกวงมีเดียคิดจะซื้อซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ด้วยเงินล้านเดียวงั้นเหรอ
ล้อเล่นอะไรน่ะ!
“ฝันหรือเปล่าคุณตงน่าจะรู้ดีนะคะ” เลขาสาวแสยะยิ้ม “ฉันขอเตือนคุณตงว่ารีบเซ็นจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะไม่เหลืออะไรเลย”
ตงอวิ๋นปากสั่น สีหน้าก็ซีดยิ่งกว่าเดิม
เธอหันขวับไปมองเด็กสาวที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานสีดำ “เธอจงใจแก้แค้นฉัน!”
เลขาสาวทำงานมานานขนาดนี้ย่อมเจนจัดในสนามรบแล้ว
เธอย่อมไม่มีทางปล่อยให้บอสถูกด่า จึงพูดประชด “คุณตงคะ อย่าหลงตัวเองให้มากนักเลยค่ะ”
“บอสของเราสามารถหาเงินได้วินาทีละแสน เวลาที่เอาไปล้างแค้นคุณซื้อห้องชุดใจกลางเมืองตี้ตูได้หนึ่งห้องเลยนะคะ”
อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เหลือบตาขึ้น
นี่เธอหาเงินได้วินาทีละแสนเลยเหรอ
ตงอวิ๋นเหงื่อแตกท่วมตัว เธอกัดฟันพูด “ได้! ฉันเซ็น”
เธอมือสั่นรับปากกามา คล้ายกับว่าต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีกว่าจะเซ็นชื่อตัวเองได้
หลังจากเขียนเสร็จตงอวิ๋นก็เดินโซเซถอยหลังไปหลายก้าว ยังคงไม่อยากเชื่อ
“นี่คือบอสของชูกวงมีเดียเหรอ”
บอสของชูกวงมีเดียเป็นปริศนาต่อคนภายนอกมาตลอด แม้แต่ดาราในสังกัดเองก็ยังไม่เคยเจอ คนในวงการต่างเคยลองไล่เรียงพวกคนมีอำนาจของตระกูลเศรษฐีในตี้ตู แต่ก็ไม่พบคนที่สอดคล้องกับเงื่อนไข แล้วจะเป็นเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะได้ยังไง
ตงอวิ๋นรับไม่ได้ที่มีคนเพศเดียวกันกับเธอประสบความสำเร็จยิ่งกว่า
“ไม่งั้นจะใครล่ะคะ” เลขาสาวทำเสียงหึ “งั้นให้เป็นคุณเหรอ ในเมื่อเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณตงไม่อยากถูกรปภ.ไล่ออกไปก็รีบไปจากที่นี่ดีกว่าค่ะ”
ตงอวิ๋นเดินออกเหมือนร่างไร้วิญญาณ
แต่หลังจากนั้น สิ่งที่รอเธออยู่ยังมีหมายศาลอีก
สูญเสียซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นแค่จุดเริ่มต้น
“บอสคะ ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์จากสตูดิโอเล็กๆ กลายเป็นบริษัทใหญ่ได้ วิธีการสกปรกน่าดูเลยล่ะค่ะ” เลขาสาวทำท่ารังเกียจ “ในข้อมูลบอกว่าช่วงสามปีมานี้ดาราแปดคนในสังกัดพวกเขาฆ่าตัวตายเพราะเป็นโรคซึมเศร้า”
สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงักเล็กน้อย
เมื่อก่อนตอนที่เธออยู่ยุโรปยุคโบราณก็มีพวกนักแสดง นักร้อง อะไรทำนองนี้ แต่ยังไม่มีคำว่าวงการบันเทิง ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีพฤติกรรมที่เอาดารามาหาผลประโยชน์ เป็นครั้งแรกที่เธอเจอเรื่องแบบนี้ ทำให้เห็นจิตใจของคนอยู่ไม่น้อย
“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “พอถึงเวลาก็จัดการให้เรียบร้อยด้วย”
“ค่ะ” เลขาสาวตอบ ครุ่นคิดเล็กน้อย สุดท้ายก็ทนถามออกไปไม่ได้ “บอสคะ จะว่าไปบอสรู้จักหมอเทวดาที่ช่วยชีวิตลูกชายฉันไว้ไหมคะ”
อิ๋งจื่อจินลุกขึ้น ดวงตาหลุบลง “ไม่มีหมอเทวดา”
“หา?” เลขาสาวเสียดาย “ฉันยังคิดอยู่ว่าถ้ามีหมอเทวดาแบบนี้ ฉันจะถามหน่อยว่ามีมาร์คหน้าทางการแพทย์ที่ช่วยเรื่องความงามหรือเปล่า สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าฉันหมดเงินไปกับคลินิกเสริมความงามตั้งหลายหมื่นก็ยังไม่ได้เรื่อง”
พอได้ยินคำพูดนี้ฝีเท้าของอิ๋งจื่อจินก็ชะงัก
เธอหันกลับมาตบบ่าของเลขาสาว “ดีมาก คุณมีหัวธุรกิจนะ”
เลขาสาว “?”
…
หลังจากที่โพสต์คลิปไลฟ์สดเสร็จ พอตกเย็นซังเย่าจือก็โพสต์ข้อความยาวขอบคุณชาวเน็ต แฟนคลับ รวมถึงชูกวงมีเดีย
อันที่จริงเขาเองก็สงสัย ต่อให้ร่างกายของเขาจะเปิดโหมดป้องกันตัวเองจนเป็นการตายหลอก แต่เขาก็ฟื้นฟูได้เร็วเกินไปหรือเปล่า
ตอนเช้าเพิ่งลืมตาตื่น ตอนนี้ก็ลุกลงจากเตียงไปเดินได้แล้ว
ถึงขนาดที่ซังเย่าจือรู้สึกว่า ร่างกายของเขาแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ สามารถถ่ายหนังได้รวดเดียวยี่สิบสี่ชั่วโมง
แต่แม่ยกของเขากลับไม่คิดแบบนี้
“ลูก บอกแล้วว่าอย่าขยับ ทำไมยังจะลงจากเตียงอีก” ซิวอวี่ขนเก้าอี้รถเข็นอย่างหรูที่เจียงหรานเคยใช้มาที่นี่ “นั่งนี่สิ เดี๋ยวให้คนเข็นไป”
ซังเย่าจือจนปัญญาเหลือเกิน โดยเฉพาะการถูกเรียกว่า ‘ลูก’ ที่เขายังไม่ชิน
เขาพูด “อันที่จริงผมไม่ได้…”
ยังไม่ทันพูดจบเขาก็ถูกจับกดให้นั่งบนเก้าอี้รถเข็น
“…”
“ลูกต้องเชื่อฟังนะ พวกแม่ๆ ถึงจะวางใจ” ซิวอวี่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ลูก แม่จะถ่ายรูปให้ เป็นหลักฐานบอกคนอื่นว่าลูกได้รับการดูแลอย่างดี”
ถ่ายเสร็จซิวอวี่ก็โพสต์ลงในกลุ่มแฟนคลับ
กลุ่มแฟนคลับนี้เป็นสมาชิกทั้งหมด ทุกคนเป็นแม่ยก
พอเห็นรูปถ่ายก็ฮือฮาขึ้นมาทันที
ซังเย่าจือหันไปมองก็เห็นข้อความนี้
[ลูกจ๋าๆ ลูกตัวเป็นๆ ลูกจ๋าไม่เป็นไรแล้ว เยี่ยมไปเลย]
“…”
ซิวอวี่เก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าเสื้อ กวักมือเรียกผู้จัดการส่วนตัว “อย่าให้เขาลุกจากเก้าอี้รถเข็นนะคะ” พอซิวอวี่ออกไปแล้วผู้จัดการส่วนตัวก็เห็นสีหน้าของซังเย่าจือดูแปลกไป
เขายกมือวัดอุณหภูมิที่หน้าผาก “เย่าจือ ไม่สบายเหรอ”
ซังเย่าจือสูดลมหายใจเข้าลึก “ไม่เป็นไร”
เขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับแฟนคลับตัวเองได้อีกแล้ว
…
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากอิ๋งจื่อจินกลับถึงบ้านเธอก็เปิดคอมพิวเตอร์
ใส่รหัสผ่านของแอคเคาท์เสร็จก็ล็อกอินเข้าเว็บบอร์ดเอ็นโอเค
เธอสังเกตเห็นว่าหน้าแรกของพื้นที่ปิดมีกระทู้แบบนี้
แอทฉันเป็นแค่คนมุง : [มีใครได้ตามข่าวดาราจีนที่ตายแล้วฟื้นบ้างไหม ถามหน่อยคนลงมือคือนักปรุงยาพิษคนไหนในชาร์ตเหรอ]
ตอนนี้ข้างใต้กระทู้มีคนมาตอบไม่กี่คน
[ดาราจีนอะไร บอสติดชาร์ตคนไหนไปยุ่งเรื่องในวงการบันเทิงแล้วเหรอ]
[อ๋อๆ ฉันได้ยินเรื่องนี้อยู่นะ ฉันว่าน่าจะเป็นคนของวงการแพทย์แผนโบราณประเทศจีนหรือเปล่า]
[ไม่ใช่คนในวงการแพทย์แผนโบราณหรอก เรื่องนี้ฉันแน่ใจ ส่วนเพราะอะไรขอไม่พูด]
[ฉันสืบแล้วแต่สืบไม่พบ ปิดบังมิดชิดเป็นบ้า จะต้องเป็นบอสในชาร์ตแน่นอน]
[เวลาแบบนี้ต้องถาม แอทเชิญมากินยา ลูกพี่ มองออกไหมว่าเป็นฝีมือของเพื่อนลูกพี่คนไหน]
อิ๋งจื่อจินเลื่อนเม้าส์ขึ้นกดปิดกระทู้นี้
มือข้างหนึ่งเท้าศีรษะ มืออีกข้างเคาะโต๊ะเบาๆ พลางครุ่นคิด
เว็บบอร์ดเอ็นโอเคสมกับได้รับขนานนามว่าเป็นเว็บข่าวกรองที่ข่าวล่ามาไวกว่าหน่วยข่าวกรองสากล สืบได้เร็วขนาดนี้
แถมยังแน่ใจด้วยว่าเป็นฝีมือของนักปรุงยาพิษ
จึ๊
อิ๋งจื่อจินเลื่อนดูกระทู้ใหม่อื่นๆ จากนั้นก็เตรียมออก
ทันใดนั้นตรงกล่องข้อความส่วนตัวของเธอก็มีจุดสีแดง
มีคนแปลกหน้าส่งข้อความมาหาเธอ
อิ๋งจื่อจินนิ่งไปชั่วครู่ คิดว่าวันนี้ไม่มีอะไรทำจึงจะเปิดดู
แต่ยังไม่ทันกดเปิด ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็สั่น
อิ๋งจื่อจินก้มมอง
มาจากเวยปั๋ว
ไอดีเกษียณแล้วอย่ากวนถูกคนรู้ไปทั่วตั้งแต่ตอนฟ้องแฟนคลับของอิ๋งลู่เวย ไม่ใช่ความลับอะไร
แอทสตูดิโออิ๋งลู่เวย : [ทุกท่านรอนานแล้วใช่ไหมคะ วันมะรืนนี้ก็คือคอนเสิร์ตของลู่เวย]
เนื่องจากมีแฟนคลับหลายท่านยังหาซื้อบัตรไม่ได้ และก็มีหลายท่านที่อยู่ไกลมาไม่ได้ ทางสตูดิโอกับลู่เวยเลยปรึกษากัน ตัดสินใจจะถ่ายทอดสดออนไลน์ด้วยค่ะ
ตอนนี้จะเปิดลิงก์จำหน่ายตั๋วคอนเสิร์ตออนไลน์นะคะ (ลิงก์) ขณะเดียวกันก็จะปล่อยรายชื่อเพลงและเวลาที่ลู่เวยจะเล่นด้วยค่ะ (รูปภาพ)]
คอมเมนต์กระหน่ำมาทันที
[กรี๊ดดด ลู่เวยเอาใจใส่ดีจัง ฉันแย่งซื้อบัตรไม่ทัน แฟนคลับคนอื่นๆ ไวมากเลย คอนเสิร์ตออนไลน์ ดันๆ]
[ซื้อบัตรแล้ว ดูก่อน ครั้งนี้ลู่เวยเล่นหลายเพลงขนาดนี้ อย่าเหนื่อยจนป่วยนะ]
[ฉันก็ซื้อบัตรแล้ว แต่อยากถามหน่อยว่า แอทเกษียณแล้วอย่ากวน จะเล่นตอนกี่โมง ฉันไม่อยากให้คนที่เล่นได้ไม่ดีแม้กระทั่งเพลงขั้นพื้นฐานมายึดเวลาในคอนเสิร์ต พอถึงตอนนั้นฉันจะกดข้าม เพื่อไม่ให้หูต้องมัวหมอง(อีโมชันยิ้ม)(อีโมชันยิ้ม)]