คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 174 มู่เฮ่อชิง ‘ฉันมารับเสี่ยวอิ๋ง’

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

อิ๋งเจิ้นถิงไม่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิดแม้แต่น้อย

ในสายตาของเขา ลูกควรเชื่อฟังพ่อแม่

ถ้าคนเป็นพ่ออย่างเขาคุมไม่ได้แม้กระทั่งลูกสาวแท้ๆ แบบนั้นถึงเรียกบกพร่องต่อหน้าที่

เงินห้าล้านมากเพียงพอแล้ว หนึ่งปีมานี้ที่อิ๋งจื่อจินอยู่ในตระกูลอิ๋งไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อน

ถ้าไม่ได้คำนึงถึงอิ๋งซื่อกรุ๊ป เขาก็ไม่มีทางหยิบออกมา

มีที่ไหนกันพ่อแม่มาขอร้องลูก

จงมั่นหวาเป็นคนเข้มแข็ง แต่อิ๋งเจิ้นถิงหัวแข็งยิ่งกว่าเธอ

เธอเป็นคนจัดการเรื่องในบ้านมาตลอด ตอนนี้อิ๋งเจิ้นถิงพูดขนาดนี้แล้ว เธอก็ห้ามไม่ได้ จะหักหน้าของอิ๋งเจิ้นถิงไม่ได้

“ไม่จำเป็น” อิ๋งจื่อจินลุกขึ้น ไม่แม้แต่จะมองเช็ค สีหน้าเรียบเฉย “จะไปแล้ว ไม่ต้องส่ง”

“…”

สั้นๆ แค่นี้ เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องนั้น

มีเสียงตื้อบริเวณหูของจงมั่นหวา เธอตะลึง “จื่อจิน ว่าไงนะ”

“น้อยไปเหรอ” อิ๋งเจิ้นถิงขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงเย็นชา “อยู่ตระกูลอิ๋งเลยกลายเป็นคนโลภขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ”

อิ๋งจื่อจินไม่สนใจ หันไปมองจงมั่นหวา “คุณไม่ได้บอกเขาสินะ”

จงมั่นหวาตัวสั่น สีหน้าเริ่มซีดลง

อิ๋งเจิ้นถิงสังเกตเห็นความผิดปกติ แต่ตอนนี้เขาต้องวางมาดขรึมของผู้อาวุโส สีหน้าเข้มงวดยิ่งกว่าเดิม “นี่คือแม่ของเธอ ไม่แม้แต่จะเรียกแล้วหรือไง”

“คุณนายอิ๋ง คุณอิ๋ง พวกคุณนี่น่าสนใจจริงๆ นะคะ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันไม่ชอบพูด นี่น่าจะเป็นคำพูดที่ยาวที่สุดในชีวิตฉันแล้ว”

“ฉันไม่เคยอยากกลับไปที่บ้านตระกูลอิ๋ง เป็นเพราะพวกคุณไม่สนใจความคิดของฉัน ข่มขู่พ่อกับน้องชายฉัน บังคับฉันให้ย้ายเข้าบ้าน ทั้งยังเอาบัตรประชาชนของฉันไป”

“และก็เพราะพวกคุณที่ให้ฉันบริจาคเลือดให้อิ๋งลู่เวย เป็นคลังเลือดมีชีวิต ไม่เคยคำนึงถึงว่าคนคนหนึ่งถ้าถูกสูบเลือดหลายครั้งมากเกินไปจะตายได้”

หากเธอตื่นมาไม่ทันเวลา เธอคงได้ตายไปจริงๆ แล้ว

อิ๋งจื่อจินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับเธอแม้แต่น้อย นิ่งราวกับไม่รู้สึกอะไร

“งานเลี้ยงปิดเทอมภาคฤดูร้อนเมื่อปีที่แล้ว คุณนายอิ๋งให้ฉันดื่มน้ำผลไม้หนึ่งแก้วที่ในนั้นใส่ยานอนหลับ เพื่อไม่ให้ฉันทำขายหน้า”

สมองของจงมั่นหวาว่างเปล่า เรี่ยวแรงทั้งหมดถูกสูบออกไปจนเกลี้ยง

เธอเหม่อมองเด็กสาว ริมฝีปากสั่น “เธอ เธอรู้ได้ยังไง ทั้งๆ ที่ฉันก็…”

ทั้งๆ ที่เธอล้างแก้วจนสะอาดแล้ว รวมถึงจัดการร่องรอยอื่นๆ

อีกทั้งเธอยังได้สอบถามปริมาณยาจากหมอประจำครอบครัว ไม่มีทางเป็นอันตรายต่อร่างกาย แค่จะทำให้หลับไปสักพัก

เรื่องราวถูกเปิดเผยแบบนี้ เธอรับไม่ได้

อิ๋งเจิ้นถิงไม่รู้เรื่องพวกนี้ ตอนนั้นเขาไปทำงานอยู่ที่อื่น

เขารู้เรื่องงานเลี้ยงตอนนั้น เป็นงานที่ตระกูลเศรษฐีตระกูลหนึ่งในฮู่เฉิงจัดขึ้น ถึงแม้จะไม่ใช่หนึ่งในสี่ตระกูลเศรษฐี แต่ก็เป็นตระกูลใหญ่เหมือนกัน

มองจงมั่นหวาที่หน้าซีด อิ๋งเจิ้นถิงตวาดใส่เด็กสาว “แม่ทำเพื่อเธอ ถ้าเธอเรียนมารยาทจนเป็น มีเหรอจะไม่ให้เธอไป”

“พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว” อิ๋งจื่อจินหาวออกมา เอียงศีรษะ ยิ้มเล็กน้อย “มีพ่อแม่อย่างพวกคุณ ฉันรู้สึกแต่ขยะแขยง”

“รบกวนพวกคุณจำไว้ด้วยเช่นกันว่าแซ่อิ๋งของฉัน ไม่ใช่อิ๋งของพวกคุณ”

เดิมทีเธอก็แซ่อิ๋ง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลอิ๋งแม้แต่น้อย

อีกทั้งชื่อของเธอ ไม่เพียงแต่จะเป็นชื่อที่เวินเฟิงเหมียนตั้งให้ ยังเป็นชื่อที่เพื่อนสนิทที่สุดของเธอเป็นคนตั้งให้ด้วยเช่นกัน

เธอไม่มีทางทอดทิ้ง

“ได้ ดีมาก” ศักดิ์ศรีของผู้ที่อาวุโสกว่าถูกท้าทายอย่างรุนแรง อิ๋งเจิ้นถิงโมโหจนหัวเราะ “งั้นฉันก็อยากจะรอดูว่าออกไปจากตระกูลอิ๋งเธอจะใช้ชีวิตยังไง!”

“ในเมื่อเธอต้องการไป งั้นก็ห้ามเอาบัตรธนาคารที่ตระกูลอิ๋งให้เธอไว้ไป รวมถึงเสื้อผ้าที่แม่ซื้อให้เธอด้วย”

ในที่สุดอิ๋งจื่อจินก็หันไปมองเขา “บัตรธนาคารที่พวกคุณให้ฉันงั้นเหรอ”

จงมั่นหวาอับอายยิ่งกว่าเดิม พูดกระซิบ “เจิ้น เจิ้นถิง ฉันลืมซื้อเสื้อผ้า เป็น เป็นของเหลือจากเสี่ยวเซวียนทั้งนั้น”

ราวกับถูกตบหน้าต่อหน้าคนจำนวนมาก สีหน้าของอิ๋งเจิ้นถิงแข็งทื่อ

จงมั่นหวาเม้มริมฝีปาก เป็นครั้งแรกที่พูดเกลี้ยกล่อมด้วยคำพูดเพราะๆ “จื่อจิน อย่าเอาแต่ใจสิ แม่บอกแล้วว่าลูกอยู่ในตระกูลอิ๋งก็ได้รับทุกอย่างเหมือนกัน ลูกจะกลับไปที่ไหนได้”

“กลับอำเภอชิงสุ่ยเหรอ ที่นั่นยากจนล้าหลัง ไหนจะพ่อบุญธรรมของลูกอีก เขาโรคภัยรุมเร้าขนาดนั้นจะส่งลูกเรียนได้ยังไง เชื่อพ่อของลูกนะ กลับบ้านเถอะ”

หมดเวรหมดกรรมก็ไม่เหลืออะไรแล้ว

อิ๋งจื่อจินดันเก้าอี้แล้วเดินออก

จงมั่นหวาทั้งร้อนใจทั้งโมโห และยังรู้สึกขายหน้ามาก ลุกขึ้นจะตามไป

“ปล่อยไป” อิ๋งเจิ้นถิงห้ามเธอ “ก็แค่งอนจนหนีออกจากบ้าน เดี๋ยวพอไม่มีเงินก็กลับมาเอง”

“เจิ้นถิง มีอยู่เรื่องที่ฉันไม่ได้บอกคุณ” เสียงของจงมั่นหวาเบาลง “จื่อจิน…ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกได้สามเดือนแล้ว และฉันก็ไม่เคยให้เงินด้วย”

อิ๋งเจิ้นถิงขมวดคิ้ว “เรื่องแบบนี้ทำไมคุณไม่รีบบอก”

“ฉัน…”

“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว” อิ๋งเจิ้นถิงยืนขึ้น สาวเท้าเดินออกไปตามอิ๋งจื่อจิน

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรเพื่อรั้งไว้

ปิ๊นๆ

เสียงแสบแก้วหูดังขึ้น รถมายบัคสีดำคันหนึ่งจอดลงที่หน้าร้านกาแฟ

หน้าต่างฝั่งข้างคนขับถูกลดลง

มู่เฮ่อชิงกวักมือเรียก “เสี่ยวอิ๋ง ขึ้นรถสิ”

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก จากนั้นก็เปิดประตูด้านหลังแล้วขึ้นรถ

มู่เฮ่อชิงหุบยิ้ม หันหน้าไป “มู่เฉิง”

มู่เฉิงเข้าใจ เปิดประตูลงจากรถ

ในมือของเขามีเช็คมูลค่าสามสิบล้าน ยื่นไปตรงหน้าอิ๋งเจิ้นถิงอย่างสุภาพ น้ำเสียงเจือไปด้วยอารมณ์ประชด “คุณอิ๋งพูดแล้วโปรดทำให้ได้ด้วยครับ อย่ามายุ่งกับคุณอิ๋งจื่อจินอีก”

“พวกคุณไม่ต้องการ แต่พวกเราต้องการครับ”

“สามสิบล้านซื้อความสัมพันธ์ทั้งหมดของพวกคุณกับคุณอิ๋งจื่อจินให้ขาดสะบั้นลง อย่าเสียใจนะครับ”

มู่เฉิงโยนเช็คเสร็จก็กลับไปประจำที่นั่งคนขับต่อ

รถมายบัคเคลื่อนตัวอีกครั้ง อิ๋งเจิ้นถิงถูกรถพ่นควันเสียใส่ สำลักไอออกมา

“เจิ้นถิง!” จงมั่นหวาวิ่งตามออกมา “จื่อจินล่ะคะ”

สีหน้าของอิ๋งเจิ้นถิงดูแย่มาก “ไปแล้ว”

จงมั่นหวาเห็นเช็คสามสิบล้าน “เจิ้นถิง นี่มัน…”

อิ๋งเจิ้นถิงไม่แม้แต่จะมอง เขาฉีกเช็คใบนี้ทิ้ง ย่อมไม่เห็นอักษร ‘มู่’ บนเช็ค

ในใจของเขาโมโหอัดอั้นตันใจมาก

เงินห้าล้านของเขาราวกับเป็นเรื่องตลกเมื่ออยู่ต่อหน้าเช็คใบนี้

“เจิ้นถิง ทำยังไงดีคะ” จงมั่นหวาลนลานทำอะไรไม่ถูก “จื่อจินไปจริงๆ แล้ว ก่อนหน้านี้ฉันก็คิดว่าแกแค่น้อยใจเล่นๆ ถึงไม่ได้บอกคุณ ตอนนี้…”

“ไม่ทำไง” อิ๋งเจิ้นถิงเลือดเย็น “เธอฝากความหวังไว้ที่ฟู่อวิ๋นเซิน แต่ฟู่อวิ๋นเซินเป็นคนยังไง คนไม่เอาไหน จะคบกันได้นานสักแค่ไหน”

“อีกอย่าง ผู้เฒ่าฟู่มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน พอผู้เฒ่าฟู่ตาย ยังมีที่ในตระกูลฟู่เหลือให้ฟู่อวิ๋นเซินอีกเหรอ ช้าเร็วเธอก็ต้องกลับมา”

จงมั่นหวากลืนคำพูดที่อยากพูดกลับไป

เมื่อครู่เธอเห็นเพียงควันเสียจากรถมายบัคสีดำ แต่ก็ยังเห็นป้ายทะเบียนรถ

เป็นรถจากตี้ตู

เธอเคยได้ยินคุณนายมู่บอกว่า ในตี้ตูมีแค่รถของมู่เฮ่อชิงที่เป็นรถมายบัคสีดำ แถมเลขทะเบียนสองตัวแรกยังเป็นศูนย์ศูนย์

หรือว่า…

พอความคิดนี้โผล่ขึ้นมาก็ถูกจงมั่นหวาปฏิเสธทันที

ขนาดคนในตระกูลมู่ยังไม่ได้เจอมู่เฮ่อชิง แต่อิ๋งจื่อจินได้เจองั้นเหรอ

จงมั่นหวาส่ายหน้า

เหลวไหลเกินไป

บนรถมายบัค

“เสี่ยวอิ๋ง อวิ๋นเซินบอกฉันแล้วนะ ฉันย้ายชื่อเธอออกจากบ้านตระกูลอิ๋งมาแล้ว” มู่เฮ่อชิงหันหน้ามา แต่ก็ยังแอบไม่พอใจ “ทำไมไม่รีบบอกฉันเรื่องนี้ล่ะ”

อิ๋งจื่อจินเอามือยันศีรษะ พอได้ฟังก็เลิกคิ้ว “ผู้เฒ่ามู่คะ โปรดอภัยที่ความจำของหนูไม่ค่อยดี”

มู่เฮ่อชิงทำหน้าไม่เชื่อ “เธอบอกว่าฉันความจำไม่ดียังพอว่า แต่ในที่สุดก็ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว เสี่ยวอิ๋ง อยากตามฉันไปอยู่ที่ตี้ตูไหม”

“อ่อ ไม่ไปค่ะ”

“…”

มู่เฉิงแอบปาดเหงื่อ

เขานับไม่ถ้วนแล้วว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไรที่คุณท่านของพวกเขาถูกปฏิเสธ แถมยังเป็นคนคนเดียว

ทั้งตี้ตูมีใครบ้างที่กล้า

“เฮ้อ เสน่ห์ของฉันยังไม่มากพอสินะ” มู่เฮ่อชิงถอนหายใจ สีหน้าโศกเศร้า “ช่างเถอะ ฉันก็ไม่อยากบังคับเธอ เอาเป็นว่าต่อไปถ้าเธออยากมาอยู่ตี้ตูต้องมาบอกฉันนะ”

“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินหยิบถุงผ้าใบเล็กออกมาจากชุดนักเรียนแล้วยื่นไปที่เบาะหน้า

“อะไรเหรอ”

“เอาไว้ปกป้องหัวใจค่ะ”

มู่เฮ่อชิงรับถุงผ้าใบนั้นมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายบนด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็ตบๆ “ฉันรู้สึกเหมือนเด็กลงไปห้าสิบปี ยังลงสนามรบได้อีกนะ”

“เรื่องนี้ช่างเถอะค่ะ” อิ๋งจื่อจินหาวออกมา สีหน้าไร้ความรู้สึก “ถ้าถูกยิงอีกครั้ง ต่อให้เปลี่ยนหัวใจท่านก็ตายเหมือนกันค่ะ”

ไม่เพียงแต่มู่เฮ่อชิงจะไม่โกรธ ยังอารมณ์ดีอีกด้วย “มู่เฉิง ได้ยินไหม เสี่ยวอิ๋งเป็นห่วงฉันล่ะ”

มู่เฉิงคิดในใจ พวกลูกหลานตระกูลมู่อยากเจอท่านอยู่ทุกวัน แถมให้ของบำรุง ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลยไม่ใช่เหรอ

แต่พอคุณอิ๋งจื่อจินพูดประโยคเดียวกลับพอใจ

“เสี่ยวอิ๋ง ทางตี้ตูยังมีเรื่องอีก ฉันจะบินกลับคืนนี้” มู่เฮ่อชิงให้หยุดรถที่หน้าคอนโดบ้านตระกูลเวิน “ถ้าเธอมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ทันทีนะ”

หยุดเล็กน้อยแล้วทำเสียงฮึดฮัด “ฉันไม่อยากเจอไอ้เด็กหน้าเหม็นนั่นสักนิด ถ้าเธอมาตี้ตูก็ไม่ต้องพาหมอนั่นมาล่ะ”

อิ๋งจื่อจินลงจากรถ พยักหน้าเป็นการขอบคุณเขา

หลังจากที่เด็กสาวเดินออกไปแล้ว มู่เฉิงถึงได้ถาม “คุณท่าน แล้วทางตระกูลอิ๋งล่ะครับ”

มู่เฮ่อชิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เสี่ยวอิ๋งไม่อยากสนใจ เพราะไม่ว่ายังไงนั่นก็พ่อแม่ของเธอ แต่ฉันทนดูไม่ไหว นายไปจัดการตามสมควรแล้วกัน”

มู่เฉิงพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับคุณท่าน”

วันต่อมา

อิ๋งเจิ้นถิงบินกลับไปทำงานที่ยุโรป จงมั่นหวาไปที่บ้านตระกูลจง

ผู้เฒ่าจงไม่อยากเจอเธอ เธอจึงเลือกมาตอนที่ผู้เฒ่าจงไม่อยู่บ้าน

“พี่สะใภ้” จงมั่นหวาเรียกคุณนายจง “เฉินโจวล่ะ”

ตระกูลมู่ส่งคุณชายบ้านตัวเองมาอยู่ที่นี่ ถือเป็นการให้ความสำคัญกับตระกูลอิ๋ง

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท