นักเรียนหญิงคนนั้นกำลังอ่านหนังสือกลอนโบราณ ท่องพึมพำอยู่คนเดียว ยังเหลืออีกส่วนที่เธอยังท่องไม่ได้ ทันใดนั้นได้ถูกจับที่บ่า นอกจากความเจ็บปวดแล้ว เธอยังสะดุ้งตกใจ
เธอกรีดร้องออกมา กอดกระเป๋านักเรียนของตัวเองเตรียมจะวิ่งหนีตามสัญชาตญาณ แต่บ่าของเธอถูกจับไว้แน่น ถึงแม้เท้าจะออกแรงก็ยังขยับไม่ได้ นักเรียนหญิงหันไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เห็นเด็กสาวที่สูงกว่าเธอเกือบหนึ่งช่วงหัว จึงยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่
น้ำเสียงสั่นเครือ เล็กเหมือนเสียงแมลงวัน “เธอเป็นใคร คิดจะทำอะไร”
“เอาออกมา” อิ๋งจื่อจินพูดซ้ำอีกครั้ง สีหน้าเย็นชา “บัตรประจำตัวสอบของเวินทิงหลาน”
พอได้ยินประโยคหลัง สีหน้าของนักเรียนหญิงก็เปลี่ยนไปทันที ร่างกายหดเกร็ง
เธอพยายามข่มความกลัวในใจ แสร้งทำเป็นใจเย็น เสียงเริ่มดังขึ้น “เธอพูดอะไร ฉันไม่รู้จักเวินทิงหลานเลยด้วยซ้ำ แล้วจะมีบัตรประจำตัวสอบของเขาได้ยังไง”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! วันนี้เป็นวันสอบเข้ามหา’ลัยของฉัน ถ้าเธอมารบกวนฉันเธอก็คือคนเลว!”
คำพูดช่วงท้ายนักเรียนหญิงเร่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ พูดอย่างเต็มปากเต็มคำ
ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมง นอกสนามสอบเต็มไปด้วยผู้คน บรรดาผู้ปกครองมาส่งลูกหลานของตัวเองเข้าสอบ
พอเห็นภาพนี้ก็เกิดอารมณ์ร่วม ต่างโมโหกันมาก
“นี่ก็มาสอบด้วยเหรอ ทำไมไปจับคนอื่นไว้ไม่ยอมปล่อยล่ะ เดี๋ยวก็จะเข้าสนามสอบแล้ว ทำคนอื่นเสียเวลาจะทำยังไง”
“ทำเสียเวลา สมาธิก็ถูกทำลาย ทำแบบนี้ได้ยังไง”
นักเรียนหญิงเห็นคนรอบตัวช่วยพูดแทนก็เริ่มได้ใจ
“เห็นหรือยัง รีบปล่อยฉันสิ!” เธอเชิดคางขึ้น หันไปตะโกนทางด้านหนึ่ง เจือไปด้วยเสียงสะอื้น
“แม่คะ ดูคนนี้สิ เธอมาขวางหนู ไม่ยอมให้หนูเข้าสอบ!”
“เธอทำอะไรน่ะ” มีผู้หญิงคนหนึ่งรีบวิ่งมาจากศาลาพักผ่อนอีกด้านด้วยความโมโห ตวาดใส่
“ปล่อยลูกสาวฉันนะ!”
“วันนี้ลูกฉันจะสอบเข้ามหา’ลัย เกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา เธอรับผิดชอบไหวเหรอ!”
“ฉันไม่อยากลงมือกับเด็กผู้หญิง” อิ๋งจื่อจินเพิ่มแรงที่มือ “ฉันจะให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย เอาออกมาแล้วจะไม่เป็นเรื่อง”
คนรอบตัวเยอะขึ้นเรื่อยๆ นักเรียนหญิงไม่กลัว “ฉันบอกไปแล้วว่าฉันไม่ได้เอาบัตรประจำตัวสอบของใครมา เธออยากรบกวนการสอบของฉันชัดๆ!”
เธอหันไปพูดกับผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ “แม่คะ คุณลุงตำรวจรักษาความสงบอยู่ข้างนอก เธอมาก่อกวนในสนามสอบต้องถูกจับไปนะคะ!”
ทุกคนต่างให้ความสำคัญกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่รักษาความสงบรู้เรื่องแล้ว กำลังวิ่งมาทางนี้
“นักเรียนครับ ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้ครับ” ตำรวจคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่อย่างนั้นจะถูกไล่ออกไปโทษฐานก่อกวนสนามสอบนะครับ”
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น “นี่คือสิ่งที่เธอเลือก”
นักเรียนหญิงรู้สึกใจคอไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก แต่เธอไม่กลัวสักนิด ทั้งยังพูดประชดอย่างอวดดี
“ฉันเลือกอะไร ฉันว่าเธอ…”
“ฟึ่บ!”
กระเป๋าเครื่องเขียนแบบใสที่เธอกอดไว้แน่นได้ถูกกระชากไป
แรงกระชากทำให้ร่างกายของนักเรียนหญิงหงายหลังอย่างควบคุมไม่ได้
แม่ของเธอประคองไว้ได้ทัน เธอจึงไม่ล้มลงไป
จากนั้นก็เห็นเครื่องเขียนถูกเทเต็มพื้น เธอตวาดเสียงด้วยความโมโห “จะมากเกินไปแล้วนะ! คุณตำรวจ คนเลวทรามแบบนี้ต้องเอาตัวไปนะคะ อายุแค่นี้ยังจิตใจเลวร้ายได้ขนาดนี้ โตขึ้นไปจะเป็นไง”
“เยาเยา!”
“พี่!”
เวินเฟิงเหมียนกับเวินทิงหลานมาจากอีกด้านหนึ่ง พอเห็นภาพนี้ก็อึ้ง
ฟู่อวิ๋นเซินเดินเข้ามาบังข้างหน้าอิ๋งจื่อจิน พูดกึ่งยิ้ม “เกินไปยังไงเหรอ”
อิ๋งจื่อจินก้มเก็บกระเป๋าเครื่องเขียน
สีหน้าของนักเรียนหญิงเปลี่ยนไปอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเข้าไปห้าม อิ๋งจื่อจินก็หยิบบัตรประจำตัวสอบของเธอออกมาจากกระเป๋าเครื่องเขียนใบนั้น
บัตรประจำตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นกระดาษใบเดียว แต่หลายโรงเรียนกลัวบัตรประจำตัวสอบเสียหายจึงมีการใส่ซองใสไว้ด้านนอกอีกชั้น
นักเรียนหญิงใจหายวาบ ดึงเสื้อแม่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ร้องไห้คร่ำครวญ
“แม่คะ! เธอจงใจหาเรื่องหนู เธอจะฉีกบัตรประจำตัวสอบของหนู”
คำพูดนี้ทำให้ตำรวจหลายคนที่มีหน้าที่ดูแลความสงบสีหน้าเปลี่ยน
ตำรวจคนที่พูดก่อนหน้านี้ทำได้เพียงโบกมือออกคำสั่ง “พาออกจากสนามสอบไปก่อน”
รอบตัวมีคนถ่ายรูป และสิ่งที่นักเรียนหญิงคาดไม่ถึงก็คือ จนถึงตอนนี้อิ๋งจื่อจินก็ยังคงใจเย็น เธอฉีกซองใสที่ใส่บัตรประจำตัวสอบออกแล้วหยิบบัตรออกมา
ไม่ใช่ใบเดียว แต่มีสองใบ
อิ๋งจื่อจินเอาอีกใบใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าเครื่องเขียน ชูบัตรประจำตัวสอบที่อยู่ในมือ
“เธอไม่ได้เอาไป งั้นทำไมบัตรประจำตัวสอบของน้องชายฉันถึงมาอยู่ที่เธอล่ะ”
สีหน้าของนักเรียนหญิงซีดลงในทันที ริมฝีปากสั่น ร่างกายสั่นไม่หยุด
อาจารย์ที่ปรึกษาเดินเข้ามารับไปดู “เป็นบัตรประจำตัวสอบของทิงหลานจริงๆ”
เวินทิงหลานอึ้ง “พี่?”
เขายังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
อิ๋งจื่อจินตบบ่าของเขาเพื่อบอกว่าไม่มีอะไรแล้วหันไป
“ขอถามหน่อยค่ะคุณตำรวจ ขโมยบัตรประจำตัวสอบของผู้สอบคนอื่นควรลงโทษยังไงคะ”
“…”
คนรอบตัวต่างคาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะเป็นแบบนี้
นักเรียนหญิงคนนี้ดูไม่มีพิษไม่มีภัย แต่เป็นโจรงั้นเหรอ
คนเป็นแม่หน้าเสีย “ลูกสาวฉันจะทำเรื่องอย่างขโมยบัตรประจำตัวสอบได้ยังไง น่าจะเผลอหยิบผิดมาตอนแจกหรือเปล่า”
“เหลวไหล เธอไม่ใช่เด็กห้องเรา” บัตรประจำตัวสอบกลับมาอีกครั้ง อาจารย์ที่ปรึกษาโมโหมากกว่าเดิม
“ฉันจะแจกให้เธอได้ยังไงคะ”
ประโยคเดียวเหมือนโดนตบหนึ่งฉาด ใบหน้าของแม่เด็กร้อนผ่าว อับอายสุดชีวิต
เวลานี้เสียงออดได้ดังขึ้น เป็นสัญญาณว่าเข้าสนามสอบได้
นักเรียนหญิงเม้มริมฝีปาก กำลังจะเก็บเครื่องเขียนแล้ววิ่งเข้าไปในโรงเรียน
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้วิ่งออกไป อิ๋งจื่อจินก็กระชากคอเสื้อของเธอขึ้นมา
จากนั้นก็เอาบัตรประจำตัวสอบให้เวินทิงหลานพลางพูด “เสี่ยวหลาน เข้าไปสอบก่อน”
เวินทิงหลานก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาถาม เขาพยักหน้าแล้วเดินเข้าไป
นักเรียนหญิงอดกลั้นจนหน้าแดงก่ำ
“บอกไปแล้วว่าฉันไม่ได้ขโมย ใครจะไปรู้ว่ามันจะมาอยู่ในกระเป๋าเครื่องเขียนของฉัน ฉันจะไปสอบแล้ว เธอปรักปรำฉันขัดขวางฉันหมายความว่าไง”
“เธอบอกว่าพวกเราปรักปรำเธอเรื่องนี้ งั้นก็รอหลักฐานนะ” ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินโค้งมน ยิ้มแต่น้ำเสียงเย็นชา “ลองดูว่าเป็นการปรักปรำหรือไม่กันแน่ ไม่ต้องรีบกำลังตรวจดูกล้องวงจรปิดอยู่”
ตอนนี้ผู้สอบทุกคนเข้าไปแล้ว นักเรียนหญิงร้อนใจจนร้องไห้ “ฉันจะสอบ ปล่อยฉันไปสอบนะ!”
อิ๋งจื่อจินไม่ขยับ
ตำรวจที่ทำหน้าที่ดูแลความสงบเริ่มทนไม่ไหว “เอาน่า สาวน้อย ปล่อยเธอเข้าไปก่อนเถอะ ยังไงซะ…”
ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่วิ่งมาด้วยความรีบร้อนขัดจังหวะเสียก่อน
เขาอุ้มคอมพิวเตอร์มาเปิดคลิป “นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดครับ”
คลิปไม่ยาว เพราะเป็นกล้องวงจรปิดที่ถนน ดังนั้นความคมชัดจะไม่สูงเท่าไร แต่ก็แยกการแต่งกายของนักเรียนหญิงได้อย่างชัดเจน
เธอไปเอาบัตรประจำตัวสอบเป็นเพื่อนนักเรียนหญิงอีกคนหนึ่ง นักเรียนหญิงคนนี้อยู่คลาสอัจฉริยะ แถมยังมีตำแหน่งในห้อง
เนื่องจากอาจารย์ที่ปรึกษาก็กำลังแจกให้นักเรียนคนอื่นอยู่ คนค่อนข้างเยอะ จึงให้นักเรียนหญิงช่วยแจก นักเรียนหญิงจึงฉวยโอกาสในตอนนี้แอบเอาบัตรประจำตัวสอบของเวินทิงหลานไป จากนั้นก็ใส่ไว้ในกระเป๋าเครื่องเขียนของตัวเอง
สีหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจเปลี่ยนไปทันที แม่ของนักเรียนหญิงก็ตกใจ เห็นได้ชัดว่าไม่รู้จริงๆ ว่าลูกสาวตัวเองจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้
นักเรียนหญิงหน้าซีด “ไม่ ฉันไม่ได้ตั้งใจ!”
เดิมทีเธอคิดไว้ว่าพอเข้าไปในโรงเรียนจะฉีกบัตรประจำตัวสอบของเวินทิงหลานทิ้งลงชักโครก
แบบนี้เวินทิงหลานก็จะไม่มีบัตรประจำตัวสอบ อย่าคิดจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเลย และก็ไม่มีทางมีใครคิดว่าเป็นเธอ กล้องวงจรปิดที่ถนนขอมาได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน
แต่นักเรียนหญิงนึกไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงว่า เธอเพิ่งเอาบัตรประจำตัวสอบของเวินทิงหลานมาซ่อนได้ไม่เท่าไรก็ถูกจับได้แล้ว
“ขโมยบัตรประจำตัวสอบ ผลสอบจะเป็นโมฆะทันที” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“อีกทั้งยังถูกลงบันทึกประจำวัน นักเรียนคนนี้ช่วยไปกับพวกเราด้วยครับ”
นักเรียนหญิงหน้ามืด เกือบหมดสติไป
แม่เด็กก็ร้อนใจ “คุณตำรวจคะ ร้ายแรงขนาดนั้นที่ไหนกัน อีกอย่างนี่ก็คืนบัตรประจำตัวสอบไปแล้ว การสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำคัญต่อเด็กมาก พวกเราสำนึกผิดแล้วค่ะ”
“เหตุการณ์เลวร้าย คะแนนสอบเป็นโมฆะอันนี้แน่นอนอยู่แล้วครับ” ตำรวจยังไม่ใจอ่อน “จะลงบันทึกประจำวันหรือไม่พวกคุณต้องถามเจ้าทุกข์แล้วว่าจะยอมรับการประนีประนอมหรือไม่ครับ”
สายตาของนักเรียนหญิงเป็นประกายอีกครั้ง
“ประนีประนอม ต้องประนีประนอมแน่นอนค่ะ” แม่เด็กรีบพูด
“ไม่มีอะไรแล้ว ทำไมจะไม่ยอมความกันล่ะคะ”
“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ยอมความ” อิ๋งจื่อจินเอามือกดปีกหมวกเบสบอล สายตาเย็นชา
“ฉันให้โอกาสไปแล้ว”
ถึงแม้เธอเตรียมจะให้เวินทิงหลานไปมหาวิทยาลัยนอร์ตันแล้วก็ตาม แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้ถูกทำลายการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ นักเรียนหญิงตัวสั่น นึกถึงก่อนหน้านี้ที่ตัวเองแถกับปากแข็ง พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ได้แต่ร้องไห้ไม่หยุด
“ไป๋เสาซือให้หนูทำแบบนี้” อิ๋งจื่อจินไม่มองเธออีกต่อไป ชื่อที่พูดออกมากลับทำให้เธอยิ่งหวาดกลัว
“คุณลุงตำรวจคะ ตรวจสอบเส้นทางการเงินของเธอ คนบงการเป็นผู้ใหญ่ค่ะ”
ตำรวจสีหน้าเคร่งเครียด “แน่นอนครับ คนบงการความผิดรุนแรงยิ่งกว่า”
เขากวักมือบอกให้เพื่อนร่วมงานเอาตัวนักเรียนหญิงไป
…
สองวันของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากออดหมดเวลาการสอบวิชาภาษาอังกฤษดังขึ้น บรรดานักเรียนก็วิ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง
เวินทิงหลานยังคงไม่รู้สึกอะไร กลับเป็นหัวหน้าห้องที่เข้าไปดึงเขา “ไปๆ ทิงหลาน พอเรียนจบก็ต้องแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางแล้ว วันนี้ยังไงก็ต้องรวมตัวกันนะ”
จากนั้นก็หันไปด้วยความดีใจ “เทพอิ๋งครับ คุณชายเจ็ด ไปด้วยกันสิครับ”
สุดท้ายนักเรียนคลาสอัจฉริยะชั้นมอหกได้เหมาโต๊ะใหญ่หลายโต๊ะของร้านปิ้งย่างริมทางที่อยู่ริมถนนแถวชิงจื้อ พวกเขาสั่งเนื้อย่างกับเบียร์ และยังมีไก่ผัดจานใหญ่กับหอยโข่งกุ้งผัดกระเทียม
“ทิงหลาน เป็นไงบ้าง” หัวหน้าห้องถาม “มั่นใจว่าได้ที่หนึ่งหรือไม่”
“อืม” เวินทิงหลานตอบสั้นๆ “เขียนเรียงความไม่ค่อยดี หมดหวังได้คะแนนเต็มแล้ว”
หัวหน้าห้อง “…”
เขาไม่ควรพูดกับคนประหลาด
“ดูท่าพวกเราจะไปเจอกันที่ตี้ตูนะ” หัวหน้าห้องตบบ่าของเขา “ไม่แน่พวกเราอาจถูกจัดให้อยู่หอเดียวกันก็ได้นะ”
พอคำพูดนี้จบลงก็มีเสียงเยาะเย้ยดังมาอยู่ไม่ไกล
“นั่นสินะ พอไม่ได้สิทธิ์สอบสัมภาษณ์มหาวิทยาลัยนอร์ตันก็คงไปได้แค่มหาวิทยาลัยตี้ตูไม่ใช่เหรอ”
หัวหน้าห้องหันไปก็เห็นเฮ่อสวินกับนักเรียนสองคนคลาสนานาชาติและยังมีนักเรียนชายอีกคนที่มาแทนที่เวินทิงหลาน พวกเขากำลังรอรถ
วันนี้พวกเขาจะออกเดินทางไปสนามบินเพื่อบินไปยุโรป
คนที่พูดก็คือนักเรียนชายคนนั้น
สายตาของเฮ่อสวินหยุดที่อิ๋งจื่อจินชั่วขณะแล้วเบนออก
“น่าสงสารจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์เฮ่อสวินไม่ถูกใจนาย สิทธิ์สอบสัมภาษณ์ก็คงไม่ตกมาที่ฉัน” นักเรียนชายทำเสียงจึ๊ๆ “วางใจได้ ฉันจะเอาบัตรเชิญของคณะระดับ ดี มาแทนนายให้ได้”
สีหน้าของเวินทิงหลานเย็นชา ไม่พูดอะไร
“บัตรเชิญของมหาวิทยาลัยนอร์ตันเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินหันมา ทันใดนั้นก็ยิ้ม “บังเอิญจัง พี่ชายกำลังจะเอาให้น้องชาย”
เขาหยิบบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้ววางลงบนโต๊ะ
เป็นบัตรสีดำเลี่ยมขอบทอง
เฮ่อสวินอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะ เห็นอักษรที่อยู่บนบัตร
มหาวิทยาลัยนอร์ตัน ระดับ เอสเอส