คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 186 ตบหน้าอย่างจัง นายคู่ควรเหรอ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

“…”

ชื่อนี้ราวกับหอบเอาเสียงรอบตัวทั้งหมดไปด้วย

สมองของเฮ่อสวินถูกระเบิดจนว่างเปล่าอีกครั้ง ยืนแทบไม่อยู่

มือที่จับสำเนาหนังสือตอบรับก็สั่นไม่หยุด

ถึงแม้เฮ่อสวินจะเป็นนักศึกษาของคณะระดับดี (D) ก็ไม่เคยได้สัมผัสกับส่วนสำคัญของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน แต่เขาก็รู้ว่าคณะระดับเอสเอส (SS) ไม่ได้รับนักศึกษามานานมากแล้ว

ดังนั้นเวินทิงหลานเป็นนักเรียนเพียงคนเดียวที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันรับเข้าคณะระดับเอสเอส (SS) ในช่วงเวลาเกือบสามปีมานี้!

ศาสตราจารย์เห็นเฮ่อสวินเอาแต่อึ้งจึงดึงสำเนาหนังสือตอบรับออกจากมือของเขา

พอมือว่างเปล่าเฮ่อสวินถึงค่อยๆ ได้สติกลับมา พูดอย่างยากลำบาก “ประธานมหาวิทยาลัย…จะจับใครยัดเข้าคณะระดับเอสเอส (SS) ก็ได้เหรอ”

ถ้าอิ๋งจื่อจินไม่ใช้เส้นให้เวินทิงหลาน เวินทิงหลานจะเข้าคณะระดับเอสเอส (SS) สาขาเครื่องกลได้เหรอ

ต่อให้เขามั่นใจว่าเวินทิงหลานเข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันได้แน่ แต่อย่างมากสุดก็คณะระดับเอ (A)

ระดับเอสเอส (SS) เหรอ

ไม่มีคุณสมบัติเลยด้วยซ้ำ

“คุณเฮ่อ คุณไข้ขึ้นเริ่มเพ้อแล้วหรือเปล่า” พอได้ยินแบบนั้นศาสตราจารย์ก็โมโหจนหัวเราะ สีหน้าเย็นชาลง “อธิการบดีมหาวิทยาลัยเป็นคนตั้งกฎรับนักศึกษา ไม่เคยเปลี่ยนหรือยอมอ่อนให้เพราะใครทั้งนั้น”

เขายกคอมพิวเตอร์มาวางตรงหน้าเฮ่อสวินแล้วชี้ไปที่เอกสารฉบับหนึ่ง

“เวินทิงหลาน ไอคิว 228 เป็นรองก็แค่นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะไม่กี่คนเหล่านั้นในประวัติศาสตร์ เขามีความสามารถในการขยับมือสูง แก้ลูกรูบิกสามคูณสามได้ในสามวินาที”

“ตอนห้าขวบเขาสามารถรื้อซาวด์อะเบาท์ที่พังแล้วดึงอะไหล่ที่พังออกมา จากนั้นก็ประกอบเข้าไปใหม่ ซาวด์อะเบาท์ยังใช้ได้อยู่”

ศาสตราจารย์พูดถึงตอนสุดท้ายอารมณ์ก็สงบลง “คุณเฮ่อ คุณลองพูดมาหน่อยว่า อัจฉริยะแบบนี้จำเป็นต้องใช้เส้นเข้าคณะระดับเอสเอส (SS) ด้วยเหรอ”

ถ้าไม่ใช่เพราะเหมาะสม อิ๋งจื่อจินไม่มีทางให้เวินทิงหลานเข้าคณะระดับเอสเอส (SS)

อย่างไรเสียสาขาเล่นแร่แปรธาตุกับสาขาเหนือธรรมชาติก็ถูกเธอตัดออกไปก่อนแล้ว

สองสาขานี้ต่อให้เป็นคนปกติเข้าไปเรียนก็ได้กลายเป็นบ้ากันหมด

เทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยนอร์ตันล้ำกว่าโลกภายนอก บรรดาศาสตราจารย์และนักศึกษาของสาขาเครื่องกลมีบทบาทมากที่สุด

เฮ่อสวินมองบันทึกในแฟ้มเอกสาร ริมฝีปากขยับ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

มีความสามารถในการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ เวินทิงหลานเป็นอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะจริงๆ

“จริงสิคุณเฮ่อ” ศาสตราจารย์ดันแว่นตา “ได้ยินว่างานที่คุณเลือกหลังเรียนจบคืออาจารย์มัธยมปลาย ดูเหมือนโรงเรียนที่สอนก็เป็นโรงเรียนที่นักเรียนเวินทิงหลานเรียนอยู่ด้วยหรือเปล่า”

เฮ่อสวินยังคงไม่ตอบ

ความเสียใจแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ปกคลุมหัวใจของเขา อดกลั้นจนแทบระเบิดออกมา

ถึงขนาดที่เขาพอจะคิดได้ว่า ถ้าเขาไม่ยึดสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ของเวินทิงหลานกลับมา แต่พาเวินทิงหลานมาที่มหาวิทยาลัยนอร์ตัน

แบบนั้นเขาก็จะเป็นอาจารย์คนแรกที่ปั้นนักศึกษาคณะระดับเอสเอส (SS) ได้

ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ถูกเพิกถอนใบจบการศึกษา อีกทั้งยังจะได้รับโอกาสให้อยู่ในมหาวิทยาลัยต่อ

แต่ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว

ไม่มีใบจบจากมหาวิทยาลัยนอร์ตัน โรงเรียนชั้นแนวหน้าของประเทศจีนอย่างชิงจื้อไม่มีทางจ้างเขา

แทบจะไม่มีที่ให้ไปแล้ว

“ผมพูดไปหมดแล้ว ผมยังต้องไปสอนอีก” ศาสตราจารย์ดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ “คุณเฮ่อ ผมขอเตือนสักหน่อย รถใต้ดินเที่ยวสุดท้ายคืนนี้คือสามทุ่มครึ่ง อย่าตกรถล่ะ”

เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตันที่ปรากฏภายนอกกับที่ใช้ภายในไม่เหมือนกัน

เว็บภายในจะมีแค่นักศึกษากับพวกศาสตราจารย์ที่เข้าไปได้ เว็บภายนอกคือให้โลกภายนอกเยี่ยมชม

ในฐานะที่เป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลก เว็บไซต์ทางการของมหาวิทยาลัยนอร์ตันย่อมได้รับความสนใจจากคนภายนอก

ถึงแม้จะเป็นประกาศเพิกถอนใบจบการศึกษาก็ตาม

ปีที่แล้วก็มี แต่ไม่ได้ประกาศชื่อ แค่บอกตัวเลข

ส่วนปีนี้ไม่เหมือนกัน ในประกาศมีประโยคหนึ่งที่เขียนว่า

[ทางมหาวิทยาลัยได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนและได้ตัดสินใจเพิกถอนใบจบการศึกษาของนักศึกษาลำดับที่ 679 ชื่อเฮ่อสวิน]

ชื่อเฮ่อสวินได้ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมากในทันที รวมถึงพวกบอสด้วย

แต่อย่างมากก็แค่พอคุ้นๆ ผ่านไปไม่กี่วันก็ลืมแล้ว

คนที่ถูกมหาวิทยาลัยนอร์ตันเพิกถอนใบจบการศึกษาควรค่าให้พวกเขาเก็บมาคิดด้วยเหรอ

ไม่คู่ควรเลยสักนิด

แต่ทางด้านโรงเรียนมัธยมชิงจื้อกลับให้ความสนใจมากหน่อย เพราะเฮ่อสวินยังได้พานักเรียนสามคนไปสอบสัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันด้วย

“ผู้อำนวยการ พวกเราถูกหลอกแล้ว!” อาจารย์ฝ่ายวิชาการตบโต๊ะ โมโหมาก “แถมนี่ยังเป็นเพราะทางมหาวิทยาลัยนอร์ตันให้เวลาผ่อนปรนหลายปี ถ้าไม่มีระยะเวลาผ่อนปรน เฮ่อสวินก็ไม่มีแม้แต่ใบจบการศึกษา”

“แบบนี้เขาก็ไม่ถือว่าเป็นนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยนอร์ตัน”

เขาโมโหจะตายอยู่แล้ว

เขาก็เป็นคนดูแลการเงินของโรงเรียน

ตอนนั้นชิงจื้อเชิญเฮ่อสวินมาเป็นอาจารย์ด้วยค่าตอบแทนที่สูงมาก โดยให้เงินเดือนหนึ่งแสนแปดหมื่น

อาจารย์ฝ่ายวิชาการรู้สึกว่าเขาเอาเงินให้หมากินไปแล้ว

“ไม่ใช่สิดี” ผู้อำนวยการพยักหน้า “ถ้าใช่ ผมคงสงสัยในการอบรมสั่งสอนของมหาวิทยาลัยนอร์ตันแล้ว”

หากเรื่องราวไม่เปิดเผยออกมาในตอนท้าย เขาคงไม่รู้ว่าเฮ่อสวินเคยบีบให้เด็กที่เรียนแย่หลายคนต้องย้ายโรงเรียน

อาจารย์ฝ่ายวิชาการยิ่งคิดยิ่งโมโห “ไม่ได้การ ผมจะไปฟ้องเขาข้อหาหลอกลวง!”

พูดจบก็เดินออกจากห้องทำงานผู้อำนวยการไปด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด

ทางด้านนี้

อิ๋งจื่อจินได้เตาปรุงยามาแล้ว

เตาขนาดไม่ใหญ่ ใส่ลงกระเป๋าเป้ได้พอดี

เธอเอาสมุนไพรจำนวนหนึ่งมาจากสวนของสาขาวิชาสมุนไพร

สาขาสมุนไพรเป็นของคณะระดับเอส (S) แต่นักศึกษาคนไหนก็ตามที่จบจากสาขาสมุนไพร ต่อให้เรียนแย่แค่ไหนก็ยังเป็นหัวหน้าแพทย์ของโรงพยาบาลใหญ่ระดับโลก

วิชาเล่นแร่แปรธาตุก็เป็นวิชาบังคับของสาขาสมุนไพร

หลังจากที่อิ๋งจื่อจินได้สมุนไพรมาในที่สุดก็เงยหน้าขึ้น “เจ็ดวันแล้ว นอร์ตันล่ะ”

โลกภายนอกไม่รู้ว่าชื่อมหาวิทยาลัยนอร์ตันที่ฟังดูยิ่งใหญ่มีเกียรติ แท้จริงแล้วชื่อนี้ก็คือชื่อที่ตอนนั้นอธิการบดีตั้งส่งเดชโดยใช้ชื่อของตัวเอง

“เอ…ผมก็ไม่ได้เจอท่านอธิการมานานแล้วเหมือนกัน” รองอธิการบดีก็เหมือนเพิ่งจะนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ “ดูเหมือนจะหลายเดือนแล้วครับ”

ที่ไม่ได้รับนักศึกษาระดับเอสเอส (SS) มาตลอดเป็นเพราะนอร์ตันนักเล่นแร่แปรธาตุสติเฟื่องคนนี้ชอบหายตัว ไม่ได้เอาใจจดจ่ออยู่ที่มหาวิทยาลัย

“ดูท่า” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าช้าๆ พูดด้วยความเสียดาย “วิชาเล่นแร่แปรธาตุก็รักษาอัลไซเมอร์ไม่ได้”

รองอธิการบดีที่หัวใจถูกมีดทิ่มแทง “…”

“เอ่อคือ โทษผมไม่ได้นะครับ” รองอธิการบดีรู้สึกว่าตัวเองไม่เกี่ยวด้วยเลยจริงๆ “ใช่ว่าคุณจะไม่รู้ว่าพอท่านอธิการเริ่มหมกมุ่นในการเล่นแร่แปรธาตุ เขาก็จะขังตัวเองไว้ในห้องไม่ออกมา”

“บริเวณรอบห้องของเขาวางของมีพิษอยู่จำนวนมาก ผมก็ไม่กล้าเข้าใกล้ นานวันเข้าผมก็เลยลืม”

เรื่องที่เขาศึกษาเป็นวิทยาศาสตร์เหนือธรรมชาติ เขาจึงไม่สันทัดเรื่องเล่นแร่แปรธาตุแม้แต่น้อย

อิ๋งจื่อจินสะพายกระเป๋าเป้ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “พาฉันไปดูหน่อย”

รองอธิการบดีรู้ว่า บอสใหญ่ตรงหน้าเขาคนนี้เป็นทั้งวิชาเล่นแร่แปรธาตุและแพทย์แผนโบราณ

แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือการใช้พิษ

ครั้นแล้วรองอธิการบดีก็รีบพาเด็กสาวไปทันทีโดยไม่ต้องคิด

ที่นั่นเป็นหอสูง ถึงแม้จะเป็นยามบ่ายที่แดดร้อนระอุก็ยังให้ความรู้สึกอึมครึม

อิ๋งจื่อจินมองไปรอบๆ “ทางนี้”

รองอธิการบดีรีบตามไป กระโดดเข้าไปในหอนั้นเหมือนเล่นกระโดดข้ามช่อง

แต่ละชั้นเป็นบันไดวนขึ้นไป ทั้งสองคนมาถึงชั้นบนสุด

อิ๋งจื่อจินหยิบถุงมือสีขาวหนึ่งคู่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วใส่มัน จากนั้นถึงเอามือจับที่ประตูแล้วเปิดเข้าไป

ลมพัดเข้ามาจากหน้าต่างที่อยู่ด้านบนสุด พาให้กระดาษเหลือใช้บนพื้นปลิวว่อน

ไม่มีใครสักคน

อิ๋งจื่อจินหลับตา ไม่กี่วินาทีก็หันหน้าไป “เขาล่ะ”

เมื่อครู่เธอมองดูเหตุการณ์ในช่วงสิบกว่าวันที่ผ่านมา ที่นี่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไร

ซึ่งก็หมายความว่านอร์ตันหายไปนานแล้ว

รองอธิการบดีสาวเท้าเดินเข้ามา พอเห็นสภาพภายในก็ตะลึง “ผมสาบานได้ว่าครั้งก่อนที่ผมเจอท่านอธิการ เขาอยู่ที่นี่ เขาไม่ได้ออกไปไหนแน่นอน”

อิ๋งจื่อจินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ต่อให้ถ้าเขาออกไป คุณก็ไม่สังเกตเห็นหรอก”

รองอธิการบดีหุบปาก

ก็จริง

ไม่เพียงแต่นอร์ตันจะมีความสามารถสูงในวิชาเล่นแร่แปรธาตุ เขายังแปลงโฉมได้ด้วย

ในเว็บบอร์ดเอ็นโอเคก็มีชาร์ตนักแปลงโฉม ถึงแม้นอร์ตันจะไม่ติดอันดับ แต่ฝีมือแปลงโฉมของเขาไม่ต่ำกว่าห้าอันดับแรกแน่นอน

นักแปลงโฉมระดับนี้สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้อย่างง่ายดาย

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง พูดเสียงขรึม “เอาไพ่ทาโรต์มา”

รองอธิการบดีอึ้ง รีบวิ่งออกไปหยิบไพ่ทาโรต์ที่สาขาดาราศาสตร์

ไพ่ทาโรต์ที่แพร่หลายอยู่ในท้องตลาดเป็นของปลอม แต่ที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนอร์ตันเป็นของจริง

ไม่นานรองอธิการบดีก็กลับมา

เขาหอบมาหลายกล่อง “ลองดูครับว่าจะเอาแบบไหน”

“ได้ทั้งนั้น” อิ๋งจื่อจินหยิบมาหนึ่งกล่อง “ไม่มีผล”

ไพ่ทาโรต์มีทั้งหมดเจ็ดสิบแปดใบ สำรับใหญ่ยี่สิบสองใบ สำรับเล็กห้าสิบหกใบ

เธอใช้สำรับใหญ่

หลังจากล้างไพ่เสร็จก็เรียงไพ่ทั้งยี่สิบสองใบบนโต๊ะ

อิ๋งจื่อจินก้มหน้า ค่อยๆ เอามือวาดอยู่เหนือไพ่เหล่านั้นเรียงไป

ไพ่สามใบถูกดูดขึ้นมาติดมือโดยอัตโนมัติ

เธอเอาไพ่สามใบนี้วางไว้ด้านข้างแล้วเปิดเรียงทีละใบ

ตอนที่เห็นไพ่สองใบแรกรองอธิการบดียังใจเย็นอยู่

แต่พอเปิดไพ่ใบที่สาม สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท