“…”
ชื่อนี้ราวกับหอบเอาเสียงรอบตัวทั้งหมดไปด้วย
สมองของเฮ่อสวินถูกระเบิดจนว่างเปล่าอีกครั้ง ยืนแทบไม่อยู่
มือที่จับสำเนาหนังสือตอบรับก็สั่นไม่หยุด
ถึงแม้เฮ่อสวินจะเป็นนักศึกษาของคณะระดับดี (D) ก็ไม่เคยได้สัมผัสกับส่วนสำคัญของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน แต่เขาก็รู้ว่าคณะระดับเอสเอส (SS) ไม่ได้รับนักศึกษามานานมากแล้ว
ดังนั้นเวินทิงหลานเป็นนักเรียนเพียงคนเดียวที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันรับเข้าคณะระดับเอสเอส (SS) ในช่วงเวลาเกือบสามปีมานี้!
ศาสตราจารย์เห็นเฮ่อสวินเอาแต่อึ้งจึงดึงสำเนาหนังสือตอบรับออกจากมือของเขา
พอมือว่างเปล่าเฮ่อสวินถึงค่อยๆ ได้สติกลับมา พูดอย่างยากลำบาก “ประธานมหาวิทยาลัย…จะจับใครยัดเข้าคณะระดับเอสเอส (SS) ก็ได้เหรอ”
ถ้าอิ๋งจื่อจินไม่ใช้เส้นให้เวินทิงหลาน เวินทิงหลานจะเข้าคณะระดับเอสเอส (SS) สาขาเครื่องกลได้เหรอ
ต่อให้เขามั่นใจว่าเวินทิงหลานเข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันได้แน่ แต่อย่างมากสุดก็คณะระดับเอ (A)
ระดับเอสเอส (SS) เหรอ
ไม่มีคุณสมบัติเลยด้วยซ้ำ
“คุณเฮ่อ คุณไข้ขึ้นเริ่มเพ้อแล้วหรือเปล่า” พอได้ยินแบบนั้นศาสตราจารย์ก็โมโหจนหัวเราะ สีหน้าเย็นชาลง “อธิการบดีมหาวิทยาลัยเป็นคนตั้งกฎรับนักศึกษา ไม่เคยเปลี่ยนหรือยอมอ่อนให้เพราะใครทั้งนั้น”
เขายกคอมพิวเตอร์มาวางตรงหน้าเฮ่อสวินแล้วชี้ไปที่เอกสารฉบับหนึ่ง
“เวินทิงหลาน ไอคิว 228 เป็นรองก็แค่นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะไม่กี่คนเหล่านั้นในประวัติศาสตร์ เขามีความสามารถในการขยับมือสูง แก้ลูกรูบิกสามคูณสามได้ในสามวินาที”
“ตอนห้าขวบเขาสามารถรื้อซาวด์อะเบาท์ที่พังแล้วดึงอะไหล่ที่พังออกมา จากนั้นก็ประกอบเข้าไปใหม่ ซาวด์อะเบาท์ยังใช้ได้อยู่”
ศาสตราจารย์พูดถึงตอนสุดท้ายอารมณ์ก็สงบลง “คุณเฮ่อ คุณลองพูดมาหน่อยว่า อัจฉริยะแบบนี้จำเป็นต้องใช้เส้นเข้าคณะระดับเอสเอส (SS) ด้วยเหรอ”
ถ้าไม่ใช่เพราะเหมาะสม อิ๋งจื่อจินไม่มีทางให้เวินทิงหลานเข้าคณะระดับเอสเอส (SS)
อย่างไรเสียสาขาเล่นแร่แปรธาตุกับสาขาเหนือธรรมชาติก็ถูกเธอตัดออกไปก่อนแล้ว
สองสาขานี้ต่อให้เป็นคนปกติเข้าไปเรียนก็ได้กลายเป็นบ้ากันหมด
เทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยนอร์ตันล้ำกว่าโลกภายนอก บรรดาศาสตราจารย์และนักศึกษาของสาขาเครื่องกลมีบทบาทมากที่สุด
เฮ่อสวินมองบันทึกในแฟ้มเอกสาร ริมฝีปากขยับ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
มีความสามารถในการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ เวินทิงหลานเป็นอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะจริงๆ
“จริงสิคุณเฮ่อ” ศาสตราจารย์ดันแว่นตา “ได้ยินว่างานที่คุณเลือกหลังเรียนจบคืออาจารย์มัธยมปลาย ดูเหมือนโรงเรียนที่สอนก็เป็นโรงเรียนที่นักเรียนเวินทิงหลานเรียนอยู่ด้วยหรือเปล่า”
เฮ่อสวินยังคงไม่ตอบ
ความเสียใจแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ปกคลุมหัวใจของเขา อดกลั้นจนแทบระเบิดออกมา
ถึงขนาดที่เขาพอจะคิดได้ว่า ถ้าเขาไม่ยึดสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ของเวินทิงหลานกลับมา แต่พาเวินทิงหลานมาที่มหาวิทยาลัยนอร์ตัน
แบบนั้นเขาก็จะเป็นอาจารย์คนแรกที่ปั้นนักศึกษาคณะระดับเอสเอส (SS) ได้
ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ถูกเพิกถอนใบจบการศึกษา อีกทั้งยังจะได้รับโอกาสให้อยู่ในมหาวิทยาลัยต่อ
แต่ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว
ไม่มีใบจบจากมหาวิทยาลัยนอร์ตัน โรงเรียนชั้นแนวหน้าของประเทศจีนอย่างชิงจื้อไม่มีทางจ้างเขา
แทบจะไม่มีที่ให้ไปแล้ว
“ผมพูดไปหมดแล้ว ผมยังต้องไปสอนอีก” ศาสตราจารย์ดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ “คุณเฮ่อ ผมขอเตือนสักหน่อย รถใต้ดินเที่ยวสุดท้ายคืนนี้คือสามทุ่มครึ่ง อย่าตกรถล่ะ”
…
เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตันที่ปรากฏภายนอกกับที่ใช้ภายในไม่เหมือนกัน
เว็บภายในจะมีแค่นักศึกษากับพวกศาสตราจารย์ที่เข้าไปได้ เว็บภายนอกคือให้โลกภายนอกเยี่ยมชม
ในฐานะที่เป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลก เว็บไซต์ทางการของมหาวิทยาลัยนอร์ตันย่อมได้รับความสนใจจากคนภายนอก
ถึงแม้จะเป็นประกาศเพิกถอนใบจบการศึกษาก็ตาม
ปีที่แล้วก็มี แต่ไม่ได้ประกาศชื่อ แค่บอกตัวเลข
ส่วนปีนี้ไม่เหมือนกัน ในประกาศมีประโยคหนึ่งที่เขียนว่า
[ทางมหาวิทยาลัยได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนและได้ตัดสินใจเพิกถอนใบจบการศึกษาของนักศึกษาลำดับที่ 679 ชื่อเฮ่อสวิน]
ชื่อเฮ่อสวินได้ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมากในทันที รวมถึงพวกบอสด้วย
แต่อย่างมากก็แค่พอคุ้นๆ ผ่านไปไม่กี่วันก็ลืมแล้ว
คนที่ถูกมหาวิทยาลัยนอร์ตันเพิกถอนใบจบการศึกษาควรค่าให้พวกเขาเก็บมาคิดด้วยเหรอ
ไม่คู่ควรเลยสักนิด
แต่ทางด้านโรงเรียนมัธยมชิงจื้อกลับให้ความสนใจมากหน่อย เพราะเฮ่อสวินยังได้พานักเรียนสามคนไปสอบสัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันด้วย
“ผู้อำนวยการ พวกเราถูกหลอกแล้ว!” อาจารย์ฝ่ายวิชาการตบโต๊ะ โมโหมาก “แถมนี่ยังเป็นเพราะทางมหาวิทยาลัยนอร์ตันให้เวลาผ่อนปรนหลายปี ถ้าไม่มีระยะเวลาผ่อนปรน เฮ่อสวินก็ไม่มีแม้แต่ใบจบการศึกษา”
“แบบนี้เขาก็ไม่ถือว่าเป็นนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยนอร์ตัน”
เขาโมโหจะตายอยู่แล้ว
เขาก็เป็นคนดูแลการเงินของโรงเรียน
ตอนนั้นชิงจื้อเชิญเฮ่อสวินมาเป็นอาจารย์ด้วยค่าตอบแทนที่สูงมาก โดยให้เงินเดือนหนึ่งแสนแปดหมื่น
อาจารย์ฝ่ายวิชาการรู้สึกว่าเขาเอาเงินให้หมากินไปแล้ว
“ไม่ใช่สิดี” ผู้อำนวยการพยักหน้า “ถ้าใช่ ผมคงสงสัยในการอบรมสั่งสอนของมหาวิทยาลัยนอร์ตันแล้ว”
หากเรื่องราวไม่เปิดเผยออกมาในตอนท้าย เขาคงไม่รู้ว่าเฮ่อสวินเคยบีบให้เด็กที่เรียนแย่หลายคนต้องย้ายโรงเรียน
อาจารย์ฝ่ายวิชาการยิ่งคิดยิ่งโมโห “ไม่ได้การ ผมจะไปฟ้องเขาข้อหาหลอกลวง!”
พูดจบก็เดินออกจากห้องทำงานผู้อำนวยการไปด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด
…
ทางด้านนี้
อิ๋งจื่อจินได้เตาปรุงยามาแล้ว
เตาขนาดไม่ใหญ่ ใส่ลงกระเป๋าเป้ได้พอดี
เธอเอาสมุนไพรจำนวนหนึ่งมาจากสวนของสาขาวิชาสมุนไพร
สาขาสมุนไพรเป็นของคณะระดับเอส (S) แต่นักศึกษาคนไหนก็ตามที่จบจากสาขาสมุนไพร ต่อให้เรียนแย่แค่ไหนก็ยังเป็นหัวหน้าแพทย์ของโรงพยาบาลใหญ่ระดับโลก
วิชาเล่นแร่แปรธาตุก็เป็นวิชาบังคับของสาขาสมุนไพร
หลังจากที่อิ๋งจื่อจินได้สมุนไพรมาในที่สุดก็เงยหน้าขึ้น “เจ็ดวันแล้ว นอร์ตันล่ะ”
โลกภายนอกไม่รู้ว่าชื่อมหาวิทยาลัยนอร์ตันที่ฟังดูยิ่งใหญ่มีเกียรติ แท้จริงแล้วชื่อนี้ก็คือชื่อที่ตอนนั้นอธิการบดีตั้งส่งเดชโดยใช้ชื่อของตัวเอง
“เอ…ผมก็ไม่ได้เจอท่านอธิการมานานแล้วเหมือนกัน” รองอธิการบดีก็เหมือนเพิ่งจะนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ “ดูเหมือนจะหลายเดือนแล้วครับ”
ที่ไม่ได้รับนักศึกษาระดับเอสเอส (SS) มาตลอดเป็นเพราะนอร์ตันนักเล่นแร่แปรธาตุสติเฟื่องคนนี้ชอบหายตัว ไม่ได้เอาใจจดจ่ออยู่ที่มหาวิทยาลัย
“ดูท่า” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าช้าๆ พูดด้วยความเสียดาย “วิชาเล่นแร่แปรธาตุก็รักษาอัลไซเมอร์ไม่ได้”
รองอธิการบดีที่หัวใจถูกมีดทิ่มแทง “…”
“เอ่อคือ โทษผมไม่ได้นะครับ” รองอธิการบดีรู้สึกว่าตัวเองไม่เกี่ยวด้วยเลยจริงๆ “ใช่ว่าคุณจะไม่รู้ว่าพอท่านอธิการเริ่มหมกมุ่นในการเล่นแร่แปรธาตุ เขาก็จะขังตัวเองไว้ในห้องไม่ออกมา”
“บริเวณรอบห้องของเขาวางของมีพิษอยู่จำนวนมาก ผมก็ไม่กล้าเข้าใกล้ นานวันเข้าผมก็เลยลืม”
เรื่องที่เขาศึกษาเป็นวิทยาศาสตร์เหนือธรรมชาติ เขาจึงไม่สันทัดเรื่องเล่นแร่แปรธาตุแม้แต่น้อย
อิ๋งจื่อจินสะพายกระเป๋าเป้ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “พาฉันไปดูหน่อย”
รองอธิการบดีรู้ว่า บอสใหญ่ตรงหน้าเขาคนนี้เป็นทั้งวิชาเล่นแร่แปรธาตุและแพทย์แผนโบราณ
แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือการใช้พิษ
ครั้นแล้วรองอธิการบดีก็รีบพาเด็กสาวไปทันทีโดยไม่ต้องคิด
ที่นั่นเป็นหอสูง ถึงแม้จะเป็นยามบ่ายที่แดดร้อนระอุก็ยังให้ความรู้สึกอึมครึม
อิ๋งจื่อจินมองไปรอบๆ “ทางนี้”
รองอธิการบดีรีบตามไป กระโดดเข้าไปในหอนั้นเหมือนเล่นกระโดดข้ามช่อง
แต่ละชั้นเป็นบันไดวนขึ้นไป ทั้งสองคนมาถึงชั้นบนสุด
อิ๋งจื่อจินหยิบถุงมือสีขาวหนึ่งคู่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วใส่มัน จากนั้นถึงเอามือจับที่ประตูแล้วเปิดเข้าไป
ลมพัดเข้ามาจากหน้าต่างที่อยู่ด้านบนสุด พาให้กระดาษเหลือใช้บนพื้นปลิวว่อน
ไม่มีใครสักคน
อิ๋งจื่อจินหลับตา ไม่กี่วินาทีก็หันหน้าไป “เขาล่ะ”
เมื่อครู่เธอมองดูเหตุการณ์ในช่วงสิบกว่าวันที่ผ่านมา ที่นี่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไร
ซึ่งก็หมายความว่านอร์ตันหายไปนานแล้ว
รองอธิการบดีสาวเท้าเดินเข้ามา พอเห็นสภาพภายในก็ตะลึง “ผมสาบานได้ว่าครั้งก่อนที่ผมเจอท่านอธิการ เขาอยู่ที่นี่ เขาไม่ได้ออกไปไหนแน่นอน”
อิ๋งจื่อจินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ต่อให้ถ้าเขาออกไป คุณก็ไม่สังเกตเห็นหรอก”
รองอธิการบดีหุบปาก
ก็จริง
ไม่เพียงแต่นอร์ตันจะมีความสามารถสูงในวิชาเล่นแร่แปรธาตุ เขายังแปลงโฉมได้ด้วย
ในเว็บบอร์ดเอ็นโอเคก็มีชาร์ตนักแปลงโฉม ถึงแม้นอร์ตันจะไม่ติดอันดับ แต่ฝีมือแปลงโฉมของเขาไม่ต่ำกว่าห้าอันดับแรกแน่นอน
นักแปลงโฉมระดับนี้สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้อย่างง่ายดาย
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง พูดเสียงขรึม “เอาไพ่ทาโรต์มา”
รองอธิการบดีอึ้ง รีบวิ่งออกไปหยิบไพ่ทาโรต์ที่สาขาดาราศาสตร์
ไพ่ทาโรต์ที่แพร่หลายอยู่ในท้องตลาดเป็นของปลอม แต่ที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนอร์ตันเป็นของจริง
ไม่นานรองอธิการบดีก็กลับมา
เขาหอบมาหลายกล่อง “ลองดูครับว่าจะเอาแบบไหน”
“ได้ทั้งนั้น” อิ๋งจื่อจินหยิบมาหนึ่งกล่อง “ไม่มีผล”
ไพ่ทาโรต์มีทั้งหมดเจ็ดสิบแปดใบ สำรับใหญ่ยี่สิบสองใบ สำรับเล็กห้าสิบหกใบ
เธอใช้สำรับใหญ่
หลังจากล้างไพ่เสร็จก็เรียงไพ่ทั้งยี่สิบสองใบบนโต๊ะ
อิ๋งจื่อจินก้มหน้า ค่อยๆ เอามือวาดอยู่เหนือไพ่เหล่านั้นเรียงไป
ไพ่สามใบถูกดูดขึ้นมาติดมือโดยอัตโนมัติ
เธอเอาไพ่สามใบนี้วางไว้ด้านข้างแล้วเปิดเรียงทีละใบ
ตอนที่เห็นไพ่สองใบแรกรองอธิการบดียังใจเย็นอยู่
แต่พอเปิดไพ่ใบที่สาม สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที