คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 195 ไม่รนหาที่ตายก็ไม่มีทางตาย

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

นั่นเป็นภาพแบบชุดออกงาน

เครื่องประดับที่เข้าคู่กันก็มีด้วย

เครื่องประดับศีรษะ ต่างหู สร้อยคอ สร้อยข้อมือ สร้อยข้อเท้า แหวน

ดูมีรายละเอียดเยอะมาก แต่ไม่ได้ชวนให้รู้สึกรุงรัง สายตาของจงจือหว่านจับจ้องอยู่ที่กระดาษใบนี้ เธอไม่เคยเห็นการออกแบบที่เพอร์เฟคขนาดนี้มาก่อน ถึงแม้เธอจะยังเรียนไม่จบมัธยมปลาย แต่ก็เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงมามาก

ทุกครั้งที่เธอเลือกชุดออกงานเสร็จยังต้องเลือกเครื่องประดับที่เข้ากัน บางครั้งเลือกเครื่องประดับได้ยากมากเพราะสีกับแบบชุด ต่อให้เลือกพลาดแม้นิดเดียวก็จะทำให้กลายเป็นไม่สวยได้เลยทีเดียว

จงจือหว่านก็เคยเรียนออกแบบ อย่างไรเสียเฝ่ยชุ่ยไจก็เป็นกิจการอันดับหนึ่งของจงซื่อกรุ๊ป ในอนาคตเธอต้องเข้าไปทำงานในจงซื่อกรุ๊ป ถ้าไม่เข้าใจงานออกแบบเลยก็อาจไม่เป็นที่ยอมรับของทุกคน

ดังนั้นเธอมองออกว่า แบบร่างภาพนี้ทำได้สมบูรณ์แบบมาก แม้แต่ลวดลายพวกนั้นบนชุดก็ยังวาดออกมาได้อย่างประณีต ถ้าตัดออกมาเป็นชุดออกงานจริงๆ จะต้องสะเทือนวงการออกแบบแน่นอน น่าจะเป็นแบบร่างของนักออกแบบที่จงซื่อกรุ๊ปจ้างให้วาดสำหรับพรีเซ็นเตอร์คนใหม่

เมื่อก่อนก็มีนักออกแบบจำนวนไม่น้อย จงจือหว่านก็เคยเห็นผลงาน แต่วาดได้เทียบไม่ติดกับภาพนี้เลยด้วยซ้ำ

ทว่าภาพออกแบบที่เพอร์เฟคกลับถูกเอามาทิ้งแบบนี้ แต่จงจือหว่านก็เข้าใจได้ ยิ่งเป็นนักออกแบบที่เก่งก็จะยิ่งตั้งมาตรฐานของตัวเองไว้สูงวาดไม่ถูกใจแค่นิดเดียวก็จะขยำทิ้งแล้วเริ่มใหม่

แต่จงจือหว่านกลับไม่ได้สนใจอะไรในแบบชุดนี้มากนัก ตอนนี้เธอยังเรียนอยู่ เรื่องในเฝ่ยชุ่ยไจก็ไม่เกี่ยวกับเธอ ก็แค่มองดู จากนั้นก็ละสายตากลับมา

หันไปทักทายผู้เฒ่าจงอีกครั้ง จากนั้นจงจือหว่านถึงถือถุงขยะเดินออกไปทิ้งในถังขยะใหญ่นอกประตูเหล็ก เธอเตรียมกลับไปทบทวนบทเรียนต่อ ทันใดนั้นได้เจอมู่เฉินโจวที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกในสวน ช่วงหลายวันมานี้มู่เฉินโจวออกเช้ากลับเย็นอยู่เสมอ ไม่ได้ให้เธอตามไปด้วย ไม่รู้ว่าวุ่นอยู่กับอะไร

จงจือหว่านเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับทางตี้ตู มู่เฉินโจวมัวแต่คิดเรื่องอื่นก็เลยไม่เห็นจงจือหว่าน เขาขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเจอปัญหาหนักใจ

“เฉินโจว เป็นอะไรไป” จงจือหว่านรู้ว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้สร้างสัมพันธ์ เธอถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า”

“อ๋า จือหว่าน” มู่เฉินโจวสะดุ้งตกใจได้สติกลับมาจากห้วงความคิด ยังถือว่าอ่อนโยนกับจงจือหว่าน เขาเล่าให้ฟัง “ทางฝั่งยายฉันมีบริษัทออกแบบเสื้อผ้า เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ไม่มีแบบชุดที่เหมาะสม”

เขาเองก็ไม่ได้เล่าอะไรมาก จากนั้นก็เข้าไปในคฤหาสน์ มู่เฉินโจวอยู่คฤหาสน์ตระกูลจงมาเกือบเดือนแล้ว จากคำชี้แนะของคุณนายจง จงจือหว่านก็ได้รู้เรื่องของทางตี้ตูอยู่ไม่น้อย

ชาติกำเนิดของคุณนายมู่แม่ของมู่เฉินโจวถึงแม้จะสู้ตระกูลมู่ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ต่ำต้อย กิจการเสื้อผ้าอันดับสิบสามของประเทศเป็นของทางตระกูลของคุณนายมู่ เพียงแต่ตระกูลของคุณนายมู่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับบริษัทออกแบบเสื้อผ้านี้เท่าที่ควร ส่วนใหญ่จะมุ่งทำธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า

แบบชุดเหรอ ทันใดนั้นจงจือหว่านก็นึกถึงแบบร่างที่เธอเห็นเมื่อครู่นี้ หัวใจเต้นเร็ว เธอวิ่งกลับไปอีกครั้ง หลังจากที่ค้นถังขยะใหญ่ด้านนอกจนเจอแบบชุดแผ่นนั้นเธอก็โล่งอก

ขยำทิ้งแบบนี้ก็แสดงว่าไม่เอาแล้ว เธอเอามาใช้ก็ไม่เป็นไร

แบบชุดที่ถูกทิ้งเอามาแลกกับความสนใจจากตระกูลมู่ มันคุ้มค่ามาก อย่างไรเสียก็เป็นนักออกแบบที่จงซื่อกรุ๊ปจ้างมา ถือว่าเป็นสมบัติของบ้านเธอเหมือนกัน ไว้ถึงเวลาเธอค่อยบอกผู้เฒ่าจง คุณปู่ไม่มีทางตำหนิเธอแน่นอน

ภายในห้อง

“ฮัลโหล แม่ครับ ผมติดต่อนักออกแบบในฮู่เฉิงหมดแล้ว ใช้ไม่ได้เลยครับ” มู่เฉินโจวถอนหายใจ “ใช่ว่าแม่จะไม่รู้ว่าพวกศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลมาตรฐานสูงแค่ไหน”

“ถ้าไม่มีไอเดียใหม่ๆ อย่าว่าแต่จะได้รางวัลเลย รอบแรกก็ไม่ผ่านการคัดเลือก”

คุณนายมู่ย่อมรู้ “ทางตี้ตูก็หายากเหมือนกัน พวกนักออกแบบชั้นแนวหน้าก็ถูกเชิญไปก่อนแล้ว ช่างเถอะ ค่อยลองหาแล้วกัน ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ไม่ต้องเข้าร่วมแล้ว”

มหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรปไม่เพียงแต่จะเป็นสถาบันอุดมศึกษา ยังเป็นวิหารศิลปะแห่งโลกอีกด้วย การแข่งขันระดับนานาชาติจำนวนมากล้วนจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรป รวมถึงการประกวดออกแบบเครื่องแต่งกายในครั้งนี้

หากได้รางวัลในการแข่งขันงานใหญ่ บริษัทของพวกเขาก็จะสามารถพลิกโฉมได้ พวกเขาก็เคยเข้าร่วมประกวดหลายครั้งก่อนหน้านี้ แต่ก็ไปแพ้ที่รอบตัดสิน

ทว่ามีเพียงครั้งนี้ที่พิเศษกว่าครั้งไหน เพราะครั้งนี้ไม่ได้กำหนดหัวข้อให้นักออกแบบสร้างสรรค์ผลงานได้ตามใจชอบ

กลับกลายเป็นว่ายากยิ่งกว่าเสียด้วยซ้ำ

“ยังมีเวลาเหลือ ผมจะลองหาต่อครับ” มู่เฉินโจวพูด “แม่ครับ แม่ก็อย่าเอาแต่มองหานักออกแบบชั้นแนวหน้า ลองไปดูร้านเล็กๆ บ้าง ไม่แน่อาจเจอก็ได้นะครับ”

คุณนายมู่ไม่คิดว่าทำแบบนั้นแล้วจะเจอนักออกแบบ เธอไม่ได้พยักหน้า หลังจากมู่เฉินโจววางสายก็ครุ่นคิด เตรียมโทรหาตระกูลไฮโซที่เขารู้จักที่ต่างประเทศ ทันใดนั้นได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นในเวลานี้

เขาวางโทรศัพท์มือถือลงแล้วหันไป “ไม่ได้ล็อก เข้ามาสิ”

จงจือหว่านเดินเข้าไปด้วยความระมัดระวัง “เฉินโจว ฉันไม่ได้มารบกวนใช่ไหม”

“เปล่าเลย” ถึงแม้เขาจะกำลังหงุดหงิดมาก แต่เนื่องจากได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดีจึงไม่ใส่อารมณ์ “มีเรื่องอะไรเหรอ”

“เมื่อกี้ได้ยินว่านายยังไม่ได้แบบชุดที่ถูกใจ” มือของจงจือหว่านไพล่อยู่ข้างหลัง จับแน่นด้วยความกังวล ลังเลอยู่นานถึงยื่นให้ “นายลองดูอันนี้ว่าเป็นไง”

เดิมทีมู่เฉินโจวไม่ได้คาดหวังสูง เขาก็แค่หันไปดูอย่างไม่ใส่ใจ

แต่พอได้เห็นก็ตะลึง เขารีบหยิบแบบชุดใบนี้มาทันทีมองอยู่สามนาทีเต็มๆ แล้วถึงเงยหน้าขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแบบที่ยากจะปิดบัง “นี่เป็นผลงานของนักออกแบบคนไหนเหรอ”

จงจือหว่านคาดไม่ถึงว่าเขาจะมีท่าทางตื่นเต้นขนาดนี้ เธอบีบมือแน่น พูดด้วยความลังเล “ทำไม ฉันว่างๆ วาดเล่นเรื่อยเปื่อยไม่ได้เหรอ”

“เธอวาดเหรอ” มู่เฉินโจวทำสีหน้าจริงจัง นึกได้ว่าจงจือหว่านมีพื้นฐานการวาดภาพจิตรกรรมจีนโบราณ ส่วนแบบชุดที่ร่างนี้ก็มีกลิ่นอายความเป็นจีนโบราณอยู่บ้าง

มู่เฉินโจวอดชื่นชมไม่ได้ “จือหว่าน เธอมีพรสวรรค์มากจริงๆ”

อายุเท่านี้สามารถออกแบบได้ถึงขั้นนี้

“ไม่หรอก” จงจือหว่านยิ้ม “ฉันเห็นนายดูกลุ้มใจมาก เลยลองดูว่าจะช่วยนายได้บ้างไหม ถ้าช่วยได้ก็ดี”

“ได้สิ ช่วยได้มากเลย” ขณะพูดมู่เฉินโจวก็หยิบโทรศัพท์ “ฉันขอโทรบอกแม่ก่อนนะ”

มีแบบชุดแล้ว เรื่องตัดชุดก็ง่ายขึ้นมาก

ชูกวงมีเดียสาขาฮู่เฉิง

หลังจากที่อิ๋งจื่อจินโยนแบบร่างชุดทิ้งไปสิบใบ ในที่สุดเธอก็วาดแบบที่พอใจออกมาได้

เมื่อก่อนเธอแค่เคยเรียนภาพเขียนสีน้ำมันกับชิโน ฟอน ไม่เคยคาบเกี่ยวกับการออกแบบชุด

แบบชุดที่วาดนี้มีทั้งหมดสี่ชุด

ชุดกระโปรงสองและชุดกางเกงสอง

เป็นสไตล์ตะวันออกแท้ๆ ดูแล้วแปลกใหม่มาก

เลขาสาวหยิบแบบชุดขึ้นมาดู เธอตะลึง “บอสคะ บอสเอาสี่สัตว์เทพมาออกแบบเหรอคะ”

“อืม” อิ๋งจื่อจินเปิดคอมพิวเตอร์ “จากซ้ายไปขวา หงส์แดง เต่าดำ มังกรเขียว เสือขาว”

“สุดยอดไปเลยค่ะ” เลขาสาวชื่นชม “ธีมนี้เคยมีนักออกแบบหลายคนเอามาใช้ แต่ก็วาดได้ไม่สวยเท่าของบอสเลยค่ะ”

มองแค่แบบชุดเซตนี้ ราวกับเธอได้เห็นว่าสัตว์เทพทั้งสี่ในตำนานโบราณหน้าตาเป็นอย่างไร เอาแบบชุดของนักออกแบบในบริษัทมาเทียบก็ยิ่งทำให้ดูเหนือชั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด

เลขาสาวลูบหัว “บอสคะ ทำไมอยู่ๆ ก็อยากออกแบบด้วยตัวเองล่ะคะ”

“ได้เงิน”

“…”

เลขาสาวอึ้ง

จากนั้นก็หยิบเอกสารมาดูรางวัลของการแข่งขันรายการใหญ่นี้ รางวัลชนะเลิศได้เงินรางวัลหนึ่งล้านดอลลาร์ แต่สำหรับนักออกแบบแล้ว เงินรางวัลไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สิ่งสำคัญคือความมีชื่อเสียงกับการได้รับเชิญจากแบรนด์ดังต่างๆ หลังจากนั้น เลขาสาวคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ “บอสคะ บริษัทเราก็ไม่ได้จน ออกจะรวย บอสต้องทุ่มเทเพื่อเงินหนึ่งล้านดอลลาร์ขนาดนี้เลยเหรอคะ

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า ถามอย่างจริงจัง “มีคนไม่ชอบที่มีเงินเยอะด้วยเหรอ”

เลขาสาว “…” ก็ไม่มีจริงๆ

เธอแทบอยากจะให้เงินฝังเธอให้มิดหัว

“งั้นฉันจะให้ทางบริษัทลูกตัดชุดนี้นะคะ” เลขาสาวพยักหน้า “ต้องใช้วัสดุชั้นดีที่สุด ทั้งยังต้องสั่งจองเพชรด้วย”

ถ้าจะคว้ารางวัลชนะเลิศการออกแบบเครื่องแต่งกายที่จัดในมหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรป มีแค่แบบชุดยังไม่พอ คอนเซ็ปการออกแบบ การตีความ และนางแบบที่ใส่ขึ้นโชว์ขาดไม่ได้สักอย่าง

“บอสคะ ลายนี้สวยมากเลยนะคะ” เลขาสาวสังเกตเห็นลวดลายที่เหมือนกันในแต่ละชุด บางชุดอยู่ตรงข้อมือ บางชุดอยู่ตรงคอเสื้อ “แต่ฉันไม่เข้าใจ มีความหมายอะไรหรือเปล่าคะ”

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “สายตาเฉียบคมไม่เบา”

อิ๋งจื่อจินหยิบปากกามาร์คเกอร์สีแดงมาจากด้านข้างหนึ่งแท่งแล้ววาดลวดลายพวกนั้นลงบนกระดาษ

พอมีเค้าโครงสีแดง เลขาสาวก็เห็นชัดเจนแล้ว

เธอลังเลเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “อักษร ‘ปีศาจ’ เหรอคะ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท