ทันใดนั้นก็ได้ยินคำตอบนี้ ซิวอวี่ถึงกับหยุดหายใจ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอจะต้องคิดว่าอิ๋งจื่อจินล้อเล่นแน่นอน
แต่คราวนี้ไม่แล้ว
วาดเล่นๆ ก็ได้ภาพสีน้ำมันมาหนึ่งภาพ ถึงขั้นดึงดูดให้ศาสตราจารย์ดังของมหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรปมาหาได้ ออกแบบเสื้อผ้าก็คงไม่คณามือ
ซิวอวี่มองไปรอบตัว พูดเสียงเบา “พ่ออิ๋ง เธอแอบเข้าไปอยู่ในชูกวงมีเดียตั้งแต่เมื่อไร”
“ไม่เชิงแอบ” อิ๋งจื่อจินหาวออกมา พูดเสียงเนือย “เข้าไปโจ่งแจ้งเลย”
“เฮ้อ ฉันก็อยากเข้าชูกวงมีเดียเหมือนกัน” ซิวอวี่พูดด้วยความตื่นเต้น “พ่ออิ๋ง ฉันว่าฉันเรียนจบแล้วเข้าไปเป็นแม่บ้านในชูกวงมีเดียดีกว่า ทำความสะอาดแค่ห้องของลูกจ๋า”
เจียงหรานที่กำลังสะลึมสะลือจะหลับพอได้ยินคำพูดนี้ก็เริ่มตื่น “อะไรนะ จะเป็นแม่บ้านเหรอ งั้นมาทำบ้านฉันสิ ฉันให้เดือนละแสน”
ซิวอวี่ตบไปหนึ่งที แอปเปิ้ลกระเด็นไปโดนศีรษะของเจียงหราน
อิ๋งจื่อจินหันหน้าไปมองทั้งสองคนพลางครุ่นคิด
เจียงหรานกับซิวอวี่มาจากตี้ตูทั้งคู่ เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัย
แต่สาเหตุและจุดประสงค์ยังไม่รู้
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลงเล็กน้อย
เจียงหรานฝึกวิทยายุทธ์โบราณ หนีไม่พ้นความเกี่ยวข้องกับวงการวิทยายุทธ์โบราณ ไม่ใช่คนธรรมดา
ด้วยความสามารถในการพยากรณ์ตอนนี้ของเธอ ยังพยากรณ์ข้อมูลสำคัญอะไรออกมาไม่ได้
อีกทั้งภายในร่างกายของเจียงหรานยังมีกำลังภายในที่ไม่ใช่ของเขา เห็นได้ชัดว่ามาจากจอมยุทธ์โบราณที่พลังแข็งแกร่งกว่า
ส่วนซิวอวี่ ทำให้เธอนึกถึงตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในตี้ตู
“เอ๊ะ คนอย่างฉันจิตใจชั่วร้าย ชอบสะใจคนอื่น” ซิวอวี่สีหน้ามีความสุข “อยากรู้จริงๆ ว่าจงจือหว่านมีสีหน้ายังไง”
ราวกับต้องการทำให้เธอสมความปรารถนา กล้องถ่ายทอดสดได้ตัดภาพไปในเวลานี้
ช่างกล้องถ่ายจงจือหว่านพร้อมขึ้นชื่อให้
จงจือหว่านในจอหน้าซีดเหมือนกระดาษ เหงื่อแตกเลอะเครื่องสำอาง สภาพเหมือนลูกหมาตกน้ำ
ปากของเธอสั่นไม่หยุด ร่างกายก็สั่นเหมือนเครื่องโม่ข้าว
จงจือหว่านเห็นกล้องถ่ายมาที่เธอ เธออยากหนี แต่สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่เธอหมดแล้ว
สายตาของพวกเขาฉายแววรังเกียจ คล้ายมองขยะ
มีชนักติดหลัง แสบร้อนไปหมด
มาช่าที่อยู่ตรงที่นั่งกรรมการยืนขึ้นอีกครั้ง
เธอถือไมโครโฟน สีหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อย “ชุดธีม ‘สี่สัตว์เทพ’ ของชูกวงมีเดียเป็นผลงานออกแบบที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ฉันเคยเห็นในช่วงที่ตัวเองเป็นกรรมการมานี้”
“มีเอกลักษณ์ มีความแปลกใหม่ ทำให้ฉันเกือบคิดว่านักออกแบบจากประเทศจีนท่านนี้เคยเห็นสัตว์เทพทั้งสี่ตัวนี้จริงๆ”
ในขณะที่เธอพูด บนหน้าจอขนาดใหญ่ทั้งสองฝั่งก็ได้ขึ้นข้อมูลของนักออกแบบของชูกวงมีเดีย
ไม่มีรูป ไม่ระบุเพศ
มีเพียงคำเดียว
ปีศาจ
“เป็นที่น่าเสียดายที่เธอติดธุระมาไม่ได้ค่ะ” มาช่าพูดต่อ “แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการคว้าที่หนึ่งในครั้งนี้”
ไม่มีใครอยากคัดค้าน
อย่าว่าแต่ทั้งสี่ชุดเลย ต่อให้เอาออกมาชุดเดียวก็สามารถสะกดทุกสายตาได้
“งั้นจงจือหว่าน…” สายตาของมาช่าเคลื่อนไป รอยยิ้มหุบลงในชั่วพริบตา “ก่อนหน้านี้ฉันถามคุณว่าคุณแน่ใจนะว่าคุณเป็นคนออกแบบเอง คุณตอบว่าใช่ ทั้งยังมั่นใจ”
“ฉัน คือ…” จงจือหว่านลนลาน เธอหายใจเข้าลึกสองสามครั้งถึงฝืนคุมสติไว้ได้ “ฉันออกแบบเอง ฉันเองก็นึกไม่ถึงว่าจะเจอคอนเซ็ปต์เดียวกัน แถมยังเหมือนกันได้ขนาดนั้น”
เธอหมดทางให้ถอยแล้ว ไม่สู้ลองสู้ดูสักตั้ง
ใครจะรู้ว่าสีหน้าของมาช่ากลับเย็นชายิ่งกว่าเดิม “มาถึงขนาดนี้แล้วคุณยังจะไม่ยอมรับ หลังเวที”
พอมีเสียงสั่ง บนหน้าจอขนาดใหญ่ก็ปรากฏชุดทั้งสี่ของชูกวงมีเดีย
สตาฟหลังเวทีตั้งใจขยายลวดลายของแต่ละชุด
“ทุกท่านดูนะคะ” มาช่ายกมือ “ฉันสอบถามทางชูกวงมีเดียมาแล้วถึงได้ทราบว่าทั้งสี่ชุดนี้มีลูกเล่นแฝงอยู่”
“ลวดลายกลุ่มนี้ไม่เพียงแต่จะเพื่อความสวยงาม ยังแฝงชื่อของนักออกแบบเอาไว้ด้วย เป็นอักษรแบบจ้วนของประเทศจีน”
บนหน้าจอขนาดใหญ่ ลวดลายได้ถูกดึงออกมาทำให้เด่นชัด
เวลานี้มาช่าได้พูดต่อ “จากนั้นทุกท่านดูชุดของทางหวาซิ่วค่ะ”
หน้าจอถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งขวาเป็นภาพชุดของหวาซิ่วที่ถูกขยายตรงลวดลายเหมือนกัน
สำหรับชาวจีนแล้ว อักษรจ้วนอ่านยากกว่าอักษรข่ายมาก ค่อนข้างที่จะนามธรรม
แต่นี่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการมองออกว่าลวดลายทั้งสองฝั่งเหมือนกัน
เป็นหลักฐานว่าลอกเลียนแบบชั้นดี
[ว้าว ฉันไม่เคยเจอใครหน้าหนาเท่านี้มาก่อนเลยนะ คัดลอกผลงานก็ว่าแย่แล้ว นี่ยังจะไม่ยอมรับอีก ไปเอาความกล้ามาจากไหน]
[อายุเท่านี้ อนาคตยังอีกยาวไกล ทำไมต้องคัดลอกผลงานด้วย เพื่ออะไร]
[ตอนแรกสุดฉันยังรู้สึกชื่นชมสาวน้อยคนนี้นะ หน้าตาใช้ได้ บุคลิกก็ดี นึกไม่ถึงว่าจะเป็นพวกฉาบฉวย แหวะ]
จงจือหว่านมองลวดลายกลุ่มนั้นด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ สีหน้าซีดลงอีกครั้ง
ไม่ว่ายังไงเธอก็นึกไม่ถึงว่าลวดลายกลุ่มนี้จะเป็นชื่อนักออกแบบของชูกวงมีเดีย!
เธอยังคิดว่ามีไว้แค่เพื่อความสวยงาม
ราวกับเข้าไปในฝูงผึ้งจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน มีเสียงหึ่งๆ ดังอยู่ในสมองของจงจือหว่าน
แสงไฟส่องมาที่ใบหน้าของเธอ คล้ายกำลังเย้ยหยันในความไม่รู้ของเธอและประจานเธอ
“วงการออกแบบ นักออกแบบไม่จำเป็นต้องอาศัยการลอกเลียนแบบผลงานเพื่อดำรงชีวิตหรอกนะคะ” มาช่าพยักหน้าให้กล้อง “ฉันก็ขอใช้โอกาสนี้ประกาศว่า หวาซิ่วจะถูกแบนไม่ให้เข้าร่วมการประกวดออกแบบและการคัดเลือกใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนจงจือหว่าน…”
“เดิมทีฉันเห็นคุณอายุยังน้อย คิดว่าคงไม่ประสีประสา ถึงได้ถามย้ำหลายครั้ง ถ้าคุณกล้ายอมรับผิดฉันก็จะให้โอกาสคุณ แต่คุณไม่ทำ”
ริมฝีปากของจงจือหว่านสั่นอย่างรุนแรง สีหน้าซีดเผือด
“ดังนั้นขอโทษด้วยนะคะ คุณถูกแบนในวงการนักออกแบบแล้ว ฉันเองก็หวังว่าทุกท่านที่นั่งอยู่ในที่นี้จะเก็บไว้เป็นอุทาหรณ์ ไม่ว่าเมื่อไรก็ห้ามคัดลอกผลงานคนอื่นเด็ดขาด!”
ตรงที่นั่งผู้ชมที่อยู่ด้านข้าง
เคอฮุ่ยจูก็ตกใจหน้าซีด
เธอนึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์ที่จงจือหว่านคัดลอกผลงานจะทำให้หวาซิ่วโดนหางเลขไปด้วย
แต่นักออกแบบคัดลอกผลงาน ทั้งยังตั้งใจปกปิด พวกเขาจะไปรู้ได้อย่างไร
“พี่ พี่ไปหาใครที่ไหนมา!” เคอฮุ่ยจูข่มความโมโห โทรหาคุณนายมู่ที่อยู่ไกลถึงตี้ตู เธอกัดฟันพูด “พี่รู้ไหมว่าเด็กคนนั้นลอกเลียนแบบผลงาน! แถมยังไปลอกผลงานของชูกวงมีเดีย หวาซิ่วซวยไปด้วยแล้ว!”
“พี่ ฉันเชื่อใจพี่ถึงได้ให้ช่วยหานักออกแบบ แต่พี่หาอะไรมาให้ฉัน! พี่แต่งเข้าตระกูลมู่ไปแล้วเลยไม่สนความเป็นความตายของพวกเราใช่ไหม”
“อะไรนะ” คุณนายมู่สีหน้าเปลี่ยน “คัดลอกผลงานเหรอ”
“ใช่ คัดลอกผลงาน!” เคอฮุ่ยจูแสยะยิ้ม “พี่ดูถ่ายทอดสดสิ!”
พูดจบเธอก็ตัดสายทิ้ง
…
ขณะเดียวกันลั่วจื่อเย่ว์ก็ลนลานเช่นกัน
เดิมทีเธอเป็นนางแบบที่หวาซิ่วเชิญมา สามารถบอกปัดความเกี่ยวข้องกับหวาซิ่วได้อย่างสิ้นเชิง
แต่โพสต์เวยปั๋วของเธอก่อนหน้านี้ได้ปิดกั้นทางรอดของเธอหมดแล้ว
คนที่เลียนแบบไม่ใช่เซี่ยมั่นอวี่ แต่กลับเป็นเธอ
“ลั่วจื่อเย่ว์!” ผู้จัดการส่วนตัวโมโหแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน “ผมพูดไว้ว่ายังไง บอกให้รอก่อนๆ เซี่ยมั่นอวี่ไม่ใช่คนที่คุณคิดจะเหยียบก็เหยียบได้ ดูนี่สิ!”
ลั่วจื่อเย่ว์มองโทรศัพท์มือถือที่เขาโยนให้ด้วยท่าทางแข็งทื่อ แขนขาเย็นเฉียบ
ตอนนี้ประเทศจีนเป็นเวลาสามทุ่มครึ่ง ทางยุโรปเป็นช่วงบ่าย
แต่ตอนกลางคืนเป็นช่วงที่ชาวเน็ตกำลังคึกคักที่สุด
ออกแบบชุดเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่มองข้าม เดิมทีก็ไม่ค่อยมีใครสนใจ
แต่เพราะมีซังเย่าจือที่ช่วยเรียกกระแส คนที่รับชมถ่ายทอดสดก็เลยมีมาก
เพียงแต่ชาวเน็ตคาดไม่ถึงว่า พอเข้ามาดูก็ได้เจอข่าวใหญ่ที่น่าตะลึง
#ชูกวงมีเดียVSหวาซิ่ว#
#จงจือหว่านคัดลอกผลงาน#
#ลั่วจื่อเย่ว์ปีนเกลียวราชินีภาพยนตร์เซี่ย#
สามแฮชแท็คร้อนแรงขึ้นชาร์ตสามอันดับแรกอย่างเหนียวแน่น ไม่ขยับแม้แต่น้อย
คนที่ไม่ได้ชมถ่ายทอดสดพอกดเข้าไปก็รู้แล้วว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
[ขำเป็นบ้า ลั่วจื่อเย่ว์อุตส่าห์สร้างภาพว่าเป็นดาราใหญ่ผู้สง่างาม ในความเป็นจริงคือนังตอแหลที่แสร้งเรียกคะแนนสงสาร สุดท้ายรถคว่ำจ้า โดนแหกไม่มีเหลือ]
[อยากให้ช่วยกันแบนลั่วจื่อเย่ว์ไปเลย ร้องเพลงเต้นห่วยขนาดนั้นยังเดบิวต์ในรายการวัยรุ่นสร้างฝัน101 ได้ แถมยังปีนเกลียวราชินีภาพยนตร์เซี่ย คู่ควรอยู่ในวงการบันเทิงต่อไปเหรอ]
[มีคนรู้จักตระกูลเคอไหม ตระกูลในตี้ตูเหรอ เศรษฐีหรือเปล่า]
[ไม่เคยได้ยิน ไม่ดังมั้ง ฉันเคยได้ยินแต่ตระกูลเนี่ย ตระกูลมู่ ตระกูลซิว ตระกูลเล็กๆ แหละถึงทำเรื่องขายหน้าแบบนี้ได้]
[จงจือหว่านเป็นใครกัน ขุดหน่อย ที่น่ากลัวกว่าเรื่องคัดลอกผลงานคือผิดแล้วยังไม่รู้จักปรับปรุงตัวนี่แหละ]
[ขายหน้าไปทั้งโลกแล้ว หมดกันๆ]
ทางด้านนี้ชาวเน็ตเริ่มสวมวิญญาณนักสืบ ตามหาว่าจงจือหว่านคือใคร
อีกด้านหนึ่งการประกวดก็จบลง
ชูกวงมีเดียคว้าอันดับหนึ่ง ส่วนหวาซิ่วไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับสักรางวัล ยังถูกขับไล่ออกไปด้วย
เคอฮุ่ยจูหายใจลำบาก โมโหจนเวียนหัว
เธอหันขวับกลับไปมองจงจือหว่านที่สติล่องลอยด้วยสายตาเคียดแค้น สีหน้าก็เย็นชาสุดขั้ว
เคอฮุ่ยจูเดินเข้าไปหาโดยไม่สนว่ารอบตัวยังมีคนอยู่จำนวนมาก
เธอยกมือตบหน้าจงจือหว่าน
โกรธแค้น ไร้ความปรานี
“ฝีมือแค่นี้ ยังคิดจะอยากเหยียบเข้าตี้ตูงั้นเหรอ”