อวิ๋นซานที่อยู่ข้างๆ ยังงงอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น
ในสายตาของเขา ไม่ว่าจะชานมหรือขนมหวานล้วนไม่ใช่ของที่สำคัญอะไร อย่างน้อยเมื่อเทียบกับชีวิตก็ไม่ใช่
สมาพันธ์ลับไม่มีกฎหมายอะไรมาตลอด ที่นี่วุ่นวายเละเทะ เรียกได้ว่าไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ที่นี่เป็นศูนย์รวมของคนสารพัดไม่ว่าจะเป็น นักล่า ทหารรับจ้าง สปาย และยังมีอันธพาลโหดเหี้ยมอีกจำนวนหนึ่ง โดยทั่วไปจะไม่มีทางลงมือที่ศูนย์กลาง นี่เป็นกฎที่บรรดาสมาชิกของสมาพันธ์ลับตกลงกันไว้
แต่ก็ไม่ได้หมายถึงสมาชิกทั้งหมด อย่างไรเสียขอเพียงแต่ไม่นองเลือด ชนชั้นระดับผู้ดูแลของสมาพันธ์ลับก็จะไม่มีทางลงมา อีกทั้งที่นี่เป็นสถานที่ที่ไอบีไอไม่มีทางมายุ่ง ได้ยินว่าเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างสมาพันธ์ลับกับไอบีไอ ข้อตกลงที่ว่านี้คืออะไรไม่มีใครรู้ยกเว้นผู้กุมอำนาจของทั้งสองฝ่าย
อวิ๋นซานเห็นเด็กสาวหยุดเดินก็กระซิบเรียก “คุณอิ๋ง”
เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่เป็นคนความรู้สึกไว ย่อมสังเกตเห็นแล้ว
“เฮ้ย แก…” เขาเองก็หยุด มุมปากยกขึ้นยิ้มอย่างเย็นชา ทั้งยังเจือไปด้วยอารมณ์ดูถูก
“สายตาแบบนั้นมันคืออะไร” พอเขาหยุดแบบนี้ สิบกว่าคนที่ตามมาก็หยุดด้วย ต่างหันมา
อวิ๋นซานเริ่มหวาดระแวง เขาบังเด็กสาวเอาไว้ สายตาของอิ๋งจื่อจินเรียบเฉย “ชดใช้มา”
เธอชี้ไปที่ชานมกับขนมหวานที่ถูกปัดหล่นพื้น เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนได้ยินเรื่องอะไรที่น่าขำ เขาก้าวขึ้นหน้าเอาเท้าเหยียบขนมแล้วออกแรงขยี้ เนื้อผลไม้ที่อยู่ในแพนเค้กมะม่วงแหลกเละ ชานมก็ทะลักออกมาจากแก้ว ไม่เหลือสภาพอย่างสิ้นเชิง
เด็กหนุ่มชักเท้ากลับแล้วยิ้ม “พอใจยัง”
เขายกมือชี้เด็กสาวพลางแสยะยิ้ม “ในศูนย์กลางลงมือไม่สะดวก ถ้าเป็นข้างนอก แกกล้าใช้สายตาแบบนี้มองฉัน ดวงตาของแก…”
‘ไม่ต้องมีแล้ว’ คำพูดพวกนี้ยังไม่ทันออกมาก็มีมือข้างหนึ่งมาจับบ่าของเขา
ไม่ได้ออกแรงอะไรมาก แค่ขยับเล็กน้อย
“พลั่ก!” เด็กหนุ่มยังไม่ทันรู้สึกตัวก็ล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
เสียงวุ่นวายทุกอย่างเงียบลงในทันที
“…”
รอยยิ้มบนใบหน้าของคนพวกนั้นที่มากับเด็กหนุ่มได้หายไปทีละนิดจนสีหน้าขรึมลง ราวกับพายุฝนกำลังจะมา
อิ๋งจื่อจินไม่สนใจพวกเขา
เธอนั่งยองเพื่อไม่ให้มือเลอะ มือขวาของเธอยังได้สวมถุงมือสีขาว จากนั้นเอื้อมหยิบชานมที่ยังเหลืออยู่ค่อยๆ เทราดศีรษะของเด็กหนุ่มคนอื่นๆ รอบตัวถ้าไม่ตะลึงก็หวาดกลัว คนที่เคยมาสมาพันธ์ลับไม่มีใครไม่รู้จักดาร์กโกลด์
ดาร์กโกลด์เป็นชื่อของกลุ่มทหารรับจ้าง
ทหารรับจ้างไม่ถือว่าเป็นนักล่า พวกเขาเป็นขบวนการหนึ่ง
ส่วนนักล่าโดยปกติจะแยกกันอยู่ ไม่มีนักล่าพวกไหนที่รวมตัวอยู่ด้วยกัน และก็มีแค่ตอนที่รับภารกิจล่ารางวัลเท่านั้นถึงจะมีนักล่าร่วมมือกัน แต่เมื่อเสร็จงานก็แยกย้ายกันไปอีกครั้ง
กลุ่มทหารรับจ้างดาร์กโกลด์ไม่ใช่กลุ่มทหารรับจ้างที่เก่งกาจที่สุด แต่เป็นกลุ่มที่โหดเหี้ยมที่สุด
ชื่อเสียงความชั่วร้ายเลื่องลือไปทั่ว
ดังนั้นคนอื่นๆ บนเกาะโดยทั่วไปเลี่ยงได้ก็เลี่ยง ส่วนคนที่เหลือก็ขี้เกียจแม้แต่จะสนใจกลุ่มทหารรับจ้างดาร์กโกลด์ กลุ่มทหารรับจ้างดาร์กโกลด์ก็รู้จักแยกแยะ ไม่มีทางท้าทายพวกบอสอย่างแท้จริง
แต่ไหนแต่ไรมามีแต่กลุ่มทหารรับจ้างดาร์กโกลด์ที่รังแกคนอื่น ยังไม่มีใครเหยียบหัวพวกเขาได้
“หน้าใหม่เหรอ เพิ่งขึ้นเกาะเหรอ” หัวหน้ากลุ่มเป็นคนต่างชาติ พูดภาษาอังกฤษ “ไม่รู้ธรรมเนียมหรือไง อยากตายเหรอ”
เขาเดินขึ้นหน้า ตรงลำคอมีแผลเป็นน่าเกลียดที่เห็นได้ชัด
“คุณอิ๋ง” สีหน้าของอวิ๋นซานก็เย็นชาลง “ถอยไปครับ ผมเอง”
พวกเขากับกลุ่มทหารรับจ้างดาร์กโกลด์ไม่เคยขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กัน และก็ไม่เคยมีเรื่องลงไม้ลงมือกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะจัดการเก็บไม่ได้
อิ๋งจื่อจินยกมือขึ้นเป็นสัญญาณมือที่หมายความว่าเขาไม่ต้องลงมือ แต่อวิ๋นซานจะไม่ลงมือจริงๆ ได้อย่างไร
เขาได้รับคำสั่งมาให้ปกป้องอิ๋งจื่อจิน ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง ต่อให้เขามีสิบชีวิตก็ไม่พอชดใช้
ทว่าอวิ๋นซานกลับนึกไม่ถึงว่า เขาไม่จำเป็นต้องลงมือจริงๆ เพราะมันไม่ทันเด็กสาวลงมือเรียบร้อยแล้ว
เธอแค่ยกมือ งอศอก ก้มตัว ยกขา ท่าทางง่ายๆ เรียบๆ ธรรมดา
แต่กลับไม่สามารถป้องกันได้
“ตึง ตึง ตึง!” ได้ยินเพียงเสียงของหนักกระทบพื้นถนน และปะปนไปด้วยเสียงกระดูกลั่นกระดูกหัก
ในเวลาเพียงสามนาที
ทหารรับจ้างสิบแปดคนก็ล้มลงไปกองกับพื้นทั้งหมด
แต่ละคนสภาพน่าเวทนาไม่น้อยไปกว่ากัน เจ็บจนร้องเสียงไม่ออก ส่วนเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ แม้แต่ลมหายใจยังสม่ำเสมอปกติ ถึงขนาดที่ระหว่างนั้นเธอยังได้เอายางมัดผมขึ้นมารวบผมหางม้าเพราะลงมือไม่สะดวก
อิ๋งจื่อจินถอดถุงมือโยนทิ้งถังขยะแล้วพูดขึ้น “ขยะ”
“…”
เวลาราวกับหยุดนิ่ง
ทุกคนเริ่มรู้สึกบ้า
อวิ๋นซาน “?”
เขาถอยหลังไปหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
เขาขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีก สายตาจับจ้อง ในกลุ่มทหารรับจ้างดาร์กโกลด์มีคนต่างชาติอยู่เยอะที่สุด
พวกเขาไม่เข้าใจพวกวิทยายุทธ์โบราณของจีน แต่ฝีมือการต่อสู้ก็ไม่ได้ด้อย อย่างน้อยก็สู้กับจอมยุทธ์ที่ฝึกมาสิบห้าปีได้อย่างสูสี
มิฉะนั้นคงไม่มีทางได้ขึ้นมาบนเกาะ
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ก็ถูกอิ๋งจื่อจินคนเดียวจัดการได้แล้ว
ดูเหมือนยังไม่ได้ออกแรงอะไรเลยด้วยซ้ำ
จอมยุทธ์!
อวิ๋นซานใจหายวาบ
เด็กสาวที่ดูเหมือนอ่อนแอ แต่มีกำลังภายในที่อยู่ในร่างกายไม่น้อยแน่นอน!
หากเป็นในโลกวิทยายุทธ์โบราณก็จะต้องเป็นบุคคลขั้นเทพ
แต่วัยเท่านี้ฝึกกำลังภายในออกมาได้ก็โดดเด่นมากแล้ว ทำไมถึงยังมีฝีมือที่ร้ายกาจได้ขนาดนี้อีก
อวิ๋นซานก็เป็นวิชาวิทยายุทธ์โบราณ เขารู้ดีว่าการจะเป็นจอมยุทธ์ได้นั้นยากขนาดไหน
นับวันจะมียิ่งมีจอมยุทธ์น้อยลงเรื่อยๆ ไม่ใช่เพียงเพราะก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดยุคสมัยแห่งการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว
ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญมาก เกี่ยวพันถึงการดำรงอยู่ของโลกจอมยุทธ์
ด้วยเหตุนี้จอมยุทธ์ถึงค่อยๆ ห่างหายจากสายตาของผู้คน กลับสู่โลกของจอมยุทธ์ทั้งหมด
“เอาล่ะ ไม่ต้องตามฉันแล้ว” หลังจากที่อิ๋งจื่อจินซื้อขนมอีกรอบเสร็จก็เอาแขนเสื้อลง “ไปช่วยเขาเถอะ”
“จะได้อย่างไรครับ” อวิ๋นซานตอบโดยไม่ต้องคิด “ที่นี่วุ่นวายเกินไป ผมต้องติดตามคุณครับ”
พอเขาพูดจบก็ได้รับสายตาที่มีความหมายว่า ‘เพราะนายตามฉันนี่แหละถึงได้วุ่นวาย’
อวิ๋นซาน “…” เขาแอบเสียใจนิดหน่อย
นึกถึงก่อนหน้านี้ที่ฟู่อวิ๋นเซินพูดว่า ‘คำสั่งของเธอก็เหมือนคำสั่งของฉัน’ อวิ๋นซานจึงเลิกขยับตัว จัดการกลุ่มทหารรับจ้างดาร์กโกลด์ได้ด้วยตัวคนเดียว เขาเองก็ทำได้ แต่ไม่มีทางสบายๆ ได้ขนาดนี้
อิ๋งจื่อจินถือถุงเดินออกไปโดยไม่ได้มองสีหน้าของคนรอบตัวว่าเป็นอย่างไร ในสมาพันธ์ลับถือเรื่องการถามตัวตนของสมาชิกคนอื่นมากที่สุด แน่นอนว่าจะไปตามสืบก็ได้ ถ้าคิดว่าสืบเจอ
อวิ๋นซานยืนอยู่ที่เดิมสักพัก จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาซึ่งก็เป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นโบราณสีดำเหมือนกัน
สองวินาทีต่อมาก็มีคนรับสาย
อวิ๋นซานหน้าเครียดน้ำเสียงจริงจังเป็นพิเศษ “คุณชายครับ ผมคิดว่าผมต่างหากที่ต้องการการปกป้อง”
“…”
…
อีกฟากหนึ่งของเกาะ
นี่เป็นถ้ำที่แห้งแล้ง หันหน้าออกทะเล
แสงแดดสาดส่องที่พื้นราวกับหลอมทอง ลมทะเลพัดมาเป็นระลอก
นิ้วของฟู่อวิ๋นเซินเคาะโต๊ะ ท่าทางเรื่อยเปื่อย
“งั้นก็ทำให้กลุ่มทหารรับจ้างดาร์กโกลด์หายไปให้หมดแล้วกัน”
เขาวางสาย ดวงตาดอกท้อเจือไปด้วยความจนปัญญา
เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเขาชื่ออวิ๋นอู้
เขาสังเกตสีหน้าแล้วถามด้วยความระมัดระวัง “คุณชาย พี่รองว่าไงบ้างครับ”
อวิ๋นสุ่ย อวิ๋นซาน อวิ๋นอู้ เป็นสามพี่น้อง ก่อนหน้านี้อวิ๋นสุ่ยติดตามอยู่ข้างกายฟู่อวิ๋นเซินมาตลอด แต่ก็กลับมาแล้ว ให้อวิ๋นซานไปแทน ถึงแม้อวิ๋นซานกับอวิ๋นอู้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เข้าใจดีว่าอวิ๋นสุ่ยจะต้องทำผิดที่ร้ายแรงมากอย่างแน่นอน
“เขาบอกว่า…” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “เด็กน้อยของฉันเก่งสุดยอดมาก”
อวิ๋นอู้?
“คุณชาย คนนี้ครับ” ภายในถ้ำยังมีอีกสองคนที่เป็นเด็กหนุ่มเหมือนกัน พวกเขาจับชายวัยกลางคนมัดมา “เขาเอาแผนที่ภูมิศาสตร์ชุดนั้นวางไว้ที่พวกเรา อยากเล่นงานพวกเราครับ”
ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้ามองอย่างช้าๆ “หืม?”
“ฉันทำไม่สำเร็จ!” ก่อนหน้านี้ชายวัยกลางคนยังไม่ลุกลี้ลุกลน แต่พอเห็นฟู่อวิ๋นเซินเขาก็ลนลานขึ้นมาทันที “ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจด้วย ก็แค่รับภารกิจมา ฉันไม่ใช่คนบงการ!”
อวิ๋นอู้ก้าวขึ้นหน้ากดบ่าของเขา แสยะยิ้ม “ทำตัวดีๆ”
มีเสียง “โป๊ก” ดังขึ้น หน้าผากของชายวัยกลางคนก็มีเหงื่อผุด
“ฉันทำข้อตกลงกับพวกแกได้!” เขาตะโกน “ขอเพียงแต่พวกแกปล่อยฉันไป ฉันจะเอาแผนที่ภูมิศาสตร์ของจริงให้พวกแก!”
“ฉันจะบอกจุดประสงค์ของอีกฝ่ายให้พวกแกรู้ด้วย!”
พอได้ยินแบบนี้ในที่สุดสายตาของฟู่อวิ๋นเซินก็เคลื่อนมาที่ตัวชายวัยกลางคน เวลานี้เขาเก็บท่าทางเรื่อยเปื่อยไม่แยแสไปหมดแล้ว บุคลิกน่าเกรงขามปกคลุมราวกับท้องทะเลลึก ชวนให้รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
เขาหันหน้าไปเล็กน้อยเงามืดเคลื่อนทับใบหน้าของเขา แต่กลับยังยากที่จะปิดบังใบหน้าอันหล่อเหลา
ภายในถ้ำที่เงียบสงัดได้มีเสียงหัวเราะสมเพช
“แกคิดว่าฉันจะยอมให้แกต่อรองเหรอ”