คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 225 ร้องไห้อ้อนวอนบอสอิ๋ง

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

อิ๋งเย่ว์เซวียนเห็นจงมั่นหวารับโทรศัพท์ก็แอบโล่งอก

อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องฟังจงมั่นหวาบ่นแล้ว

เธอเตรียมกลับห้องตัวเองไปพักผ่อน

แต่พอเดินไปได้สองก้าวก็ได้ยินจงมั่นหวาถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เหลือเชื่อ

“ว่าไงนะ ขอร้องอิ๋งจื่อจินเหรอ เธอบ้าไปแล้วหรือว่าฉันฟังผิด”

เท้าของอิ๋งเย่ว์เซวียนหยุดชะงัก หันไปด้วยความสงสัย “คุณแม่?”

“ไอบีไออะไร” จงมั่นหวารู้สึกเหมือนได้ยินเรื่องตลก “เธอคิดว่าไอบีไอเป็นใคร ตลาดสดเหรอ คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าไอบีไอคือสำนักสืบสวนสากล”

“เอาล่ะ หยวนลี่ซือ เธอหย่ากับพี่สามของฉันไปแล้ว ไม่ใช่คนของตระกูลจงแล้ว ทำไมฉันต้องช่วยเธอด้วย”

“ได้ ถอยกันคนละก้าว ต่อให้เธอยังเป็นพี่สะใภ้ของฉัน ฉันก็ไม่มีทางไปขอร้องอิ๋งจื่อจิน ชีวิตนี้ไม่มีวัน”

ฟังถึงตรงนี้อิ๋งเย่ว์เซวียนก็รู้แล้วว่าจงมั่นหวาคุยโทรศัพท์กับใคร แม่ของจงจือหว่าน คุณนายจง

เธอก็รู้เรื่องที่จงจือหว่านถูกผู้เฒ่าจงส่งไปอยู่เมืองนอกแล้ว ส่วนคุณนายจงถูกขับไล่ออกจากตระกูลจง อย่างไรเสียถ้าไม่มี ‘การสั่งสอน’ พวกนั้นของคุณนายจง จงจือหว่านก็ไม่มีทางเดินมาถึงขั้นนี้

ตอนเด็กๆ ก็ใช่ว่าจงจือหว่านจะไม่เคยทำอะไรเธอ

“น่าตลกจริง” จงมั่นหวาไม่อยากฟังแล้ว “ถ้าเด็กคนนั้นเก่งขนาดนี้ฉันจะตัดหัวให้เธอเลย ให้ฉันไปขอร้องเหรอ แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

พูดจบเธอก็ไม่รอให้คุณนายจงพูดอะไรต่อ กดตัดสายทิ้งทันที

“เสี่ยวเซวียน ไม่รู้ว่าอดีตป้าสะใภ้คนนี้ของลูกพอออกจากบ้านคุณตาแล้วไปโดนอะไรมาถึงได้สติเพี้ยน” จงมั่นหวาสงบสติอารมณ์ แสยะยิ้ม “ถึงกับมาบอกแม่ว่า น้องสาวของลูกให้ไอบีไอไปจับตัวเขาไว้ ลูกว่ามันน่าขำไหมล่ะ”

ไอบีไอ สำนักสืบสวนสากลเชียวนะ!

มีแค่เหตุการณ์ระดับโลกเท่านั้นถึงจะสามารถทำให้หน่วยงานระดับสูงอย่างไอบีไอออกโรงได้

พอออกจากตระกูลจง ข้างนอกก็มีแค่ไม่กี่คนที่รู้จักคุณนายจง

“น้องจื่อจินเหรอคะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนตะลึง “น้องจื่อจินเกี่ยวข้องกับไอบีไอเหรอคะ”

“จะเกี่ยวข้องอะไรได้” จงมั่นหวามีสีหน้าเย็นชา “ถ้าจะบอกว่ามีความเกี่ยวข้องจริง อย่างมากก็แค่ครั้งก่อนไอบีไอช่วยออกแถลงการณ์ยืนยันความบริสุทธิ์ให้จงซื่อกรุ๊ป”

“แต่นั่นก็เพราะเกี่ยวพันถึงคดีโจรกรรมระดับโลก คนร้ายก็เป็นคนที่เคยก่อคดี อีกอย่างไอบีไอช่วยจงซื่อกรุ๊ป จะเกี่ยวอะไรกับเด็กคนนั้นได้”

เธอส่ายหน้าแล้วพูดต่อ “ดังนั้นแม่ถึงได้บอกว่าอดีตป้าสะใภ้ของลูกบ้าไปแล้ว คิดว่าน้องสาวของลูกเป็นใคร จะรู้จักคนของไอบีไอได้เหรอ คู่ควรเหรอ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนครุ่นคิดก็รู้สึกว่าจริง

ไอบีไอ อย่าว่าแต่คนทั่วไปเลย สี่ตระกูลเศรษฐีของฮู่เฉิงก็ยังเข้าไปคลุกคลีด้วยไม่ได้ บางทีอาจมีแค่พวกตระกูลชั้นแนวหน้าของตี้ตูถึงจะมีเกียรติได้พบนักสืบกับตำรวจสากลของไอบีไอ

“งั้นเกิดอะไรขึ้นกับคุณป้าเหรอคะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนถามด้วยความลังเล “คุณป้าถูกไอบีไอจับจริงเหรอคะ”

“ก็อาจจะมั้ง” จงมั่นหวายังคงนึกขำ “เดิมทีแม่คนนั้นก็ไม่ใช่คนที่จิตใจใสซื่ออะไร ใครจะไปรู้ว่าไปก่อเรื่องอะไรอีก”

อิ๋งเย่ว์เซวียนพยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรมาก

อีกด้านหนึ่ง

หนิงชวน

พอถูกจงมั่นหวาตัดสายทิ้ง คุณนายจงก็รู้สึกหนาวเป็นระลอก หนาวจนตัวสั่น เดิมทีเธอกับคุณนายฟางดื่มน้ำชาคุยกันอยู่ที่นี่ ได้ยินเสียงเอะอะด้านนอกเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

ถ้าวันไหนตระกูลฟางไม่มีศัตรูมาหาถึงที่ นั่นสิแปลก แต่คุณนายจงคาดไม่ถึงว่ายังไม่ทันที่เธอจะทำให้อิ๋งจื่อจินมาอ้อนวอนเธอกลับเป็นเธอที่ถูกจับเสียก่อน

แถมหน่วยงานที่ออกคำสั่งยังเป็นไอบีไอ!

ตอนที่คุณนายจงได้ยินเกือบเป็นลมหมดสติ

เธอมีเล่ห์เหลี่ยมก็จริง แต่ก็เป็นเพียงคุณนายคนหนึ่งแม้แต่ทำธุรกิจยังไม่เคยจึงไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้

เธอเองก็ไม่รู้ว่าอิ๋งจื่อจินเกี่ยวข้องอะไรกับไอบีไอ แต่เธอคิดว่าตราบใดที่อิ๋งจื่อจินไม่เอาเรื่อง ไอบีไอก็ทำอะไรเธอไม่ได้

คุณนายจงถึงได้โทรไปขอร้องจงมั่นหวา แต่ไม่เพียงแต่จงมั่นหวาจะไม่ช่วยเธอยังไม่เชื่อเธออีกด้วย

มือของคุณนายจงกำลังสั่น

เธอรู้ว่าตัวเองไม่มีทางโทรหาผู้เฒ่าจง

ด้วยความลำเอียงที่ผู้เฒ่าจงรักอิ๋งจื่อจินมากกว่า อย่าว่าแต่จะไม่ให้อิ๋งจื่อจินปล่อยเธอเลย จะยิ่งซ้ำเติมด้วยซ้ำ

ฟางจื้อเฉิงเองก็หมดอาลัยตายอยาก

พวกเขาถูกขังอยู่ในคฤหาสน์ รอแค่คนของไอบีไอมาถึงพร้อมเพรียงก็จะดำเนินการตามคำสั่งให้จบ

ฟางจื้อเฉิงทำตัวมีอิทธิพลมาหลายปีขนาดนี้ แต่กลับโดนจับเขาจึงไม่อาจยอมได้

เขาพุ่งเข้าไปจับบ่าของคุณนายจง พูดเสียงสั่น “ไหนแกบอกว่าพวกเวินทิงหลานมันไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรไง หา!”

“ทำไมไอบีไอถึงมาได้ ทำไม!”

คุณนายจงสีหน้าตื่นตระหนก หวาดกลัวขั้นสุด

“แกหาคนยังไงกันแน่” ฟางจื้อเฉิงโมโหอกแทบระเบิด “คราวนี้ได้เรื่อง ไม่ใช่แค่ถงถงไม่ได้รับการรักษา ตระกูลฟางก็จบลงไปด้วย!”

ด้วยความสามารถของไอบีไอ พอเขาถูกจับตาเรื่องที่เขาทำเมื่อก่อนต่อให้ปกปิดไว้ดีแค่ไหนก็จะถูกสืบออกมาได้หมด

เรื่องแล้วเรื่องเล่า เขาหนีไม่พ้นแน่นอน

“ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร” มือเท้าของคุณนายจงเย็นเฉียบ “นังนั่นมันมาจากบ้านนอก พ่อกับน้องชายของมันก็ป่วย ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลอิ๋งรับมาอยู่ฮู่เฉิง แม้แต่ข้าวก็กินไม่อิ่ม…”

ถ้าไม่ใช่เพราะอิ๋งจื่อจินไปจากตระกูลอิ๋งแล้ว ไม่มีตระกูลอิ๋งคอยคุ้มกะลาหัว เธอคงไม่กล้าลงมือ

ฟางจื้อเฉิงหน้าบึ้งไม่พูดอะไร

ทันใดนั้นประตูห้องโถงก็ถูกเปิดออก คนที่เข้ามาคือนักสืบหนุ่มคนนั้น สายตาของเขามองไปที่คุณนายจง จากนั้นก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “หยวนลี่ซือใช่ไหม เบื้องบนสั่งเรียกชื่อนี้ ตามมาหน่อย”

กว่าอิ๋งจื่อจินจะตื่นก็เป็นเวลาเที่ยงของอีกวันแล้ว

ขนตาของเธอขยับ ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ลืมตาขึ้น

หน้าต่างถูกดึงม่านมาปิดไว้เพื่อบังแสงแดดที่ร้อนแรง

เธอเอามือยันเตียงลุกขึ้นมานั่งหลังจากมองไปรอบตัว นั่งนึกอยู่สักพักเธอถึงคิดได้ว่ากำลังอยู่ในห้องนอนของตัวเอง ตรงข้างหัวเตียงมีน้ำอยู่หนึ่งแก้ว อิ๋งจื่อจินเอามือไปจับก็พบว่ายังอุ่นอยู่ เธอดื่มไปหนึ่งอึกก็รู้สึกได้ถึงรสเค็มนิดหน่อยเป็นน้ำเกลือเจือจาง

ดื่มเสร็จเธอถึงลงจากเตียงไปเปลี่ยนชุดแล้วออกจากห้อง

ภายในห้องรับแขก

เวินเฟิงเหมียนกับเวินทิงหลานนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว ตรงหน้ามีชามกับตะเกียบวางอยู่

ไม่ต่างอะไรจากวันปกติ

อิ๋งจื่อจินจับศีรษะสีหน้าผ่อนคลายลง เดินเข้าไปหา

“เยาเยา ตื่นแล้วเหรอ” พอเห็นเธอ เวินเฟิงเหมียนก็กวักมือเรียก “นั่งสิ อวิ๋นเซินบอกว่าลูกใช้แรงไปเยอะ ต้องบำรุงหน่อย”

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก สายตากวาดมองไปบนโต๊ะอาหาร หลังจากที่พบว่าไม่มีตับหมูเธอก็พยักหน้า “หนูไม่ระวังตัวเอง”

หยุดเล็กน้อยแล้วถามต่อ “พ่อคะ หลังจากหนูออกไปไม่ได้มีคนมาใช่ไหมคะ”

เธอต้องใช้ญาณพยากรณ์ให้น้อยลงแล้ว ไม่อย่างนั้นจะสูญเสียพลังงานไปมากกว่าเดิม

“มี” เวินเฟิงเหมียนตักน้ำแกง “เป็นศาสตราจารย์สาขาคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยตี้ตู อยากรับเสี่ยวหลานเข้าไปเรียน”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด

ใช่ว่าเธอจะมองไม่ออกว่าเวินเฟิงเหมียนพยายามเลี่ยงตี้ตูมาตลอด

การที่เขายอมตกลงให้เวินทิงหลานไปมหาวิทยาลัยนอร์ตันได้เร็วขนาดนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะสาเหตุนี้

“หนูออกไปข้างนอกหน่อยนะคะพ่อ” พอกินเสร็จอิ๋งจื่อจินก็ลุกขึ้น “กลับมาเย็นๆ ค่ะ”

เวินเฟิงเหมียนขมวดคิ้ว “เยาเยา สุขภาพของลูก…”

“หายดีแล้วค่ะ แค่หมดแรงนอนพักก็ดีขึ้นแล้วค่ะ”

ฟังถึงตรงนี้เวินเฟิงเหมียนก็ไม่ขวางเธออีก เขาพูดขึ้น “ได้ ระวังตัวด้วยนะ มีอะไรก็โทรหาพ่อ”

เขามองตามหลังลูกสาวที่เดินออกไป แต่คิ้วกลับยังคงขมวดอยู่ ผ่านไปสักพักเขาถึงถอนหายใจเบาๆ ขอให้ไม่ตกเป็นเป้าสายตาของทางตี้ตูเป็นพอ เรื่องที่เวินเฟิงเหมียนไม่รู้คือรถของฟู่อวิ๋นเซินยังคงรออยู่ด้านล่าง

อิ๋งจื่อจินขึ้นไปนั่งข้างคนขับ รัดเข็มขัดนิรภัย ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย “ขอบคุณ”

เธอคาดการณ์ได้ว่าลำพังแค่เธอคนเดียวอาจช่วยเวินทิงหลานออกมาจากบ้านตระกูลฟางไม่ได้ ดังนั้นพอขึ้นไปนั่งบนเฮลิคอปเตอร์เสร็จเธอถึงส่งข้อความวีแชทหาฟู่อวิ๋นเซิน

เพียงแต่เธอนึกไม่ถึงว่าเขาจะส่งเจ้าหน้าที่ไอบีไอมาโดยตรง

แบบนี้มันเล่นใหญ่เกินไป

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ตอบ เขาหมุนพวงมาลัยรถแล้วถามขึ้น “เยาเยา ดื่มน้ำเกลือหรือยัง”

“ดื่มแล้ว” อิ๋งจื่อจินนึก “ไม่ค่อยอร่อย”

“ยาดีขมคอ” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มมุมปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจ “เด็กน้อย เข้าใจหลักการนี้หรือเปล่า”

พอได้ยินแบบนั้นอิ๋งจื่อจินก็หันหน้าไป “คุณเติมอย่างอื่นนอกจากเกลืออีกเหรอ”

ตอนเธอลุกขึ้นหัวยังมึนอยู่ ด้วยความที่รีบร้อนดื่มจึงรับรู้ได้แค่รสเค็ม

“ยาจีนชนิดหนึ่ง” ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้า ยิ้มพลางพูด “ดีต่อร่างกาย”

เขาไม่ได้บอกว่าเป็นยาอะไร พูดต่อ “หยวนลี่ซือถูกจับแล้ว พี่ชายจะพาเธอไปดู”

หยวนลี่ซือเป็นชื่อจริงของคุณนายจง

แววตาของอิ๋งจื่อจินถึงวูบไหวเล็กน้อย “ได้”

สามสิบนาทีต่อมา

รถมาเซราติได้หยุดลงที่อาคารแห่งหนึ่ง

อาคารแห่งนี้มองผิวเผินไม่มีอะไรพิเศษ แต่ในความเป็นจริงคือจุดรวมตัวของไอบีไอ

เพียงแต่ปกติที่นี่ไม่มีแม้แต่คนเข้าเวร

คุณนายจงถูกพามาที่นี่เมื่อคืนนี้ หนึ่งวันหนึ่งคืนเธอได้กินแค่ขนมปังแห้งๆ หนึ่งก้อน ดื่มน้ำหนึ่งแก้ว ตอนนี้ไม่มีแม้แต่แรงจะพูด ส่วนโทรศัพท์มือถือของเธอถูกยึดไปแล้ว ขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้

คุณนายจงไม่เคยประสบเคราะห์กรรมแบบนี้มาก่อน ในขณะที่เธอกำลังจะสติแตก ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก

คนที่เข้ามาเป็นตำรวจสากลของไอบีไอ

เขามองเธอด้วยสายตาเย็นชา “ผู้บัญชาการต้องการเจอคุณ”

พอได้ยินแบบนี้คุณนายจงก็ตัวสั่น กลัวยิ่งกว่าเดิม

แต่เธอกลับจำต้องบากหน้าเดินออกไป ถูกพาไปยังห้องสอบสวน

คุณนายจงฝืนข่มความกลัว เงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท