คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 228 มหาวิทยาลัยนอร์ตันตบหน้าด้วยหลักฐาน

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

พอเห็นคอมเมนต์ที่ก็อบปี้เรียงกันลงมาพวกนั้น สวี่ชวนก็หงุดหงิดมาก

เขาอุตส่าห์ตั้งชื่อแอ๊กเคานท์เวยปั๋วส่วนตัวของตัวเองว่าสุนัขถึกทึน เพราะไม่อยากถูกรบกวน

แต่ช่วยไม่ได้ เขามีหน้าที่ดูแลเวยปั๋วของแผนกรับนักศึกษามหาวิทยาลัยตี้ตู

ชาวเน็ตดูจากแอ๊กเคานท์ทางการของมหาวิทยาลัยก็สามารถไล่ตามหาจนเจอแอ๊กเคานท์เวยปั๋วส่วนตัวของเขาได้

ตอนแรกสุดชื่อแอ๊กเคานท์ของเขาเป็นชื่อทางการมาก ‘สวี่ชวนมหาวิทยาลัยตี้ตู’

แต่ต่อมาเมื่อไม่กี่ปีก่อน มีดาราที่เกิดหลังปีสองพันคนหนึ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนั้น

แฟนคลับของดาราคนนี้เข้ามาคอมเมนต์ในเวยปั๋วส่วนตัวของเขา บอกว่าไอดอลของพวกเขาพยายามขนาดไหน เก่งขนาดไหน

ถ้าไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยตี้ตูจะเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ของทางมหาวิทยาลัย

ตอนนั้นสวี่ชวนรำคาญมาก แต่ก็ยังคงอดทนไปสืบหาผลการเรียนของดาราคนนี้

ปรากฏว่าผลการเรียนวิชาวัฒนธรรมต่ำเสียจนไม่กล้าดู

แต่พวกแฟนคลับไม่ฟังก็คือไม่ฟัง ก่อกวนเวยปั๋วของเขาอย่างต่อเนื่องหลายวัน ทั้งยังบอกว่าจะร้องเรียนว่าเป็นแอ๊กเคานท์ผิดกฎหมาย

สวี่ชวนจึงแก้ชื่อเวยปั๋วกับข้อความแนะนำตัวของเขา

ใครจะรู้ว่ากลับมีเรื่องมากวนใจอีกแล้ว

เวินทิงหลาน สวี่ชวนย่อมรู้จัก

อย่าว่าแต่แผนกรับนักศึกษาของพวกเขาเลย พวกศาสตราจารย์ทุกคณะในมหาวิทยาลัยตี้ตูก็รู้จักชื่อเวินทิงหลานกันหมด

ไม่ว่าจะสาขาคอมพิวเตอร์หรือสาขาฟิสิกส์ก็อยากรับเวินทิงหลานเข้าไปทั้งนั้น

ก่อนไปฮู่เฉิง แต่ละคณะยังแอบพนันกันไว้ว่าใครจะชนะ

แต่สุดท้ายก็กินแห้วกันถ้วนหน้า

ดังนั้นเรื่องที่สวี่ชวนโมโหยิ่งกว่าคือ แผนกรับนักศึกษามหาวิทยาลัยตี้ตูของพวกเขาแพ้ให้แผนกรับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ตันอีกแล้ว

เมื่อไม่กี่ปีก่อนมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็เคยแย่งตัวนักเรียนที่พวกเขาหมายตาไว้ไป

ครั้งนี้เอาอีกแล้ว

ให้ตายเหอะ

เคราะห์ซ้ำกรรมซวย

ชีวิตนี้ของเขาต้องเป็นปรปักษ์กับแผนกรับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ตันไปตลอด

สวี่ชวนดื่มเบียร์ด้วยความโกรธ เริ่มตอบกลับอย่างดุเดือด

แอทอยากให้ถงถงมีความสุขทุกวัน : [ไม่ใช่มั้ง พูดบ้าบออะไร อย่างเขาจะเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ตันเลยเหรอ ล้อเล่นหรือเปล่า สอบได้อันดับหนึ่งก็เข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันได้เลยเหรอ]

แอทสุนัขถึกทึน : [ไม่เชื่อก็ไปถามเอง เวลาที่พิมพ์คีย์บอร์ดเพียงพอให้คุณเอาหน้าไปให้ทางนั้นตบ]

แอทสู้นะถงถง : [มหาวิทยาลัยตี้ตูไม่อยากถอดเขาก็ไม่ต้องถอด รู้หรอกว่าพวกคุณเสียดาย ชิ รับคนที่พูดจาไม่มีสัจจะเข้าไป ต่อไปมหาวิทยาลัยก็ไม่เหลือความน่าเชื่อถือแล้ว ต่อไปทุกคนอย่าไปเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตูนะ]

แอทสุนัขถึกทึน : [ ฃเพ้อเจ้อ ถ้าทะเบียนประวัตินักศึกษาของเขาอยู่ในมือผม ตอนนี้ผมคงเอาไปวางในหอบรรพชนแล้วจุดธูปไหว้ ขอร้องให้อีกหน่อยมหาวิทยาลัยนอร์ตันอย่าได้มาเอาเด็กของประเทศเราอีกเลย]

ดึงดูดคนให้มามุงดูเยอะมาก แต่พวกเขาก็แค่อ่านคอมเมนต์โต้เถียงระหว่างสวี่ชวนกับพวกแฟนคลับของฟางรั่วถง

ฟางรั่วถงดูความเคลื่อนไหวในเน็ตอยู่ตลอด ย่อมเห็นคำตอบของสวี่ชวน

เธอขมวดคิ้ว ใจหายวาบ “พ่อคะ มหาวิทยาลัยตี้ตูบอกว่าพวกเขาไม่ได้รับเวินทิงหลานเข้าไป เวินทิงหลานเข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันค่ะ”

“มหาวิทยาลัยนอร์ตันเหรอ” ฟางจื้อเฉิงไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัย แถมยังเลิกเรียนมัธยมปลายกลางคัน ยิ่งไปกว่านั้นไม่เคยสนใจเรื่องการจัดอันดับมหาวิทยาลัยระดับโลก เขาจึงอดสงสัยไม่ได้ “มหาวิทยาลัยนอร์ตันมีอะไรดีเหรอ”

“มหาวิทยาลัยนอร์ตันเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลกค่ะ” ฟางรั่วถงหวั่นใจ “แต่เงื่อนไขในการรับนักศึกษาเข้มงวดมาก”

พอฟังถึงตรงนี้ฟางจื้อเฉิงก็เข้าเน็ตไปเสิร์ชดู

พอเสิร์ชเสร็จเขาก็หัวเราะ “ถงถง ในเมื่อมหาวิทยาลัยนอร์ตันโหดขนาดนี้ แม้แต่คนสอบได้อันดับหนึ่งยังเข้าไม่ได้ ลูกวางใจเถอะ เขาคงไปเลือกมหาวิทยาลัยอื่นแล้ว”

ฟางรั่วถงคิดแล้วก็รู้สึกว่าจริง

มหาวิทยาลัยนอร์ตันใช่ว่าใครอยากเข้าก็เข้าได้

ต่อให้เวินทิงหลานสอบได้คะแนนอันดับหนึ่งก็ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอ

ฟางรั่วถงโล่งอก ติดต่อบริษัทที่เธอไลฟ์สดอีกครั้งเพื่อให้พวกเขาปั่นกระแสต่อ

เธอนึกไม่ถึงว่ามหาวิทยาลัยตี้ตูจะตอบกลับเร็วขนาดนี้ แต่อย่างไรก็ดี มีการตอบกลับจากมหาวิทยาลัยตี้ตูแบบนี้เธอก็สามารถทำตัวให้น่าสงสารยิ่งกว่าเดิมได้

พอถึงเวลา ต่อให้เวินทิงหลานไม่อยากบริจาคไขกระดูกให้เธอก็ต้องทำ

เดิมทีชาวเน็ตจำนวนหนึ่งก็ไม่ได้มีความสามารถในการแยกแยะอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีพวกแอ๊กเคานท์หน้าม้ามาปั่นกระแส จึงพากันตำหนิเวินทิงหลาน

แต่สิ่งเดียวที่เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นนักเลงคีย์บอร์ดแนวหน้าหรือไม่ใช่ ต่างก็ไม่คิดว่าเวินทิงหลานเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน

[อันดับหนึ่งของฮู่เฉิงไม่ไปมหาวิทยาลัยตี้ตูยังจะไปที่ไหนได้ คนที่พูดจาไร้สัจจะแบบนี้ ไม่มีมหาวิทยาลัยไหนเอาหรอก]

[แต่เวินทิงหลานเป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมชิงจื้อใช่หรือเปล่า ไปสืบจากคนที่เรียนโรงเรียนเดียวกับเขาก็ได้แล้ว]

[ไม่ว่าเขาจะไปอยู่มหาวิทยาลัยไหน มหาวิทยาลัยนั้นต้องถอดเขาให้พ้นสภาพนักศึกษา!]

[ตลกเป็นบ้า เขาเนี่ยนะเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน ก็แค่มั่นใจว่ามหาวิทยาลัยนอร์ตันไม่มีทางออกมาสยบข่าวลือ ถึงได้แอบอ้างเอาเองเสร็จสรรพยังไงล่ะ]

อิ๋งจื่อจินกวาดตาไล่อ่านคอมเมนต์เหล่านั้นบนเวยปั๋ว สีหน้าเรียบเฉย

เธอเปิดโปรแกรมแชทของมหาวิทยาลัยนอร์ตันอีกครั้ง ส่งข้อความหารองอธิการบดี

[พวกคุณมีแอ๊กเคานท์เวยปั๋วไหม]

รองอธิการบดีตอบกลับในทันที อย่างไรเสียไอดีของอิ๋งจื่อจินก็เป็นไอดีที่เขาให้ความสนใจเป็นพิเศษ

[มีครับมี แอ๊กเคานท์กับรหัสผ่านอยู่ที่แผนกรับนักศึกษา มีเรื่องอะไรเหรอครับ]

มหาวิทยาลัยนอร์ตันเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลก ลึกลับมาก แต่กลับมีความเคลื่อนไหวในแต่ละสื่อโซเชียล

ไม่เพียงแต่แผนกรับนักศึกษาจะลงทะเบียนแอ๊กเคานท์เวยปั๋ว ยังมีบัญชีของอินสตาแกรม ทวิตเตอร์ รวมถึงเฟซบุ๊ก เข้าถึงเว็บไซต์โซเชียลของแต่ละประเทศ

ปกตินอกจากโพสต์ทิวทัศน์ภายในมหาวิทยาลัยแล้วก็จะโพสต์ข่าวรับนักศึกษา

แต่ข่าวรับนักศึกษาก็แค่โพสต์ให้มีติดๆ ไว้ แต่ละครั้งส่วนใหญ่จะโพสต์ประมาณว่า ปีนี้พวกเรารับนักศึกษาอีกแล้ว และก็ไม่มีข้อมูลอย่างอื่นอีก

ส่วนเว็บไซต์ทางการของมหาวิทยาลัยนอร์ตันจะมีแค่รายชื่อของนักศึกษาที่อยู่คณะต่ำกว่าระดับเอส (S)

เนื่องจากนักศึกษาของคณะระดับเอส (S) และเอสเอส (SS) จะถูกเก็บข้อมูลส่วนตัวเป็นความลับ

ด้วยเหตุนี้มหาวิทยาลัยนอร์ตันจึงไม่มีทางประกาศรายชื่อของพวกเขา ต่อให้ประกาศก็จะจงใจแก้ให้พวกเขาอยู่คณะระดับเอ (A) หรือบี (B)

อิ๋งจื่อจินละสายตา ส่งเอกสารไปให้เขาหลายไฟล์

[โพสต์เดี๋ยวนี้]

รองอธิการบดีรับไฟล์มา ยังไม่ทันได้เปิดอ่านก็ตอบทันที

[วางใจครับ ผมจะจัดการเดี๋ยวนี้]

อิ๋งเทียนลี่ว์ก็ให้ความสนใจกระแสวิจารณ์ในเน็ต

พอพบว่าสถานการณ์เริ่มไม่ชอบมาพากลเขาก็หน้านิ่ว โทรต่อ “ถึงแผนกรับนักศึกษาของพวกนายจะแถลงการณ์แล้ว แต่กระแสวิจารณ์ก็ยังไม่ซาลง”

อิ๋งเทียนลี่ว์ไม่ค่อยได้ยุ่งกับอินเตอร์เน็ต เขาจึงไม่รู้จักพวกหน้าม้าทางโซเชียล ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมชาวเน็ตส่วนใหญ่อยู่ฝ่ายฟางรั่วถง

“พวกเราก็กำลังสืบว่ามันเรื่องอะไรกันแน่” ปลายสายพูด “เมื่อกี้มีคนเทียบลายมือแล้ว พบว่าเป็นของจริง เลยต้องใช้เวลาแก้ไข”

เขาหยุดเล็กน้อยแล้วถามต่อ “แต่นายเป็นอะไรกับเวินทิงหลานเหรอ ทำไมเป็นห่วงเขาขนาดนี้”

อิ๋งเทียนลี่ว์ไม่ตอบ

หลังวางสายเขาเอามือก่ายหน้าผาก ถอนหายใจ

เขาพบว่าตัวเองช่วยอะไรไม่ได้เลย

ผ่านไปสักพักอิ๋งเทียนลี่ว์ก็โทรศัพท์อีกครั้ง เขาพูด “หลายวันแล้วสืบได้ยังครับ”

“คุณชายอิ๋ง คุณให้ผมมาแค่ชื่อ ไม่มีแม้แต่อายุ” ปลายสายเริ่มบ่น “มันจะต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร”

อิ๋งเทียนลี่ว์ขมวดคิ้ว

เขารู้ชื่อ ‘จิ่งหงเจิน’ เป็นเพราะเห็นในเอกสารตรวจดีเอ็นเอ

ไม่มีข้อมูลอื่นแล้วจริงๆ

อิ๋งเจิ้นถิงกับจงมั่นหวาจะต้องรู้แน่นอน

แต่ต่อให้เขาไปถามพ่อแม่ สองคนนั้นก็ไม่มีทางบอกเขา

“มีความเป็นไปได้อีกอย่าง ชื่อนี้เป็นชื่อปลอม” ปลายสายพูดต่อ “ถ้าเป็นแบบนี้ คุณก็ไม่ต้องคิดจะตามหาแล้วล่ะครับ”

อิ๋งเทียนลี่ว์เงียบไปชั่วขณะ “งั้นคุณช่วยสืบหน่อยครับว่าช่วงไม่กี่ปีมานี้พ่อกับแม่ผมไปเจอใครที่ไม่ใช่พวกคนไฮโซมาบ้าง”

“งานหนักทีเดียว คงต้องใช้เวลาหลายเดือน”

อิ๋งเทียนลี่ว์ไม่พูดอะไรมาก “เอาให้เร็วที่สุดแล้วกันครับ”

อีกด้านหนึ่ง

คฤหาสน์ตระกูลฟาง

อ่านคอมเมนต์ชาวเน็ตที่พูดถึงเวินทิงหลานแล้วฟางรั่วถงก็รู้สึกโล่งอก

เธอยิ้ม พูดพึมพำกับตัวเอง “ใครใช้ให้ไม่บริจาคไขกระดูกให้ฉันล่ะ สมน้ำหน้า”

เนื่องจากยังคงไม่สบายใจ เธอยังได้เข้าไปดูที่เวยปั๋วของมหาวิทยาลัยนอร์ตันด้วย

ด้านล่างก็มีชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปถาม แต่ทางมหาวิทยาลัยนอร์ตันกลับไม่ตอบอะไร

เธอกะแล้วว่าต่อให้เวินทิงหลานจะเป็นอัจฉริยะขนาดไหนก็ไม่มีทางเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยนอร์ตันได้

ในเวยปั๋วแถลงการณ์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็มีแต่ชมว่าเวินทิงหลานฉลาดเลิศเลอขนาดไหน

สติปัญญาดีนิสัยก็จะดีตามหรือไง

แอทเสี่ยวถงถง : [เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วฉันเองก็ปลงได้แล้ว ฉันแค่อยากได้คำตอบว่า ทำไมเซ็นยินยอมบริจาคไขกระดูกแล้วแต่กลับไม่บริจาค ฉันอยากหายเป็นปกติจริงๆ ทำไมต้องให้ฉันดีใจเก้อด้วย]

พอพิมพ์ข้อความนี้เสร็จเธอก็รู้สึกร้อนที่จมูกจึงรีบเงยหน้าขึ้น กดโพสต์ข้อความแล้วรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ

หลังจากโพสต์นี้ปรากฏก็มีอีกโพสต์หนึ่งปรากฏในเวลาไล่เลี่ยกัน

แอทมหาวิทยาลัยนอร์ตัน : [ในเมื่อพูดถึงแล้ว งั้นก็ขอถามสักหน่อย แอทเสี่ยวถงถง คุณบังคับนักศึกษาของเราให้บริจาคไขกระดูก หมายความว่าไงครับ]

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท