ประโยคนี้ทำเอาอาจารย์ทั้งสามคนต่างหยุดชะงัก
โดยเฉพาะอาจารย์เติ้ง ดูเหมือนเธอจะนึกไม่ถึงว่าจะถูกอิ๋งเย่ว์เซวียนตั้งข้อสงสัยแบบนี้
อาจารย์สวีขมวดคิ้ว
เขาเพิ่งชมไปว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนก้าวหน้าขึ้นมาก แล้วเธอก็โพล่งคำถามนี้ออกมา
อีกทั้งพวกเขาก็แค่หารือกัน ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้โควตากับใคร
แน่นอนว่าอาจารย์สวีก็คิดว่าทั้งโรงเรียนชิงจื้อไม่มีใครเหมาะสมเท่าอิ๋งจื่อจินอีกแล้ว
ถ้าให้คนอื่นไปจริง ต่อให้เป็นผู้นำลอยลำในการแข่งขันในประเทศ อย่างไรเสียชิงจื้อก็เป็นหนึ่งในสามโรงเรียนมัธยมชั้นนำของประเทศจีน
แต่เมื่อไปถึงการแข่งขันระดับนานาชาติ แบบนั้นจะยิ่งอันตราย
อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ตั้งสติได้ก่อน ดูเหมือนเขาจะโมโหจนหัวเราะ “คือว่า นักเรียนอิ๋งเย่ว์เซวียน เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา ลำเอียงงั้นเหรอ”
“หนูรู้ค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเข้าใจสีหน้าของอาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ “หนูถึงได้ถามว่าเกณฑ์การตัดสินโควตานี้คืออะไรคะ”
“ถ้าหนูจำไม่ผิด งานแข่งขันนี้สำคัญมาก ขอบเขตของผู้เข้าร่วมเป็นโรงเรียนมัธยมกับโรงเรียนรัฐบาลทั้งโลก”
“ชิงจื้อเป็นตัวแทนของคุณภาพการศึกษาที่สูงที่สุดของประเทศจีน ยิ่งต้องควรระมัดระวังในการเลือกตัวแทนหรือเปล่าคะ”
เมื่อวานบ่ายมีนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะเริ่มคุยกันเรื่องนี้แล้ว
นี่เป็นงานแข่งขันทางวิชาการครั้งใหญ่ระดับนานาชาติ
มีชื่อเต็มว่า งานแข่งขันวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ (International Science Competition หรือ ISC)
ไอเอสซียังเป็นงานแข่งขันระดับโลกเพียงงานเดียวที่แค่ใช้คำว่า ‘วิทยาศาสตร์’ มาเรียกรวม
ด้วยเหตุนี้ขอบเขตเนื้อหาของไอเอสซีจึงประกอบไปด้วย คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ดาราศาสตร์ ภาษา จิตวิทยา โบราณคดี คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ได้ไอเอสซีก็ทดสอบหมด
ไอเอสซีก็คล้ายกับงานแข่งขันที่รวมหลายวิชาอย่างเช่น IOI (งานแข่งขันสารสนเทศระดับนานาชาติ) IMO (งานแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับนานาชาติ) เป็นต้น
เนื่องจากครอบคลุมขอบข่ายความรู้ที่กว้างมาก ตอนแรกสุดทางไอเอสซีก็แค่คิดไว้ แต่ไม่ได้จัดงานเป็นรูปเป็นร่างมาตลอด
และก็เป็นปีนี้ที่ไอเอสซีตัดสินใจจัดงานเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งส่งไปประกาศตามเว็บไซต์การศึกษาใหญ่ๆ หลายที่
ผู้ก่อตั้งไอเอสซีนอกจากจะมีมหาวิทยาลัยนอร์ตันแล้วยังมีสถาบันการศึกษาชั้นนำสิบอันดับแรกของโลกอีกด้วย
ถึงแม้มหาวิทยาลัยตี้ตูจะเบียดขึ้นไปติดสิบอันดับแรกไม่ได้ แต่เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลอันดับหนึ่งของประเทศจีน จึงถูกรับเชิญเช่นเดียวกัน
ร่วมกับองค์กรวิชาการระดับนานาชาติ องค์กรเหล่านี้เป็นผู้ชักชวนให้นักเรียนมาลงงานแข่งวิชาการครั้งนี้
ส่งคำท้าไปยังนักเรียนของทุกประเทศและทั้งโลก
แน่นอนว่าต่อให้เป็นเด็กอัจฉริยะก็ไม่มีทางรอบรู้ไปหมดทุกด้าน ย่อมมีข้อบกพร่องบ้าง
ด้วยเหตุนี้สุดท้ายรอบตัดสินจะเป็นการแข่งขันโดยให้จับกลุ่มหกคน
อิ๋งเย่ว์เซวียนรู้เรื่องของไอเอสซีเร็วกว่านักเรียนคนอื่น
เพราะเธอได้เข้าร่วมทีมวิจัยวิทยาศาสตร์ที่ยุโรป รุ่นพี่ของเธอแอบมาบอกเธอล่วงหน้า
รุ่นพี่บอกว่าน่าเสียดายที่เขาเรียนจบจากโรงเรียนรัฐบาลเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จึงขาดคุณสมบัติในการลงแข่งครั้งนี้ ไม่อย่างนั้นมีเหรอจะพลาด
อิ๋งเย่ว์เซวียนจึงรู้ดีว่า คณะกรรมการจะแบ่งโควตาไปตามโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนมัธยมของแต่ละประเทศ
จากนั้นให้ทางโรงเรียนไปพิจารณากันเอาเอง เลือกนักเรียนที่เหมาะสมเข้าร่วมแข่งขัน
โควตานี้จะได้ไปแข่งในระดับนานาชาติทันที ไม่ต้องลงแข่งรอบคัดเลือก
อิ๋งเย่ว์เซวียนแน่ใจว่าโรงเรียนมัธยมชิงจื้อจะต้องได้โควตาแน่นอน แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะได้แค่โควตาเดียว
แต่โรงเรียนเอลานที่เธอไปแลกเปลี่ยนกลับได้ถึงสิบคน
แต่เธอก็เป็นแค่นักเรียนแลกเปลี่ยนระยะสั้น ไม่ใช่นักเรียนของโรงเรียนเอลาน ไม่มีสิทธิ์ไปขอโควตาจากโรงเรียนเอลาน
อิ๋งเย่ว์เซวียนรู้ว่าตัวเองสู้พวกหัวกะทิของเอลานไม่ได้ แต่เธออยู่ชิงจื้อก็ไม่ได้แย่
หลังจากที่จงจือหว่านลาออก เธอก็เป็นที่หนึ่งของชั้นปี
ทำไมตอนอาจารย์เติ้งพิจารณาให้โควตาถึงไม่แม้แต่จะเอ่ยชื่อเธอล่ะ
ถ้าให้โควตานักเรียนคนอื่นในคลาสเด็กอัจฉริยะ เธอจะไม่มีทางตอบสนองรุนแรงแบบนี้เลย
อย่างน้อยนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะก็เป็นสุดยอดหัวกะทิทั้งนั้น มีศักยภาพที่จะลงแข่งไอเอสซีได้
แต่อิ๋งจื่อจินเหรอ
อิ๋งเย่ว์เซวียนคิดหาเหตุผลไม่ออก
แต่เธอก็เข้าใจ หนึ่งปีที่เธอไม่อยู่ชิงจื้อ อาจารย์เติ้งเอาใจใส่อิ๋งจื่อจินมาตลอด
แต่การยกโควตาลงแข่งไอเอสซีที่ล้ำค่าแบบนี้ให้อิ๋งจื่อจิน มันไม่เรียกว่าลำเอียงหรอกเหรอ
อาจารย์เติ้งเริ่มตั้งสติได้ สายตาที่มองอิ๋งเย่ว์เซวียนเจือไปด้วยความผิดหวัง
แต่เธอเป็นคนอ่อนโยน ไม่ได้อารมณ์เสีย พูดอย่างใจเย็น “เธอคิดว่าครูลำเอียงเหรอ”
“ค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนใจหายวาบเมื่อเห็นสายตาของเธอ “แต่หนูอาจเข้าใจผิดอาจารย์เติ้งก็ได้ หนูก็เลยอยากขอให้อาจารย์ช่วยพูดถึงมาตรฐานในการคัดเลือกหน่อยค่ะ”
“เรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุปแล้วจะบอกเธอได้ยังไง” อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์เอามือไพล่หลัง “แต่มีจุดหนึ่งที่ครูแน่ใจได้ ต่อให้สิทธิ์ในการเลือกเป็นของผู้อำนวยการ เขาก็มีแต่จะเลือกนักเรียนอิ๋งจื่อจินอยู่ดี เธอเข้าใจไหม”
นอกจากอิ๋งจื่อจินยังจะมีใครทำข้อสอบของคลาสอัจฉริยะได้คะแนนเต็มอีก
โชคดีที่เธอไม่ใช่อาจารย์ ไม่อย่างนั้นเขาได้ตกงานแน่
หัวใจของอิ๋งเย่ว์เซวียนเริ่มเย็นชาลงทีละนิด “ถ้านี่เป็นการตัดสินใจของพวกอาจารย์ หนูก็จะเคารพค่ะ แต่ขณะเดียวกันหนูก็มีสิทธิ์จะสงสัยเหมือนกัน”
“โควตาลงแข่งไอเอสซีมีค่ามาก หนูไม่อยากเสียมันไปทั้งที่ยังไม่ได้ถูกเปรียบเทียบ หนูหวังว่าจะให้โอกาสหนูได้แข่งขันอย่างยุติธรรมค่ะ”
เธอพูดจบก็โค้งตัวให้อาจารย์ทั้งสามคนแล้วออกจากห้องพักครู
“นี่เธอ…” อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์คิดหนัก ผ่านไปสักพักถึงค่อยๆ พูดขึ้น “เธอไม่รู้หรือไงว่าตัวเองห่างชั้นกับอิ๋งจื่อจินแค่ไหน”
ก็จริง ครั้งนี้อิ๋งเย่ว์เซวียนได้อันดับหนึ่งในการจำลองการสอบ แถมยังทิ้งห่างจากที่สองถึงสิบกว่าคะแนน
ก้าวหน้าขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
แต่ถ้าให้เธอทำข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะ ก็ได้แค่ฝีมือระดับเดียวกับจงจือหว่าน เป็นไปไม่ได้ที่จะได้คะแนนเต็ม
พวกเขาก็แค่คำนึงถึงหน้าตาของโรงเรียนกับประเทศ ถึงได้อยากให้อิ๋งจื่อจินไป
แต่จะเอาชนะโรงเรียนรัฐบาลของยุโรปได้หรือเปล่า ยังไม่กล้าฟันธงเลยจริงๆ
กว่าพวกเขาจะได้ทราบข่าว พวกนักเรียนมัธยมปลายของยุโรปก็เข้าทีมวิจัยวิทยาศาสตร์ของประเทศไปแล้ว
“ใครจะรู้ล่ะ” อาจารย์เติ้งส่ายหน้า “เธออาจเพิ่งกลับมาจากยุโรปก็เลยไม่รู้หรือเปล่า ในเมื่อเธอเรียกร้อง เดี๋ยวถึงเวลาเราก็แจ้งฝ่ายวิชาการแล้วกันค่ะ”
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแล้ว” อาจารย์สวีพยักหน้า “แต่ผมก็พอเข้าใจเด็กคนนี้นะ ยังไงซะความสัมพันธ์ของเธอกับอิ๋งจื่อจินก็…ซับซ้อนทีเดียว”
“เอาล่ะ เรื่องในครอบครัวอย่าไปยุ่งเลยครับ” อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ “ลูกเมียรอผมอยู่ ขอตัวก่อนนะครับ”
…
บ้านครอบครัวเวิน
อิ๋งจื่อจินนั่งพิงโซฟามองคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่อยู่บนโต๊ะรับแขก
บนหน้าจอเป็นพื้นที่ปิดของเว็บบอร์ดเอ็นโอเค
เธอใช้ไอดีที่เคยทิ้งไปแล้วอีกครั้ง
โค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์
มีข้อความเด้งขึ้นมาจากรายชื่อเพื่อนแทบจะเวลาเดียวกันกับที่เธอออนไลน์
เป็นนักปรุงยาพิษอันดับสามที่ขายครีมกันแดดอยู่แถวชายหาดในพื้นที่ของตระกูลเบวิน
เชิญมากินยา : [ฮือออ ท่านเทพ รอมานานแสนนาน ฮึก]
อิ๋งจื่อจินมองคำสุดท้าย เงียบไปชั่วครู่
โปรแกรมแปลภาษาของเว็บบอร์ดเอ็นโอเคจะเจ๋งเกินไปหน่อยหรือเปล่า แม้แต่คำเสริมน้ำเสียงก็แปลออกมาได้
โค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์ : [อยากซื้อของหน่อย]
เชิญมากินยา : [เอาสิท่านเทพ ว่ามาเลย กระผมจะรีบเปลี่ยนชุดแจ้นเอาไปให้ถึงบ้านเลย]
โค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์ : [ยาพิษที่คุณเพิ่งคิดค้นออกมาได้]
เชิญมากินยา : [อันนี้ไม่ได้จริงๆ ผมเพิ่งคิดค้นยาพิษออกมาได้ก็จริง แต่ยังทำยาถอนพิษไม่สำเร็จ เดี๋ยวจะตายเอานะ]
โค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์ : [ไม่เป็นไร ขายมาก็พอ]
เชิญมากินยา : [โอเคท่านเทพ ไม่มียาถอนพิษก็ถือเป็นสินค้าไม่สมบูรณ์ ให้ฟรีเลยแล้วกัน แต่ท่านเทพ ขอร้องเรื่องหนึ่งได้ไหม]
โค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์ : [ว่ามา]
เชิญมากินยา : [ (ดีใจ)(กระโดดโลดเต้น)]
เชิญมากินยา : [ผมมีเพื่อนเก่าเพื่อนแก่คนหนึ่ง เขาเป็นนักแปลงโฉม รับภารกิจจนไปโผล่อยู่ที่สำนักงานใหญ่ไอบีไอนู่น ปรากฏว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออกมาจากคุกสากล ท่านเทพเก่งคอมพิวเตอร์ขนาดนี้ ช่วยแฮกเข้าไปหน่อยได้ไหมแล้วปล่อยเขาออกมา]
เชิญมากินยา : [พูดตามตรงเลยนะ ผมไปขอร้องบอสใหญ่ของสมาพันธ์แฮกเกอร์นิรนามมา ให้ตายเหอะ ไม่อยากจะพูด โคตรขี้ขลาดเลย แค่ผมพูดถึงไอบีไอเขาก็หนีแล้ว อ่อนชะมัด]
พอเห็นประโยคนี้อิ๋งจื่อจินก็ขมวดคิ้ว
เธอละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปที่ตัวผู้ชายข้างๆ
แสงแดดในเดือนกันยายนอบอุ่นไม่แรงเท่าไร แถมมีลมโชยเบาๆ
เงาดอกไม้ใบหญ้าทอดลงบนเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขา วูบไหวไม่เป็นจังหวะ
เขากำลังก้มหน้าอ่านหนังสือ นิ้วเรียวยาวหนีบหน้ากระดาษ ผมที่ระอยู่ตรงหน้าผากพลิ้วไปตามลม
เป็นภาพที่งดงามชวนเคลิบเคลิ้ม
เวลาราวกับหยุดนิ่ง
ดีงามเหลือเกิน จนไม่อยากทำลายบรรยากาศ
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเจือไปด้วยอารมณ์ไม่จริงจัง
“ผู้บัญชาการ”
“มีคนขอให้ฉันแฮกเข้าระบบรักษาความปลอดภัยของพวกคุณ คิดว่าไงคะ”