คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 275 ชีวิตนี้ไม่มีทางเชิญหมอเทวดาได้หรอก

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 275 ชีวิตนี้ไม่มีทางเชิญหมอเทวดาได้หรอก ฝืนแก้ดวงชะตา

คำพูดนี้อิงเย่ว์เซวียนพูดออกมาเองก็ยังไม่อยากเชื่อเหมือนกัน

แต่เธอจำเบอร์นี้ได้จริงๆ

เธอเห็นมาจากสมุดบันทึกข้อมูลติดต่อนักเรียนในห้องทำงานของอาจารย์ฝ่ายวิชาการ

นี่เป็นเบอร์มือถือของอิ๋งจื่อจิน แถมอิ๋งเย่ว์เซวียนยังเคยจดมาแต่ต่อมาเธอก็ทิ้งมันไป

แต่ความจำของเธอก็ไม่ได้แย่ ยังพอนึกออก

จงมั่นหวาอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นถึงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “จะเป็นเบอร์ของน้องได้อย่างไร นี่เป็นเบอร์ที่โรงพยาบาลเซ่าเหรินให้มา น้องจะเป็นหมอเทวดาเลยเหรอ”

ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไร ช่วงนี้เธอถึงได้ยินชื่อนี้บ่อยครั้ง

จงมั่นหวาเริ่มหงุดหงิด

อิ๋งเย่ว์เซวียนคิดๆ แล้วก็จริง เธอเม้มริมฝีปาก “งั้นหนูอาจจะดูผิดไปมั้งคะ”

อิ๋งจื่อจินเรียนเก่งยังพอเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะมีความพยายามตั้งใจ แต่จะรักษาคนได้เหรอ นี่มันจะเหลวไหลเกินไปแล้ว

“ต่อไปพูดชื่อนั้นให้น้อยๆ หน่อย” จงมั่นหวากดโทรออก

แต่ทว่าดังได้สองครั้งก็ถูกตัดสายทิ้ง

จงมั่นหวาอึ้งไปอีกครั้ง

พอกดโทรไปอีกรอบก็ไม่ติดแล้ว

แบบนี้คือถูกบล็อกแล้ว

อิ๋งเย่ว์เซวียนสังเกตเห็นว่าสีหน้าของจงมั่นหวาเปลี่ยนไป “มีอะไรเหรอคะแม่”

“แม่สงสัยว่าทางโรงพยาบาลจะให้เบอร์ผิด” จงมั่นหวาไม่มีทางเอาเรื่องขายหน้าแบบนี้พูดออกมาต่อหน้าคนอายุน้อยกว่า “แม่จะถามอีกรอบ”

ขณะพูดจงมั่นหวาก็กดโทรหาฝ่ายบริการลูกค้าของโรงพยาบาลเซ่าเหรินแล้วบอกปัญหาไป

“นี่เป็นเบอร์ของคุณหมอเทวดาจริงๆ ค่ะ คุณไม่ได้โทรผิด ส่วนเรื่องไม่รับสาย” พนักงานนึกถึงคำพูดของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ยิ้มพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูห่างเหิน “ไม่รับก็แสดงว่าพวกคุณไม่มีดวงจะได้รักษา คุณหมอเทวดาไม่ตรวจให้ค่ะ”

จงมั่นหวาโมโหแสยะยิ้ม “ดวงเดิงอะไรกัน เป็นหมอก็ต้องช่วยคนไม่ใช่เหรอ ยังต้องพูดถึงเรื่องดวงด้วย งมงายขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ขอโทษด้วยค่ะ นี่เป็นเงื่อนไขของคุณหมอเทวดา” น้ำเสียงของพนักงานเย็นชาลง “ในเมื่อคุณหมอเทวดาปฏิเสธพวกคุณแล้ว ฉันต้องเตรียมโทรเรียกคิวต่อไปแล้วค่ะ”

ไม่รอให้จงมั่นหวาตอบกลับ พนักงานตัดสายทันที

สีหน้าของจงมั่นหวาบึ้งลงเรื่อยๆ แสยะยิ้ม “ไม่รักษาก็ไม่ต้องรักษา คิดเหรอว่าประเทศจีนใหญ่ขนาดนี้ยังจะหาหมอเทวดาคนอื่นไม่ได้อีก”

ที่เธอทำดีกับคุณนายมู่ไว้ก็เพราะอยากอาศัยเส้นสายเข้าหาตระกูลเมิ่ง

จงมั่นหวาไม่รู้เรื่องทางตี้ตู ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้ว่าคุณนายมู่ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะได้ไปพบสมาชิกสายตรงของตระกูลเมิ่ง

จงมั่นหวาสูดลมหายใจเข้าลึกถึงพอจะสงบสติอารมณ์ได้บ้าง “เสี่ยวเซวียน อ่านหนังสือไปนะ แม่จะไปถามทางตระกูลฟู่ว่าใครเป็นคนรักษาผู้เฒ่าฟู่จนหายดี”

บนรถที่เรียกผ่านแอปพลิเคชัน

หลังจากที่อิ๋งจื่อจินบล็อกทุกช่องทางการติดต่อกับตระกูลอิ๋งเสร็จก็ลงจากรถตามตี้อู่เย่ว์

นี่เป็นเบอร์ใหม่ของเธอ

ถ้าไม่ใช่เพราะจงมั่นหวาโทรมา เธอก็ลืมไปแล้วว่ามีตระกูลอิ๋งอยู่

“นี่แหละบ้านเก่าแก่ของพวกเรา” ตี้อู่เย่ว์ชี้ป้ายไม้ด้านบน “ตระกูลตี้อู่ของพวกเราไม่ได้เก่าแก่เท่าตระกูลมู่ แต่ก็มีมาตั้งแต่สมัยหนานเป่ย”

“บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ฮ่องเต้ราชวงศ์หมิงพระราชทานให้บรรพบุรุษ ถูกเก็บรักษาไว้มาจนถึงตอนนี้”

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงักเล็กน้อย พูดพึมพำ “ยังเหมือนเดิม”

ครั้งล่าสุดที่เธออยู่บนโลกมนุษย์ เธอก็เคยตามตี้อู่เซ่าเสียนมาที่บ้านตระกูลตี้อู่

เธอใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศจีนแค่ห้าปี

ตอนนั้นเป็นสมัยราชวงศ์ชิงแล้ว

เดิมทีบรรพบุรุษของตระกูลตี้อู่แต่ละรุ่นก็ทำงานอยู่ในวังหลวง

สำนักหอดูดาวหลวงที่เรียกกันในโบราณ แท้จริงแล้วก็ทำงานที่คล้ายกับคณะดาราศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันเปิดมาตลอด

สังเกตตำแหน่งของดวงดาวเพื่อคาดการณ์เรื่องดีร้าย

บ้านบรรพบุรุษของตระกูลตี้อู่หลังนี้ใหญ่โตมาก อิ๋งจื่อจินเดินตามตี้อู่เย่ว์ยี่สิบนาทีกว่าจะมาถึงเรือนที่อยู่ทางตะวันออกสุด

ตระกูลตี้อู่ก็มีบ้านหลังใหญ่อีกหลังอยู่ในเขตเมือง ซึ่งส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ที่นั่นกัน

คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นล้วนเป็นคนที่ไม่มีความสามารถในการพยากรณ์ดวงชะตาอย่างสิ้นเชิง หันไปทำธุรกิจกันหมดแล้ว ดังนั้นถึงแม้บ้านของบรรพบุรุษหลังนี้จะกว้างใหญ่ แต่กลับมีคนอาศัยอยู่น้อยมาก

อิ๋งจื่อจินไม่พูดอะไรมาก เธอชี้พื้น “นั่งลงแล้วหลับตา”

ถึงแม้ตี้อู่เย่ว์จะแปลกใจ แต่ก็ยังคงทำตาม

ถึงแม้เธอจะดูต๊องๆ แต่ก็ไม่ได้โง่ถึงขั้นเชื่อฟังทุกคน

แต่อิ๋งจื่อจินทำให้เธอรู้สึกเป็นกันเอง ไม่ตะขิดตะขวงใจ

ตี้อู่เย่ว์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร

ก็เหมือนกับที่เธอไม่รู้ว่าทำไมอิ๋งจื่อจินจะมาที่บ้านของบรรพบุรุษเธอให้ได้ ไม่ใช่บ้านที่อยู่ใจกลางเมือง

อิ๋งจื่อจินนั่งลงตรงข้ามเธอแล้วหลับตาลงเช่นกัน

อีกด้านหนึ่ง

เรือนฝั่งตะวันตก

ชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกกลางบ้าน หรี่ตาลง สูบกระบอกยาสูบแบบโบราณ

มีคนรับใช้เดินเข้ามาหาเขาด้วยความรีบร้อน “ท่านรองครับ” กระซิบบอกข้างหู

ชายวัยกลางคนทำตาโต “จริงเหรอ”

“จริงแท้แน่นอนครับ” คนรับใช้ตอบ

“ตี้อู่เย่ว์พาคนนอกเข้ามา แต่คนคนนั้นกลับไม่เป็นอะไรเลยเหรอ”

สาเหตุที่บ้านของบรรพบุรุษตระกูลตี้อู่หลังนี้มีคนอาศัยอยู่น้อยก็เป็นเพราะคนในตระกูลที่มีความสามารถในการพยากรณ์ลดน้อยลงเรื่อยๆ

หากไม่มีพรสวรรค์ด้านพยากรณ์ เมื่ออยู่ในบ้านหลังนี้นานๆ ร่างกายจะไม่สบาย

แต่คนนอกไม่เหมือนกัน หากไม่มีสายเลือดของตระกูลตี้อู่ อยากจะเข้าก็เข้าไม่ได้

เว้นเสียแต่ว่ามีพรสวรรค์ด้านการพยากรณ์เหมือนกัน ไม่ว่าจะถูกค้นพบแล้วหรือไม่ก็ตาม

จุดนี้แม้แต่ตี้อู่เย่ว์ก็ยังไม่รู้

ชายวัยกลางคนพ่นควันออกมาแล้วถาม “พวกนายใหญ่ล่ะ”

“ไปวงการแพทย์แผนโบราณตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ” คนรับใช้ตอบอย่างนอบน้อม

“พวกตี้อู่เฟิงก็ไม่อยู่ วันนี้บ้านนี้ไม่มีใครอยู่ ไม่รู้ว่าทำไมตี้อู่เย่ว์ถึงอยู่ๆ ก็กลับมาครับ”

ชายวัยกลางคนหรี่ตาลง

“งั้นก็ดี รอไปก่อน ตอนนี้อย่าเพิ่งรีบร้อน บอกให้คนรับใช้ไปปิดประตูใหญ่ อย่าปล่อยให้ออกไปได้”

สองชั่วโมงต่อมา

อิ๋งจื่อจินถึงลืมตาขึ้น

เธอค่อยๆ ลุกขึ้น กำมือไว้ตรงริมฝีปากจากนั้นก็ไอออกมาอย่างแรง

ไม่กี่วินาทีถัดมาเธอก็เอามือลง มีเลือดติดอยู่ที่ปลายนิ้ว

ริมฝีปากของเธอก็มีเลือดสีแดงสะดุดตา

ดูน่าตกใจเมื่ออยู่บนผิวที่ขาวผ่อง

ตี้อู่เย่ว์สีหน้าเปลี่ยนไปมาก รีบเข้าไปประคองอิ๋งจื่อจิน “พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ยังไหว” อิ๋งจื่อจินตอบ “ไม่ตายหรอก”

เมื่อมาถึงรุ่นของตี้อู่เย่ว์ เคราะห์กรรมได้เบาบางลงมากแล้ว

แต่เธอพยายามลบล้างตอนนี้ก็ยังคงเป็นการฝืนไปหน่อย

แต่ถ้าไม่ลบล้างตอนนี้ ตี้อู่เย่ว์จะต้องเป็นอันตรายในเดือนนี้อย่างแน่นอน

“ฉันมียา” ตี้อู่เย่ว์รีบไปค้นตู้ “นี่เป็นยาของวงการแพทย์แผนโบราณ พี่รีบกินสิ”

“ไม่ต้องหรอก” อิ๋งจื่อจินไอเล็กน้อย หยิบยาเม็ดที่ทำขึ้นมาเองออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วกินเข้าไป

“เธอรู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างไหม”

ตี้อู่เย่ว์อึ้ง เธอรู้สึกได้จริงๆ ตอบด้วยความลังเล “เหมือนร่างกายมันเบาขึ้น ไม่ได้เวียนหัวเท่าไรแล้ว”

“ฉันขอนอนสักพัก ถ้าก่อนสองทุ่มฉันยังไม่ตื่นเธอก็โทรไปที่เบอร์นี้นะ” อิ๋งจื่อจินยื่นโทรศัพท์มือถือให้

“บอกเขาว่าฉันอยู่ที่นี่” ร่างกายของเธอไม่มีแม้แต่แรงจะเดินออกไป

แต่ไหนแต่ไรมาเธอพยากรณ์เรื่องของตัวเองไม่ได้ และก็ไม่ใช่ว่าจะพยากรณ์ตลอดเวลา

อย่างไรเสียคนที่เล่นเกมก็ใช่ว่าจะปล่อยสกิลตลอดเวลา อีกทั้งยิ่งเป็นคนใกล้ชิดก็ยิ่งพยากรณ์ยาก

อย่างเช่น เวินเฟิงเหมียน เวินทิงหลาน และผู้เฒ่าจง

แต่ถ้าพวกเขามีอันตรายอะไรเธอจะรู้สึกได้ ความรู้สึกนั้นจะเป็นตัวเตือนให้เธอต้องพยากรณ์

แต่เธอพยากรณ์ให้ตัวเองไม่ได้

เธอเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นอะไรที่บ้านตระกูลตี้อู่หรือไม่

แต่ช่วยไม่ได้ มีแค่ที่บ้านบรรพบุรุษเท่านั้นเธอถึงจะเปลี่ยนดวงชะตาให้ตี้อู่เย่ว์ได้

ตี้อู่เย่ว์รับมา “ได้เลยๆ”

เธอก้มมองชื่อที่บันทึกไว้ในเครื่อง

ไม่ได้เป็นชื่อ แต่เป็นคำเรียกแทนตัว

พี่ชาย

ตี้อู่เย่ว์ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าเป็นคนในครอบครัวของอิ๋งจื่อจิน

แต่เธอยังเห็นอีกว่าข้างหน้าคำว่าพี่ชายมีรูปหมูด้วย

ทั้งที่หน้าเบอร์ติดต่อคนอื่นกลับไม่มี

ตี้อู่เย่ว์สงสัย “พี่สาว หมูอันนี้หมายความว่าไงเหรอ”

อิ๋งจื่อจินนอนลงบนเตียง หลับตาลงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “คนที่ฝากหลังไว้ได้อย่างสบายใจ…”

ตี้อู่เย่ว์เกาหัว ไม่ค่อยเข้าใจคำพูดนี้

เธอปิดประตูห้องนอน

จากนั้นก็นั่งเฝ้าอยู่ในเรือน

เรือนหลังนี้เป็นเรือนที่พวกเธอพี่น้องสี่คนพักอาศัย

เพียงแต่วันนี้อีกสามคนไม่อยู่

ตี้อู่เย่ว์นั่งเฝ้าแบบนี้อยู่สามชั่วโมง

เธอดูเวลาก็พบว่าทุ่มครึ่งแล้ว แต่อิ๋งจื่อจินก็ยังไม่ตื่น

ตี้อู่เย่ว์หยิบโทรศัพท์มือถือที่อิ๋งจื่อจินให้มา ครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจโทรหาเบอร์นั้นตอนนี้

แต่พอกดคำว่า ‘พี่ชาย’ ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะทางประตูใหญ่

ตี้อู่เย่ว์ระแวงขึ้นมาทันที “ใคร”

มีเสียงชายวัยกลางคนดังมาจากด้านนอก

“อารองเอง ตี้อู่ฮุย อามีเรื่องคุยด้วย”

“วันนี้พวกพี่ไม่อยู่บ้านค่ะ” ตี้อู่เย่ว์ไม่ได้คิดจะให้ตี้อู่ฮุยเข้ามา จึงไม่เปิดประตู “อากลับไปก่อนเถอะค่ะ”

เธอต้องเรียกว่าอา แต่ตี้อู่ฮุยกลับเป็นญาติคนละสายกับเธอปกติไม่ได้ไปมาหาสู่กัน

ใครจะไปรู้ว่าตี้อู่ฮุยมาหาเธอตอนนี้ทำไม

ตี้อู่เย่ว์ไม่สนใจ กดโทรออก

ตี้อู่ฮุยหมุนลูกประคำ ด้านหลังมีคนรับใช้สองคน เขาเองก็ไม่สนตี้อู่เย่ว์ เชิดคางขึ้น “ไปพาตัวคนที่อยู่ในห้องนอนออกมา”

ตี้อู่เย่ว์นึกไม่ถึงว่าตี้อู่ฮุยจะมาเพื่อหาอิ๋งจื่อจิน แต่เธอก็ลุกขึ้นทันที

เอาตัวไปขวางประตูห้องนอนไว้

“ตี้อู่ฮุย คิดจะทำอะไร ขอเตือนเลยนะว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดา กล้าแตะต้องเหรอ”

“น่าขำ” ใครจะรู้ว่าไม่เพียงแต่ตี้อู่ฮุยจะไม่ตกใจ กลับหัวเราะออกมาด้วยซ้ำ “ฉันรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าเป็นคนทั่วไปจะรับเคราะห์ได้เหรอ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท