ตอนที่ 283 ถีบสักที คิดเหรอว่าฉันจัดการเธอไม่ได้
สำนักข่าวเยาวชนเป็นองค์กรหนึ่งของประเทศจีนที่มุ่งเน้นสุขภาพ และการเติบโตของเยาวชน
แต่ละเดือนจะมีการนำเสนอข่าวทางออนไลน์สองครั้ง เพื่อให้เยาวชนอ่าน โดยปกติข่าวสารที่สำนักข่าวเยาวชนโพสต์จะเป็นแนวพูดให้กำลังใจ
โพสต์ที่เอ่ยชื่อแบบนี้นี่เป็นครั้งที่สอง
ครั้งแรกเอ่ยชื่นชมนักเรียนชายมัธยมปลายคนหนึ่งที่ช่วยนักเรียนหญิงมัธยมต้นจากคนร้าย ยกย่องในความกล้าหาญ ทางสำนักข่าวเยาวชนยังได้มอบรางวัลให้เขาด้วย
หลังจากที่ชาวเน็ตเข้ามาดูประเด็นร้อนก็เจอ แฮชแท็กอิ๋งจื่อจินปราบคนเลว
ก่อนเลื่อนลงไปข้างล่างถึงเจอ แฮชแท็กอิ๋งจื่อจินซ้อมคนจนเข้าโรงพยาบาล
ด้วยเหตุนี้ไม่เพียงแต่ชาวเน็ตส่วนใหญ่จะไม่ได้ไขว้เขวแบบที่ซิวเหยียนกับกลุ่มแฟนคลับต้องการ กลับมองเห็นความจริงทั้งหมดด้วยซ้ำ
เพราะใต้โพสต์ของสำนักข่าวเยาวชนยังได้แนบรูปภาพหนึ่งรูปที่บนนั้นมีทั้งภาพ และข้อความ บรรทัดแรกเป็นประวัติส่วนตัวของเฝิงฮว่า บรรยายว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้เฝิงฮว่าได้ทำลายชีวิตของผู้หญิงบริสุทธิ์ไปเท่าไร ทำลายไปกี่ครอบครัว
ต่อมาก็พูดถึงเรื่องที่เฝิงฮว่าถูกใจอิ๋งจื่อจิน อยากกระทำอนาจาร แต่กลับถูกเอาขวดไวน์ฟาดหัวแตก บรรยายเรื่องราวอย่างละเอียดบนอักษรเฉพาะยังมีพินอินประกอบ
อิทธิพลของสำนักข่าวเยาวชนย่อมมีมากกว่าพวกแฟนคลับไม่กี่คนของซิวเหยียน
ในเวลาเดียวกันที่ค่ายติวไอเอสซี
พอเรื่องในเวยปั๋วเป็นประเด็นขึ้นมา ทางไอเอสซีก็ได้รับการร้องเรียน
ช่วงนี้อิ๋งจื่อจินลาหยุดไม่ได้มา จั่วหลีก็ตามใจเธอ
อย่างไรเสียคนบางคนก็ไม่ได้เป็นแค่เด็กเก่ง แต่เป็นเด็กเทพ
ตอนนี้ถึงเดือนตุลาคมแล้ว การติวรอบแรกจะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่วัน จั่วหลีนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นในเวลานี้ อีกทั้งยังเป็นนักเรียนที่เขาให้ความสำคัญที่สุด เขาเรียกอาจารย์ และศาสตราจารย์คนอื่นๆ มา
“พวกคุณดูสิ พวกเราจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดี”
อาจารย์เมิ่งแสยะยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตอนแรกฉันก็บอกแล้วว่าเธอเป็นตัวปัญหา ยังจะจัดการอย่างไรได้อีกคะ ให้เธอไปจากค่ายติวก็จบแล้ว นักเรียนที่ชอบใช้ความรุนแรงแบบนี้พวกเรารับไม่ไหวหรอกนะคะ”
จั่วหลีไม่สนใจเธอ มองไปด้านข้าง
อาจารย์จากชิงจื้อที่ติดตามมาด้วยดันแว่นตาแล้วพูดขึ้น “นักเรียนอิ๋งไม่ใช่คนแบบนี้ คลิปนี้จะต้องถูกตัดมาโดยมีเจตนาร้ายแน่นอนค่ะ ฉันขอเอาเกียรติของชิงจื้อ และตัวฉันเองเป็นประกันค่ะ”
นักเรียนที่เป็นที่หนึ่งของห้องเด็กอัจฉริยะชั้นมอห้าก็พยักหน้าอย่างจริงจัง
“เทพอิ๋งเป็นคนดี ขอเพียงแต่เธอไม่นอน ถามอะไรเธอก็ตอบหมด”
“ผมก็ไม่เชื่อว่าเธอจะทำร้ายคนโดยไม่มีสาเหตุ” จั่วหลีพยักหน้า เขาขมวดคิ้ว
“แต่ตอนนี้กระแสวิจารณ์ลามไปถึงบนเวยปั๋ว พวกเราต้องออกแถลงการณ์”
“ศาสตราจารย์จั่วครับ พวกเราไม่ต้องแถลงแล้วครับ” อาจารย์อีกคนถือโทรศัพท์มือถือ
“คลิปวิดีโอกับแฮชแท็กไม่เหลือแล้วครับ แถมสำนักข่าวเยาวชนยังออกมาโพสต์ด้วย”
จั่วหลีชะโงกหน้าเข้าไปดูก็เห็นโพสต์ของสำนักข่าวเยาวชน ขาเกือบเซ
อัดคนอื่นเป็นการปราบคนเลวงั้นเหรอ
จั่วหลีมองลงไปด้านล่างถึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพึมพำ “ไม่ใช่แค่ปราบคนเลว นี่มันสร้างสุขให้สังคมชัดๆ”
คนอย่างเฝิงฮว่าที่มีตระกูลหนุนหลังแบบนี้ รังแกคนทั่วไป มีแต่จะมาก ไม่มีน้อยหรอก
คอมเมนต์ด้านล่างก็มีแต่เสียงชื่นชม
[เยี่ยมมาก! เดรัจฉานแบบนี้ในสังคมสมควรตาย!]
[โชคดีที่สาวน้อยคนนี้เป็นวิชาป้องกันตัวอยู่บ้าง ถ้าถูกล่วงละเมิดนะ ไม่กล้าคิดเลย]
[แอบกระซิบ พี่สาวที่เป็นญาติห่างๆ ของฉันเป็นหนึ่งในเหยื่อล่ะ แต่ช่วยไม่ได้ เธอไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพล ต่อกรกับเฝิงฮว่าไม่ได้ ทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมอย่างเงียบๆ ตอนนั้นที่ฉันไปเยี่ยมพี่ สภาพจิตใจของพี่สาวผิดปกติอย่างรุนแรง ขอบคุณฟ้าดินในที่สุดก็ถึงวันที่เฝิงฮว่าได้รับการลงโทษ]
[เฝิงฮว่านอนเป็นผักแล้วจริงหรือเปล่า ถ้าไม่นะ บอกมาทีว่าอยู่ที่ไหนจะเอาอิฐไปปาหัว(อีโมชันยิ้ม)]
…
เฝิงฮว่าไม่ได้นอนเป็นผัก
เขาอยู่โรงพยาบาลตี้ตู ยังคงเหมือนมัมมี่ถูกยึดติดกับเตียง
เนื่องจากนายใหญ่ตระกูลเฝิงถูกหน่วยอีจื้อขังไว้ พ่อบ้านที่เป็นพวกเดียวกันกับเขาก็ย่อมถูกเอาตัวไปด้วย ไม่มีพ่อบ้านเฝิงคอยรับใช้อยู่ข้างๆ ช่วงหลายวันมานี้แม้แต่ข้าวเฝิงฮว่าก็กินไม่อิ่ม
หมอกับพยาบาลที่อยู่ในโรงพยาบาลต่างรู้เรื่องที่เขาทำ แต่ละคนพยายามเลี่ยงเข้าหา ไม่ปาไข่ใส่ก็บุญแล้ว
ในขณะที่เฝิงฮว่ากำลังรู้สึกสิ้นหวัง ทันใดนั้นประตูห้องผู้ป่วยก็เปิดออก
เขาเงยหน้าขึ้นทันที เห็นเด็กสาวยืนอยู่ที่ประตู ดวงตาหงส์ฉายแววเย็นชา
นี่เป็นครั้งที่สองที่เฝิงฮว่าเจออิ๋งจื่อจิน
เฝิงฮว่าเบิกตาโพลงอยากพูด แต่ปากก็ถูกพันผ้าเอาไว้ส่งเสียงไม่ได้
อิ๋งจื่อจินสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ส่ายหน้าเหมือนรู้สึกเสียดาย
“ดูเหมือนจะรุนแรงไปหน่อย”
“รุนแรงสิดี” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “อวิ๋นซาน ให้เขาพูดเรื่องที่เคยทำลงไป ถ้าพูดไม่ได้ก็เอาบทให้ดู”
“ครับคุณชาย” อวิ๋นซานเดินถือกระดาษหนึ่งแผ่นไปหาเฝิงฮว่า จากนั้นก็เอาผ้าที่พันตรงปากออกให้
“อะ พูดไม่เป็นก็อ่านเอา อ่านหนังสือออกใช่ไหม”
เฝิงฮว่าหายใจด้วยความยากลำบาก สีหน้าหวาดกลัว “พะ พวกแก…”
“อย่าพูดมาก” อวิ๋นซานถีบเฝิงฮว่าหนึ่งทีอย่างไม่เกรงใจ “เร็วเข้า”
ขณะพูดเขาก็หยิบกล้องถ่ายรูปที่เตรียมไว้ออกมา
เดิมทีเฝิงฮว่าก็ถูกอิ๋งจื่อจินอัดจนกลัวแล้ว ยังจะกล้าขัดขืนที่ไหนกัน
เขาตัวสั่นเงยหน้าขึ้น มองไปที่กล้อง เพียงชั่วพริบตาน้ำมูกน้ำตาก็ไหลออกมา
“ผมชื่อเฝิงฮว่า ผมสมควรตาย สมควรแล้วที่ถูกคุณอิ๋งอัด…”
เขาพูดไปเยอะมาก พูดเรื่องที่ช่วงหลายปีมานี้เขารังแกผู้หญิงไปมากมาย หลังจากที่อวิ๋นซานบันทึกภาพเสร็จก็แค้นมากอกแทบระเบิด
เขาทนไม่ไหว ถีบเฝิงฮว่าไปอีกหนึ่งที “แกมันไม่ใช่คน!”
อวิ๋นซานเป็นจอมยุทธ์ไม่ทันได้ยั้งเท้าไว้บ้าง เฝิงฮว่าเลยสลบไป
เขางง หันไปฟ้อง “คุณชาย ดูสิ เขาอ่อนแอเกินไป โทษผมไม่ได้นะ”
“…”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้คิดจะปลอบใจเขา พูดเพียงว่า “โพสต์ลงเน็ต”
…
อีกด้านหนึ่ง
ซิวเหยียนให้พวกแฟนคลับของเธอปล่อยคลิปออกไป หลังจากจ่ายเงินให้ติดอันดับคำค้นยอดนิยมเสร็จเธอก็ไม่ได้สนใจอีก
เธอไม่ได้เตรียมการหลังจากนี้ในสายตาของเธอ อิ๋งจื่อจินไม่มีใครหนุนหลัง เล่นลูกไม้อะไรไม่ได้
อย่างไรเสียข่าวลือก็แพร่ไปไวที่สุด เธอแค่ทำให้อิ๋งจื่อจินมีจุดด่างพร้อยเป็นพอ
ซิวเหยียนไปงานสัมภาษณ์รายการวัยรุ่นสร้างฝัน สองศูนย์สอง แล้ว
เธอได้อันดับสองจากรายการวัยรุ่นสร้างฝัน หนึ่งศูนย์หนึ่ง ตอนนี้วัยรุ่นสร้างฝัน สองศูนย์สอง กำลังอยู่ในช่วงสัมภาษณ์ เธอที่เป็นรุ่นพี่ก็ย่อมได้รับเชิญไป
ซิวเหยียนเป็นดาราในสังกัดของเทียนสิงมีเดีย
เทียนสิงมีเดียอาศัยแรงหนุนหลังจากไทม์มีเดียที่เป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่บริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์ระดับโลก ถึงแม้ในประเทศจะเป็นรองแค่ชูกวงมีเดีย แต่ก็เป็นบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์เพียงบริษัทเดียวที่พอจะสู้กับชูกวงมีเดียได้อย่างสูสี
รายการวัยรุ่นสร้างฝัน สองศูนย์สอง มีเทียนสิงมีเดียเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่
พอซิวเหยียนลงจากรถก็มีสายเข้า
เธอหรี่ตามองเบอร์ที่โทรเข้ามา ยิ้มมุมปากแล้วกดรับ “ฮัลโหล”
“ซิวเหยียน เธอจะเล่นงานฉันก็ไม่เป็นไร” น้ำเสียงของปลายสายเย็นชา “แต่อย่าเล่นงานคนอื่นเพราะฉัน ทำแบบนี้สนุกนักเหรอ”
“เธอพูดอะไรน่ะ” ใบหน้าของซิวเหยียนยังคงมีรอยยิ้มที่งามสง่า เธอถอดแว่นกันแดดแล้วเกี่ยวไว้ที่คอเสื้อ “ซิวอวี่ พวกเราไม่ได้สนิทกัน ฉันจะเล่นงานเธอได้อย่างไร แล้วจะเล่นงานคนอื่นเพราะเธอได้อย่างไร ฉันรู้จักคนรอบตัวเธอเหรอ”
“ซิวเหยียน ฉันขอบอกเธอไว้เลยนะ ฉันออกมาจากตระกูลซิวแล้ว ฉันไม่แคร์” ซิวอวี่แสยะยิ้ม
“แต่ฉันก็ขอเตือนเธอ สิ่งที่ฉันต้องการไม่มีใครเอาไปได้”
“ถ้าเธอยังเล่นงานเพื่อนฉันอีก ก็คอยดูแล้วกันว่าฉันจะจัดการเธออย่างไร”
พอได้ยินแบบนี้รอยยิ้มที่มุมปากของซิวเหยียนก็ค่อยๆ หุบลง
“ซิวอวี่ เธอคงไม่ได้คิดจริงหรอกนะว่า ถ้าเธอกลับมาตระกูลซิวแล้วตระกูลซิวยังจะมีที่ให้เธอยืน”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่ซิวเหยียนก็รู้ว่าซิวอวี่ไม่ได้พูดเกินจริง
อย่างไรเสียสถานการณ์ของเธอกับซิวอวี่ก็ไม่เหมือนกัน
ซิวเหยียนขมวดคิ้ว ขณะที่กำลังจะพูดต่อซิวอวี่ก็วางสายไปแล้ว
เธอมองหน้าจอโทรศัพท์แล้วแสยะยิ้ม
ซิวอวี่ก็แค่พูดไปงั้นแหละ เธอไม่เชื่อหรอกว่าซิวอวี่จะกลับมาตระกูลซิวจริงเพราะอิ๋งจื่อจิน
ถ้าซิวอวี่จะกลับมาตระกูลซิวคงกลับมานานแล้ว
ซิวเหยียนก็ไม่ได้เก็บซิวอวี่เอามาใส่ใจ เธอถือกระเป๋าเดินเข้าตึก
พอเข้าไปก็มีคนมากมายทักทายเธอ
ซิวเหยียนพยักหน้าให้ตามมารยาทแล้วขึ้นลิฟท์
ช่วงนี้เธอไม่มีตารางงานเลยมาถึงเร็ว ต้องรอสมาชิกวงยูธเจเนอเรชั่นมาถึงแล้วค่อยไปดูสัมภาษณ์
พอเธอเข้าไปในห้องพักผ่อน พี่เฉินผู้จัดการส่วนตัวของเธอก็รออยู่ข้างในก่อนแล้ว
พี่เฉินนั่งอยู่ที่โซฟา วางคอมพิวเตอร์ไว้บนตัก คิ้วที่ขมวดแน่นสามารถหนีบแมลงวันให้ตายได้เลยทีเดียว ซิวเหยียนสงสัยท่าทางของเขา “มีอะไรเหรอคะพี่เฉิน”
“คุณหนูใหญ่ซิว คุณดาราใหญ่ซิว” พอได้ฟังพี่เฉินก็ค่อยๆ ถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อย
“เธอดูเวยปั๋วหรือยัง”