ตอนที่ 290 หนึ่งเดียวในโลก ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติจะได้เจอหน้า
ฟู่หมิงเฉิงถามตัวเองอยู่ในใจ เขาไม่อยากเจอฟู่อวิ๋นเซินแม้แต่น้อย
ความลำเอียงของผู้เฒ่าฟู่ รู้กันไปทั่วทั้งเมืองฮู่เฉิง
อย่าว่าแต่ฟู่อีเฉินเลย จนถึงตอนนี้แม้แต่ฟู่หมิงเฉิงก็ไม่เข้าใจว่า เมื่อยี่สิบปีก่อนเกิดคดีขนาดนั้นแล้ว ทำไมผู้เฒ่าฟู่ก็ยังคงดีต่อฟู่อวิ๋นเซินมากขนาดนี้
ฟู่หมิงเฉิงดูเวลา เห็นว่าอีกสิบนาทีกว่าจะถึงเวลานัดหมายกับผู้จัดการของบีไมน์ เขาจึงเดินออกไป
ฟู่อวิ๋นเซินกำลังเดินตรงไปที่ลิฟท์ ไม่ได้หันมองดูสองข้างทาง
ฟู่หมิงเฉิงขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น เขาเรียก “ฟู่อวิ๋นเซิน”
เท้าของฟู่อวิ๋นเซินหยุดชะงัก เขาหันไปเล็กน้อย
ดวงตาของเขาเป็นสีอำพัน ภายใต้แสงอาทิตย์สาดส่องไม่ได้ดูเอื่อยเฉื่อยเหมือนยามปกติ กลับดูเย็นชามากขึ้น
ฟู่หมิงเฉิงสาวเท้าเดินเข้าไป พูดเสียงเบา “ช่วยทำอะไรที่เป็นการเป็นงานบ้างได้ไหม ปู่ของแกคาดหวังในตัวแกสูงมาก วันๆ แกเอาแต่เที่ยวเล่น ไม่เท่ากับทำให้ปู่แกผิดหวังเหรอ”
ผู้เฒ่าฟู่ก็ตามใจฟู่อวิ๋นเซินมากเกินไป
ถึงแม้ตระกูลฟู่จะไม่ใช่ลูกหลานตระกูลขุนศึก แต่ผู้เฒ่าฟู่ก็เป็นทหารมาก่อน เข้มงวดกับทุกเรื่อง
ฟู่หมิงเฉิงกับพวกพี่น้องของเขาได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก
ที่ตระกูลฟู่ครองตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของสี่ตระกูลเศรษฐีได้อย่างมั่นคงมาตลอดใช่ว่าจะไม่มีสาเหตุ
แต่น่าเสียดายที่ตระกูลฟู่มีฟู่อวิ๋นเซิน
มือข้างหนึ่งของฟู่อวิ๋นเซินล้วงกระเป๋า พยักหน้าเล็กน้อย “เห็นแก่หน้าของปู่ ผมจะฟังคุณพูดจนจบ”
“แก…” ฟู่หมิงเฉิงอดกลั้น พูดไปตามตรง “ปู่ยกอวี้เซียงฟังให้แก แกรู้หรือเปล่า”
“แกไม่รู้การปรุงน้ำหอม ยิ่งไปกว่านั้นไม่รู้เกี่ยวกับน้ำหอม ถ้าแกแค่ต้องการเงิน ฉันเซ็นข้อตกลงกับแกได้ พอถึงตอนนั้นแกยกอวี้เซียงฟังให้ฉัน ฉันจะให้หุ้นของฟู่ซื่อกรุ๊ปสองเปอร์เซ็นต์ แกจะมีเงินใช้ไปตลอด ถ้าอวี้เซียงฟังไปอยู่ในมือแก แกจะทำอะไรได้ นอกจากล้างผลาญ”
ฟู่หมิงเฉิงส่ายหน้า พูดเสียงเย็นชา “อวี้เซียงฟังเป็นกิจการเก่าแก่ร้อยปีของตระกูลฟู่ ถ้าแกทำเจ๊ง จะมองหน้าปู่แกยังไง”
เขาเป็นคนเชิญนักปรุงน้ำหอมที่ออกแบบน้ำหอมกับครีมตัวใหม่ของอวี้เซียงฟังมาเอง
ถ้าไม่ทำแบบนี้ อวี้เซียงฟังก็ไม่แม้แต่จะเข้าตาบีไมน์
จะให้เขายกผลประโยชน์ทั้งหมดให้ฟู่อวิ๋นเซิน เขาทำไม่ได้
ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มมุมปาก กลับมามีท่าทางเรื่อยเปื่อยแบบเดิมอีกครั้ง “พูดจบยังครับ”
ฟู่หมิงเฉิงหน้าบึ้ง “แกไม่ยอมเหรอ”
ขณะพูดเขาก็ดูเวลาอีกครั้ง “ฉันไม่มีเวลาพูดอะไรกับแกแล้ว ตอนนี้ฉันจะไปพบผู้จัดการของบีไมน์ ถ้าแกอยากทำเพื่อปู่จริงๆ ก็หางานทำซะ อย่าเอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ”
ฟู่หมิงเฉิงพูดจบก็ขี้เกียจสนใจฟู่อวิ๋นเซินอีก เขากลับไปที่ร้านบีไมน์อีกครั้ง
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้นอย่างสบายๆ มองคำว่า ‘บีไมน์’ ที่อยู่หน้าร้านพลางครุ่นคิด
เขาหันตัวแล้วขึ้นลิฟท์
เมื่อเดือนก่อนฟู่อวิ๋นเซินให้สำนักงานใหญ่บีไมน์สั่งทำน้ำหอมขึ้นมารุ่นหนึ่ง
มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก
เขาอยากเอาให้เด็กน้อยของเขา
ถึงแม้บีไมน์จะเป็นแบรนด์เครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ของยุโรป แต่แท้จริงแล้วเน้นไปที่เวชสำอาง
น้ำหอมต่างชนิดล้วนมีประสิทธิภาพที่ต่างกัน
แม้จะเป็นรุ่นที่ธรรมดาที่สุดก็ยังช่วยบำรุงผิวพรรณได้
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบีไมน์ถึงสามารถกลายเป็นน้ำหอมยอดนิยมระดับโลกได้
ภายในห้องทำงานและห้องนอนของผู้เฒ่าฟู่ก็มีครีมที่เป็นผลิตภัณฑ์ของบีไมน์
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง มองตัวเลขบนหน้าจอในลิฟท์ที่เปลี่ยนไป เขายิ้ม
อย่างไรเสียบางครั้งเด็กน้อยของเขาก็ไม่ดูแลตัวเอง ให้น้ำหอมที่ช่วยบำรุงผิวพรรณได้ด้วยก็เป็นตัวเลือกที่ดี
…
ทางด้านนี้
หลังจากที่ฟู่หมิงเฉิงเจอกับผู้จัดการของบีไมน์ ทั้งสองคนก็ไปห้องทำงานที่อยู่ภายในร้าน
ฟู่หมิงเฉิงมีท่าทีที่ดีมากกับผู้จัดการ ถึงขั้นที่เรียกได้ว่านอบน้อม “นี่ครับ นี่เป็นน้ำหอมกับครีมทาผิวที่ทางอวี้เซียงฟังของเราเพิ่งคิดค้นขึ้นมาใหม่ครับ”
เขาหยิบขวดขนาดเล็กกับกระปุกกลมออกมาจากกระเป๋าเอกสาร
ผู้จัดการรับไปเปิดดม จากนั้นก็เอาเข้าเครื่องตรวจที่อยู่ด้านข้าง
ฟู่หมิงเฉิงมองท่าทางของเขา กลืนน้ำลายอึกใหญ่ รู้สึกตื่นเต้น “เป็นไงบ้างครับ”
“ร้อยปีเซียงฟัง ใช้ได้จริงๆ ครับ” ผู้จัดการมีรอยยิ้ม ยื่นขวดกับกระปุกคืนให้ฟู่หมิงเฉิง “ยินดีด้วยครับคุณฟู่ ผ่านการทดสอบขั้นแรกแล้ว ส่วนสุดท้ายจะได้ร่วมงานกันไหม ยังต้องรออีกครึ่งเดือนครับ”
“บีไมน์จะเลือกหนึ่งในสี่บริษัทที่ดีที่สุด รบกวนช่วยเตรียมตัวไว้ด้วยนะครับ”
ฟู่หมิงเฉิงโล่งอก เขาพยักหน้า “เข้าใจครับ”
เขาคิดแล้วถามต่อ “เมื่อครู่ผมได้ยินพนักงานด้านนอกบอกว่าวันนี้ซีอีโอใหญ่จะมา ไม่ทราบว่าผมจะมีเกียรติได้เจอไหมครับ”
บีไมน์เป็นบริษัทที่เขาปรารถนาร่วมงานด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวีนัสกรุ๊ปเลย
“ซีอีโอใหญ่เหรอครับ” ผู้จัดการอึ้ง แล้วก็นึกได้อย่างรวดเร็ว “ซีอีโอใหญ่จะมาที่ร้านได้ยังไงครับ เขาน่าจะอยู่ด้านบนมีคนต้อนรับโดยเฉพาะครับ”
“อีกอย่าง ต่อให้ซีอีโอใหญ่มาที่ร้านก็ไม่มีทางเปิดเผยตัวเอง ไม่แน่อาจแกล้งเป็นลูกค้าเข้ามาซื้อของด้วยครับ” ผู้จัดการส่ายหน้าแล้วยิ้ม “พวกพนักงานที่อยู่ข้างนอกก็เลยกลัวมาก เกิดลูกค้าที่เขาต้อนรับคือซีอีโอใหญ่ล่ะครับ”
บีไมน์สาขาฮู่เฉิงได้ยินข่าวมาจากสำนักงานใหญ่ บอกว่าซีอีโอใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปต้องการน้ำหอมที่สั่งทำไว้
เขาอยู่ที่ฮู่เฉิงพอดีก็เลยจะมารับด้วยตัวเอง
คนที่จะต้อนรับซีอีโอใหญ่ได้ก็ต้องเป็นคนที่สำนักงานใหญ่ในยุโรปส่งมา
เขาเป็นเพียงผู้จัดการร้านในโซนเอเชียแปซิฟิก ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติจะได้พบซีอีโอใหญ่
ฟู่หมิงเฉิงหน้าตึง ผ่านไปสักพักถึงฉีกยิ้มออกมาได้ “ที่แท้ก็แบบนี้ ยังคิดว่าจะได้เจอซีอีโอใหญ่ ผมคิดมากไปเองครับ”
“ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” ผู้จัดการลุกขึ้น เดินออกไปส่งเขาพลางพูด “ทางสำนักงานใหญ่ให้ความสำคัญกับบีไมน์มาก ถ้าสุดท้ายบริษัทคุณได้ร่วมงานกับทางบีไมน์จริง ผมคิดว่าซีอีโอใหญ่ก็น่าจะมาตรวจด้วยตัวเองครับ”
…
บนรถมาเซราติ
อิ๋งจื่อจินนั่งรออยู่บนรถสิบห้านาทีฟู่อวิ๋นเซินก็กลับมา
ในมือของเขาหิ้วถุงของขวัญที่ดูประณีตมาใบหนึ่ง
อิ๋งจื่อจินเอียงหน้าก็เห็นคำว่า ‘บีไมน์’
เธอรู้จักบริษัทบีไมน์
วันแรกที่รู้จักกับซิวอวี่ ซิวอวี่ก็ได้เล่าเกี่ยวกับแบรนด์น้ำหอมเครื่องสำอางนี้ให้ฟัง
แต่ละเดือนบีไมน์จะออกน้ำหอมที่มีจำนวนจำกัด
น้ำหอมที่มีจำนวนจำกัดนี้จะวางขายทั่วทั้งโลกแค่ห้าพันขวด
ไม่ใช่ว่าคนมือไวหรือมีเงินจะได้มาครอบครองง่ายๆ ซิวอวี่ยังแอบบ่นกับเธออยู่นาน
“ให้มาให้กลับ” ฟู่อวิ๋นเซินเปิดประตูรถ “รับไปเด็กน้อย”
อิ๋งจื่อจินรับมา หยิบกล่องออกมาจากในถุงแล้วเปิดออก
ในกล่องมีน้ำหอมอยู่แปดขวด ซึ่งแต่ละขวดไม่เหมือนกัน
แววตาของเธอวูบไหว
เพราะอาชีพเดิมของเธอ ทำให้จมูกของเธอไวต่อกลิ่นของสมุนไพรมาตลอด
แค่ดมดูอิ๋งจื่อจินก็สามารถวินิจฉัยได้ว่าในน้ำหอมพวกนี้ใส่สมุนไพรหายากเอาไว้ด้วย มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก
ต่อให้เป็นบีไมน์ก็ไม่มีทางผลิตน้ำหอมแปดขวดนี้ในปริมาณมาก
มีความเป็นไปได้แค่ว่าสั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะ
อีกทั้งสมุนไพรหายากพวกนี้ก็ได้มาไม่ง่าย
อิ๋งจื่อจินถอนหายใจเบาๆ เก็บกล่องลงถุง
เธอมองร่มไม้นอกหน้าต่าง ไม่กี่วินาทีต่อมาอยู่ๆ ก็พูดขึ้น “พี่ชาย เคยคิดไหมว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องปกติของมนุษย์”
พอได้ยินแบบนี้รอยยิ้มในดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินก็หม่นลง สีหน้าเคร่งขรึม
เขารู้ว่าคำพูดนี้ของอิ๋งจื่อจินหมายถึงอะไร เขาเองก็มองออกว่าช่วงนี้ผู้เฒ่าฟู่ไม่ค่อยสดชื่นแล้ว
ความไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่าแบบนี้ไม่ใช่เป็นเพราะร่างกายป่วย
ฟู่อวิ๋นเซินอธิบายความรู้สึกนั้นไม่ถูก
แต่เขารู้สึกได้ว่า ผู้เฒ่าฟู่อยู่ห่างจากเขาไปเรื่อยๆ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเรียกอวิ๋นอู้กลับมา ให้อวิ๋นอู้กับอวิ๋นซานคอยคุ้มกันผู้เฒ่าฟู่อยู่ห่างๆ
ฟู่อวิ๋นเซินรู้ว่า คนตระกูลฟู่แทบอยากให้ผู้เฒ่าฟู่ตายใจจะขาด แต่ก็ไม่กล้าวางแผนเล่นตุกติกอะไร
“ก็อาจจะมีวันนั้น” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม เขาพูดเสียงเบา “แต่หวังว่ามันจะมาถึงช้าหน่อย”
ถึงแม้เขาจะเตรียมใจตั้งแต่ไม่กี่ปีก่อนแล้วก็ตาม
แต่การเตรียมใจไว้กับการรับได้ มันคนละเรื่องกัน
ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไรอีก เขาออกรถ
…
ตอนเย็นที่บ้านตระกูลฟู่
ฟู่หมิงเฉิงยังคงยุ่งเรื่องร่วมงานกับบีไมน์ คุณนายฟู่กลับมาแล้ว
วันนี้เธอออกไปดื่มน้ำชากับคุณนายบ้านอื่น
ถึงแม้คุณนายฟู่จะไม่ได้ออกไปทำงาน แต่การเข้าสังคมแบบนี้ก็สำคัญมากเช่นกัน
คุณนายฟู่ถอดเสื้อนอกออก เดินเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หมิงเฉิง วันนี้ราบรื่นไหมคะ”
“ก็ราบรื่นดี” ฟู่หมิงเฉิงมีรอยยิ้มแบบที่เห็นได้ยาก “ทางบีไมน์พอใจผลิตภัณฑ์ของพวกเรามาก รอแค่การตรวจสอบขั้นสุดท้าย ผมมั่นใจว่าสุดท้ายอวี้เซียงฟังจะต้องเป็นผู้ชนะ”
“งั้นก็ดีค่ะ” คุณนายฟู่พยักหน้าพลางยิ้ม “ในที่สุดก็มีข่าวดีสักที”
แต่สีหน้าของฟู่หมิงเฉิงกลับหม่นลง “แต่วันนี้ผมเจอหมอนั่นอีกแล้ว ผมอุตส่าห์คุยด้วยดีๆ แต่เขากลับทำท่าทีไม่แยแส ไม่รับน้ำใจแม้แต่น้อย”
“อวิ๋นเซินไม่ยอมยกอวี้เซียงฟังให้คุณเหรอคะ” คุณนายฟู่ถอนหายใจ “ช่างเถอะ เรื่องนี้ไว้ค่อยว่ากัน ท่านผู้เฒ่ายังสบายดีอยู่ พวกเราจะทำขั้นเด็ดขาดก็ไม่ได้”
ขณะที่ฟู่หมิงเฉิงยังอยากพูดอะไรต่อ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
เสียงริงโทนบาดหู ราวกับกำลังเร่งอะไร
ฟู่หมิงเฉิงรำคาญ กดรับโดยไม่ได้ดูหน้าจอ “ฮัลโหล”
พอได้ฟังประโยคแรกสีหน้าก็เปลี่ยนทันที
คุณนายฟู่สังเกตเห็นสีหน้าของเขา เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี “เกิดอะไรขึ้นคะ”
“คุณพ่ออยู่โรงพยาบาล” ฟู่หมิงเฉิงวางโทรศัพท์มือถือลง รีบสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว “รีบไปเตรียมรถเร็ว!”