ตอนที่ 296 ชาติกำเนิดถูกเปิดเผย!
เสียงนี้ดังมาจากไกลๆ ฟู่หมิงเฉิงตกใจจนเกือบล้มลง
เขารีบเงยหน้ามองไป และก็เห็นชายชราในชุดถังจวง[1]เดินเข้ามาอย่างช้าๆ ทุกย่างก้าวเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
ฟู่หมิงเฉิงไม่รู้จักมู่เฮ่อชิง
ด้วยสถานะของเขาไม่มีทางได้คลุกคลีกับตระกูลมู่
อย่างไรเสียตระกูลฟู่เมื่ออยู่ตี้ตูก็มีสถานะเทียบเท่าแค่ตระกูลซู
ยังอยู่ห่างจากแวดวงชั้นแนวหน้าอย่างตระกูลมู่อีกไกล
แต่นี่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดาสถานะของชายชราในชุดถังจวงคนนี้ ฟู่หมิงเฉิงกำเอกสารในมือแน่น ลองถาม “ไม่ทราบว่าท่านคือ…”
มู่เฮ่อชิงเหลือบมองเขา ไม่พูดอะไร
มู่เฉิงที่อยู่ข้างๆ เดินขึ้นหน้า พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ท่านแซ่มู่ครับ”
พอได้ยินแซ่นี้ สีหน้าของทุกคนในตระกูลฟู่ที่อยู่ภายในห้องทำพิธีก็เปลี่ยนไป
ตระกูลมู่ มู่เฮ่อชิง ชื่อนี้โด่งดังมาก
บุคคลระดับนี้รีบมาจากตี้ตูโดยเร็วขนาดนี้เพื่อมาไว้อาลัยให้ผู้เฒ่าฟู่
อีกสามตระกูลใหญ่ของฮู่เฉิงยังไม่มากันเลยด้วยซ้ำ
ฟู่หมิงเฉิงตกใจเหงื่อซึมท่วมตัว “ที่แท้ก็ท่านผู้เฒ่ามู่ให้เกียรติมางานนี่เอง ตระกูลฟู่รู้สึกเป็นเกียรติมากครับ ขออภัยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับครับ”
“นายไม่จำเป็นต้องออกไปต้อนรับ” มู่เฮ่อชิงพูด “คุกเข่าลงก่อน คุกเข่าสามวันสามคืนค่อยพูดไร้สาระ”
ฟู่หมิงเฉิงอึ้ง “ท่านผู้เฒ่ามู่…”
มู่เฮ่อชิงกลับไม่สนใจเขา หันหน้าไป “มู่เฉิง”
“ครับคุณท่าน” มู่เฉิงพยักหน้า เดินเข้าไปกดบ่าของฟู่หมิงเฉิงเพื่อบังคับให้เขาคุกเข่าลงตรงหน้าโลงศพของผู้เฒ่าฟู่
แม้มู่เฉิงจะไม่ใช่จอมยุทธ์ แต่ก็เคยฝึกฝนร่างกาย ฟู่หมิงเฉิงย่อมสู้แรงของเขาไม่ได้
ตุบ ฟู่หมิงเฉิงคุกเข่าลงบนพื้น สายตามองไปที่รูปถ่ายขาวดำของผู้เฒ่าฟู่ที่อยู่บนโลงศพ ในใจหวาดหวั่น ไม่ค่อยกล้ามองตรงๆ
เขากัดฟันพูด “ท่านผู้เฒ่ามู่หมายความว่าไงครับ”
มู่เฮ่อชิงไปจุดธูปสามดอกก่อน จากนั้นถึงหันมา “ทนเห็นลูกหลานของอี้ชางทำตัวอกตัญญูไม่ได้ บีบบังคับกันขนาดนี้”
สายตาของเขาไล่มองไปที่ฟู่อีเฉิน คุณนายฟู่ รวมถึงพวกท่านฟู่สาม แววตาดุจใบมีดแหลมคม
ฟู่อีไฉเป็นมนุษย์เกียจคร้านขี้ขลาดอย่างแท้จริง มีเหรอจะทนสายตาตำหนิแบบนี้ได้ แข้งขาหมดแรง ทรุดลงไปกองบนพื้น
“อวิ๋นเซิน ยังไม่ต้องยุ่ง” มู่เฮ่อชิงค่อยๆ ก้าวไปที่ด้านหลังของฟู่อวิ๋นเซิน เอามือข้างหนึ่งวางบนบ่าของเขา พูดเสียงเบา “รอปู่ของนายไปสู่สุคติก่อนค่อยว่ากัน ไม่อย่างนั้นไม่ค่อยดี ฉันจะจัดการแทนนายเอง”
ตอนนี้ยังไม่ครบหนึ่งวันด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ็ดวันแรก
คนรุ่นเก่าให้ความสำคัญกับการเฝ้าศพและพิธีฝัง ไม่มีทางปล่อยให้ถูกทำลายเด็ดขาด จะเป็นการรบกวนคนตาย
มู่เฮ่อชิงรู้ดีว่า ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับฟู่อวิ๋นเซินคือ ส่งผู้เฒ่าฟู่ไปสู่สุคติ
เขาไม่มีทางทำให้มือของตัวเองเปื้อนเลือดอีกต่อหน้าโลงศพของผู้เฒ่าฟู่
แต่หลังจากนั้น…
มู่เฮ่อชิงส่ายหน้า
ผู้เฒ่าฟู่จากไปแบบนี้ ยังจะมีใครคุมเด็กคนนี้ได้อีก
เด็กคนนี้ยอมควมคุมอารมณ์ ยอมมาอยู่ฮู่เฉิง ก็เพราะคนที่เขาใกล้ชิดที่สุดอยู่ที่นี่
ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไร คุกเข่าลงอีกครั้ง มองโลงศพเงียบๆ
“ท่านผู้เฒ่ามู่” ฟู่หมิงเฉิงถูกมู่เฉิงกดไว้ สีหน้าย่ำแย่ “นี่เป็นเรื่องในตระกูลฟู่ ต่อให้เมื่อก่อนท่านเป็นนายของคุณพ่อผม ก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งหรือเปล่าครับ”
“หืม? นี่จะเรียกเข้ามายุ่งได้ยังไง” มู่เฮ่อชิงยังไม่ทันพูดอะไรก็มีอีกเสียงดังมาจากข้างนอก “นี่เรียกว่าผู้ใหญ่สั่งสอนเด็ก มู่เฮ่อชิงเป็นถึงคนที่มีคุณงามความดีระดับประเทศ อย่าว่าแต่นายเลย แม้แต่ฉันเขาก็ชี้หน้าด่าได้ ทำไม ยังไม่มีสิทธิ์อีกเหรอ”
เป็นชายชราที่สวมชุดสีดำเช่นกัน
มู่เฮ่อชิงรู้สึกเหนือความคาดหมาย “อวิ๋นเจี้ยน นายมาได้ยังไง”
ตระกูลเนี่ยไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฟู่แม้แต่นิดเดียว
“มาไว้อาลัย” ผู้เฒ่าเนี่ยไม่พูดอะไรอีก เดินเข้าไปจุดธูป “ดูนายสั่งสอนคน”
มู่เฮ่อชิง “…”
คราวนี้ภายในห้องทำพิธีไม่มีใครกล้าพูดอะไรแล้ว ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
เนี่ยอวิ๋นเจี้ยน!
ถึงแม้ชื่อนี้จะไม่ได้น่ากลัวเท่ามู่เฮ่อชิง แต่ใครก็ตามที่อยู่ในแวดวงเศรษฐีไม่มีทางไม่รู้จัก
ผู้กุมอำนาจของสองตระกูลใหญ่ชั้นแนวหน้าของตี้ตู วันนี้มาอยู่ที่ฮู่เฉิงหมดแล้ว
ฟู่หมิงเฉิงก็ไม่กล้าพูดอีก เขาอดทนต่อการถูกหยามเกียรติ คุกเข่าอยู่ตรงนั้นด้วยความรู้สึกไม่ยินยอม
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แขกที่มาร่วมไว้อาลัยในห้องทำพิธีก็มีมากขึ้น
คนของตระกูลจงมาเยอะที่สุด ตามมาด้วยตระกูลเจียง ทางตระกูลอิ๋งส่งมาแค่ซีอีโอของบริษัท อย่างไรเสียตระกูลอิ๋งกับตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน
จงมั่นหวาไม่ได้คุ้นเคยกับผู้เฒ่าฟู่ ย่อมไม่มีทางมาไว้อาลัยที่ห้องทำพิธี แต่ก็มีพูดอย่างปลงๆ “คนเราพอแก่ตัวลงก็มีเรื่องไม่คาดคิดมากมาย บทจะไปก็ไป เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยจริงๆ”
อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก “แม่คะ อันที่จริงผู้เฒ่าฟู่จากไปแบบนี้กลับเป็นประโยชน์ต่อพวกเรานะคะ”
“เป็นประโยชน์เหรอ” จงมั่นหวาอึ้ง “ยังไงเหรอ”
“คุณแม่เคยบอกไม่ใช่เหรอคะว่า เพราะมีคุณชายเจ็ดตระกูลฟู่อยู่ น้องจื่อจินถึงได้เอาแต่ใจหนีออกจากบ้าน” อิ๋งเย่ว์เซวียนวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล “แต่ตอนนี้ผู้เฒ่าฟู่ไม่อยู่แล้ว สถานะของคุณชายเจ็ดก็มีแต่จะตกลง”
“ขนาดอยู่ในตระกูลฟู่เขายังเอาตัวเองไม่รอด แล้วจะปกป้องน้องจื่อจินได้ยังไงคะ”
จงมั่นหวาฉุกคิดได้อย่างรวดเร็ว “นั่นสินะ แบบนี้น้องสาวลูกก็ต้องกลับบ้าน”
ไม่มีฟู่อวิ๋นเซินคอยหนุนหลัง อิ๋งจื่อจินยังจะเอาแต่ใจได้อีกเหรอ
“อีกห้าวันจะเป็นพิธีฝัง” จงมั่นหวาคิด “พอถึงตอนนั้นแม่จะไปรับน้องสาวลูกกลับมา”
อิ๋งเย่ว์เซวียนพยักหน้า “หนูจะไปกับแม่ด้วยค่ะ”
…
พิธีฝังกำหนดเป็นวันที่ 9 พฤศจิกายน
ครั้งนี้มีคนมาเยอะมาก สี่ตระกูลใหญ่มากันครบ
มู่เฮ่อชิงกับผู้เฒ่าเนี่ยร่วมพิธีฝังเสร็จก็จำต้องกลับทันที เพราะยังมีธุระที่ตี้ตู
หลังจากนำศพของผู้เฒ่าฟู่ฝังที่สุสานเสร็จแล้ว ในที่สุดความโมโหของฟู่หมิงเฉิงก็เบาบางลง
เขาหันไปมองฟู่อวิ๋นเซินด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็พูดขึ้น “ในเมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ผมก็ขอประกาศเรื่องหนึ่ง”
พอได้ยินแบบนี้ บรรดาแขกเหรื่อที่กำลังจะแยกย้ายต่างก็อึ้ง หันหน้ามา อดสงสัยไม่ได้
ผู้เฒ่าฟู่จากไป ตำแหน่งนายใหญ่ของตระกูลฟู่ก็ย่อมต้องตกเป็นของฟู่หมิงเฉิง
หรือว่าตระกูลฟู่จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
มู่เฮ่อชิงกับผู้เฒ่าเนี่ยกลับไปแล้ว ไม่มีใครยุ่งเรื่องในตระกูลฟู่ได้อีก
ตอนนี้ในที่สุดฟู่หมิงเฉิงก็ได้พูดสิ่งที่อัดอั้นตันใจมายี่สิบกว่าปี
เขารู้สึกโล่งมาก ไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายเท่านี้มาก่อน
“ฟู่อวิ๋นเซินไม่ใช่ลูกของผมกับคุณนาย เขาไม่ใช่คนตระกูลฟู่ ไม่มีสิทธิ์สืบทอดทรัพย์สมบัติใดๆ ของตระกูลฟู่” น้ำเสียงของฟู่หมิงเฉิงเย็นชา “ขอให้ทุกท่านช่วยเป็นพยานให้ผมนายฟู่หมิงเฉิง ตอนนี้ ผมขอขับไล่ฟู่อวิ๋นเซินออกจากตระกูลฟู่ ต่อไปเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฟู่อีก!”
คำพูดที่หนักแน่นแบบนี้ดุจฟ้าผ่าท่ามกลางฝูงชน
ทุกคนต่างส่งเสียงฮือฮา
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ใช่ลูกชายของฟู่หมิงเฉิงงั้นเหรอ!
หรือจะเป็นลูกนอกสมรสของใคร
ลูกนอกสมรสจะไม่มีสถานะใดๆ ในตระกูลเศรษฐี
“พ่อ บ้าไปแล้วเหรอครับ!” ฟู่อี้หันตกใจ “อวิ๋นเซินจะไม่ใช่คนในตระกูลฟู่ของเราได้ยังไง ก็เขา…”
“แกหุบปาก!” ฟู่หมิงเฉิงตวาดใส่ “ฉันบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่”
ดวงตาของเจียงมั่วหย่วนขรึมลง
เดิมทีเขาคิดว่าฟู่อวิ๋นเซินก็แค่ขาดที่พึ่งพิง
แต่ดูจากตอนนี้ ฟู่อวิ๋นเซินไม่ใช่แม้แต่คนของตระกูลฟู่ ไม่มีคุณสมบัติมาแข่งกับเขาเลยจริงๆ
เขาเบนสายตาไปยังเด็กสาวที่อยู่ไกลๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ตอนนี้พิธีฝังศพเพิ่งจบลง ไม่ใช่โอกาสที่เหมาะสม แต่ต่อไปยังมีเวลาอีกเยอะ
เจียงมั่วหย่วนเม้มริมฝีปากแน่น หันตัวเดินออก
ส่วนอิ๋งจื่อจินที่ได้ฟังคำพูดนี้ สายตาก็จับจ้องเล็กน้อย ยกมือจับบ่าของฟู่อวิ๋นเซิน “คุณ…”
“เยาเยา ไม่เป็นไร” ฟู่อวิ๋นเซินหันมา ก้มตัวลง ลูบศีรษะของเธอเบาๆเหมือนตอนปกติ ยิ้มมุมปาก “ขอพี่ชายอยู่คนเดียวเงียบๆ อีกเดี๋ยวก็ดีขึ้น”
เขาเป็นคนแบบนี้เสมอ
ต่อให้เจ็บปวดกว่านี้ทุกข์ทรมานกว่านี้ก็ไม่มีทางแสดงออก
สง่าผ่าเผยอยู่เสมอ ไม่มีทางแสดงออกว่าจนตรอก
อิ๋งจื่อจินปล่อยมือ ขมวดคิ้ว
เธอเองก็รู้ว่าตอนนี้เขาต้องการความสงบ จึงถอยไปอยู่ด้านข้าง
แต่คำพูดนี้ของฟู่หมิงเฉิงทำให้สายตาบรรดาแขกเหรื่อที่มองฟู่อวิ๋นเซินเปลี่ยนไป โดยเฉพาะพวกคนที่เคยประจบเขา
“เดิมทีคิดว่าเป็นองค์รัชทายาทที่แท้จริง ที่แท้ก็ของเก๊”
“ไม่ใช่คนตระกูลฟู่ยังคิดจะสืบทอดตระกูลฟู่ เหลวไหลจริงๆ”
อิ๋งจื่อจินกำมือ สายตาเริ่มเย็นชาลง
ไม่รู้ว่าเนี่ยอี้มาอยู่ข้างเธอตั้งแต่เมื่อไร
เขายังคงอยู่ในชุดสูทสีดำที่มาร่วมพิธีฝังศพ สีหน้าเคร่งขรึม เขาเอ่ยขึ้น
“เมื่อยี่สิบปีก่อนมีคนกลุ่มหนึ่งมาที่บ้านตระกูลฟู่ ทำตัวโหดเหี้ยม จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าพวกเขามาจากไหน มีจุดประสงค์อะไรกันแน่”
อิ๋งจื่อจินฟังอยู่
เนี่ยอี้พูดต่อ “ย่าของอวิ๋นเซินตายเพราะปกป้องเขาจากการถูกคนพวกนั้นยิง”
“ผู้เฒ่าฟู่ก็ถูกคนพวกนั้นวางยาพิษ ทำให้ล้มป่วยถึงยี่สิบปี”
“ตอนนั้นเขาอายุแค่สองขวบ ถูกซ่อนตัวไว้ในห้องใต้หลังคาของบ้านตระกูลฟู่ จากนั้นเขาก็เห็นคนพวกนั้นฆ่าแม่ตัวเองกับตา”
[1]ถังจวง เสื้อผ้าแบบสมัยราชวงศ์ถังของจีน คอเสื้อตั้งขึ้นมาเล็กน้อย กระดุมผ่าหน้า