ตอนที่ 343 เนี่ยเฉาเป็นบ้า พวกบอสล่วงเกินไม่ได้
คนที่เข้ามาก่อนคือพวกพนักงาน
ในมือของพวกเขาถือถุงกันคนละสิบกว่าใบ หลังจากขนของมาไว้ในห้องเสร็จก็ถอยออกไป
ร่างกายของเจียงหรานสั่นเทา เห็นพี่สาวที่เป็นญาติกันเดินเข้ามา เป็นผู้หญิงที่อายุไม่เกินยี่สิบแน่นอน
ผิวพรรณขาวผ่อง ดวงตาเม็ดอัลมอนด์ที่สวยงาม ขนตางอนเป็นแพยาว
นี่คือรูปลักษณ์ที่ชวนสบายตา
ความงามที่สวยตามธรรมชาติ
ยุคสมัยนี้ยากนักที่จะหาแววตาที่หมดจดแบบนี้ได้
อิ๋งจื่อจินเท้าคางพลางครุ่นคิด
ทำไมผู้หญิงแค่คนเดียวถึงทำให้เจียงหรานกับซิวอวี่หวาดกลัวได้
เธอออกจะชอบ
“อะแฮ่ม ขอแนะนำหน่อยนะ นี่คือหลานสาวของอาเอง…” หลิงฉงโหลวกระแอมเล็กน้อย
“หลิงเหมียนซี อายุเท่าจื่อจิน เสี่ยวอวี่กับอวิ๋นเซินรู้จักนานแล้ว คงไม่ต้องแนะนำอีก”
เนี่ยเฉารู้สึกแปลกใจ
เขาก็ไม่รู้จัก ทำไมไม่แนะนำให้เขารู้จักด้วย
หลิงเหมียนซีกอดหลิงฉงโหลว ว่านอนสอนง่าย
“สวัสดีค่ะคุณอา”
เธอเดินไปกอดเจียงฮว่าผิง
“สวัสดีค่ะพี่ฮว่าผิง”
เจียงหราน “…”
เขาลืมไป
นอกจากซิวอวี่ที่ชอบเอาใจแม่ของเขาแล้ว ยังมีหลิงเหมียนซีอีกคน
หลิงเหมียนซีปล่อยเจียงฮว่าผิง หรี่ตาเล็กน้อย กวาดตามองไปจนถึงเจียงหราน
เจียงหรานกำมือ เตรียมวิ่งหนีโดยอัตโนมัติ
แต่ไม่ทันแล้ว
พี่สาวของเขา ‘ฟึ่บ’ ทีเดียวก็ไปถึงตรงหน้าเขา
“น้องหรานหรานสูงขึ้นอีกแล้วนะ” หลิงเหมียนซีขยำใบหน้าของเจียงหรานจนจะกลายเป็นก่อนแป้งแล้ว “หุ่นแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ จะต้องหาน้องสะใภ้กลับมาให้พี่ได้แน่นอน”
เจียงหรานสีหน้าไร้อารมณ์ แต่เขาขัดขืนไม่ได้ ทำได้เพียงอดทนปล่อยให้หลิงเหมียนซีขยำไป หลังจากที่หลิงเหมียนซีขยำจนพอใจแล้วสายตาก็เบนไปหาซิวอวี่
ซิวอวี่รู้สึกตัวเย็นวาบ
“น้องอวี่อวี่” วินาทีถัดมาหลิงเหมียนซีก็เดินเข้าไปหา ขยำใบหน้าซิวอวี่
“น้องอวี่อวี่ก็สูงขึ้นนะ”
ซิวอวี่สีหน้าไร้อารมณ์ กัดฟันแสยะยิ้ม “หลิงเหมียนซี ฉันโตกว่าเธอนะ!”
น้องกับผีสิ
“เหมือนกันนั่นแหละ” หลิงเหมียนซียกมือเทียบความสูงของสองคน “ดูสิ ฉันสูงกว่าเธอหน่อย นี่ฉันยังไม่ได้ใส่ส้นสูงเลยนะ”
ซิวอวี่ “…”
โอเค
เธอสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร หลิงเหมียนซีสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามเซนติเมตร สูงกว่านิดหน่อย
อิ๋งจื่อจิน “…”
เธอพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเจียงหรานกับซิวอวี่ถึงทำสีหน้าแบบนั้น
อิ๋งจื่อจินชะงักเล็กน้อย เตรียมเริ่มทำเหมือนไม่มีตัวตน
แต่ไม่มีประโยชน์
“คนสวย!” หลิงเหมียนซีดวงตาเป็นประกาย โผเข้าไปกอดอิ๋งจื่อจิน ซบตรงหน้าอกเธอ
“ขอเลี้ยงดูนะ!” อิ๋งจื่อจินนิ่งเงียบ
เธอไม่เคยเจอ ‘สิ่งมีชีวิต’ แบบหลิงเหมียนซีเลยจริงๆ
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองหลิงเหมียนซี สีหน้าของเขากึ่งยิ้ม ดวงตาดอกท้อโค้งมน พูดเตือนเสียงขรึม
“เอามือของเธอออกไป”
ขนาดเขายังไม่เคยกอด หลิงเหมียนซีนี่มันเหลือเกินจริงๆ
หลิงเหมียนซีเงยหน้าไม่ยินยอมเท่าไร แต่พอเห็นว่าเป็นฟู่อวิ๋นเซินพูด สุดท้ายก็ปล่อยมือ
สายตาของเธอมองสลับไปมาระหว่างสองคนนี้ พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ฉันเข้าใจแล้ว คุณ…”
ฟู่อวิ๋นเซินพูด “ปากก็หุบไว้ด้วย”
“…”
หลิงเหมียนซีเลิกพูดด้วย เธอรู้สึกเสียดาย
“คนสวย ไว้เขาไม่อยู่พวกเราค่อยมาคุยปรัชญาชีวิตกันนะ”
พูดจบหลิงเหมียนซีก็มองฟู่อวิ๋นเซินด้วยสายตาระแวงแล้วเดินอ้อมเขาไป
นอกจากฟู่อวิ๋นเซินแล้ว เหลือแค่เนี่ยเฉาที่ไม่ถูกกอด
พอเห็นหลิงเหมียนซีเดินมาทางเขา เนี่ยเฉาก็กระแอมเสียง สีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที ทั้งยังจัดชุดเล็กน้อย
เขาต้องมีภาพลักษณ์ที่ดูดีหน่อยต่อหน้าสาวสวย
เขาไม่มีแฟนมานานแล้ว พวกคุณหนูตระกูลเล็กๆ กับดาราสาวที่ไม่ค่อยดังที่มาตามเกาะแกะเขาต่างถูกบอดี้การ์ดที่ผู้เฒ่าเนี่ยส่งมาไล่ตะเพิดไปหมด
เขาแทบจะลืมความรู้สึกตอนคุยกับคนต่างเพศไปแล้ว
สาวคนนี้น่าสนใจถึงขั้นกล้าเข้าไปกอดบอส ไม่แน่เขาก็อาจได้รับกอดหรือเปล่า
เนี่ยเฉาก็รู้สึกว่าเขาควรฟังคำของเพื่อน
แฟนน่ะ เราควรเลี้ยงดูเอาเองสักคน
เวลานี้หลิงเหมียนซีหยุดลงตรงหน้าเขา
เนี่ยเฉาเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว รอแค่สาวสวยโผเข้าหา
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไร ต่อมาเขาก็ได้ยินคำพูดที่ทำให้เขาใจสลาย
หลิงเหมียนซีพูด “เรียกพี่สะใภ้ใหญ่สิ”
“…” เจียงหราน
“…” ซิวอวี่
“…” ฟู่อวิ๋นเซิน
ภายในห้องอาหาร
เกิดความเงียบอันน่าประหลาด
ตะเกียบของเจียงหรานตกลงบนพื้นอีกครั้ง “ตุบ”
เขาย่อมรู้จักเนี่ยอี้
เนี่ยอี้เองก็ฝึกฝนอยู่ในวงการจอมยุทธ์ ฝีมือไม่ธรรมดา
แต่ใครก็ได้บอกเขาทีว่า เนี่ยอี้ไปคบกับยัยพี่ปีศาจของเขาตั้งแต่เมื่อไร
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว “ถึงว่า ตอนถามเขาว่าแฟนคือใคร เขาไม่เคยบอก ที่แท้ก็เธอ”
ก็พอเข้าใจได้
แต่เนี่ยเฉาถึงกับสติหลุด
“อ๊าก!” เนี่ยเฉาร้องเหมือนหมูถูกเชือด ก้นของเขาย้ายไปนั่งที่พื้น สีหน้าเรียกได้ว่าหวาดกลัวสุดๆ
“เธอๆ”
หลิงเหมียนซีเห็นเขามีท่าทีตอบสนองแบบนี้ก็หยิบกระจกออกมาส่อง “ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”
เธอขยับเข้าไปใกล้ ย่อตัวลง ตบหน้าเนี่ยเฉาเบาๆ
“จริงๆ เลย นายกับน้องอี้อี้ คนหนึ่งพ่อคนหนึ่งแม่ ทำไมพี่น้องถึงได้ต่างกันขนาดนี้นะ”
“อ๊าก!” เนี่ยเฉากรีดร้องอีกครั้ง เขาใช้สองมือสองเท้าพยายามถอยไปด้านหลัง
“อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา!”
หลิงเหมียนซียักไหล่ เธอไม่เข้าไปแล้ว นั่งลงอีกด้านของเจียงฮว่าผิง
หลิงฉงโหลวอมยิ้มมองเธอ “จีบติดแล้วเหรอ”
หลิงเหมียนซีเอาสองมือเท้าคาง “ไม่ติดก็ต้องติด”
หลิงฉงโหลวไม่ถามอีก “ทุกคนเริ่มกินกันเถอะ”
ภายในวงการจอมยุทธ์ไม่มีคำว่าบรรลุนิติภาวะ
เรื่องของเด็กเขาก็ไม่มีทางเข้าไปยุ่ง
พอได้ยินว่ากินข้าวได้แล้ว เจียงหรานก็หมดความกลัวที่ถูกหลิงเหมียนซีคุกคามเมื่อครู่ทันที
เขาหยิบตะเกียบ เริ่มคีบกับข้าวกินอย่างรวดเร็ว
เนี่ยเฉาตะเกียกตะกายออกจากห้อง ส่งข้อความหาเนี่ยอี้
[พะ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ผมอายุเท่าไร]
ทางนั้นไม่ตอบ
เนี่ยเฉากัดฟันส่งต่อ
[พี่บ้าไปแล้วเหรอ ทำไมหน้าไม่อายได้ยิ่งกว่าคุณชายเจ็ดอีกล่ะ พี่อายุเท่าไรแล้ว ยี่สิบเจ็ดแล้วหรือเปล่า สาวน้อยเพิ่งจะอายุเท่าไร สิบแปดแล้วหรือยัง พี่ไม่รู้เหรอว่าตัวเองเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนน่ะ]
คราวนี้ในที่สุดเนี่ยอี้ก็ตอบ ส่งเครื่องหมายจุดมาให้
[…]
เนี่ยเฉาโมโหยิ่งกว่าเดิม ส่งข้อความต่อ
[ผมจะเอาเรื่องนี้ไปบอกปู่ ให้ปู่จัดการพี่ สาวน้อยดีๆ แบบนั้นต้องมาถูกทำลายด้วยน้ำมือพี่]
พอเขาส่งข้อความนี้ไปก็มีเครื่องหมายตกใจสีแดงปรากฏ
ด้านล่างมีกล่องข้อความขึ้นเตือน
[เนี่ยอี้เปิดการตรวจสอบเพื่อน คุณไม่ได้เป็นเพื่อนกับเขา กรุณาส่งคำขอเป็นเพื่อน เมื่ออีกฝ่ายกดยอมรับถึงสามารถเริ่มการสนทนาได้ (ปุ่มส่งคำขอเป็นเพื่อน)]
เนี่ยเฉารู้สึกเหมือนตัวเองตายแล้ว
เขากลับเข้าห้องด้วยความขมขื่น ไม่มีแม้แต่แรงจะกินข้าว กลับเป็นเจียงหรานที่กินอย่างมีความสุข
ครั้งนี้ที่หลิงฉงโหลวมาฮู่เฉิงก็เพื่อมาเอาวัตถุดิบทำอาหารโดยเฉพาะ วัตถุดิบเหล่านี้ช่วยในการฝึกวิชาของจอมยุทธ์ คนทั่วไปกินแล้วก็สามารถช่วยต่ออายุได้
เนี่ยเฉาฟุบลงกับโต๊ะ อยากร้องไห้
ทันใดนั้นเขาก็ถูกตีหัว
เนี่ยเฉาเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง เจอกับสายตา ‘ใจดี’ ของหลิงเหมียนซี
เธอคีบน่องไก่ใส่ชามของเขา
“เด็กดี ไม่ต้องเสียใจ พี่สะใภ้ให้น่องไก่นะ”
“…”
…
อีกด้านหนึ่ง
เมิ่งหรูพาอิ๋งเย่ว์เซวียนไปร้านอาหารตะวันตกที่หรูหรามีระดับ
เธอกลับมามีมาดสูงส่งสง่างามแล้ว ในขณะเดียวกันก็เห็นต่าง ก็แค่เด็กมัธยมปลายสองคน เด็กเพิ่งโตเลยไม่กลัวใคร ถึงได้กล้าพูดแบบนั้นกับเธอ
ถ้าเป็นพวกคนที่เข้าวงการชนชั้นสูง มีเหรอจะกล้า
พูดให้ถูกก็ คนไม่รู้ก็เลยไม่กลัว
ภายในร้านอาหารตะวันตก
ศาสตราจารย์สาขาคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยตี้ตูมาถึงแล้ว
เมิ่งหรูก็เชิญมาด้วยความยากลำบาก อย่างไรเสียตระกูลหยวนก็ไม่ได้คลุกคลีกับแวดวงวิชาการมากเท่าไร
ศาสตราจารย์ท่านนี้ก็มาทำงานที่ฮู่เฉิง อุตส่าห์เจียดเวลามาให้สักพัก
“สวัสดีค่ะศาสตราจารย์หลี่” เมิ่งหรูยื่นของขวัญให้
“นี่คือนักเรียนที่ฉันเคยเล่าให้ฟังค่ะ”
อิ๋งเย่ว์เซวียนรีบทักทาย “สวัสดีค่ะศาสตราจารย์หลี่”
“นั่งสิ” ศาสตราจารย์หลี่ใจดี “กินข้าวก่อนนะครับ เดี๋ยวค่อยว่ากัน”
เมิ่งหรูพยักหน้า เรียกพนักงานมาสั่งอาหาร
“ตอนนี้คนที่เก่งคอมพิวเตอร์มีน้อยมาก” ศาสตราจารย์หลี่คุยกับเมิ่งหรู
“คราวก่อนศาสตราจารย์ผู้ทรงเกียรติที่อยู่ในสาขาของเราไปหานักเรียนด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดายที่ถูกปฏิเสธ”
เมิ่งหรูตกใจ “ถูกปฏิเสธเหรอคะ ใครกัน”
ศาสตราจารย์ผู้ทรงเกียรติของมหาวิทยาลัยตี้ตูมีแค่สาขาละคน เป็นถึงบุคคลระดับที่ตระกูลชั้นแนวหน้าอย่างตระกูลมู่ยังต้องให้เกียรติ
มีคนกล้าปฏิเสธเลยเหรอ
แต่ไม่ว่าจะปฏิเสธหรือไม่ การที่ทำให้ศาสตราจารย์ผู้ทรงเกียรติไปเชิญด้วยตัวเองได้ ตระกูลหยวนก็ไม่อาจเอื้อม
“นี่ก็ไม่มีอะไรที่บอกไม่ได้” ศาสตราจารย์หลี่ยิ้ม
“ชื่อเวินทิงหลานครับ เป็นคนที่สอบได้อันดับหนึ่งของฮู่เฉิงปีนี้ และก็เป็นอันดับหนึ่งของข้อสอบทั้งประเทศด้วยครับ”
“ตุบ”
อิ๋งเย่ว์เซวียนมือสั่น ทำตะเกียบตกพื้น เมิ่งหรูหันมามองเธอ