คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 347 ผู้นำตระกูล เทคนิคตบหน้าทุกวัน

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 347 ผู้นำตระกูล เทคนิคตบหน้าทุกวัน

เสียงไม่ดัง เบามาก แต่มีพลังชวนให้สะพรึง

สีหน้าของหลิงตันกับหลิงซวงอดเปลี่ยนไปไม่ได้ เท้าหยุดเดิน

ถึงขั้นที่ทั้งสองคนรู้สึกได้ถึงความกดดัน เส้นประสาทตึงในชั่วขณะ

ผู้อาวุโสสามลุกขึ้นทันที หันหน้ามา

เป็นผู้หญิงวัยสามสิบกว่า แต่งตัวเรียบง่าย

ใบหน้าของเธอไม่มีอะไรโดดเด่น ธรรมดามาก แต่กลับสามารถทำให้รู้สึกได้ถึงความไม่ธรรมดาของเธอ

พอเห็นผู้หญิงคนนี้ ความง่วงของผู้อาวุโสสามก็หนีหายไปหมด

เขาจับหมวกของตัวเอง “ตุบ” คุกเข่าลง

ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสรองเบิกตาโพลง รีบคุกเข่าตาม

ผู้อาวุโสสามพูดด้วยความนอบน้อม

“คารวะผู้นำตระกูล”

พอได้ยินคำเรียกนี้ หลิงตันกับหลิงซวงก็ตกใจหน้าซีดในทันที

ผู้หญิงที่สาวขนาดนั้นเป็นผู้นำของตระกูลฝูเหรอ

ไม่สิ นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เดิมทีหมอแผนโบราณที่เก่งๆ ก็สามารถคงความเยาว์ให้ตัวเองได้ตลอดไปอยู่แล้ว

ประเด็นคือ ผู้นำของตระกูลฝูถึงกับออกมาเลยเหรอ

อย่ามองว่าตอนนี้นายใหญ่ของตระกูลหลิงคือหลิงฉงโหลว แต่ในความเป็นจริงนายใหญ่คนก่อนๆ ก็ยังมีชีวิตอยู่

เพียงแต่เมื่อมาถึงช่วงอายุหนึ่งก็จะลงจากตำแหน่งไปใช้ชีวิตในวัยชรา

หลิงตันกับหลิงซวงเป็นยอดฝีมือในรุ่นราวคราวเดียวกับหลิงฉงโหลว ย่อมเทียบกับจอมยุทธ์ที่ฝึกมาร้อยปีไม่ได้

เหล่าจอมยุทธ์ยอดฝีมือที่แท้จริงในโลกจอมยุทธ์โดยทั่วไปต่างเก็บตัวไม่ออกมา

แม้แต่สมาชิกในตระกูลก็ยากที่จะได้เจอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้นำตระกูลเลย

แต่ละตระกูลของแพทย์แผนโบราณกับจอมยุทธ์มีผู้นำตระกูลอยู่แค่คนเดียว คือผู้ที่มีลำดับรุ่นอาวุโสสุด และยังมีชีวิตอยู่ของตระกูล

หลังจากผู้นำตระกูลคนนี้ตายไป อันดับหนึ่งของรุ่นถัดไปถึงจะได้รับการเรียกแบบนี้

หลิงตันกับหลิงซวงก็ไม่เคยเห็นผู้นำตระกูลหลิงคนปัจจุบัน จึงไม่รู้ว่าเป็นใคร

พวกเขาเคยเห็นแต่ภาพเหมือนของนายใหญ่ตระกูลหลิงรุ่นก่อนๆ ในหอบรรพชน เข้าไปกราบไหว้

จากการคาดเดาของหลิงตันกับหลิงซวง บางทีผู้นำตระกูลหลิงในตอนนี้ก็คือคนที่เริ่มสร้างตระกูลหลิงขึ้นมา

จอมยุทธ์ปรากฏในปลายศตวรรษที่สิบหก ประวัติของตระกูลหลิงไม่ได้ยาวนานขนาดนั้น แต่ก็สามร้อยกว่าปีได้แล้ว

แพทย์แผนโบราณถือกำเนิดช้ากว่าจอมยุทธ์ ปรากฏขึ้นในปลายศตวรรษที่สิบแปด

“ไม่ใช่ยุคโบราณแล้ว ไม่ต้องทำความเคารพแบบนี้” ผู้หญิงคนนี้ไอเล็กน้อย ยกมือขึ้นเพื่อบอกให้ผู้อาวุโสทั้งสามลุกขึ้น “ฉันคือฝูซี ไม่ต้องกลัว ฉันมีเรื่องอยากถามหน่อย”

คำพูดนี้พูดกับหลิงตันหลิงซวง

แต่หลิงตันกับหลิงซวงเกร็งมาก

ใครจะไปรู้ว่าฝูซีแก่กว่าพวกเขากี่รอบ

“ได้ยินว่าคุณชายน้อยของพวกเธอที่กำลังภายในพลุ่งพล่านได้หายดีอย่างสิ้นเชิงแล้ว” ฝูซีพยักหน้าเล็กน้อย

“รู้หรือเปล่าว่าใครเป็นคนรักษาให้”

หลิงตันกับหลิงซวงมีท่าทีระแวงขึ้นมาทันที

ปิดบังเรื่องที่เจียงหรานหายดีไว้ไม่อยู่

หลิงฉงโหลวเป็นนายใหญ่ตระกูลหลิง แต่เจียงฮว่าผิงเป็นคนธรรมดา ทุกตระกูลต่างจับตามองเธอ เจียงหรานก็มีคนคอยจับจ้องไม่น้อยเหมือนกัน

ก่อนหน้านี้โลกจอมยุทธ์วุ่นวายมาก หลิงฉงโหลวทำได้เพียงส่งเจียงหรานไปหลบอยู่ที่ฮู่เฉิง

ตระกูลหลิงกับตระกูลฝูไม่ได้เกี่ยวดองกัน แต่เป็นพันธมิตรกันไว้กับตระกูลแพทย์แผนโบราณ

แต่ต่อให้เป็นพันธมิตรก็ไม่ใช่ตลอดกาล

ฝูซีถามแบบนี้เพื่ออะไร

“ขอโทษครับผู้อาวุโส” หลิงซวงกับหลิงตันมองหน้ากัน พูดขึ้นพร้อมกัน

“มีคนช่วยคุณชายน้อยไว้ แต่พวกเราไม่ทราบว่าเป็นใคร เท่าที่นายใหญ่คาดเดา น่าจะเป็นหมอเทวดาที่เก็บซ่อนตัวครับ”

คำพูดนี้เป็นความจริง

หลิงฉงโหลวไม่รู้จริงๆ ว่าใครช่วยชีวิตเจียงหรานไว้

แต่รักษาเจียงหรานให้หายดีได้ย่อมไม่ใช่หมอทั่วไป

ฝูซีเงียบไปชั่วครู่ “อย่างนั้นเหรอ”

ถ้าเธอไม่ออกคำสั่ง คนอื่นก็ไม่กล้าขยับ

“นี่เป็นยาที่ฉันปรุงขึ้น” หลังจากเงียบไปนาน ฝูซีก็หยิบกล่องใบหนึ่งออกมา

“ยืดอายุแปดสิบปี และก็ช่วยคงความเยาว์ได้”

หลิงตันกับหลิงซวงอดตะลึงไม่ได้

ผู้อาวุโสทั้งสามก็ตกใจมาก

เห็นเป็นยาแค่เม็ดเดียวนี้ แต่ต่อให้เป็นฝูซีก็ต้องใช้กำลังไปมากเหมือนกัน

ส่วนใหญ่แพทย์แผนโบราณจะอายุไม่ยืนยาว เพราะพวกเขาต้องปรุงยาด้วยชีวิต

ยาต่ออายุแบบนี้มีเงื่อนไขที่เข้มงวดมาก จะบั่นทอนพลังชีวิตของตัวเอง

ดังนั้นจนถึงตอนนี้ โลกจอมยุทธ์จึงคิดค้นได้แค่ยาคงความเยาว์ที่ต้องให้ผู้หญิงกินเท่านั้นถึงจะต่ออายุได้ อีกทั้งยังต้องทนรับฤทธิ์ยาที่รุนแรงให้ได้ด้วย

จึงจำเป็นต้องให้จอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งมากคอยปกป้องอยู่ข้างกาย ช่วยเดินลมปราณให้คนที่กิน และสิ่งสำคัญที่สุดคือ มีขีดจำกัดเรื่องอายุเหมือนการดัดแปลงชะลอความแก่ของเซลล์ในร่างกายของนักเล่นแร่แปรธาตุ

อายุเกินห้าสิบปีจะทำไม่ได้แล้ว

“รับไว้สิ” ฝูซียิ้ม “คิดเสียว่าเป็นของขวัญพบหน้า” ของขวัญพบหน้าเหรอ

ผู้อาวุโสรองกระตุกเครา ร้องซี้ด

แต่พวกเขาก็เพิ่งเจอครั้งแรกเหมือนกันนะ

ทำไมไม่มีบ้างล่ะ เลือกปฏิบัติเหรอ ทั้งๆ ที่พวกเขาต่างหากที่เป็นคนตระกูลฝู!

ผู้อาวุโสรองมองกล่องใบนั้น ดวงตาฉายแววไม่พอใจ

ถ้าเขาเอามาวิจัยได้ ฝีมือการแพทย์จะต้องพัฒนาขึ้นแน่นอน!

หลิงซวงกับหลิงตันรับมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ จากนั้นก็รีบกลับไป

ถ้าถูกจอมยุทธ์ตระกูลอื่นรู้เข้าว่าหลิงฉงโหลวได้ยาที่ผู้นำตระกูลฝูปรุงขึ้นมาเอง จะถูกอิจฉาตาร้อนขนาดไหน

“ผู้นำตระกูล ท่าน…” ผู้อาวุโสใหญ่กำลังจะพูด แต่กลับเห็นฝูซีไปแล้ว

ผู้อาวุโสสามถอนหายใจ เอียงศีรษะ หลับไปแล้ว

ฝูซีกลับไปยังที่พักของตัวเอง เธอพักอาศัยแบบเรียบง่ายมาตลอด ภายในห้องนอนมีแค่หนึ่งเตียง โต๊ะกับชั้นวางของอย่างละหนึ่ง

ข้างห้องนอนเป็นห้องลับสำหรับปรุงยา ฝูซีเดินเข้าไป นั่งขัดสมาธิตรงหน้าเตาปรุงยาของตัวเอง

สายตาของเธอเหม่อลอย ถอนหายใจเบาๆ ถามโดยที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้คำตอบ

“ใช่ท่านหรือเปล่า อาจารย์”

จอมยุทธ์จะมีกำลังภายในแปรปรวนบ้างเป็นครั้งคราว เป็นเพราะวิทยายุทธ์เกิดจากการฝึกฝนในภายหลัง

แต่เจียงหรานเป็นมาแต่กำเนิด โดยพื้นฐานไม่มีทางรักษาหาย

แต่ไม่รวมถึงพวกผู้นำของตระกูลแพทย์แผนโบราณ เพียงแต่พวกเขาไม่มีทางออกหน้า

ฝูซีรู้ดีว่า คนในตระกูลแพทย์แผนโบราณที่รุ่นเดียวกับเธอ คนที่รู้ว่าต้องรักษาอย่างไร บ้างก็ตายแล้ว บ้างก็เก็บตัวไม่ออกมา ไม่มีทางรู้จักเจียงหรานแน่นอน

ตัดความเป็นไปได้อื่นๆ ทิ้ง คำตอบที่เหลือต่อให้เป็นไปไม่ได้อย่างไรก็คือข้อเท็จจริง

ส่วนพวกนักปรุงยาพิษกับนักเล่นแร่แปรธาตุของยุโรปน่ะเหรอ

พวกเขาไม่รู้จักจอมยุทธ์

คนที่สามารถรักษาเจียงหรานให้หายดีได้ก็มีแค่อาจารย์ของเธอแล้ว

แต่ฝูซีไม่ได้ถามออกไป

แต่ต่อให้ถาม อาจารย์ของเธอไปไหนมาไหนอย่างไร้ร่องรอย อยากเจอก็เจอไม่ได้ ฝูซีถอนหายใจ หยิบสมุนไพรโยนลงหม้อ หลับตาลง ปรุงยาอย่างสงบ ก็ไม่รู้ว่าเธอยังจะได้เจออาจารย์อีกไหมในช่วงที่มีชีวิตอยู่

เธอเองก็เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว

วันที่ยี่สิบแปดธันวาคม

คนกลุ่มหนึ่งเดินทางไปสนามบิน

เนี่ยเฉาอยู่ให้ห่างจากหลิงเหมียนซีตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ เดินอยู่ท้ายๆ ของกลุ่ม

โชคดีที่มีชายโสดอย่างเจียงหรานเป็นเพื่อน หัวใจของเนี่ยเฉาจึงได้รับการปลอบโยนอยู่บ้าง

นี่คือเครื่องบินโดยสารเอสามแปดศูนย์ มีที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสสิบสองที่นั่ง

หลังจากฟู่อวิ๋นเซินขึ้นไปแล้วก็แกะซองผ้าปิดตายื่นให้อิ๋งจื่อจิน

จากนั้นเขาก็ปรับเก้าอี้ให้ เพื่อให้เธอพักผ่อนสบายๆ

เมื่ออิ๋งจื่อจินหลับตาลง ฟู่อวิ๋นเซินก็เอาผ้าห่มมาคลุมให้เธออีก

เนี่ยเฉานั่งอยู่ริมทางเดินอีกด้านหนึ่ง อยากจิ้มลูกตาตัวเอง

เขาทนมองต่อไปไม่ไหว

ผู้ชายบางคนเป็นโสดมานาน ทำไมพอมีผู้หญิงที่ชอบก็กลายเป็นแบบนี้แล้วล่ะ

อยากฆ่าชายโสดใช่ไหม

หลิงเหมียนซีอิจฉาตาร้อน

เธอไม่เคยสัมผัสชีวิตแบบนี้มาก่อน เวลาเธอกับเนี่ยอี้เจอหน้ากันเป็นต้องประลองการต่อสู้ อย่างมากก็กินข้าวสักมื้อจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก

ไม่เปรียบเทียบก็ไม่เสียใจ

หลิงเหมียนซีกระดิกนิ้วให้เนี่ยเฉา

เนี่ยเฉาใจคอไม่ดี กลัวสุดชีวิต แต่สุดท้ายก็ยืนขึ้น ขยับเข้าไปหา “พะ พะ…”

เขาเป็นผู้ชายที่โตแล้ว เรียกเด็กสาวที่อ่อนกว่าว่าพี่สะใภ้ไม่ออก

“น้องรอง วางใจได้” หลิงเหมียนซีออกแรงตบบ่าของเขา พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“ต่อไปพี่สะใภ้จะปกป้องนายเอง”

เนี่ยเฉาทำหน้าขมขื่น

เขาล่ะกลัวพอถึงเวลาจะโดนอัดคูณสอง

เวลานี้แอร์โฮสเตสได้แหวกม่านออก มีคนขึ้นมาอีก

ก็คือเมิ่งหรู

เมิ่งหรูไม่ได้รออิ๋งเย่ว์เซวียนไปพร้อมกัน ตระกูลหยวนมีงานมากมาย เธอต้องรีบกลับตระกูลหยวนก่อนสิ้นปี กว่าจะทำอะไรเสร็จสรรพก็มีแค่เที่ยวบินนี้ที่เร็วที่สุด

เมิ่งหรูนั่งแถวหลังสุด เธอไม่ได้มองคนอื่นๆ ที่นั่งในชั้นเฟิร์สคลาส รัดเข็มขัดนิรภัย เตรียมพักผ่อน

ผู้ช่วยพิเศษที่นั่งข้างๆ กลับส่งเสียงตกใจ “คุณนายคะ นั่นคุณชายเนี่ยหรือเปล่า”

เรื่องที่ผู้เฒ่าเนี่ยกำหนดให้เนี่ยเฉาเป็นผู้สืบทอดไม่ใช่ความลับอะไรในวงการไฮโซของตี้ตู

ตระกูลหยวนเป็นหนึ่งในตระกูลที่อยากเข้าหาตระกูลเนี่ย ย่อมให้ความสนใจเป็นพิเศษ

ตระกูลเหล่านี้ได้มาแม้กระทั่งวันเดือนปีเกิดของเนี่ยเฉา คิดไว้ว่าจะเอาไปให้ปรมาจารย์ทำนายดวงชะตาดูว่ามีสาวคนไหนในตระกูลที่คู่ควรบ้าง

เพียงแต่พวกเขาไม่เคยได้เจอเนี่ยเฉา รวมถึงตระกูลหยวน

เมิ่งหรูเงยหน้าขึ้น “ว่าไงนะ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท