คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 382 รอบตัดสิน! เชิญหมอเทวดา

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 382 รอบตัดสิน! เชิญหมอเทวดา

เวินทิงหลานก็รู้ว่าทำไมเวินเฟิงเหมียนถึงถามแบบนี้

เพราะมหาวิทยาลัยนอร์ตัน

ผู้หญิงคนนั้นเห็นแก่ผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง ยากที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่มาหาพวกเขาหากรู้ว่าเขาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยนอร์ตัน

เวินทิงหลานขมวดคิ้วเล็กน้อย “พ่อห้ามใจอ่อนเด็ดขาด”

“ไม่หรอก” สีหน้าของเวินเฟิงเหมียนเริ่มเย็นชาลง “ลูกกับเยาเยาต่างหากที่สำคัญที่สุด พ่อเข้าใจ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นผู้หญิงคนนั้นทำเรื่องแบบนั้นไว้กับลูก พ่อไม่มีทางให้อภัย และก็ไม่มีทางเชื่อใจอีก”

ขณะพูดเขาก็ถอนหายใจ “พ่อเองก็ผิดเหมือนกัน”

ตอนเวินทิงหลานห้าขวบ แม่แท้ๆ ของเขาได้กลับมาที่บ้านครั้งหนึ่ง

ตอนนั้นอาการทางจิตใจของเวินทิงหลานยังไม่รุนแรงมาก แต่ก็เป็นโรคหวาดกลัวปิดกั้นตัวเอง ไม่ชอบคุยกับคนที่ไม่สนิท

ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ในจุดนี้ รู้สึกแค่ว่าลูกชายตัวเองไม่ให้ความใกล้ชิด

เธอจึงขังเวินทิงหลานไว้ในห้องด้วยความโมโห อีกทั้งยังปิดไฟหมดทุกดวง จากนั้นก็ออกไปโดยไม่กลับมาอีก

เรื่องบังเอิญคือ คืนวันนั้นอิ๋งจื่อจินเป็นไข้ เวินเฟิงเหมียนจึงแบกเธอไปโรงพยาบาลของเขตนั้น

เดิมทีก็ต้องเอาเวินทิงหลานไปด้วยกัน แต่เวินทิงหลานไม่ชอบไปสถานที่อย่างโรงพยาบาลมาแต่ไหนแต่ไร

ด้วยความจนปัญญา เวินเฟิงเหมียนจำต้องเลือกเชื่อใจอดีตภรรยา

เสือแม้จะร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง

ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้

เพราะแบบนี้อาการของเวินทิงหลานจึงยิ่งรุนแรงขึ้น ไม่พูดกับใครอยู่หลายปี แม้แต่กับเวินเฟิงเหมียนและอิ๋งจื่อจิน

สิบกว่าปีต่อมา ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย

เวินทิงหลานลังเลเล็กน้อย “พ่อครับ สองคนนั้นคงไม่ได้มาหาพ่อแล้วใช่ไหม”

“เปล่า” เวินเฟิงเหมียนส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่ต้องสนใจสองคนนั้นหรอก กินข้าวดีกว่า”

เวินทิงหลานหยิบตะเกียบขึ้นมา ทันใดนั้นได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

เวินเฟิงเหมียนเงยหน้า “ใครมา”

เวินทิงหลานเป็นนักศึกษาของคณะระดับดับเบิลเอส (SS) สวัสดิการที่ได้รับใช่ว่านักศึกษาจากคณะอื่นจะเทียบได้ หอพักของเขาเป็นบ้านเดี่ยวหนึ่งหลัง

ปกติไม่มีใครมานอกจากพวกรุ่นพี่

วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติของประเทศจีน แต่สำหรับคนอื่นไม่ใช่

“ผมจะไปเปิดประตู” เวินทิงหลานลุกเดินไปเปิดประตู

จากนั้นก็เห็นรองอธิการบดีเอามือไพล่หลัง ท่าทางจริงจัง

เวินทิงหลานอึ้ง “สวัสดีครับท่านรองอธิการ”

“ดีๆๆ ผมสบายดี” รองอธิการบดีแกล้งไอเล็กน้อย “เมื่อกี้โทรคุยกับพี่สาวใช่ไหม”

เวินทิงหลานไม่รู้ว่าทำไมเขาถามแบบนี้ แต่ก็ยังคงพยักหน้าตอบ

รองอธิการบดีถูมือ “แล้วเธอถามถึงผมบ้างหรือเปล่า”

“เปล่าครับ”

เด็กหนุ่มทำสีหน้าประมาณว่า ‘ทำไมต้องถามถึงลุงด้วยล่ะ’

รองอธิการบดี “…”

เขากะแล้วว่าเขามันเป็นแค่เครื่องมือ

เวินทิงหลานถาม “ยังมีธุระอะไรอีกไหมครับ”

“มีสิ มีแน่นอน” รองอธิการบดีหน้าเครียด “เอ่อคือ ผมรู้ว่าคนจีนอย่างพวกคุณจะเล่นไพ่นกกระจอกตอนวันขึ้นปีใหม่”

เวินทิงหลานตกใจเล็กน้อยที่รองอธิการบดีรู้ธรรมเนียมของพวกเขาด้วย พยักหน้าตอบ “ครับ”

“แต่ว่าพวกเรามีสามคน เล่นไพ่นกกระจอกไม่ได้” รองอธิการบดีค่อยๆ ล้วงไพ่โป๊กเกอร์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “เล่นไพ่ล้มเจ้าหน่อยเป็นไง”

“…”

วันตรุษจีนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปลายเดือนกุมภาพันธ์รอบคัดเลือกรอบสองของไอเอสซีก็จบลงอย่างเป็นทางการ

เว็บไซต์ทางการประกาศอันดับ

คนที่ได้อันดับที่หนึ่งยังคงเป็นอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมที่ทำตัวลึกลับ อีกทั้งยังลอยลำเหนือคนอื่นไปไกล

แต่จวบจนทุกวันนี้คนที่ได้อันดับหนึ่งก็ยังคงไม่เปิดเผยตัวตนกับชื่อ บรรดาผู้ชมจำนวนไม่น้อยของแอปฉลามไลฟ์สดก็ไม่สามารถเชื่อมโยงอันดับหนึ่งของชาร์ตคนนี้กับเทพสายวิชาการคนไหนได้

พวกเขาไม่ได้นึกไปถึงอิ๋งจือจินเลย

อย่างไรเสียคนปกติที่ได้โควตาผ่านไปรอบชิงชนะเลิศระดับนานาชาติแล้วต่างก็ไม่ได้ว่างไปเข้าร่วมรอบคัดเลือกทั้งสองรอบ

ความดังของอิ๋งจื่อจินที่มากขึ้นทำให้คนที่สนใจการแข่งขันไอเอสซีก็มีมากขึ้นตามไปด้วย

ถึงแม้คนส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจโจทย์พวกนั้น แต่ชาวเน็ตก็ยังมีการเดิมพันเรื่องนี้

พนันกันว่าในรอบตัดสิน อันดับของอิ๋งจื่อจินกับคนที่อยู่อันดับหนึ่งของชาร์ตรวมใครจะสูงกว่า

[ลงเดิมพันๆ อันดับหนึ่งชาร์ตกับเทพอิ๋งใครเก่งกว่า]

[ฉันลงข้างเทพอิ๋ง เหตุผลน่ะเหรอ หน้าตาล้วนๆ]

[เห็นๆ อยู่ว่าอันดับหนึ่งของชาร์ตรวมเก่งจนแปลกประหลาด ทำโจทย์ได้เร็วขนาดนั้นไม่มีใครสู้ได้ ฉันลงข้างอันดับหนึ่งของชาร์ตรวม]

ภายในห้องเรียนของมอหกทับสิบเก้า ซิวอวี่อ่านคอมเมนต์พวกนั้นพลางลูบคาง “ทำไมไม่มีตัวเลือก จะเดิมพันข้างเธอหรืออันดับหนึ่งของชาร์ตก็คนเดียวกันไม่ใช่เหรอ”

พออิ๋งจื่อจินได้ยินก็ถอดหูฟังออก “เดิมพันเหรอ ได้เงินไหม”

ซิวอวี่ถึงกับสะอึก “ไม่มี ก็แค่โหวต”

“อ่อ”

อิ๋งจื่อจินสวมหูฟังอีกครั้ง ไม่ได้ให้ความสนใจอีก

ซิวอวี่เล่นเวยปั๋วเสร็จก็เริ่มนึกสนุก “พ่ออิ๋ง รอบตัดสินขอฉันไปเป็นเพื่อนเธอนะ”

“เธอต้องตั้งใจสอบเข้ามหาวิทยาลัย” อิ๋งจื่อจินหาว เลิกคิ้ว “สอบได้ต่ำกว่าหกร้อยห้าสิบคะแนนก็ไม่ต้องมาเจอฉันอีก”

ซิวอวี่ “…”

เธอหันไปด้านข้างอย่างเงียบๆ เห็นเจียงหรานกำลังฝึกทำโจทย์อย่างบ้าคลั่ง

หมอนี่ตั้งแต่ควบคุมกำลังภายในที่แปรปรวนได้อย่างสิ้นเชิงก็จมอยู่กับฟิสิกส์กับคณิตศาสตร์อย่างโงหัวไม่ขึ้น

ซิวอวี่หยิบชุดข้อสอบออกมาแล้วเริ่มทำ

รอบตัดสินระดับนานาชาติต้องการผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยคน ล่าสุดอิ๋งเย่ว์เซวียนอยู่อันดับที่พันหนึ่งร้อยเก้า ย่อมได้เข้าสู่รอบตัดสิน

หลังจากจงมั่นหวารู้เรื่องนี้กลับไม่ได้ดีใจสักเท่าไร

ในใจของเธอรู้สึกแย่

ตอนช่วงวันตรุษจีนมีสตรีไฮโซมาสวัสดีปีใหม่อยู่ไม่น้อย ต่างพูดเรื่องเดียวกัน

แม้แต่น้ำเสียงที่พูดก็ยังเหมือนกัน

‘อิ๋งจื่อจินเก่งจริงๆ เล่นเปียโนเพลงเดียวดังเปรี้ยงปร้างไปทั้งโลกไซเบอร์ แถมยังเป็นเทพด้านการเรียนที่สถานีโทรทัศน์กลางปลุกปั้น น่าเสียดายนะ มั่นหวา ทำไมเด็กคนนั้นถึงไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของเธอ’

‘ไม่อย่างนั้นเธอก็พลอยได้หน้าไปด้วยแล้ว เฮ้อ จนปัญญาจริงๆ เด็กคนนั้นไปจากตระกูลอิ๋งแล้ว เธอก็เลยไม่ได้หน้าเลย’

จงมั่นหวาจะไล่คนพวกนี้ไปก็ไม่ได้ ทำได้เพียงฝืนฟังจนจบ รู้สึกแย่มากขึ้นเรื่อยๆ จึงพลอยทำสีหน้าไม่ดีใส่อิ๋งเย่ว์เซวียนไปด้วย

อิ๋งเย่ว์เซวียนพยายามแทบตายกว่าจะได้เข้ารอบตัดสินระดับนานาชาติ แต่อิ๋งจื่อจินกลับได้โควตานานแล้ว

ใครเก่งกว่ากันแน่มองปราดเดียวก็มองออก

จงมั่นหวานั่งเหม่ออยู่ที่โซฟา แม้แต่อิ๋งเย่ว์เซวียนกลับถึงบ้านแล้วก็ยังไม่สังเกตเห็น

“แม่คะ คุณหมอที่หนูฝากรุ่นพี่เชิญมา มาถึงแล้วนะคะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก กำมือแน่น “จะให้มารักษาคุณย่าเมื่อไรคะ”

“จริงเหรอ” จงมั่นหวาอึ้งก่อน จากนั้นก็ดีใจมาก “มาถึงฮู่เฉิงแล้วเหรอ”

“ค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาค้นข้อมูล “นี่คือดอกเตอร์นอร่า มีชื่อเสียงโด่งดังมากในระดับโลก”

จงมั่นหวารับมาดู ทิ้งอารมณ์ขุ่นมัวไว้ด้านหลัง “เสี่ยวเซวียน โชคดีที่มีลูกอยู่ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงเชิญหมอที่เก่งขนาดนี้มาไม่ได้”

พูดตามตรงก็คือ ตระกูลอิ๋งทำธุรกิจในวงแคบไป

ไม่มีความเกี่ยวข้องกับวงการวิชาการหรือวงการแพทย์ และก็ไม่มีคนรู้จักที่อยู่ในสายเหล่านั้น

จงมั่นหวาปลอบใจตัวเอง

ไม่ว่าอย่างไรอิ๋งเย่ว์เซวียนก็เก่งเหมือนกัน อย่างน้อยอิ๋งจื่อจินก็รักษาคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งไม่ได้

เธอเลือกถูกแล้ว

อีกทั้งตระกูลหยวนได้ให้อิ๋งเย่ว์เซวียนหมั้นหมายกับหยวนจยาเฉิงไว้แล้วด้วย

แต่ทางอิ๋งจื่อจินล่ะ

กับฟู่อวิ๋นเซินยังไม่แม้แต่จะมีอะไรเป็นรูปเป็นร่าง

ไม่แน่อาจแค่เล่นๆ

มีแค่เรื่องที่ชัวร์แล้วเท่านั้นถึงจะทำให้จงมั่นหวาวางใจได้

“งั้นพวกเราไปกันตอนนี้เลย” จงมั่นหวาลุกขึ้น “ตอนนี้ดอกเตอร์นอร่าว่างหรือเปล่า”

“ว่างค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนแอบโล่งอก “เธออยู่ที่โรงพยาบาลอันดับหนึ่งค่ะ”

จงมั่นหวาพยักหน้า โทรหาอิ๋งเจิ้นถิง จากนั้นก็ไปโรงพยาบาลอันดับหนึ่งพร้อมอิ๋งเย่ว์เซวียน

อาการปวดศีรษะของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกวัน จึงพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลมาตลอด

หลังจากที่นอร่าตรวจดูอาการของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งเสร็จแล้วก็ออกไปจากห้องพักผู้ป่วย

อิ๋งเจิ้นถิงรีบเข้าไปหา “เป็นยังไงบ้างครับดอกเตอร์นอร่า”

“อาการปวดหัวของคุณนายผู้เฒ่าดูแปลกจริงๆ ค่ะ” นอร่าขมวดคิ้ว ลังเลเล็กน้อย “ฉันไม่แน่ใจ จำเป็นต้องเชิญคนคนหนึ่งมาร่วมวินิจฉัยกับฉันค่ะ”

พอได้ยินแบบนี้ สีหน้าของอิ๋งเจิ้นถิงก็เปลี่ยนไป

ขนาดนอร่ายังรู้สึกว่าอาการป่วยของคุณนายผู้เฒ่าเป็นเรื่องยาก ยังต้องเชิญหมออีกคนมาเลยเหรอ

นอร่าเป็นถึงหมอที่เคยรักษาโรคที่ซับซ้อนมาแล้วไม่น้อย ไม่อย่างนั้นสถานะในวงการแพทย์คงไม่สูงขนาดนั้น

เผยเทียนอี้ช่วยเชิญมาให้อิ๋งเย่ว์เซวียนได้เป็นเพราะเขาเคยติดค้างน้ำใจเธอไว้

ตอนนั้นมีของสำคัญหายไปจากห้องทดลอง เป็นอิ๋งเย่ว์เซวียนที่ตามกลับมาได้

จงมั่นหวาเครียดมาก “ดอกเตอร์นอร่าคะ งั้นมีโอกาสที่จะรักษาหายไหมคะ”

“ฉันมั่นใจแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ” นอร่ายิ้ม “แต่ถ้าได้อีกคนมาก็น่าจะเต็มร้อยค่ะ”

จงมั่นหวาถึงได้โล่งอก “ไม่ทราบว่าคนที่ดอกเตอร์นอร่าต้องการเชิญมาคือใครเหรอคะ”

เธอเดาว่าคนที่ทำให้นอร่าเชิญด้วยตัวเองได้น่าจะเป็นหมอฝีมือขั้นเทพที่เก่งมากจากทางยุโรป

“รอเดี๋ยวนะคะ” นอร่าพูด “ขอฉันโทรถามก่อน เธอก็อยู่ฮู่เฉิงค่ะ”

จงมั่นหวาอึ้ง “อยู่ฮู่เฉิงเหรอคะ”

นอร่าพยักหน้า หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

เธอหาวีแชทของอิ๋งจื่อจินแล้วกดโทรออก

สามวินาทีต่อมาก็มีคนรับ

นอร่าพูดขึ้น “สวัสดีจ้ะนักเรียนอิ๋ง”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท