ตอนที่ 414 อิ๋งจื่อจิน ‘อย่ามาปล่อยกระแสไฟใส่ฉัน’
มีแค่สิบอันดับแรกเท่านั้นที่มีรางวัลให้ ด้วยเหตุนี้จึงประกาศแค่สิบอันดับแรก
ประกาศโดยเริ่มจากอันดับที่สิบ
อันดับ 10 ประเทศชิลี 77.79 คะแนน
อันดับ 9 ประเทศบราซิล 78.01 คะแนน
…
อันดับ 3 ประเทศฝรั่งเศส 83.37 คะแนน
อันดับ 2 ประเทศสหรัฐอเมริกา 86.92 คะแนน
จั่วหลีตื่นเต้นหนักกว่าเดิม อดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่ได้
หน้าจอใหญ่ขยับอีกครั้ง อันดับหนึ่งก็ปรากฏแก่สายตาผู้ชมทุกคน
อันดับ 1 ประเทศจีน 94.74 คะแนน!
จั่วหลีลุกพรวด เบิกตาโพลง ร้องเสียงหลง “เกินเก้าสิบเลยเหรอ!”
“ที่หนึ่ง พวกเราได้ที่หนึ่ง!” เฟิงเย่ว์ดีใจจนเป็นบ้า กอดกับผู้เข้าแข่งขันอีกคนที่อยู่ข้างๆ ด้วยความดีใจ “ฮ่าๆๆ ที่หนึ่ง!”
บนหน้าจอถ่ายทอดสดก็แทบระเบิดในชั่วพริบตา
[ประเทศจีนได้อันดับหนึ่ง อันดับหนึ่ง!]
[ยินดีด้วยๆๆ!]
[ฉันเป็นนักเรียนของชิงจื้อ เทพอิ๋งเป็นรุ่นพี่ของฉัน ฉันมีเรื่องโม้แล้ว]
จั่วหลีมือสั่น รีบหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาอิ๋งจื่อจินด้วยความตื่นเต้นดีใจ “นักเรียนอิ๋ง พวกเราได้ที่หนึ่งแล้ว ตอนนี้จะเป็นพิธีมอบรางวัล เธอพักผ่อนเสร็จหรือยัง มารับรางวัลสิ”
เดิมทีคนรับรางวัลควรเป็นคณะศาสตราจารย์ ซึ่งก็คือศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ที่มากับคณะของมหาวิทยาลัยตี้ตู
แต่จั่วหลีรู้ว่า ถ้าไม่มีอิ๋งจื่อจิน พวกเขาก็ไม่มีทางได้คะแนนสูงขนาดนี้
อย่าว่าแต่คะแนนสูงเลย จะติดสิบอันดับแรกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้
เหมือนฝนตกตอนหน้าแล้ง เปรียบดังแสงที่ปลายอุโมงค์
เขานึกคำพูดอื่นไม่ออกแล้ว
อิ๋งจื่อจินที่อยู่ในสายปฏิเสธอย่างไม่ลังเล “หนูไม่อยากขยับตัวค่ะ ศาสตราจารย์จั่วไปรับเถอะค่ะ”
จั่วหลี “…”
…
ภายในห้องพักผ่อน
อิ๋งจื่อจินจบการสนทนา เธอประคองน้ำร้อนมองฟู่อวิ๋นเซินพลางครุ่นคิด
เธอกำลังคิดเรื่องที่เกี่ยวกับไอริน่า
อันที่จริงไม่ใช่ว่าไอริน่าจำเธอได้แล้ว ก็แค่แพ้การแข่งขันเลยรับไม่ได้
สติแตกก็เลยพูดแบบนั้นออกมา
อย่างไรเสียไอริน่าก็ถูกปลุกความทรงจำด้วยการสะกดจิต ยังมีร่องรอยให้ตามสืบได้
หลังจากที่เธอตายจากโลกบำเพ็ญเพียร หากว่ากันตามเหตุผลก็ไม่เหลือแม้แต่วิญญาณแล้ว
สามารถกลับมาโลกมนุษย์ได้อีกครั้ง จนถึงตอนนี้แม้แต่เธอเองก็ไม่เข้าใจว่ามันเรื่องอะไร
ส่วนเรื่องนี้ เธอไม่พูด เขาก็ไม่ถาม
ถึงขั้นที่เขาน่าจะเดาอะไรได้บ้างแล้ว
อย่างไรเสียเธอกับเขาก็คลุกคลีอยู่ด้วยกันมานาน ความรู้ความสามารถกับวิชาป้องกันตัวที่เธอมีไม่ได้เป็นสิ่งที่คนวัยนี้จะครอบครองได้
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง “ผู้บัญชาการ”
ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้า “หืม?”
อิ๋งจื่อจินกระดิกนิ้วใส่เขา ท่าทางขี้เกียจ “มานี่หน่อย”
“ท่าทางลึกลับ” ฟู่อวิ๋นเซินเดินเข้าไป ย่อตัวลงอยู่ในท่าฟัง ดวงตาดอกท้อโค้งมน “เด็กน้อยจะพูดอะไรกับพี่ชายเหรอ”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา เอามือเท้าคาง “ฉันคิดดีแล้ว”
พอได้ยินแบบนี้หลังของฟู่อวิ๋นเซินก็เกร็งขึ้นมาทันที ยิ้มกึ่งหยอกเย้า “พี่ชายเลื่อนตำแหน่งได้แล้วเหรอ”
“อืม” อิ๋งจื่อจินนั่งพิงโซฟา เลิกคิ้ว “รอฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จก่อน”
ฟู่อวิ๋นเซิน “…”
เขาลืมไปแล้วว่าเด็กน้อยของเขายังต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีก
“หลังเรียนจบอยากไปเข้ามหาวิทยาลัยไหน” ฟู่อวิ๋นเซินเอามือจับศีรษะ หัวเราะเบาๆ “พี่ชายช่วยเอาบัตรเชิญของมหาวิทยาลัยนอร์ตันมาให้ได้นะ”
บางครั้งมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็จะขอซื้อโจทย์เชิงตรรกะจากไอบีไอเพื่อใช้ทดสอบนักศึกษาใหม่ที่จะเข้ามหาวิทยาลัย
เมื่อก่อนไอบีไอก็จะเอาอาวุธที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันคิดค้นขึ้นมาใหม่
อิ๋งจื่อจินไม่แสดงสีหน้าอะไร ตอบไร้เยื่อใยมาก “ไม่อยากเข้าที่ไหนทั้งนั้น”
สาเหตุที่เธอเข้าร่วมการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นเพราะรับปากผู้อำนวยการโรงเรียนไว้
อิ๋งจื่อจินหยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “แต่ฉันต้องไปตี้ตูจริงๆ คุณก็รู้เรื่องพ่อของฉัน ฉันต้องการช่วยแก้ปมในใจของเขา”
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินไม่ถามอย่างอื่น แค่พูดว่า “พี่ชายไปด้วย”
ดวงตาดอกท้อวูบไหวดุจดวงดาวที่ระยิบระยับ
แววตาลึกซึ้ง อ่อนโยนเต็มไปด้วยความรู้สึก
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้กฤษณาให้ความรู้สึกที่เย็นสบาย
เดิมทีเขาก็มีหน้าตาที่หล่อเหลาอยู่แล้ว เวลานี้ยิ่งชวนหลงใหลมากกว่าเดิม
อิ๋งจื่อจินยกมือ เอานิ้วดันใบหน้าของเขาให้ห่างออกไปหน่อย สายตาเย็นชา “ฉันขอเตือน อย่ามาปล่อยกระแสไฟใส่ฉัน ฉันไม่หลงกล”
“ปล่อยกระแสไฟเหรอ” สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก “เยาเยา อย่ามาปรักปรำกันนะ ไหนลองพูดมาซิว่าพี่ชายปล่อยกระแสไฟยังไง”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา “สายตาของคุณ”
“สายตาเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้มีท่าทีจะเพลาลง นิ้วเคาะโซฟาเบาๆ “พี่ชายมองคนที่ตัวเองชอบ มันอดใจไม่ได้”
เขาโน้มตัวเล็กน้อย แกล้งแซว “เด็กน้อยเขินเหรอ”
“เปล่า”
“แต่เธอหน้าแดง แม้จะน้อยมากก็ตาม”
“อ่อ” อิ๋งจื่อจินหาวออกมา พูดอย่างใจเย็น น้ำเสียงราบเรียบ “งั้นฉันเขินคนที่ตัวเองชอบก็ห้ามไม่ได้เหมือนกัน”
“…”
…
เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตก้าวไกล คนที่รับชมถ่ายทอดสดก็มีอยู่ไม่น้อย
ข่าวแพร่ไปถึงประเทศจีนอย่างรวดเร็ว เวยปั๋วแทบแตกอีกครั้ง คำค้นยอดนิยมแทบระเบิด
#ไอเอสซีรอบชิง ประเทศจีนคว้าที่หนึ่ง#
#อิ๋งจื่อจินเอาคืนอย่างเทพ#
#อิ๋งจื่อจินพูดว่าขยะ#
#อิ๋งจื่อจินผู้กอบกู้สถานการณ์#
แต่ไหนแต่ไรมาในเวยปั๋วมีข่าวของดาราค่อนข้างเยอะ แต่ก็ถูกกลบไปทั้งหมด
[กรี๊ดดด ฉันร้องไห้แล้วเนี่ย!]
[ใครกล้าพูดว่าประเทศจีนไม่ไหวอีก!]
[พวกเราไม่มีอย่างอื่น มีแค่จิตวิญญาณที่ไม่เคยดับ ขอยืมคำพูดของแม่ทัพสมัยฮั่นตะวันตกมาพูดหน่อย ใครกล้ามารุกรานเรา ต่อให้อยู่ไกลแค่ไหนก็ต้องตามไปฆ่า!]
ในเวยปั๋วมีแต่ความยินดี ทางโรงเรียนมัธยมชิงจื้อก็เฮกันทั้งโรงเรียน
เด็กมอสี่กับมอห้ายังได้หยุดสามวันเพื่อให้ชมถ่ายทอดสดโดยเฉพาะ
อาจารย์ฝ่ายปกครองวางสายจากอาจารย์ฝ่ายวิชาการเสร็จก็รีบไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงเรียนทันที ตีโต๊ะด้วยความตื่นเต้น “ผอ.ครับ ที่หนึ่ง! พวกเราได้ที่หนึ่ง! พลิกกลับมาอย่างเทพเลยครับ!”
ผู้อำนวยการมือสั่น เกือบโยนแก้วในมือออกไป
เขาชี้คอมพิวเตอร์พลางพูด “ผมรู้ ผมดูถ่ายทอดสดอยู่”
“ขึงป้ายผ้า เรื่องนี้ต้องขึงป้ายผ้านะครับ” อาจารย์ฝ่ายปกครองพูดด้วยความดีใจ “พวกเราต้องขึงป้ายผ้าใหญ่ที่สุดให้นักเรียนอิ๋ง”
นี่ไม่ใช่แค่เกียรติของประเทศ ยังเป็นเกียรติของชิงจื้อด้วยเช่นกัน
ผู้อำนวยการดันแว่นตา “คุณไปเตรียมเถอะ ต้องจัดงานฉลองด้วย แต่เดี๋ยวสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จค่อยว่ากัน นักเรียนกับอาจารย์ทั้งโรงเรียนไปได้หมด”
อย่างไรเสียชิงจื้อก็ไม่ขาดแคลนเงิน
อาจารย์ฝ่ายปกครองพยักหน้า ไปจัดเตรียมทันที
เขาไม่เคยอารมณ์ดีเท่านี้มาก่อน ด้วยเหตุนี้พอเห็นคู่รักจูงมือกันในสนามกีฬาเขาถึงไม่สนใจ
…
หลังเสร็จสิ้นพิธีมอบรางวัลก็เป็นงานเลี้ยงฉลอง
คณะกรรมการก็ได้เตรียมโรงแรมไว้ให้แต่ละประเทศโดยเฉพาะ
เนื่องจากเป็นงานเลี้ยงของผู้เข้าแข่งขัน ฟู่อวิ๋นเซินจึงไม่ได้ตามไป แต่จองห้องอยู่อีกโรงแรมหนึ่ง
อิ๋งจื่อจินเสร็จจากงานเลี้ยงก็จะมา
“เหล่าฟู่ บอสโคตรจะเก่ง” ฉินหลิงเยี่ยนกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “โคตรเท่เลย อยากแต่งงานด้วย”
ฟู่อวิ๋นเซินได้ยินแบบนี้ก็หันหน้ามา
ดวงตาของเขาลุ่มลึก เปล่งประกายดุจดวงดาว หัวเราะเบาๆ “นายว่าอะไรนะ”
“เปล่า! ไม่ได้พูดอะไรเลย!” ฉินหลิงเยี่ยนสะดุ้งตกใจ “ฉันก็แค่ปากไว ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ ฉันจะกล้าได้ยังไง”
บุคลิกของอิ๋งจื่อจินเป็นแบบนั้น เขาไปยืนข้างๆ ก็เป็นได้แค่น้องชาย
ฟู่อวิ๋นเซินพูด “ถ้านายมีความคิดแบบนั้น ตอนนี้คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ในสภาพสมบูรณ์แล้ว”
ฉินหลิงเยี่ยน “…”
เขารู้ เกรงว่าเขาคงจะโดนผู้ชายคนนี้จับไปโยนให้ฉลามในมหาสมุทรแอตแลนติกกิน
ฉินหลิงเยี่ยนตัวสั่น แอบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างเงียบๆ
[น้องสาว ทำหน้าที่พิธีกรเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ รีบกลับมาสิ พี่ชายเธอใกล้ตายแล้วนะ!]
หนึ่งนาทีต่อมาก็มีข้อความจากฉินหลิงอวี๋
[ว่าไงนะ งั้นก็เยี่ยมเลย เดี๋ยวซื้อสุสานทำเลที่ดีที่สุดให้]
[…]
ฉินหลิงอวี๋ไม่สนใจฉินหลิงเยี่ยนอีก เธอปิดวีแชท
เธอสัญญากับแฟนคลับไว้ว่า หลังจากถ่ายทอดสดการแข่งขันเสร็จจะพาพวกเขาไปชมทิวทัศน์ในเมืองมหาวิทยาลัย
ฉินหลิงอวี๋มีแอ๊กเคานท์อยู่ในแพลตฟอร์มฉลามไลฟ์สด
พอเธอเปิดกล้อง ความนิยมของห้องไลฟ์นี้ก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
[มาแล้วๆ!]
[หาได้ยากที่ช่วงหลายวันมานี้ลูกอวี๋บ้างาน ฉันขอประกาศเลยว่าพวกเราเป็นแฟนคลับที่มีความสุขที่สุดในวงการบันเทิง]
[ลูกอวี๋ เมื่อไรเอ็มวีที่เล่นกับเบบี๋อิ๋งจะฉายเหรอ รอไม่ไหวแล้วนะ อ๊ากกก]
ฉินหลิงอวี๋ “งั้นก็รอต่อไป”
[รอดูลูกสาวนะ อยากเห็นหน้าสวยๆ ของลูกอวี๋ ว่าแต่ลูกอวี๋พอจะเชิญประธานฟู่ของวีนัสกรุ๊ปมาได้ไหม]
ฉินหลิงอวี๋ “กลางวันแสกๆ เลิกฝันกลางวันได้แล้ว”
[ลูกอวี๋ ฝากบอกเทพอิ๋งหน่อยได้ไหมว่าเธอเป็นสามีคนใหม่ของฉัน ฉันโคตรจะรักเธอเลย]
ฉินหลิงอวี๋ “ฉันบอกที่อยู่โรงพยาบาลบ้าให้ได้นะ”
พวกแฟนคลับ “…”
ช่างเถอะ สาวที่ตัวเองเป็นแฟนคลับ ต่อให้คุกเข่าก็ต้องเป็นแฟนคลับไปให้สุด
ฉินหลิงอวี๋เดินเลียบแม่น้ำ
เธอไม่ได้พูดอะไรมาก แค่เดินถ่ายวิวไปเรื่อยๆ บางช่วงก็อ่านหน้าจอโต้ตอบ
เพิ่งถ่ายวิวริมแม่น้ำเสร็จ ฉินหลิงอวี๋เตรียมไปอีกที่หนึ่ง
ทันใดนั้นก็มีข้อความอีกอารมณ์หนึ่งขึ้นบนหน้าจอ
[ลูกอวี๋! หนีเร็ว!]
[รีบหนี ไม่ต้องไลฟ์แล้ว!]
[ด้านหลัง! ด้านหลัง! มีประกายไฟ ระเบิด! มันคือระเบิด!]
ฉินหลิงอวี๋สีหน้าเปลี่ยน รีบหันขวับ