คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 425 อิ๋งจื่อจิน ‘ฉันไม่อยากลงมือเลยจริงๆ’

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 425 อิ๋งจื่อจิน ‘ฉันไม่อยากลงมือเลยจริงๆ’

เยี่ยเหิงไม่ได้มีความรู้สึกดีต่ออิ๋งจื่อจินแม้แต่น้อย ทั้งยังเจือไปด้วยความชัง

ถ้าอิ๋งจื่อจินไม่มาวันนี้เขาก็จะได้ไปที่โลกแพทย์แผนโบราณ ไปดูหลินชิงจยาปรุงยาแล้ว

ถึงแม้จะเหมือนที่นายใหญ่ตระกูลเยี่ยพูด โอกาสแบบนี้มีมากมาย ทุกสัปดาห์หลินชิงจยาจะปรุงยาในลานปรุงยาสาธารณะของโลกแพทย์แผนโบราณให้ดูอยู่แล้ว เพื่อให้แพทย์ที่เพิ่งหัดปรุงยาได้ศึกษา

แต่เยี่ยเหิงไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้เจอหลินชิงจยาแม้แต่ครั้งเดียว ต่อให้ทำได้เพียงมองอยู่ไกลๆ ก็ตาม

เขารู้ว่าด้วยสถานะของเขาไม่มีทางได้เกี่ยวข้องกับหลินชิงจยา

หลินชิงจยามีความสามารถทั้งแพทย์แผนโบราณและจอมยุทธ เป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก มีคนจำนวนมากในโลกแพทย์แผนโบราณกับโลกจอมยุทธที่อยากแต่งงานกับเธอ

คนของโลกจอมยุทธถ้าไม่แต่งงานเร็วก็แต่งช้าไปเลย

ปีนี้หลินชิงจยาอายุเพียงยี่สิบสองปี ตระกูลหลินก็หวงด้วยเหมือนกัน

เยี่ยเหิงไม่เข้าใจจริงๆ ว่า

แค่คนธรรมดาคนเดียวทำไมต้องให้จอมยุทธอย่างพวกเขามาคอยดูแลขนาดนี้ด้วย

ให้เขามาคอยเดินตามไม่เท่ากับเสียเวลาไปเปล่าๆ หรอกเหรอ

เขามีเวลาแบบนี้ไม่สู้ไปที่โลกแพทย์แผนโบราณทำความรู้จักกับหมอพวกนั้น ต่อไปจะได้มีหลักประกันให้ชีวิตกับวิทยายุทธ

ส่วนจอมยุทธอันดับหนึ่งน่ะเหรอ

อย่าว่าแต่ตระกูลเยี่ยเลย ต่อให้สามตระกูลจอมยุทธชั้นแนวหน้าอย่างตระกูลหลินรวมกันก็ยังเทียบไม่ได้ ยังต้องให้ความเคารพ

จอมยุทธอันดับหนึ่งแสดงถึงจุดสูงสุดของโลกจอมยุทธ

ไม่มีใครรู้ว่าเขาอายุเท่าไร และก็ไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิง

แต่จอมยุทธอันดับหนึ่งก็ไม่ได้ปรากฏตัวนานแล้ว ไม่แน่อาจสิ้นอายุขัยไปแล้วด้วยซ้ำ

รุ่นหนุ่มสาวในโลกจอมยุทธตอนนี้อย่างมากก็แค่ได้ยินคำเรียกนี้ผ่านหู ไม่ได้มีความรู้สึกร่วมอะไรมากนัก

แต่ก็ต้องยอมรับว่า จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีจอมยุทธคนไหนที่วิทยายุทธ์ล้ำเลิศไปกว่าจอมยุทธอันดับหนึ่ง

ราวกับเหมือนขาดอะไรไป มีร่องลึกที่ไม่อาจข้ามผ่าน ยังด้อยกว่าอยู่นิดหน่อย

เยี่ยเหิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เล่าให้เธอฟังแล้วเธอจะฝึกวิทยายุทธ์ได้หรือไง เร็วหน่อยได้ไหม ฉันยังต้องไปที่โลกแพทย์แผนโบราณอีก”

เยี่ยหลิงสีหน้าเปลี่ยน “เยี่ยเหิง คุณอิ๋งเป็นแขกคนสำคัญ ทำไมพูดแบบนี้!”

“แล้วเธอมายุ่งอะไรด้วย” เยี่ยเหิงแสยะยิ้ม

“งั้นเธอลองว่ามาซิ เธอเสียเวลาดูแลคนธรรมดาแค่คนเดียว สุดท้ายจะได้…”

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบก็มีวัตถุเย็นเฉียบจ่ออยู่ที่หน้าผาก

เยี่ยเหิงตัวแข็ง คำพูดก็เลยหยุดตามไปด้วย

“บ้านอยู่ริมทะเลหรือไงถึงได้ใจกว้างยุ่งเรื่องคนอื่นนัก ทำไมไม่ไปใส่บิกินี่เต้นบนชายหาดล่ะ” อวิ๋นซานถือปืนจ่อที่หน้าผากของเยี่ยเหิง แสยะยิ้ม

“คุณอิ๋งเป็นคนธรรมดา แต่ก็เป็นคนธรรมดาที่นายจะมาล่วงเกินไม่ได้”

หยุดเล็กน้อยแล้วพูดอย่างเย็นชายิ่งกว่าเดิม

“ซวยเพราะปาก เยี่ยเหิง ทางที่ดีเข้าใจหลักการนี้ไว้ด้วย ต่อให้วันนี้ฉันฆ่านาย ศาลสถิตยุติธรรมก็ไม่มีทางมาเอาตัวฉัน”

ที่นี่เป็นโลกจอมยุทธ ฆ่าคนไม่ผิดกฎหมาย อย่างไรเสียแต่ละวันก็มีการต่อสู้กันอยู่แล้ว มีจอมยุทธจำนวนไม่น้อยที่ตายไป

ในเมื่ออยู่โลกจอมยุทธก็ต้องทำตามกฎของโลกจอมยุทธ

เยี่ยเหิงเม้มริมฝีปาก มองอวิ๋นซานด้วยความหวาดกลัว จากนั้นก็หุบปากเงียบ

เขาสัมผัสได้ถึงกำลังภายในของอวิ๋นซานที่แข็งแกร่งกว่าเขา

แต่ในเวลาเดียวกันเยี่ยเหิงก็ยิ่งดูถูกอิ๋งจื่อจินหนักกว่าเดิม

ตัวเองไม่มีวิทยายุทธ์ อาศัยแค่การคุ้มกัน จะมีประโยชน์อะไร

อิ๋งจื่อจินไม่สนใจเยี่ยเหิง เธอยังคงมองภาพเหมือนภาพนั้น แววตาขรึมลง

เดิมทียุคโบราณก็มีการพูดถึงกังฟู และก็มีสำนักบู๊ลิ้ม แต่ก็ยังไม่ดูมหัศจรรย์เท่าจอมยุทธ

สามารถเอาพลังที่อยู่ในร่างกายมาใช้ประโยชน์ ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น

เธอเป็นคนเอาวิทยายุทธ์มาสู่โลกมนุษย์จริง ตอนแรกสุดก็แค่ทดลอง

เธอเอาศาสตร์วิทยายุทธ์ในโลกบำเพ็ญเพียรที่เธออยู่มาทำให้ง่ายขึ้น ผสมผสานกับกังฟู

เขียนขั้นตอนการฝึกแล้วมอบให้ลูกศิษย์ที่เธอรับไว้คนหนึ่ง

ต่อมาก็มีจอมยุทธปรากฏ

สามารถทำให้ร่างกายพัฒนาไปจนถึงขีดจำกัดของมนุษย์ วิทยายุทธ์ก็จะก้าวหน้าไปอีกขั้น

แต่ถ้าจะให้นับกันจริงๆ ก็มีแค่ลูกศิษย์คนนี้ที่เป็นจอมยุทธที่เธอถ่ายทอดวิชาให้ด้วยตัวเอง

อันที่จริงตอนนั้นเธอไปประเทศจีนหลายครั้ง แต่ทุกครั้งจะอาศัยอยู่ไม่นานยกเว้นครั้งสุดท้าย

สามครั้งที่สำคัญที่สุดคือเธอรับลูกศิษย์ไว้

ครั้งแรกรับเฟิงซิวเป็นลูกศิษย์

ครั้งที่สองรับฝูซีเป็นศิษย์ วงการแพทย์แผนโบราณถึงได้รับการบุกเบิก

ครั้งที่สามเธอรับตี้อู่เซ่าเสียนเป็นศิษย์ ศาสตร์พยากรณ์ถึงได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้คนที่อยู่ในภาพเหมือนนี้จะไม่ชัดนัก แต่อิ๋งจื่อจินรู้ว่านี่คือลูกศิษย์ของเธอที่ชื่อเฟิงซิว

จอมยุทธผู้แข็งแกร่ง อายุมากกว่าสามร้อยปี แข็งแกร่งจนถึงขั้นที่สามารถอยู่ได้เกินห้าร้อยปี

ไม่แน่เฟิงซิวอาจยังมีชีวิตอยู่

อิ๋งจื่อจินละสายตากลับมา “ไปเถอะ”

“คุณอิ๋งอย่าใส่ใจเลยนะคะ ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก” เยี่ยหลิงพูดเสียงเบา

“อันที่จริงจอมยุทธหลายคนก็ประสาทแบบนี้แหละ ชอบดูถูกโลกภายนอก”

“สภาพแวดล้อมเป็นเหตุทั้งนั้น แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”

อิ๋งจื่อจินได้ฟังก็หันหน้าไป ครุ่นคิด ทันใดนั้นก็พูดขึ้น

“คุณยังอยากเรียนการรักษาแผนโบราณด้วยใช่ไหม”

เยี่ยหลิงอึ้ง เม้มริมฝีปากเล็กน้อย ยิ้มเศร้า

“พรสวรรค์ด้านจอมยุทธของฉันไม่ถือว่าดีนัก ฉันยังจะมีเวลาไปเรียนเป็นแพทย์แผนโบราณได้ที่ไหนกันคะ”

เยี่ยหลิงรู้ว่า ถึงแม้เธอจะมีพรสวรรค์ทั้งแพทย์แผนโบราณและจอมยุทธ แต่เธอกับหลินชิงจยาก็คนละระดับกัน

เธออยู่ในประเภทที่ทำทั้งสองอย่างได้ธรรมดาพอๆ กัน

ไม่เก่งวิทยายุทธ์ วิชาการรักษาแผนโบราณก็ทำได้แย่มาก

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น

“ฝึกวิทยายุทธ์ได้ไม่ดีมีผลต่อการเรียนแพทย์แผนโบราณด้วยเหรอคะ มีคำพูดแบบนี้ด้วยเหรอ”

เดิมทีจอมยุทธกับแพทย์แผนโบราณก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน ถึงขั้นที่ว่าสามารถส่งเสริมกันและกัน

แต่เรื่องแบบนี้ เวลาผ่านไปนานเข้า โลกจอมยุทธกับโลกแพทย์แผนโบราณในตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้เท่าไรแล้ว

“ค่ะ จอมยุทธกับแพทย์แผนโบราณต้องใช้กำลังภายใน” เยี่ยหลิงอธิบาย

“ถึงแม้จะเป็นกำลังภายในเหมือนกัน แต่ทั้งสองแบบกลับไม่เหมือนกัน แพทย์แผนโบราณจะนุ่มนวลกว่า ส่วนจอมยุทธจะแข็งแกร่งกว่า”

“ดังนั้นจึงมีคนส่วนน้อยที่สามารถเอาทั้งสองแบบที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงนี้มาผสมผสานกันอย่างลงตัวได้ค่ะ”

ถ้าแพทย์แผนโบราณเผลอใช้กำลังภายในส่วนที่แข็งแกร่งในขณะปรุงยาหรือฝังเข็มให้คนไข้ ผลที่ตามมาก็คือหม้อยาระเบิด คนไข้เส้นเลือดแตก

อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ “ฉันไม่เคยได้ยินคำพูดแบบนี้มาก่อน ฉันคิดว่าแพทย์แผนโบราณกับจอมยุทธล้วนมาจากรากฐานเดียวกัน ฝึกทั้งสองอย่างได้ไม่มีปัญหา”

“ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลฝูก็เคยพูดแบบเดียวกันกับคุณอิ๋งเลยค่ะ เพียงแต่จนถึงตอนนี้ยังไม่พบหนทาง” เยี่ยหลิงยิ้ม

“ถ้าคุณอิ๋งสนใจวิทยายุทธ์ ตระกูลเยี่ยมีอุปกรณ์ทดสอบพรสวรรค์จอมยุทธนะคะ”

เยี่ยเหิงฟังแล้วหัวเราะ “เธอยังจะมีพรสวรรค์จอมยุทธอีกเหรอ ฉัน…”

อวิ๋นซานยกปืนอีกครั้ง

เยี่ยเหิงทำได้เพียงกลืนคำพูดลงคอ แต่สีหน้ายังคงดูถูก

ยังจะทำพูดเหมือนจอมยุทธกับแพทย์แผนโบราณมันฝึกกันได้ง่ายๆ

คิดว่าทุกคนเป็นเหมือนหลินชิงจยาหรือไง

เทียบได้เหรอ…

เยี่ยเหิงไม่อยากคุยไร้สาระด้วยอีกต่อไป เขาปั้นหน้าบึ้งเดินออกไปโดยไม่บอกสักคำ

เยี่ยหลิงก็ไม่ได้ขวาง เธอสีหน้าเปลี่ยน “คุณอิ๋ง เขา…”

อิ๋งจื่อจินไม่ได้มองเยี่ยเหิง พูดเพียงว่า “ฉันอยากไปดูสนามฝึกหน่อย รบกวนด้วยค่ะ”

เยี่ยหลิงลังเล สุดท้ายก็รับปาก

“ได้ค่ะคุณอิ๋ง พวกเรายืนดูอยู่ริมๆ ที่นั่นมีหลายคนฝึกอยู่ กลัวคุณอิ๋งจะบาดเจ็บ”

ทั้งสามคนเดินไปทางสนามฝึก

สนามฝึกใหญ่มาก บริเวณรอบๆ มีอาวุธประชิดตัวสารพัดชนิด

จอมยุทธส่วนมากไม่ให้ค่าเทคโนโลยีขั้นสูงของโลกภายนอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องใช้ปืน พวกเขาคิดว่ากำลังจากภายนอกก็สู้ความสามารถที่แท้จริงในตัวเองไม่ได้

พอเยี่ยหลิงพาอิ๋งจื่อจินเข้าไปก็ได้ยินเสียงแรงที่ฝ่าลมเข้ามา

“ฟึ่บ!”

หอกยาวพุ่งจากกลางสนามมาทางด้านนอก ตรงมาทางอิ๋งจื่อจิน

หูของอวิ๋นซานขยับ เงยหน้าขึ้น สีหน้าเปลี่ยน “คุณอิ๋ง ระวังครับ!”

เขายกปืนขึ้นทันที เล็งไปที่หอกยาวนั่นแล้วยิงหนึ่งนัด

“เคร้ง” หอกยาวหักครึ่งหล่นลงบนพื้น

แค่นิดเดียวเท่านั้น หอกยาวเกือบทะลุร่างกายไปแล้ว

เห็นได้ชัดว่าจงใจ

สีหน้าของอวิ๋นซานเย็นชาลงมาก เข้าไปขวางหน้าอิ๋งจื่อจิน มองพวกเด็กหนุ่มที่เดินออกมาจากสนามฝึกด้วยสายตาดุดัน

ในเวลาเดียวกันมือของอิ๋งจื่อจินก็ผละออกจากบ่าของเยี่ยหลิง เชิดคางขึ้นเล็กน้อย สีหน้าเรียบเฉย

“พวกเขาคือ?”

สีหน้าของเยี่ยหลิงซีดลง ตัวสั่น

“คนที่พุ่งหอกมาชื่อเยี่ยหล่าง ลูกชายบ้านอารองของฉันค่ะ ในรุ่นนี้ วิทยายุทธ์ของเขาเป็นรองแค่พี่ชายคนโตของฉัน เยี่ยเหิงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่มักทำตัวอวดดีเอาใหญ่อยู่เสมอ”

ตอนเยี่ยหล่างพุ่งหอกด้ามนี้มาได้ใช้กำลังภายในมหาศาล

วิทยายุทธ์ของเธอไม่สูง ใช้กำลังภายในทั้งหมดกดไว้แล้วก็ยังหนีไม่พ้นวิถีของหอกด้ามนี้

แล้วเธอรอดมาได้ยังไง

“ใช้ปืนด้วยเหรอ” เด็กหนุ่มคนหนึ่งมองอวิ๋นซาน สีหน้าดูถูก “ไม่ได้เรื่องขนาดนี้เลยเหรอ”

เยี่ยหล่างไม่พูดอะไร แต่เขาใช้กำลังภายในอีกครั้ง

ครั้งนี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่คน แต่เป็นปืนในมืออวิ๋นซาน

“เปรี๊ยะ…เปรี๊ยะ”

เมื่อถูกกำลังภายในเล่นงาน ปืนก็แตกออกตกลงบนพื้น กลายเป็นแค่เศษเหล็ก

เยี่ยหล่างถึงได้พูดขึ้น “อย่าให้ฉันเห็นของพรรค์นี้บ่อยๆ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท