The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 713-714

ตอนที่ 713-714

DND.713 – วิหคเพลิงแห่งความตาย
  สองศักดิ์สิทธิ์เย้ยหยัน
  “มันก็แค่การแสดงจัดการกับนางก่อน ข้าจะไปช่วยจ้าวศักดิ์สิทธิ์ฆ่าซือหยู”
  หญิงสาวคนนี้แปลกเกินไปยากที่พวกเขาจะฆ่านางได้ในเวลาอันสั้น และนางก็มิอาจทำอะไรพวกเขาได้ด้วย เขาหยุดสนใจนางและบินไปยังซือหยูเพื่อช่วยกู้ไทซูฆ่าเขา
  ซือหยูรู้สึกว่าตัวเองกำลังแย่เขาต้องสู้กับสองคนสามลำพัง! ถ้าหากการต่อสู้เพิ่งเริ่มขึ้น เขาก็คงใช้วิชาที่ทรงพลังกำจัดศัตรูที่มาเผชิญหน้าได้ แต่การต่อสู้ยืดเยื้อกันเวลานาน เขาเปิดช่องโหว่มากมายในตอนนี้
  หลังจากที่ไม้หกทิศป้องกันการโจมตีของกู้ไทซูซือหยูก็ต้องยกแขนขวาขึ้นและเปิดใต้วงแขน ทำให้เผยจุดที่เข้าถึงหัวใจเป็นวงกว้าง
  “ตายซะเถอะ!”
  สองศักดิ์สิทธิ์ตะโกนเขาได้หาจังหวะที่จะโจมตีเพื่อปลิดชีวิตของซือหยูมาโดยตลอด
  เขาฟันมือพยายามจะทะลวงหัวใจของซือหยูไม้หกทิศมิอาจเข้ามาป้องกันได้ทัน และกู้ไทซูก็อยู่ตรงหน้า ซือหยูเองมิอาจหลบได้
  ซือหยูรู้สึกถึงอันตรายจากมือนั้นแต่เขาเคยต่อสู้มาหลายครั้ง เขาจึงเรียกเกราะราชาศิลานิรันดร์ได้ทัน เกราะปรากฏออกมาก่อนที่ฝ่ามือจะแทงชายโครงของเขา
  แม้ชุดเกราะจะสะท้อนพลังส่วนมากไปแต่พลังจำนวนหนึ่งก็ไปถึงร่างกายของซือหยู เขากระเด็นลอยออกไป โลหิตจากมุมปากไหลออกมา เขาครวญครางด้วยความเจ็บปวด
  “มันยังไม่ตาย!”
  สองศักดิ์สิทธิ์ชักสีหน้าเมื่อได้เห็นชุดเกราะที่แข็งแกร่งของซือหยูเขารู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่
  การจู่โจมของเขาสังหารได้แม้กระทั่งภูติระดับเก้าแต่ชุดเกราะที่เสียหายของซือหยูกลับสะท้อนฝ่ามือของเขาได้ ชุดเกราะนี้จะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
  “ข้าจะสู้จนเอาชีวิตเจ้ามาได้!”
  สองศักดิ์สิทธิ์ตะโกนเขาตั้งใจจะจู่โจมไปอีกเมื่อเห็นว่าซือหยูยังไม่ตาย
  ซือหยูใช้พลังไปเกือบหมดแล้วเขาหน้าซีดกว่าเดิมเมื่อต้องเจอฝ่ามือนั้น แต่สีหน้าเขาก็ยิ่งหนักแน่นและเฉียบขาดมากขึ้น
  “ระวังชีวิตของเจ้าเองก่อนเถอะ”
  เมื่อทั้งคู่จะสู้กันอีกครั้งก็เกิดเสียงดังจากก้นบึ้งมังกรใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ขยับไปมา
  ซือหยูตกตะลึง
  “ใครเปิดผนึกกันล่ะ?”
  ไม่มีใครนอกจากซือหยูที่จะเปิดผนึกจากด้านนอกได้และมีเพียงคนข้างในเท่านั้นที่จะออกมา เขาสงสัยว่าใครกันที่กล้าออกมาขณะที่เขากำลังต่อสู้อย่างดุเดือด…
  ซือหยูไม่พอใจอย่างมากแต่เขาก็ตัวแข็งทื่อก่อนที่เขาจะได้ตำหนิคนผู้นั้น เขาจ้องมองจุดเปิดของก้นบึ้งมังกรที่ราวกับมีสัตว์ประหลาดกำลังมองกลับมา…
  สองศักดิ์สิทธิ์กับกู้ไทซูชักสีหน้า
  “นั่นมันพลังอะไรกัน!แล้วทำไมถึงมีพลังแห่งความตายมากขนาดนั้นในก้นบึ้งมังกร?”
  สองศักดิ์สิทธิ์สั่นไปทั้งร่าง
  กู้ไทซูมองซือหยูและตะโกน
  “เจ้าทำอะไรลงไป?แม้แต่ภูติก็ปล่อยพลังระดับนั้นไม่ได้หรอก!”
  ในสายตาของเขาสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงกระบวนท่าน่ากลัวที่ซือหยูเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า การต่อสู้กันหลายครั้งทำให้กู้ไทซูระวังท่าลับของซือหยูอย่างมาก
  ซือหยูไม่สนใจพวกเขาเขาจ้องมองก้นบึ้งมังกรที่ดำสนิทด้วยเนตรวิญญาณเพราะอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเขามองเข้าไปก็พบกับเนตรสีแดงเพลงที่จ้องเขากลับมา!
  มันเยือกเย็นไร้หัวใจ และไม่ตอบสนองต่อสิ่งใด มันดูถูกทุกสิ่งมีชีวิตด้วยความอวดดี สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเนตรนั้นเต็มไปด้วยพลังแห่งความตาย!
  แค่มองครั้งเดียวก็ทำให้ซือหยูรู้สึกเจ็บปวดจนถึงดวงวิญญาณเขารู้สึกพลังของความตายได้ทะลวงดวงวิญญาณและเข้าระเบิดหม้อเก้ามังกรก่อนที่จะสั่นแกนกลางร่างของเขา
  นี่เป็นครั้งที่สองที่หม้อเก้ามังกรเกือบจะออกจากจุดที่ตั้งอยู่ครั้งแรกมันเกิดขึ้นเมื่อจักรพรรดิโลหิตได้จู่โจมเขา และครั้งนี้ก็เป็นเพราะเนตรโลหิต
  ซือหยูที่หน้าซีดตกใจอย่างมากเขาไม่รู้เลยว่าใครเป็นเจ้าของดวงตานี้! เขาคงจะตายไปแล้วถ้าไม่มีหม้อเก้ามังกร!
  เขาหยุดมองมันเขาหนักใจอย่างมาก…
  มีสัตว์ประหลาดปรากฏในก้นบึ้งมังกรรึ?แล้วเซี่ยนเอ๋อกับคนอื่นๆจะเป็นอะไรไหม?
  ซือหยูชักสีหน้าอีกครั้งและรีบถอย
  “แย่แล้ว!มีบางอย่างกำลังจะออกมา! ถอยเร็ว!”
  กู้ไทซูสั่งถอยอย่างรวดเร็ว
  “ทุกคนถอย!”
  สีหน้าของสองศักดิ์ศิทธิ์เปลี่ยนไปเช่นกันเขารีบตะโกนสั่งให้คนของเขาออกมาให้พ้นทาง
  พวกเขาทุกคนรู้สึกถึงพลังแห่งความตายที่อันตรายที่สุดจากก้นบึ้งมังกรและพลังเช่นนี้กำลังเข้าใกล้พวกเขาด้วยความเร็วสูง ทุกคนหยุดต่อสู้และมองไปที่ก้นบึ้งมังกร
  พลังแห่งความตายยิ่งหนาแน่นขึ้นหมอกทมิฬเอ่อล้นออกมา หมอกทมิฬเหล่านี้คือพลังแห่งความตาย
  “พลังแห่งความตายที่ควบแน่นเป็นอากาศ…แต่มันคืออะไรกันแน่?”
  กู้ไทซูตกใจมากทุกคนรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายในไม่นาน
  ทันใดนั้นหมอกทมิฬก็พุ่งออกมาจากก้นบึ้งมังกรมันดูเหมือนภูเขาลูกน้อยที่เป็นหมึกดำหนา
  เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองเห็นว่ามีสิ่งใดอยู่ภายในแต่พวกเขาก็รู้สึกถึงความดุร้ายที่แผ่ออกมา ราวกับว่ามีสัตว์ประหลาดดุร้ายที่ได้เกิดใหม่มาอยู่ในนั้น
  ทุกคนกลั้นหายใจพวกเขามองหมอกทมิฬที่ลดขนาดลง มันลดขนาดลงเหล่าเท่าตัวมนุษย์และลดขนาดลงไปอีกจนกลายเป็นรูปลักษณ์ของมนุษย์ที่เผยออกมา
  “เซี่ยนเอ๋อ?”
  ซือหยูตกใจมากคนที่ปรากฏออกมาคือเซี่ยนเอ๋อ! เขาไม่อยากจะเชื่อว่าพลังอันดุร้ายนี่ถูกปล่อยมาจากนาง!
  เมื่อซือหยูมองนางด้วยเนตรวิญญาณก็พบว่าร่างของนางเต็มไปด้วยหมอกแห่งความตายอย่างไร้ที่สิ้นสุด!โลหิตของนางยังมีพลังที่น่ากลัว!
  “มันก็แค่พลังสายโลหิตของมนุษย์แต่นางครอบครองพลังอะไรกัน?”
  สองศักดิ์สิทธิ์ตกใจมากเขาไม่คิดเลยว่าสัตว์ประหลาดไร้เทียมทานที่ดุร้ายจะเป็นแค่ผู้หญิงที่อ่อนแอ!
  กู้ไทซูหน้าซีดเขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
  “เป็นไปไม่ได้!ร่างกายแบบนี้จะมาอยู่ในเฉินหลงได้ยังไง? คุณสมบัติวิหคเพลิงแห่งความตาย…สายโลหิตวิหคเพลิงเก้านรก…”
  ฟึ่บ!
  สองศักดิ์สิทธิ์หน้าซีดราวกับกระดาษเมื่อได้ยินกู้ไทซูเขาหวาดกลัวอย่างมาก
  “วิหคเพลิงแห่งความตายรึ?ร่างวิญญาณในอดีตกาลที่มีสายโลหิตวิหคเพลิงเก้าหาง คนที่มีร่างกายนั้นจะมีเนตรที่เชื่อมต่อกับนรก และจะพาสิ่งใดไปที่นั่นก็ได้!”
  หวูอู๋ยี่ที่อยู่ในก้นบึ้งมังกรตกใจมาก
  “วิหคเพลิงแห่งความตายถูกเรียกว่าร่างยมทูตได้ด้วยเพราะมันคือหนึ่งในร่างวิญญาณที่น่ากลัวที่สุดในโบราณกาล และมนุษญ์ทุกคนที่มีสายโลหิตนี้ก็จะถูกเรียกว่าผู้สืบเชื้อสายยมทูต คนเหล่านั้นมีพลังที่จะสังหารทุกสิ่งและนับว่าเป็นพระเจ้าในหมู่มนุษญ์…มันคือยมทูต”
  “เซี่ยนเอ๋อมีกายาเทพที่ไม่เคยนปรากฏในจิวโจวเลยสักครั้งเคยมีแค่ครั้งเดียวที่สตรียมทูตได้ผ่านจิวโจว แต่เหล่าอสูรเนรมิตรก็ร่วมมือกันจู่โจมนางจนไม่ได้เห็นนางอีก!”
  คุณสมบัติวิหคเพลิงแห่งความตายเป็นพลังต้านสวรรค์ที่ไม่เคยพบเห็นจากที่ไหนแม้แต่หยุนย่าสีก็ปรารถนาที่จะอยากได้นางเป็นศิษย์ แม้แต่กายาเทวะของเซี่ยจิงหยูก็เทียบไม่ติด!
  “เอ๊ะข้าออกมาได้ยังไง?”
  เซี่ยนเอ๋อลืมตาขึ้นพลังแห่งความตายแผ่ออกมาจากดวงตา พลังนั้นไปในทุกที่ที่นางมอง นางตกใจอย่างมาก
  เมื่อเห็นซือหยูที่หางตานางรีบไปหาเขาด้วยความยินดี
  “พี่ซือหยูข้าออกมาแล้ว! แต่พี่ใจร้ายจริงๆ ทิ้งข้าอีกครั้งได้ยังไง!”
  “เซี่ยนเอ๋อข้าขอโทษ”
  ซือหยูไม่รู้จะพูดอะไรอื่นเขารู้ว่าเซี่ยนเอ๋อจะต้องกินโอสถภูติไปเพราะต้องการที่จะช่วยเหลือเขา ซือหยูรู้ความตั้งใจของนางดี
  เซี่ยนเอ๋อน้ำตารื้นเมื่อซบไหล่ของซือหยู
  “พี่ซือหยูข้าไม่อยากให้พี่เสี่ยงชีวิตเลย ถ้าพี่ตาย ข้าคงจะเหงามาก ข้ามีแค่พี่กับท่านพ่อเท่านั้นนะ”
  ซือหยูลูบหลังนางเบาๆดูเหมือนว่าเซี่ยนเอ๋อจะสัมผัสถึงบางอย่างได้ นางรีบผละตัวออกจากซือหยูและมองดูร่างกายของเขา
  “ทำไมพี่ซือหยูอยู่ในสภาพนี้ล่ะ?”
  นางเงยหน้ามองใบหน้าที่ซีดเผือดของซือหยูและโลหิตที่ไหลออกมาจากมุมปากของเขา
  “พี่บาดเจ็บนี่”
  เซี่ยนเอ๋อกำหมัดแน่นนางโทษตัวเองและไม่พอใจอย่างมาก
  น่างยื่นมือเล็กๆไปเช็ดคราบโลหิตที่มุมปากของซือหยูดวงตาราวอัญมณีของนางเยือกเย็นลง
  “พี่ซือหยูพักก่อนเถอะข้าจะปกป้องพี่เอง”
  นางพูดและหันกลับไปใบหน้าที่งดงามของนางดูราวกับเป็นของนางไม้ แต่มันก็ดูเหมือนกับสัตว์ประหลบาดที่ดุร้ายต่อสองศักดิ์สิทธิ์และเหล่าภูติระดับสูงคนอื่นๆ
  นางมองผ่านพวกเขาด้วยเนตรโลหิตร่างของเหล่าภูติที่สะท้อนดวงตาของนางได้ถูกพลังแห่งความตายพุ่งเข้าใส่
  “ไปตายซะ!”
  เซี่ยนเอ๋อพูดเพียงครั้งเดียว
  นางไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากพูดออกไปแต่ทั้งโลกกลับเงียบกริบ เหล่าภูติระดับสูงเริ่มกลายเป็นเถ้าถ่าน ราวกับว่าพวกเขาเป็นเพียงกระดาษที่ถูกไฟเผา!
  ไม่ว่าจะเป็นภูติระดับเจ็ดหรือแปดทุกคนล้วนหมกไหม้เป็นฝุ่นผง พวกเขาไม่รู้สึกแม้ความเจ็บปวดก่อนตาย พวกเขาแค่เพียงหายไป
  ภูติสามสิบคนได้ตายในพริบตาเพียงเพราะเด็กสาวในอ้อมกอดซือหยูที่สั่งให้พวกเขาตาย!ทั้งโลกเงียบกริบราวกับป่าช้า
  แม้ว่าหยุนย่าสีจะเคยบอกซือหยูว่าวิหคเพลิงแห่งความตายนั้นยอดเยี่ยมเพียงใดแต่ซือหยูก็ไม่เคยคิดฝันว่ามันจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ แค่การเหลือบมองครั้งเดียวกับคำพูดครั้งเดียวก็ชี้เป็นตายของเหล่าภูติได้! เหมือนกับว่านางคือเทพแห่งความตาย!
  “วิหคเพลิงแห่งความตาย…”
  สองศักดิ์สิทธิ์เสียงแหบพร่าเขาสั่นไปทั้งตัว
  พลังทำนายอนาคตของเซี่ยจิงหยูเพียงทำให้เขาอึดอัดใจแต่พลังของเซี่ยนเอ๋อทำให้เขาหวาดกลัวไปถึงส่วนลึกสุดของดวงวิญญาณ!
  ฟึ่บ!
  สองศักดิ์สิทธิ์พยายามจะใจเย็นลงขณะที่หันหลังไปช้าๆและบินหนี เขาไม่มีความคิดที่จะต่อสู้อีกต่อไปแล้ว เขาคงต่อสู้ไม่ได้อีกถ้าหากมียมทูตมาเก็บเกี่ยวชีวิตเช่นนี้ แม้แต่สายตาของคนในก้นบึ้งมังกรที่เขามองเห็นก็เปลี่ยนจากสัตว์ป่าที่รอคอยการถูกเชือดเป็นเหล่ามือเชือดที่รอคอยการเชือดสัตว์ป่า!
  เมื่อเซี่ยนเอ๋อมองเขาอย่างเยือกเย็นร่างของเขาได้สะท้อนในแววตาของนาง นางพูดอีกครั้ง
  “ตาย”
  เสียงของนางทะลวงผ่านสายลมซือหยูรู้สึกได้อย่างแจ่มชัดว่ามีพลังลึกลับที่น่ากลัวได้ไหลซึมเข้ามายังโลกเฉินหลง จากนั้นเอง สองศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังหลบหนีก็ได้กลายเป็นเถ้าถ่าน ร่างกายของเขาที่กำลังหลบหนีได้กลายเป็นธุลี ส่วนหัวของเขาที่ยังเหลืออยู่ก็ได้ตกลงสู่พื้น
  แม้แต่ภูติระดับเก้าก็มิอาจขัดขืนคำประหารจากนางได้!ทุกคนใจสั่นเมื่อมองดูเซี่ยนเอ๋อผู้ไร้พิษภัยและน่าหลงรัก…
  นางเป็นมนุษย์จริงๆงั้นรึ?เห็นกันอยู่ว่าเป็นยมทูตที่เข้ามาบงการชีวิตของผู้คน
  ในก้นบึ้งมังกร
  ผู้เฒ่าจิวตกตะลึงอย่างมาก
  “วิหคเพลิงแห่งความตาย!ร่างวิญญาณที่น่ากลัวที่สุดในครั้งโบราณ”
  เขาพูดอะไรไม่ออก…
  ใครจะไปคิดเล่าว่าซือหยูจะซ่อนกายาเทวะไว้ข้างกายเช่นนี้?และ…เขายังทิ้งนางจนถึงฉากสุดท้ายก่อนจะปล่อยให้นางออกมาล้างบางเหล่าภูติชั้นสูง!
  ไม่มีใครจะลืมภาพอันน่ากลัวเช่นนี้พวกเขาตกใจและอยู่ในภวังคต์ เสียงดังมาจากด้านข้างผู้เฒ่าจิว
  “ผู้เฒ่าฉิว…?”
  ผู้เฒ่าจิวตกใจเขาสงสัยว่านางหมดสติมาครึ่งปี นางควรจะตื่นขึ้นมาได้แล้ว…
  หวูอู่ยี่เข้าไปพยุงผู้เฒ่าฉิวที่เพิ่งจะลบืมตาขึ้น
  “ผู้เฒ่าฉิวตื่นแล้ว!ท่านหลับไปนานจริงๆ”
  ผู้เฒ่าฉิวนิ่งไปครู่หนึ่งไม่นานนางก็กลับมาได้สติเมื่อมองรอบๆ ผู้เฒ่าฉิวเริ่มหวาดกลัว
  “ข้าตื่นขึ้นมาตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้วแต่มีคนไปยุ่งกับโอสถของข้า มันทำให้ข้าหลับมาจนถึงตอนนี้”
  ผู้เฒ่าจิวสีหน้าหม่นหมองเมื่อได้ฟังนาง
  “เป็นไปได้ยังไง?เจ้าอยู่ในแกนกลางพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ มีภูติตั้งมากมายแวดล้อมเจ้า จะมีคนผ่านเข้าไปยุ่งกับโอสถของเจ้าได้ยังไง?”
  ผู้เฒ่าฉิวตื่นเต็มที่แล้วนางอธิบายช้าๆ
  “ไม่เลยนางไม่ได้ผ่านเหล่าภูติเข้ามา แต่นางเป็นคนที่ดูแลข้า”
  หวูอู๋ยี่กับผู้เฒ่าจิวตัวแข็งทื่อเพราะคนที่ดูแลนางในขณะที่ซือหยูปิดประตูฝึกตนก็คือเซี่ยจิงหยู!
  “พวกเจ้าถูกนางหลอกแล้ว!เราต้องรีบไปบอกเจ้าพันธมิตรซือ มีบางอย่างที่นางแปลกไป!”
  ผู้เฒ่าฉิวพยายามลุกออกจากเตียงเมื่อบอกข้อมูลอันน่าตกตะลึง
  หวูอู๋ยี่ถามด้วยความกลัว
  “ผู้เฒ่าฉิวเป็นอะไรรึ?”
  ผู้เฒ่าฉิวรีบพูด
  “เราต้องรีบบอกเจ้าพันธมิตรซือหยูว่านางคือคนที่ทำร้ายข้า”
  “อะไรนะ?นางเป็นคนทำร้ายท่านรึ?”
  ทุกคนในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ตกใจมาก
  ก่อนหน้านนั้นผู้เฒ่าฉิวได้พาเซี่ยจิงหยูที่หมดสติไปกับนางและออกจากเรือรบเพื่อรวมตัวกับซือหยู แต่เมื่อซือหยูพบนาง เขาก็พบว่านางอยู่ในสภาพปางตาย และนางก็หมดสติมาจนถึงวันนี้ และนางถูกทำร้ายเพราะเซี่ยจิงหยูที่หมดสติในตอนนั้น!
  “เป็นไปได้ยังไง?ถึงเซี่ยจิงหยูจะไม่ได้หมดสติในวันนั้น แต่ทำไมนางถึงต้องทำร้ายท่านเลบ่า?”
  ผู้เฒ่าเฉินที่เพิ่งเดินมาถึงไม่อยากจะเชื่อนาง
  แต่คำพูดถัดมาก็ยิ่งทำให้พวกเขาตกใจยิ่งกว่าเดิม…
  “เซี่ยจิงหยูรึ?พวกเจ้าถูกนางหลอกแล้ว นางไม่ใช่เซี่ยจิงหยู! นางเป็นคนอื่นที่น่ากลัวยิ่งกว่า! เจ้าต้องรีบบอกเจ้าพันธมิตรซือว่านางน่ากลัวและอันตรายที่สุด…”
  ผู้เฒ่าฉิวพูดสุดเสียง
DND.714 – กระบี่ภูติปราบมังกร
  ผู้เฒ่าฉิวทั้งโกรธกลัว และเป็นกังวลในคำพูด ความตกใจปรากฏอยู่บนใบหน้าทุกคนที่ได้ฟังนาง โดยเฉพาะผู้เฒ่าจิวที่คอยดูแลเซี่ยจิงหยูกับผู้เฒ่าฉิวมาตลอด
  พวกเขาทั้งหมดสงสัย…เซี่ยจิงหยูที่หมดสติเป็นคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังทุกสิ่งจริงๆรึ?
  ฉีหยุนเซี่ยงตกตะลึงนางไม่อยากจะเชื่อว่าเซี่ยจิงหยูในตอนนี้จะเป็นแค่ตัวปลอม และที่ทำให้ทุกคนตกใจยิ่งกว่าเดิมก็คือเซี่ยจิงหยูกล้าที่จะทำร้ายผู้เฒ่าฉิวทั้งๆที่มีผู้เฒ่าจิวอยู่ด้วย!
  ถ้าหากผู้เฒ่าฉิวรู้ว่าซือหยูเป็นเจ้าพันธมิตรเช่นนั้นก็แสดงว่านางได้มีสติอยู่บ้างในตอนที่หลับใหล นั่นหมายความว่านางรู้เรื่องเหตุการณ์ของโลกและมิได้พูดเรื่องไร้สาระ
  “ทุกอย่างที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริงรีบบอกเจ้าพันธมิตรซือเร็ว”
  ผู้เฒ่าฉิวพูดด้วยความเป็นห่วง
  เมื่อนางมองรอบๆก็พบว่ามันแปลกไปนางจึงถาม
  “แล้วเราอยู่ที่ไหน?เรือรบของพันธมิตรล่ะ?”
  นางไม่รู้เรื่องที่เรือรบของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ถูกทำลายไปตั้งนานแล้ว
  “ท่านผู้เฒ่าฉิวเรามีเรื่องใหญ่ที่รับมืออยู่ เจ้าพันธมิตรซือในตอนนี้มิอาจรับฟังเรื่องใดได้”
  บางคนพูดกับนาง
  หลายคนใจเต้นแรงเพราะซือหยูตอนนี้กำลังต่อสู้อยู่เคียงข้างเซี่ยจิงหยู ถ้าคำพูดของผู้เฒ่าฉิวเป็นคำลวง และทั้งคู่มิอาจต่อสู้ร่วมกันได้ ซือหยูก็อาจจะต้องต่อสู้กับกู้ไทซูตามลำพัง ซึ่งผลที่ตามมาจะต้องเลวร้ายอย่างแน่นอน! และแม้จะเป็นเรื่องเช่นนี้ พวกเขาก็ต้องยืนยันความจริงก่อนจะทำอะไร
  ผู้เฒ่าฉิวเคร่งเครียดกับสถานการณ์ที่ด้านนอกนางใจเย็นลงและเริ่มบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต
  “ในวันนั้นซือหยูบอกให้ข้าพาเซี่ยจิงหยูกับผู้เฒ่าจิวออกจากเรือรบล่วงหน้า นั่นก็เพราะซือหยูบอกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดเรื่องใหญ่ในเรือรบ และเขาบอกให้ข้าทำเรื่องนี้เพื่อไม่ให้ฟู่กังซานมีเรื่องขู่พวกเรา”
  ผู้เฒ่าฉิวหยุดไปและพูดต่อ
  “ข้าทำตามที่เขาบอกและพาทั้งสองออกไปกับข้าในจุดนัดพบมันคือที่ที่ข้าจะต้องไปรอซือหยู”
  นางส่ายหน้า
  “แต่ตอนที่กำลังรอเซี่ยจิงหยูได้ตื่นขึ้นมา! ข้าเห็นวิญญาณที่แข็งแกร่งที่มีร่างเนื้อปรากฏบนหัวเซี่ยจิงหยู มันมีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าภูติหลายเท่า!”
  นางเบิกตาโพลงเล่าต่อไป
  “วิญญาณนั้นเข้าสู่จิตใจของเซี่ยจิงหยูและควบคุมร่างกายของนางและจู่โจมข้า!นางบอกว่าข้าเห็นนางแล้ว ข้ามิอาจรอดไปได้ นางเลยระเบิดท้องของข้าจนข้าเจ็บสาหัส และนางยังทำให้ข้าหมดสติจนถึงวันนี้!”
  เหล่าผู้คนสูดหายใจเข้าลึกเมื่อได้ฟังเรื่องน่ากลัวของนางแม้แต่ภูติก็มิอาจทำให้วิญญาณก่อร่างเนื้อได้! มีแค่ผู้เฒ่าจิวที่ท่าทางแปลกกว่าคนอื่น
  ตามที่ซือหยูบอกหลังจากที่รักษาแผลของนาง ฝ่ามือเช่นนี้ควรจะเอาชีวิตผู้เฒ่าฉิวไปได้โดยง่าย แต่ท้ายสุดผู้ที่ลงมือกลับลดพลังและทิ้งให้นางบาดเจ็บ
  แต่ผู้เฒ่าจิวก็ต้องสงสัย…ถ้าหากนางอยากจะกำจัดผู้พบเห็นแล้วทำไมนางถึงไว้ชีวิตผู้เฒ่าฉิวเล่า? เรื่องนี้ค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล
  “พอข้าตื่นขึ้นมานางก็ปรากฏตัวอีกครั้งและอัดพลังพิเศษใส่ร่างของข้า พลังนั่นทำให้ข้าหลับใหลต่อไป ข้าเพิ่งจะตื่นวันนี้นี่เอง!”
  ผู้เฒ่าฉิวอธิบาย
  และผู้เฒ่าจิวก็เข้าใจทุกอย่างแล้วเขายืนยันได้ว่าคำพูดของผู้เฒ่าฉิวเป็นความจริง นั่นก็เพราะว่าเซี่ยจิงหยูหายตัวไปจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ในตอนที่นางไปเจอกับซือหยูตามลำพัง มันเป็นเวลาที่นางใส่พลังอสูรเนรมิตรให้ผู้เฒ่าฉิวไม่ทัน ในที่สุดนางจึงตื่นขึ้นมาได้
  “เป็นนางจริงๆ!”
  ฉีหยุนเซี่ยงขบริมฝีปากความกังวลปรากฏในดวงตา
  “ข้าจะต้องไปบอกให้เขารู้เขาจะได้ไม่ประมาทนาง”
  แต่ก็มีคนออกไปก่อนนางแล้ว…
  “ข้าคนเดียวก็พอแล้ว!”
  หวูอู๋ยี่ตะโกนแต่ไม่หันกลับมามองนางตะโกนด้วยเสียงอันเย็นชาแม้ใบหน้าจะกังวลอย่างมาก
  นอกก้นบึ้งมังกร
  หลังจากที่เซี่ยนเอ๋อแสดงพลังของวิหคเพลิงแห่งความตายพลังนั้นได้สังหารภูติระดับสูงไปจนหมด ซือหยูตกใจอย่างมาก กลับกลายเป็นว่าสาวน้อยที่ไร้พิษภัยผู้นี้คือคนที่น่ากลัวที่สุด!
  “พี่ซือหยู”
  ฉินเซี่ยนเอ๋อซ่อนความเยือกเย็นกลับไปหลังจากที่ฆ่าสองศักดิ์สิทธิ์นางหันกลับมามองซือหยู
  นางเห็นสายตาของเขาที่ไม่เคยตกใจเช่นนี้มาก่อนจนประหม่าขึ้นมานางก้มหน้ากระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของเขาและถามด้วยความตื่นเต้น
  “พี่ซือหยูข้าไม่ได้เป็นตัวถ่วงพี่สินะ?”
  นางมักจะสร้างปัญหาให้กับซือหยูแต่วันนี้นางได้ช่วยเขา! ความหลงรักในใจซือหยูเติบโตขึ้น เขาลูบหัวนางและตอบ
  “เจ้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้แม่นางเซี่ยนเอ๋อ”
  เซี่ยนเอ๋อใจเต้นแรงกว่าเดิมเมื่อได้ยินเขาเรียกแบบนี้นางยินดีมาก และเวลานี้ก็เป็นเวลาที่ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันแล้ว!
  เซี่ยจิงหยูมองภาพเหตุการณ์จากที่ห่างไกลความรู้สึกต่างๆปรากฏในแววตา นางเก็บซ่อนความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้
  “ก่อนจะแสดงความรักของพวกเจ้าเจ้าจะไม่ขจัดอันตรายตรงหน้าก่อนรึ? ฟู่กุยจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้”
  คำเตือนของนางทำให้เซี่ยนเอ๋อหน้าแดงนางรีบผละออกจากตัวซือหยู นางรู้สึกลำบากใจเมื่อมองเซี่ยจิงหยูที่สง่างามและห่างไกลผู้นี้
  นางไม่รู้ว่าทำไมสหายที่เคยคุ้นเคยในอดีตให้ความรู้สึกราวกับคนนอกราวกับว่าเป็นคนแปลกหน้า
  ซือหยูมองนางและยิ้มอย่างเบาใจเหมือนกับได้ปลดเปลื้องบางอย่างออกจากตัวเซี่ยจิงหยูตัวสั่นโดยไม่มีเหตุผลเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขา
  “กำจัดเขาก่อนค่อยมาคุยกันเถอะ”
  ซือหยูพูดด้วยใบหน้าเยือกเย็น
  เซี่ยจิงหยูบินไปที่ด้านขวาของซือหยูขณะที่เซี่ยนเอ๋ออยู่ที่ด้านซ้ายทั้งสามมองกู้ไทซูอย่างเยือกเย็น พวกเขาไม่เคยสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันเลยสักครั้งเหมือนวันนี้
  ผู้หญิงคนหนึ่งคือภรรยาของซือหยูส่วนอีกคนคือคนรักในอดีตของเขา ทั้งสามกำลังร่วมมือกันกำจัดเสี้ยนหนามสุดท้ายของเฉินหลง…นี่เป็นโชคชะตางั้นรึ?
  กู้ไทซูที่เสียคนทั้งสามสิบเอ็ดคนไปหนักใจอย่างมากเขาควรจะได้เปรียบซือหยูที่หมดเรี่ยวแรง แต่จู่ๆก็มีผู้หญิงประหลาดที่คาดเดาอนาคตได้ปรากฏตัวออกมาก่อน จากนั้นก็มีวิหคเพลิงแห่งความตายปรากฏตัวขึ้นมาสังหารคนของเขาทั้งหมด! พลังแห่งความตายเช่นนี้ทำให้คนแบบเขายังต้องกลัว!
  “ย่อมได้ย่อมได้ วิเศษนัก…ทำนายอนาคต…วิหคเพลิงแห่งความตาย ซือหยู เจ้าเก็บซ่อนเรื่องนี้ได้ดีนัก แล้วเจ้าก็ยังรวบรวมผู้หญิงที่น่าทึ่งพวกนี้เอาไว้กับตัว!”
  ดูเหมือนว่ากู้ไทซูจะคิดถึงความสัมพันธ์ของซือหยูกับคู่หมั้นของเขานั่นทำให้เขาโกรธแค้นและเศร้ายิ่งกว่าเดิม
  “แต่เจ้าคิดว่าจะฆ่าข้าได้รึ?”
  ความเจ็บปวดปรากฏในแววตากู้ไทซูเขาเรียกหอคอยจักรพรรดิมาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้งานมัน แต่เขาดึงกระบี่เก่าแก่ที่ปักอยู่ในหอคอยออกมาแทน
  หอคอยกระบี่ มนุษย์ นี่เป็นสิ่งแรกที่ซือหยูได้เห็นเมื่อเจอเขา และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือกระบี่ที่มีพลังทำลายล้างมหาศาล
  แม้แต่กู้ไทซูที่ถูกซือหยูไล่ต้อนก็ไม่ดึงกระบี่นี้ออกมาแต่เขาตัดสินใจชักกระบี่ออกมาเมื่อมีสามคนที่คิดจะฆ่าเขาปรากฏตัว
  “กระบี่ภูติปราบมังกรเป็นสมบัติภูติที่ฆ่าจ้าวเทวะได้ทุกคน…”
  เซี่ยจิงหยูพูดอย่างใจเย็นนางเห็นอนาคตได้ และนางก็คุ้นเคยกับมันแล้ว
  สมบัติภูติเป็นอาวุธไร้เทียมทานที่จะควบคุมได้จากอสูรเนรมิตรเท่านั้นและพวกมันยังมีพลังที่เกินจินตนาการ กระบี่ตรงหน้าพวกเขามีพลังพอที่จะทำลายล้างทุกชีวิต!
  กู้ไทซูชี้ดัชนีไปที่กระบี่มันเริ่มสั่นสะเทือนและเกิดรอยแตกหลายครั้ง มันระเบิดออก กระบี่ได้สลายกลายเป็นผง และมันก็เริ่มก่อตัวกลายเป็นกระบี่ยาวสีเลือด
  สีเลือดนั้นมิใช่สีของตัวกระบี่เองแต่มันเป็นเลือดสดๆของมนุษย์ที่แผ่พลังที่น่ากลัวออกมา ทั้งกระบี่เล่มนี้ปกคลุมไปด้วยโลหิตของใครบางคน!
  …ใครกันที่เป็นเจ้าของโลหิตนี้โลหิตของเขายังไม่แห้งแม้เวลาจะผ่านมาหลายปี!
  “ครั้งสุดท้ายที่ใช้กระบี่นี้ข้าได้ฆ่ากึ่งอสูรเนรมิตรไป เลือดของมันยังไม่แห้ง…”
  กู้ไทซูถือกระบี่และพูดเบาๆ
  มันคือโลหิตของกึ่งอสูรเนริมตรไม่แปลกเลยที่กาลเวลามิอาจทำให้โลหิตของคนผู้นั้นเหือดแห้งไปได้ มันยังปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาจนถึงวันนี้!

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท