The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 733-734

ตอนที่ 733-734

DND.733 – ทำลายและเกิดใหม่
มิติเวลายังคงไหลย้อนกลับภาพรอบๆตัวซือหยูเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ มันย้อนกลับไปถึงเวลาที่เซี่ยจิงหยูถูกเผาเป็นเถ้าถ่านมาถึงตอนที่นางถูกเพลิงเผาและเพิ่งจะถูกจักรพรรดิโลหิตปล่อยคอ จากนั้นจึงย้อนกลับไปถึงซากใต้ดิน ณ จุดที่นางตายอย่างสงบในอ้อมกอดของซือหยู
“ขะ…ข้าอยากให้พี่กับเซี่ยนเอ๋อ…อยู่…ด้วยกัน…มีความสุข”
เซี่ยจิงหยูที่กำลังจะตายได้ส่งกระแสจิตสุดท้ายให้กับซือหยูมือที่จับมือซือหยูไว้แน่นอ่อนแรงลง
นี่เป็นเวลาที่วิญญาณของเซี่ยจิงหยูถูกลบหายไปจากโลกแต่เวลายังคงไหลย้อนกลับไปอีก…
“ข้า…ดีใจ…ที่ได้ยินนะเจ็บปวดนักที่ต้องทำกับพี่เช่นนั้น พี่คงจะเกลียดข้าแล้วสินะ…”
“ข้าเห็นจุดจบของโลกกับชะตาของเฉินหลง…ทุกคนตกตายชะตามิอาจแปรเปลี่ยน แต่โอสถฟื้นชะตาทั้งสองที่ชุบชีวิตคนตายได้ยังเปลี่ยนชะตาได้ด้วย และคนที่มีมันก็จะรอดจากภัยพิบัติครั้งนี้!”
ดวงตาของนางกระตุก
“เพราะเรื่องนี้ข้าเลยให้โอสถกับเซี่ยนเอ๋อและพี่ พี่กับเซี่ยนเอ๋อจะได้อยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า”
หลังจากที่เซี่ยจิงหยูบอกความจริงกับเขานางได้อวยพรซือหยูกับเซี่ยนเอ๋อ จากนั้นจึงได้หายใจเฮือกสุดท้ายก่อนตาย แต่ภาพก็ยังคงไหลย้อนกลับไป
สุดท้ายมันกลับมาถึงตอนนี้จักรพรรดิโลหิตชี้ดัชนีมาที่เขาและร่างอันงดงามของนางได้เข้ามาขวางพอดีเป็นเพราะนางเข้ามาขวางในตอนนี้ นางจึงได้ตาย ซือหยูย้อนทุกสิ่งกลับมาแก้ไขตั้งแต่แรก
จักรพรรดิโลหิตที่กำลังจะฆ่าซือหยูตัวสั่นอย่างรุนแรงแต่สุดท้ายเขาก็เป็นอิสระจากห้วงเวลาไหลย้อนกลับ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัว
“เป็นไปได้ยังไง?”
เซี่ยจิงหยูที่เพิ่งจะก้าวมาขวางซือยหูอย่างกล้าหาญเองก็สับสนไม่ต่างกัน
“เกิดอะไรขึ้น?ข้ารู้สึกเหมือนได้เจอกับอนาคต ข้าตายไปแล้วไม่ใช่รึ?”
เซี่ยจิงหยูขมวดคิ้วถามด้วยความตกใจ
“เป็นไปได้ยังไง?วิธีอนาคตที่ข้าเห็นมันเปลี่ยนไปแล้วรึ?”
นางได้เห็นวิถีของอนาคตที่โลกถูกทำลายเหลือแต่เพียงซากจากการทำลายล้างแต่ตอนนี้อนาคตที่ฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ของนางมองเห็นกลับมิใช่การทำลายล้าง แต่กลับเป็นภาพอันคลุมเครือ
นางยังคงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตเพราะทุกสิ่งจะต้องไปตามวิถีที่ถูกต้องคนจะเกิด แก่ เจ็บ ตาย ยากดีมีจนล้วนถูกลิขิตเอาไว้แล้ว
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้นางตกใจอย่างมาก!เพราะถ้าหากวิถีในอนาคตคลุมเครือ นั่นก็หมายถึงความเป็นไปได้หลายรูปแบบที่อาจจะเกิดขึ้น! อนาคตที่นางเคยเห็นอาจจะเกิดขึ้น หรือสิ่งที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิงก็อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นกัน!
“ใครกันที่เปลี่ยนอนาคต?”
เซี่ยจิงหยูตกใจจนคิดอะไรไม่ออก
นางสัมผัสได้ถึงพลังมิติที่ด้านหลังของนางที่โอบล้อมนางและพาตัวนางไปไกลกว่าร้อยลี้ไหล่ของนางถูกจับด้วยมือที่แข็งแกร่งและมั่นคงที่มีพลังที่นางคุ้นเคย นางไม่ต้องหันไปมองก็บอกได้ว่ามันคือมือของซือหยู!
“พี่ซือหยูเป็นคนทำรึ?”
เซี่ยจิงหยูหันไปมองนางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาคนที่สะท้อนในแววตาของนางยังคงมีใบหน้าที่นางเคยเห็น แต่เส้นผมสีเงินที่เคยสง่างามในอดีตได้เปลี่ยนเป็นสีขาว
“พี่ทำไปทำไมกัน?ข้าตายไปแล้ว ข้าบอกลาพี่ไปแล้วด้วย! แล้ว…ทำไมอนาคตถึงได้เปลี่ยนกันล่ะ?”
เซี่ยจิงหยูไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
ซือหยูยื่นมือสัมผัสใบหน้านางอย่างแผ่วเบาเขามือสั่นราวกับกลัวว่าทุกสิ่งที่ได้เห็นเป็นภาพลวงตา
แต่มันคือเรื่องจริงเซี่ยจิงหยูกลับมามีชีวิตอีกครั้ง! ซือหยูใจสั่นระริก โลกในใจของเขาที่เคยพังทลายกลับมาเป็นเหมือนเดิมทันที
“เจ้ากลับมาแล้ว…”
ซือหยูกระซิบเสียงแหบ
เขายื่นแขนกอดเซี่ยจิงหยูจนแน่นราวกับกลัวว่าจะเสียนางไปอีกครั้งเซี่ยจิงหยูไม่ทันตั้งตัวเมื่อเขากอดนางอย่างแรง!
แต่นางมิได้รู้สึกเจ็บปวดนางร้องไห้ด้วยความดีใจ นางรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้เขา เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นทำให้นางรู้สึกเหมือนจากเขามาหลายร้อยปี
“พี่ซือ”
ความเศร้าหมองและยินดีที่เกิดขึ้นพร้อมกันในหัวใจกลั่นออกมาเป็นน้ำตาร่างอ่อนนุ่มของนางอยู่ในกอดของซือหยูและร้องไห้เสียงดัง
จิตใจของซือหยูเป็นอิสระจากความกังวลทั้งปวงเขาได้ทุกสิ่งที่ปรารถนากลับมาแล้ว เสงสีเงินได้ปรากฏในมือ มันสกัดเอาพิษที่เซี่ยจิงหยูดื่มเข้าไปอย่างเงียบเชียบ ทั้งโลกเงียบไปราวกับมิอาจหาคำใดมาอวยพรให้แก่คู่รักทั้งสองที่ถูกความตายพลัดพรากจากกัน
ทุกสิ่งมีชีวิตในทวีปและทุกคนในก้นบึ้งมังกรกำลังสับสนพวกเขายังคงมีความทรงจำในฝ่ามือทำลายล้างที่ทำลายล้างโลกของพวกเขาไป! ทุกคนสงสัย…
เหตุใดทุกสิ่งถึงกลับมาเริ่มต้นใหม่เล่า?
ดวงตาจิวหยวนโจวเต็มไปด้วยความสับสนเขามิอาจเข้าใจได้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น เช่นเดียวกับราชาแห่งความมืด
ณทวีปเหนือที่จมลึก ในเขตเซี่ยนหยูที่ขมลงในมหาสมุทรกว้างใหญ่ ชายแก่เฒ่ายืนท่ามกลางซากปรักหักพัง เขาคือฟางไห่เซิง ร่างเงาของเขาค่อยๆหายไป
“มิติเวลาไหลย้อนกลับ…จะต้องเป็นพลังของเทพโบราณจิวหลงที่ควบคุมการไหลเวียนของมิติเวลามาตั้งแต่โบราณกาล”
ฟางไห่เซิงตาเป็นประกายใบหน้าเหี่ยวย่นของเขาแสดงถึงความปลื้มปิติ
“สุดท้ายก็มีผู้สืบทอดเทพจิวหลงได้ปรากฏตัวในโลกเฉินหลงของข้าช่างดีเหลือเกิน ข้าไม่ได้ทำพลาดที่ให้ธนูมังกรฟ้าดินกับเจ้า”
ร่างเงาเริ่มหายไปเมื่อเขามองซือหยูที่อยู่ห่างไกลกับเขานับแสนลี้
เขาถอนหายใจเบาๆ
“ผู้สืบทอดจิวหลงข้าจะฝากทุกสิ่งไว้กับเจ้า ข้าเหนื่อยมากพอแล้ว ข้าจะได้ไปสู่สุคติเสียที”
เมื่อพูดจบร่างของเขาได้กลายเป็นแก้วเรืองแสงพัดพาไปยังมหาสมุทร ร่างของราชาแห่งความมืดที่อยู่ห่างไกลจากเขาสั่นคลอนเมื่อมองมายังทิศของทวีปเหนือ
เขาคุกเข่าลงกับพื้น
“ลาก่อนท่านเฉินขอให้ท่านไปสู่สุคติ”
น้ำตาสองสายไหลอาบแก้มของเขาสู่พื้นดิน
ทุกคนในเฉินหลงต่างรู้สึกว่างเปลบ่าจากภายในราวกับว่าพวกเขาสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปซือหยูสัมผัสถึงสิ่งนั้นได้เช่นกัน ความโศกเศร้าได้เกิดขึ้นในหัวใจของเขา เขารู้สึกราวกับได้เสียคนในครอบครัวที่สำคัญที่สุดไป
เสียงร่ำไห้อันโศกเศร้าดังมาจากนภาราวกับสวรรค์หลั่งน้ำตาให้กับความสูญเสียครั้งนี้หิมะได้ตกในทุกมุมของเฉินหลงราวกับเป็นน้ำตาของสวรรค์
มีเพียงจักรพรรดิโลหิตที่ยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ฮ่าๆๆๆๆเป็นอย่างที่ข้าคิดจริงๆด้วย! เฉินอี้เจิงหลงเหลือแค่เสี้ยววิญญาณ! ตอนที่มันใช้แก่นโลหิตสร้างทวีปขึ้นมา มันต้องจ่ายด้วยชีวิตและเหลือเพียงเสี้ยววิญญาณจนมาถึงวันนี้ เมื่อกี๊ข้าเพิ่งจะฆ่ามันไป ทำให้มันหายไปตลอดกาล!”
ดูเหมือนว่าขอบเขตของเฉินอี้เจิงจะสูงเกินไปจนก้าวข้ามขอบเขตที่มากพอจนการไหลของมิติเวลาจากซือหยูไม่ส่งผลต่อเขาเป็นเหตุให้ที่แม้เวลาจะย้อนกลับมา มันก็มิอาจนำเอาวิญญาณของเขากลับมาได้ด้วย เขาได้ตายลงในแม่น้ำของสายเวลาที่ไม่มีวันหวนกลับ
เขาสละชีวิตเพื่อสร้างทวีปและทำให้คนเฉินหลงอาศัยอยู่อย่างผาสุขดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าทุกสิ่งมีชีวิตในเฉินหลงคือลูกหลานของเขา นี่จึงเป็นเหตุให้ทุกคนในทวีปโศกเศร้าในการจากไปของเขา
เซี่ยจิงหยูเศร้าเสียใจและผละออกจากกอดของซือหยูนางโค้งไปทางทวีปเหนือ
“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเรา”
นางมองซือหยูด้วยหางตาและเห็นว่าซือหยูยืนนิ่งไม่ไหวติงนางจึงถาม
“พี่ซือหยูไม่แสดงความเคารพต่อเขารึ?”
ซือหยูหลับตาและส่ายหน้าเบาๆ
“ควรจะมีหนึ่งคนที่ไม่โค้งคำนับด้วยความเศร้าและไปล้างแค้นเพื่อเขา!”
เมื่อซือหยูลืมตาอีกครั้งจิตสังหารอันน่าตกตะลึงได้แผ่ออกมา แววตาของเขาทะลวงตรงไปยังจักรพรรดิโลหิต เขาตะโกน
“เจ้าทำลายเฉินหลงไปสองครั้งข้าสาบานว่าจะฆ่าเจ้าแทนคนเฉินหลงเอง!”
จักรพรรดิโลหิตสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินการประกาศก้องของซือหยู
“เจ้าหนูข้ารู้ว่าเจ้าทำได้แม้กระทั่งย้อนมิติเวลา ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไปจริงๆ”
จักรพรรดิโลหิตพูดอย่างใจเย็น
“แต่…แล้วมันยังไงเล่า?พอเวลาย้อนกลับมา ข้าก็ทำลายเฉินหลงได้อีกครั้ง ส่วนเจ้าเองก็ต้องเสียบางสิ่งไปมากเพื่อย้อนเวลาแน่นอน”
การฝืนหมุนเวลากลับไม่ใช่เรื่องเล็กๆมันขัดต่อกฎเกณฑ์ทุกสิ่ง เป็นไปไม่ได้ที่ซือหยูจะขัดกฎเกณฑ์สวรรค์โดยไม่ต้องเสียอะไร
ดูเหมือนว่ามือของซือหยูจะเป็นคำตอบต่อจักรพรรดิโลหิตเพราะผิวหนังที่มือของซือหยูได้เริ่มแตกออก ซือหยูก้มลงมองและพบกับผิวหนังที่กลายเป็นเศษหิน
ผิวหนังของเขาร่วงตกพื้นไปส่วนหนึ่งรอยเหี่ยวย่นปรากฏฬนมือ สายโลหิตของเขาอ่อนแอลง ราวกับว่ามันเป็นมือของชายแก่ที่กำลังจะตาย!
“พี่ซือหยูมือพี่เป็นอะไร?”
เซี่ยจิงหยูเอามือปิดปากด้วยความตกใจ
ตอนที่นางได้ยินว่าซือหยูเป็นคนควบคุมมิติเวลานางได้คำตอบในทุกเรื่องที่สงสัย แต่มือของซือหยูทำให้นางร้อนรนยิ่งกว่าเดิม
จักรพรรดิโลหิตยิ้มอย่างเยือกเย็น
“ข้าพูดถูกสินะสิ่งที่เจ้าต้องแลกก็คือชีวิตของเจ้า!”
“เวลาเป็นนิรันดร์ไม่แปรเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นในการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลย้อนกลับไปที่แหล่งอื่น และมันก็ส่งตรงไปที่ตัวเจ้า เจ้าใช้เวลาของตัวเองแลกกับสิ่งรอบข้าง เจ้าถึงได้ย้อนเวลากลับมาได้”
“ก็จริงเจ้าไม่ได้เข้าใจผิดหรอก”
ซือหยูตอบกลับอย่างใจเย็นเขามองดาวดาราบนท้องฟ้าด้วยสายตาคมกริบ
“แต่แล้วทำไมเล่า?เท่านี้ก็มากพอที่จะฆ่าเจ้าได้แล้ว”
จักรพรรดิโลหิตส่ายหน้าอย่างไม่แยแส
“ข้าบอกแล้วว่ามันทำอะไรข้าไม่ได้ข้าก็แค่ต้องทำลายเฉินหลงอีกครั้ง เจ้าจะย้อนเวลาได้สักกี่ครั้งกันเชียว สุดท้ายชะตาก็ไม่แปรเปลี่ยน”
แขาพูดถูกที่สุดเพราะการย้อนเวลามิอาจแก้ไขเรื่องราวได้ตลอด และ…ถ้าซือหยูไม่อาจลบจักรพรรดิโลหิตให้หายจากโลกได้ จักรพรรดิโลหิตก็จะทำลายโลกอีกครั้งและอีกครั้ง!
ดังนั้นแม้ว่าซือหยูจะย้อนเวลากลับมาอีกผลสุดท้ายก็ยังเป็นเหมือนเดิม ถ้าหากย้อนวงจรเหล่านี้ไม่หยุด สุดท้ายชีวิตของซือหยูก็จะถูกลบหายไปจนมิอาจย้อนเวลาได้อีกแล้ว
พอถึงตอนนั้นโลกเฉินหลงก็จะพบกับการทำลายล้างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้! เพราะจักรพรรดิโลหิตนั้นแข็งแกร่งเกินไป เขาเป็นดั่งเทพสวรรค์ไร้เทียมทานที่มิอาจถูกสังหาร!
จักรพรรดิโลหิตรู้เรื่องนี้ดีเขาตะโกนดั่งผู้ชนะ
“อุบายทุกอย่างของเจ้าล้วนเปล่าประโยชน์ต่อหน้าข้า!”
“ข้าจะไม่เสียเวลากับเจ้าอีกแล้วข้าจะทำลายโลกนี้อีกครั้ง ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!”
จักรพรรดิโลหิตร้องคำราม
เขาบินขึ้นไปยังอวกาศอีกครั้งและเริ่มใช้ฝ่ามือเทพแสงกระจ่างไม่นานทั้งอวกาศก็มีแสงเปล่งประกายของสุริยันจันทรา ทั้งทวีปเฉินหลงสาดสะท้อนแสงทำลายล้างนี้
ทุกสิ่งมีชีวิตรู้สึกได้ว่าความทรงจำอันคลุมเครือได้ชัดแจ้งขึ้นพวกเขาเคยผ่านการทำลายล้างมาแล้วเมื่อครู่ก่อน แต่ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะตายในตอนนี้อีกครั้ง!
“ฝ่ามือเทพดับสวรรค์!พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!”
จักรพรรดิโลหิตผู้อยู่ในอวกาศดันฝ่ามือลงไปยังดวงดาว
ฝ่ามือขนาดยักษ์เปล่งแสงล้อมโลกเฉินหลงฝ่ามือทำลายล้างโลกได้มาถึงอีกครั้ง ทุกคนจมอยู่ในความหวาดกลัว พวกเขามิอาจเป็นอิสระจากโชคชะตานี้ได้ พวกเขาจะถูกลบหายไปในตอนสุดท้าย
ราชาแห่งความมืดรู้สึกผิดเขาหลับตาและยิ้มอย่างขมขื่น
“ท่านเฉิน!ข้ามันไร้ประโยชน์ ข้าปกป้องโลกที่ท่านสร้างขึ้นมาไม่ได้”
DND.734 – ต่อรองกับเทพปีศาจ
อู๋หยางสีหน้าขมขื่นในสายตาของจักรพรรดิโลหิต นางเป็นเพียงมดปลวกที่ไม่ต้องใส่ใจ แม้เขาจะรู้ว่านางอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่พยายามแม้แต่จะช่วยชีวิตนาง เขาจงใจที่จะลบนางให้หายไปจากโลกนี้ด้วยเช่นกัน!
จิวหยวนโจวถอนหายใจเบาๆและหลับตาลงขณะที่รอให้โลกถูกทำลายอีกครั้งทุกสิ่งมีชีวิตโศกเศร้าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิโลหิตที่แข็งแกร่งดั่งเทพ พวกเขาทำได้แค่มองดูตัวเองถูกทำลายล้างอย่างสิ้นหวัง พวกเขามิอาจต่อต้านได้เลย
เซี่ยจิงหยูมองฝ่ามือที่กำลังมาถึงอย่างขมขื่นนางจับมือซือหยูแน่นและมองเขาด้วยความรัก
“พี่ซือหยูจุดจบของพวกเราไม่ได้เศร้านักหรอก อย่างน้อยข้าก็ได้ตายโดยที่จับมือพี่เอาไว้”
นางถอนหายใจ
“น่าดีใจเหลือเกิน”
เซี่ยจิงหยูยิ้มอย่างสดใสและเอนตัวที่ไหล่ซือหยูนี่เป็นจุดจบที่ดีที่สุดเท่าที่นางจะคิดได้แล้ว
ซือหยูจับมือนางและถามเบาๆ
“เจ้าพอใจกับเรื่องแค่นี้รึ?เจ้ายังไม่ได้สำรวจโลกอื่นนอกจากเฉินหลงให้ข้าใช่ไหม?”
เซี่ยจิงหยูตกใจกับคำถามของเขานางเงยหน้ามองเขาด้วยความแปลกใจ…
เขามีวิธีเผชิญหน้ากับพลังของอสูรเนรมิตรจริงๆรึ?
ซือหยูเผยรอยยิ้มและหลับตาช้าๆเขาเข้าไปในมิติวิญญาณของตนเอง เมื่อเข้าไปถึงก็พบว่าเขาถูกรายล้อมไปด้วยความมืดมิด เขายืนมือไพล่หลังและพูดอย่างสุขุม
“ออกมา”
มิติวิญญาณของเขายังคงเงียบอย่างเคยไม่มีใครตอบอะไรเขา
“ต้องให้ข้าบังคับให้เจ้าออกมาสินะ?”
แววตาเยือกเย็นดั่งน้ำแข็งของซือหยูมองไปยังความว่างเปล่าอันห่างไกลที่นี่คือมิติวิญญาณของเขา เขาจะไม่รู้เชียวรึว่าจะมีสิ่งใดซ่อนอยู่โดยที่เขาไม่รู้?
“อะไรกัน?แขกหายากอย่างเจ้ามาที่นี่ด้วย! ทำไมเจ้าถึงมารบกวนผู้เฒ่าคนนี้เล่า? เจ้าจะมาคุยเรื่องชีวิตจักรวาลกับคนแก่อย่างข้ารึ?”
หยดโลหิตหาวหนึ่งฟอดและพุ่งตรงมาตรงหน้าซือหยู
ซือหยูมองเขา
“เจ้าดูมีกำลังขึ้นมาแล้วนี่เจ้าคงกินวิญญาณของฟู่กุยไปแล้วสินะ?”
“อะไรกัน?กินเกินอะไร? ข้าเป็นเทพปีศาจเหนือทั้งปวง! ใช่แล้ว! ข้าเป็นเทพปีศาจ! เมื่อก่อนข้ากินดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ข้ากวาดล้างโลกมาตั้งหลายใบ! ราชันเทพล้างสวรรค์อย่างข้าฆ่าทุกอย่างที่ขวางทางตั้งแต่พระเจ้าถึงอรหันต์!”
“เมื่อก่อนข้ายังได้กินแก่นแท้วิญญาณได้นอนกับสาวสวยที่มีร่างวิญญาณ ข้ายังคลึงดวงดาวเล่นในมืออยู่เลย แค่วิญญาณจ้าวเทวะนับว่าข้ากินงั้นรึ? กล้าพูดได้ยังไงว่านั่นคือการกินของข้า? เฮ้ย ทำอะไรของเจ้า? อย่านะ…ข้าเป็นราชันเทพล้างสวรรค์นะ…ราชันเทพ…”
ก่อนจะพูดจบเขาถูกซือหยูกระทืบอย่างแรง…ด้วยเท้า!
“ราชันเทพล้างสวรรค์รึ?ข้าไม่เห็นอะไรแบบนั้นเลย”
ซือหยูยืนย่ำหยดโลหิตตรงหน้า
หยดโลหิตพักหายใจ
“เจ้าไม่ควรจะตัดสินคนจากภายนอก!ถ้าข้าได้กายเนื้อมาเมื่อไหร่ ข้าจะได้เป็นราชันเทพล้างสวรรค์อีกครั้ง! ข้าจะไปเที่ยวทั้งจักรวาล…เฮ้ย! หยุดกระทืบข้านะ! ข้าแก่เกินไปแล้ว! ใจดีกับข้าหน่อยเซ่!”
ซือหยูมองเขาอย่างเยือกเย็น
“หุบปาก!ข้ามาที่นี่เพื่อต่อรองกับเจ้า”
ซือหยูหยกเท้าขึ้นหยดโลหิตลอยขึ้นมาและครุ่นคิดก่อนจะมองซือหยูเพื่อคุยในเรื่องของเขา
“เอาล่ะเจ้าหนู เจ้าจะมาต่อรองอะไรกับข้า? ทำไมเจ้าไม่อธิบายข้าสักหน่อยเล่า? ข้าชอบดูเลเด็กๆและช่วยเหลืออยู่แล้ว”
ซือหยูพูดตรงๆห้วนๆ
“ขอข้ายืมพลังเจ้าหน่อย”
หยดโลหิตปฏิเสธทันควัน
“ไม่ได้เด็ดขาด!ข้ามีพลังไร้ขอบเขตยิ่งใหญ่ แม้แต่เส้นผมของข้าก็ทำลายได้ทั้งจักรวาล ข้าจะให้เจ้ายืมไปทำไม? ขนเส้นเดียวข้าก็จะไม่ให้เจ้ายืม เฮ่ย! เจ้าเอาอีกแล้วนะ! ใจเย็นๆซี่! มีอะไรก็ใช้ปากเจ้าพูดมา! หยุดใช้เท้าเจ้าแทนปากได้แล้ว!”
หยดโลหิตถูกซือหยูกระทืบซ้ำอีกครั้งและเริ่มร้องด้วยความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เจ้าควรจะเคารพคนแก่และฟูมฟักคนหนุ่ม!เคารพคนแก่ฟูมฟักคนหนุ่ม…เคารพคนแก่ฟูมฟักคนหนุ่ม! ข้าพูดสามครั้งเพราะมันสำคัญนะ!”
ซือหยูมองหยดโลหิตอย่างเยือกเย็น
“มีคนที่ไร้เทียมทานอยู่ข้างนอกนั่นถ้าข้าตาย เจ้าก็จะติดอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล ถึงตอนนั้นเจ้าก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว ให้ข้ายืมพลังซะ ตราบเท่าที่ข้ายังไม่ตาย เจ้าก็ยังมีโอกาสที่จะหนีออกไป”
หยดโลหิตตะโกนตอบ
“เลิกถามได้แล้ว!ข้าก็แค่หยดโลหิตเดียว ทุกครั้งที่ใช้พลัง พลังตั้งต้นของข้าจะอ่อนแอลง! ข้าแก่เกินไปแล้ว ข้าจะทนการใช้พลังมหาศาลของเจ้าได้ยังไง?”
ซือหยูหรี่ตาเขาอ่านข้อความเบื้องหลังนั้นได้ นั่นก็คือหยดโลหิตอยากจะได้ผลประโยชน์ตอบแทนที่หอมหวานกว่าเดิม
“ข้าจะให้วิญญาณเจ้าไปฟื้นฟูพลังตั้งต้นเจ้าจะว่าอย่างไร?”
ซือหยูเสนอ
หยดโลหิตปฏิเสธ
“มันยังไม่พอ!วิญญาณอสูรเนรมิตรยังเติมร่องฟันข้าไม่ได้เลย!”
วิญญาณอสูรเนรมิตรรึ?ซือหยูสีหน้าหม่นหมอง…
ถ้าข้าจับวิญญาณอสูรเนรมิตรมาได้แล้วข้าจะต้องมายืมพลังทำไมเล่า?
และเทพปีศาจก็มิได้ต้องการแค่วิญญาณอสูรเนรมิตรดวงเดียว
“ข้าให้วิญญาณจ้าวเทวะได้เท่านั้นจะยอมรับหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า”
ซือหยูจ้องมองหยดโลหิต
หยดโลหิตต่อรองอีกครั้ง
“ไม่มีทาง!ข้าพูดว่าวิญญาณอสูรเนรมิตร!”
“แต่…ข้าพูดว่าวิญญาณข้าวเทวะ!”
แววตาซือหยูเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
หยดโลหิตตอบกลับด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ตอนที่ข้าทำลายล้างโลกในอดีตไม่มีใครที่กล้ามาต่อรองแบบนี้กับข้าหรอกนะ!”
ทันใดนั้นหยดโลหิตก็ถูกกระทืบตกลงไปที่พื้น
“เฮ้ยหัวใจข้าจะแหลกแล้ว! คุยกันดีๆเถอะ! ก็ได้ วิญญาณจ้าวเทวะก็ได้ ข้าไม่เลือกแล้ว”
ตอนนั้นซือหยูจึงยกเท้าขึ้นและยิ้มออกมา
“เอาล่ะตกลง”

ที่โลกภายนอกฝ่ามือทำลายล้างโลกเข้าใกล้ทวีปเฉินหลงมาทุกที แผ่นดินเริ่มแยก เพลิงพวยพุ่งออกมาจากใต้ดิน ทวีปถูกปกคลุมไปด้วยทะเลเพลิง เหล่าสรรพสัตว์หลับตาด้วยความเศร้าราวกับว่าสุดท้ายแล้วพวกเขามิอาจหนีจากชะตานี้ได้
แต่ในตอนนั้นเองซือหยูได้ลืมตาขึ้นมา แสงสีแดงได้เปล่งประกายวาววับ บางสิ่งที่มีสีแดงไหลออกมาจากรูขุมขน
สิ่งนี้เป็นดั่งเลือดที่เพิ่งจะไหลออกมาจากร่างของซือหยูแต่มันกลับไร้ซึ่งกลิ่นของเลือด มันยังปล่อยพลังปีศาจออกมาด้วย
จักรพรรดิโลหิตมองดูการทำลายล้างเฉินหลงบนอวกาศอันเยือกเย็นและยิ้มอย่างมั่นใจแต่เขาก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมาเมื่อพบบางอย่างที่ต้องให้ความสนใจ
นี่มันพลังปีศาจเหมือนกับสิ่งนั้น…นั่นมันอะไรกัน?สมบัติ…หรือคนรึ?
ถ้าหากพลังปีศาจนี้มาจากสมบัติเขาก็ไม่ต้องกังวลนักแต่ถ้าหากมันเป็นพลังจากคน มันก็เกินยิ่งกว่าคำว่าน่ากลัว พลังปีศาจนี้ทำให้เขารู้สึกหวาดผวา!
เซี่ยจิงหยูตกตะลึงไม่ต่างกันนางผละออกจากกอดของซือหยูและชี้ไปยังหยดโลหิตสีแดง นางตะโกน
“นั่นมันสายเลือดปีศาจของพี่นี่!”
หรือจะพูดให้ถูกต้องมันคือสายเลือดเทพปีศาจของเขา! ซือหยูยิ้มและทิ้งระยะห่างจากเซี่นจิงหยูขณะที่ปล่อยให้สายโลหิตปะทุออกมา
หมอกโลหิตรายล้อมตัวซือหยูมีขนาดมหึมาหมอกโลหิตรายล้อมซากใต้ดินในครั้งแรก จากนั้นจึงล้อมรอบเขารัตติกาล เขตเซี่ยนหยู เกาะเฉินยี่ ทวีปเหนือ ทั้งทวีปเฉินหลง และมหาสมุทรไกลโพ้น!
หากมองบนอวกาศดาวดวงสีครามในตอนนี้ถูกย้อมไปด้วยโลหิต! แต่หมอกโลหิตก็มิได้เผชิญหน้ากับฝ่ามือทำลายล้าง มันไม่มีพลังของตัวเอง แต่มันมีพลังในการดูดกลืน
“คนเฉินหลงข้าคือซือหยู!”
ซือหยูตะโกนดังก้องโลก
ทุกคนได้ที่ได้ยินเสียงซือหยูต่างตกตะลึงเพราะซือหยูเป็นเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ เขาคือราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ช่วยทวีปเฉินหลงจากวิกฤติร้าย
และเมื่อกำลังเจอกับภัยนี้เสียงของซือหยูได้ดังไปในทุกมุมของโลก ทุกคนเงียบลงฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด
“โลกเฉินหลงถูกทำลายมาแล้วสองครั้งสองคราครั้งแรกจักรพรรดิจิวโจวสละชีวิตเพื่อช่วยพวกเรา พวกเราจึงอยู่มาได้ถึงตอนนี้ ส่วนครั้งที่สอง ข้าย้อนเวลากลับมาให้พวกเจ้าแล้ว…”
“เรายังถูกทำลายล้างมาไม่พออีกรึ?”
ซือหยูถาม
นี่คือคำถามที่ฝังลึกในใจของแต่ละคนทุกคนต่างคิดในใจว่าเหตุใดพวกเขาต้องทนทุกข์กับภัยร้ายเหล่านี้!
ซือหยูพูดต่อเขาเสนอความคิดของตัวเองขึ้นมา
“มันเป็นเพราะเราไม่ต่อสู้ตอนที่ศัตรูมาทำลายโลกของเรา!เราอ่อนแอเกินไป เราเอาแต่รอ พวกเรามันตาขาวที่ได้แต่หลับตารับความโศกเศร้า!”
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนเบิกตากว้างเพราะพวกเขามิได้พยายามต่อสู้กลับโดยแท้จริง พวกเขาเห็นศัตรูที่แข็งแกร่งจนเกินไปจนโศกเศร้าที่มิอาจทำอะไรได้
“ตอนนี้โลกกำลังจะถูกทำลายแล้วพวกเจ้าจะปิดตาปล่อยให้คนอื่นตัดสินชะตาของพวกเจ้ารึ?”
ซือหยูถามเสียงดัง
ทุกสิ่งมีชีวิตใจสั่นกับคำถามของเขาเป็นเรื่องจริงที่พวกเขาไม่พยายามสู้แม้สักครั้ง เพราะพวกเขาเองก็มิอาจเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งเกินไปหลายขอบเขตได้
“ถ้าพวกเจ้าไม่สู้ตอนนี้พวกเจ้าก็จะตายไปเฉยๆ พวกเจ้าอยากจะเป็นผีที่นี่หรือเป็นข้ารับใช้ในนรกล่ะ?”
ซือหยูท้าทายคนทั่วโลก
คนในก้นบึ้งมังกรกำหมัดแน่นและส่ายหน้าพวกเขามองท้องฟ้าด้วยเพลิงในแววตา พวกเขาไม่อยากจะยอมรับโชคชะตาเช่นนี้! แม้แต่สัตว์เดรัจฉานในป่าไพรก็คำรามลั่นฟ้าเพราะไม่อยากจะรอคอยความตายอยู่เฉยๆ
“ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการ…จงมาต่อสู้กับข้าครั้งนี้จะมิใช่จักรพรรดิจิวโจวหรือการย้อนเวลา แต่พวกเราจะใช้พลังของตัวเองไขว่ขว้าอนาคตอันสดใสของเฉินหลงกลับมา!”
ซือหยูพูดเสียงดัง
“พวกเจ้าทุกคนได้โปรดให้ข้ายืมพลัง!”
เสียงของเขาดังก้องฟ้าหมอกโลหิตที่ปกคลุมทั้งดวงดาวพุ่งเข้าใส่ทุกสิ่งมีชีวิต
“ไม่ว่าจะอ่อนแอหรือแข็งแกร่งต่ำต้อยหรือสูงส่ง ขอให้ข้าได้ยืมพลังทีเถอะ!”
ไม่มีใครคาดคิดว่าซือหยูอยากจะยืมพลังของทุกสิ่งบนโลกจากนั้นจึงรวมพลังเข้าต่อสู้!
หมอกโลหิตได้พุ่งเข้าไปยังก้นบึ้งมังกรจิวหยวนโจวหัวเราะอย่างชอบใจและมองคนบนฟ้า
“คนหนุ่มช่างเลือดร้อนนักสู้กับจักรพรรดิโลหิตมันหัวรั้นอยู่แล้ว! คนอย่างข้ายังไม่กล้าทำ! จงเอาฐานพลังทั้งหมดของข้าไป สร้างอนาคตให้เฉินหลงซะ”
เขาพูดและปล่อยให้ร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกับหมอกเลือด
ผู้เฒ่าเฉินหัวเราะอย่างสงบสุข
“ในฐานะของคนพันธมิตรข้ารับคำไว้แล้วว่าจะติดตามเจ้าพันธมิตรจนตัวตาย ยินดีนักที่จะให้ฐานพลังของข้ากับเจ้าพันธมิตร”
เมื่อเขาเป็นผู้นำคนอีกหมื่นคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ติดตามเขาไปยังหมอกโลหิต
“อย่าลืมหน่วยกวาดล้างสิ…”
ลั่วซวงตะโกนก่อนจะนำหน่วยกวาดล้างเข้าไปในหมอก
จากนั้นจ้าวคณะวิหคเพลิง ผู้เฒ่าฉิว กังต้าเหล่ย ฉีหยุนเซี่ยง และอีกหลายคนก็ยิ้มอย่างสดใสและตามหมอกโลหิตเข้าไป
“ฮ่าๆๆๆเจ้าจะสู้กับอสูรเนรมิตรโดยไม่มีข้าได้ยังไง?”
ราชาแห่งความมืดหัวเราะอย่างดีใจก่อนจะมองซือหยูเขาถือหอกสังหารเทพเข้าไปในหมอกเช่นกัน
เพียงครู่เดียวทุกคนในก้นบึ้งมังกรได้เข้าสู่หมอกโลหิตอย่างเต็มใจและให้ซือหยูได้ใช้พลังของพวกเขาเข้าต่อสู้กับจักรพรรดิโลหิต และทุกสิ่งมีชีวิตในเฉินหลงยังเข้าสู่หมอกโลหิตเมื่อได้ฟังข้อเรียกร้องของซือหยู  แม้แต่ต้นไม้แลบุพผายังเผาตัวเองกลายเป็นเพลิงหลอมรวมกับหมอกโลหิตพวกมันมิอาจขยับได้และไร้พลัง ทั้งหมดที่พวกมันทำได้มีเพียงการเผาตัวเองและกลายเป็นเปลวเพลิงอันน้อยนิดเข้าหลอมรวมตามคำเชิญ

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท