ตอนที่ 518 อิ๋งจื่อจิน ‘ฉันจัดการคุณได้ง่ายมาก’
แต่ตอนนั้นปรมาจารย์ที่พวกเขาไปหาบอกว่า ตราบใดที่ยังยืมดวงได้อยู่ ยิ่งไปช่วงหลังๆ ดวงของหลีเหวินเซวียนก็จะยิ่งดีขึ้น ไม่มีทางเกิดเรื่องโชคร้ายแบบนี้อีกเด็ดขาด
ซึ่งความจริงก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นแบบนั้น
นับตั้งแต่เริ่มยืมดวง ปีนั้นหลีเหวินเซวียนก็สอบติดด้วยคะแนนที่ดีกว่าปกติหนึ่งเท่า สอบเข้าโรงเรียนมัธยมในสังกัดมหาวิทยาลัยตี้ตูได้สำเร็จ
แต่ปรมาจารย์บอกแล้วว่า การยืมดวงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้มาก
หลีเหวินเซวียนไม่ชอบเรียนหนังสือ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังมักจะชอบทะเลาะเบาะแว้ง หนีเรียน รังแกนักเรียนหญิง
สาเหตุที่ไม่เคยถูกไล่ออกเป็นเพราะระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานเก้าปี
ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้เขาจะอาศัยการยืมดวงสอบเข้าโรงเรียนมัธยมในสังกัดมหาวิทยาลัยตี้ตูได้ แต่พอขึ้นมอสี่เรียนเทอมแรกไปได้ครึ่งเทอมก็ถูกเชิญออก
โรงเรียนมัธยมในสังกัดมหาวิทยาลัยตี้ตูไม่ต้องการนักเรียนขยะแบบนี้
ต่อมาพ่อแม่ของเขาก็จนปัญญา จำต้องส่งหลีเหวินเซวียนเข้าโรงเรียนมัธยมเอกชนแห่งหนึ่ง
เพียงแต่ครอบครัวหลีฐานะไม่ค่อยดี ถ้าไม่ใช่เพราะหลีเหวินเซวียนซื้อสลากถูกรางวัล พ่อกับแม่ของเขาก็คงส่งเขาเรียนไม่ไหว
ตอนแรกสุดแม่หลีก็กังวลว่าการยืมดวงจะส่งผลกระทบต่อหลีหานหรือเปล่า ถึงอย่างไรหลีหานก็เป็นลูกสาวของเธอ
ต่อมาเธอพบว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก หลีหานยังคงเก่งเหมือนเดิม
ช่วงสามปีนี้ลูกสาวลูกชายมีชีวิตเป็นสุขเธอก็สบายใจแล้ว
ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้
พ่อหลีก็ลนลาน “พ่อจะไปเชิญปรมาจารย์โหลวมาถามดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ลูกชายก็คือชีวิตของเขา ถ้าตายไปจะทำยังไง
“ตอนนี้จะเชิญปรมาจารย์โหลวมาทำไม” แม่หลีรีบแย่งโทรศัพท์มือถือมาจากพ่อหลี “โทรหนึ่งสองศูนย์!”
…
หลีหานออกจากบ้านไปไม่นานก็ได้รับสายจากแม่อีกครั้ง
เธอตัดสายทิ้ง กดบล็อกเบอร์ทันที
ปรากฏว่าพอตื่นนอนวันต่อมา โทรศัพท์มือถือก็ขึ้นสายไม่ได้รับร้อยกว่าสาย เป็นเบอร์แปลกโทรมา
หลีหานไม่ต้องสืบก็รู้ว่าแม่โทรมาแน่นอน
เธอยังคงไม่สนใจ กดบล็อกเบอร์ให้หมด ใส่เสื้อกันหนาวแล้วออกไปพบอิ๋งจื่อจิน
ทั้งสองคนนัดกันที่ร้านกาแฟใจกลางเมือง
อิ๋งจื่อจินสั่งกาแฟสองแก้วแล้วเรียกรถแท็กซี่ไปที่บ้านเก่าของตระกูลตี้อู่
หลีหานเงยหน้ามองป้ายไม้โบราณที่สวยงาม เธอถามด้วยความสนใจ “ที่นี่คือสถานที่ท่องเที่ยวเหรอ”
“ไม่ใช่” อิ๋งจื่อจินดันประตู “ที่พักอาศัย”
เลือกเป็นบ้านเก่าของตระกูลตี้อู่เหมาะสมแล้ว
เธอทำลายการยืมดวงที่นี่ก็จะไม่มีผลกระทบแม้แต่น้อย
อย่างไรเสียการยืมดวงก็ไม่ถือเป็นเรื่องยากอะไร ขอแค่เป็นนักพยากรณ์ที่มีความสามารถจริงๆ ก็ทำได้ทั้งนั้น
อิ๋งจื่อจินนั่งลงที่โต๊ะหิน กางไพ่ทาโรต์อีกครั้ง
เลือกไพ่เสร็จเธอก็เงยหน้าขึ้น “คนที่ยืมดวงคือหลีเหวินเซวียน น้องชายของรุ่นพี่”
“รุ่นน้องอิ๋ง วันนั้นเธอบอกว่าต้องรู้วันเดือนปีเกิดของฉันถึงจะยืมดวงได้ อันที่จริงฉันก็รู้แล้วว่าใคร” ฟังถึงตรงนี้หลีหานก็สูดลมหายใจเข้าลึก “วันนี้พวกเขาโทรหาฉันร้อยกว่าสาย ฉันก็แน่ใจแล้วล่ะ”
ถ้าแม่โทรหาเธอเยอะขนาดนี้ก็แสดงว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหลีเหวินเซวียนแล้ว
ในความทรงจำของหลีหาน หลีเหวินเซวียนดวงไม่ค่อยดีตั้งแต่เด็ก
แบบที่เดินๆ อยู่บนถนนก็ชนต้นไม้จนสลบได้ เข้าโรงพยาบาลไปหลายครั้ง
หลีหานพูดต่อ “หลีเหวินเซวียนไม่รู้เรื่องพวกนี้ น่าจะพ่อกับแม่จัดการให้เขา”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ เลือกไพ่ต่อ “บ้านพ่อกับแม่พี่มีตำแหน่งต้องสืบทอดเหรอ”
หลีหานแสยะยิ้ม พูดประชด “อย่างพวกเขาคู่ควรให้มีตำแหน่งอะไรด้วยเหรอ ทรัพย์สมบัติของสองคนรวมกันยังน้อยกว่าเงินทุนการศึกษาหนึ่งปีของฉันเลย”
นับตั้งแต่เธอย้ายไปอยู่มหาวิทยาลัยช่วยเหลือตัวเองได้ เธอก็ไม่ได้กลับบ้านครอบครัวหลีอีก
เธอนึกไม่ถึงจริงๆ ว่า พ่อกับแม่จะยืมดวงของเธอไปให้หลีเหวินเซวียน ไม่ได้คำนึงถึงความเป็นความตายของเธอแม้แต่น้อย
สายตาของหลีหานเคียดแค้น
อิ๋งจื่อจินราวกับมองความคิดของเธอออก “พ่อกับแม่ของพี่อาจไม่รู้ว่าการยืมดวงยืมไปตลอดไม่ได้”
“จึ๊ เป็นไปไม่ได้หรอก เสียสละฉันเพื่อแลกกับลูกชาย พวกเขายินดี” หลีหานทำเสียงจึ๊ “เอาเป็นว่าอีกหน่อยพวกเขาเกษียณก็ให้ลูกชายเลี้ยงแล้วกัน ฉันจะไม่ให้สักแดงเดียว มาขอร้องฉันก็ไม่ให้หรอก”
มือของอิ๋งจื่อจินชะงัก จุดธูปหนึ่งดอกปักในกระถางธูป
“รุ่นน้องอิ๋ง อันที่จริงฉันยังดีนะ” หลีหานใจเย็น “หมู่บ้านเดิมที่ฉันเคยอยู่มีเด็กสาวคนหนึ่งน่าสงสารกว่าฉันอีก เธอไม่มีน้องชายแท้ๆ มีแต่น้องชายที่เป็นญาติกัน แต่พ่อเธอบอกเธอว่าอย่าคิดจะเอาเงินที่บ้านแม้แต่แดงเดียว”
“รักลูกชายมากกว่าลูกสาว หมู่บ้านเราเป็นแบบนั้น ช่วยไม่ได้ ยังดีที่ฉันหนีออกมาแล้ว”
อิ๋งจื่อจินไม่พูดอะไร แค่ใช้มือแตะน้ำแล้ววาดแผนผังแปดทิศบนโต๊ะหิน
สามนาทีต่อมาธูปในกระถางก็มอดหมด
“เรียบร้อย” อิ๋งจื่อจินหยุดทุกอย่าง “ต่อไปไม่มีใครยืมดวงรุ่นพี่ได้อีกแล้วค่ะ”
หลีหานอึ้ง “แค่นี้เหรอ”
“ยืมดวงไม่ยาก แค่รู้วันเดือนปีเกิดก็ได้แล้ว” อิ๋งจื่อจินพิงเก้าอี้ พูดเสียงเนือย “แน่นอนว่า คนที่จะยืมดวงให้ได้ต้องเป็นนักพยากรณ์จริงๆ ด้วย”
ศาสตร์พยากรณ์ลี้ลับเสียยิ่งกว่าลี้ลับ แต่ก็มีกฎ
การยืมดวงใช้ประโยชน์จากการวังผังง่ายๆ ตามวันเกิด ซึ่งผังที่ว่านี้มีระยะเวลาต่อเนื่องหนึ่งปี
หลีหานถูกยืมดวงไปสามปี ผังนี้ก็เปลี่ยนไปแล้วหลายครั้ง
รุนแรงขึ้นทุกครั้ง
ถ้าเธอคำนวณไม่ผิด ปลายปีก็ยังจะเปลี่ยนอีกครั้ง
เมื่อเปลี่ยนเสร็จ ดวงของหลีหานที่เหลืออยู่ก็จะถูกหลีเหวินเซวียนปล้นไปจนหมด
เธอถึงได้จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
อิ๋งจื่อจินเงียบไปสักพักแล้วยืนขึ้น
หลีหานเงยหน้า “รุ่นน้องอิ๋งจะไปไหนเหรอ”
“ไปดูปรมาจารย์คนนั้นหน่อย” อิ๋งจื่อจินจับโทรศัพท์มือถือ ส่งข้อความวีแชทออกไป “รุ่นพี่หลีห้ามไปจากที่นี่จนกว่าฉันจะกลับมา”
หลีหานพยักหน้า ตอบอย่างเชื่อฟัง “ได้”
เธอมองส่งอิ๋งจื่อจินออกไป เหลือบเห็นเงาของหญิงสาวคนหนึ่ง
มือของหลีหานชะงัก
ทำไมเหมือนเธอเห็นหมอดูที่หลอกเธอเมื่อเดือนก่อนเลยล่ะ
…
ด้านนอกบ้านเก่าของตระกูลตี้อู่
“โมโหจะบ้าตาย” ตี้อู่เย่ว์ก็ทำนายเรื่องที่จะเกิดกับหลีหานได้เหมือนกัน “พี่สาว ฉันจะเล่นตุกติกกับวันเดือนปีเกิดของพ่อแม่พี่คนนั้นบ้าง ทำให้พวกเขารู้ว่าแบบไหนเรียกความโหดร้ายของโลกมนุษย์!”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองตี้อู่เย่ว์ “พวกเขาไม่ได้ทำการยืมดวงเอง พวกเขาเป็นคนธรรมดา เธอทำแบบนั้นอยากให้ตัวเองเกิดเรื่องเหรอ”
คนทั่วไปใช้วิธีธรรมดาพอ
ไม่จำเป็นต้องลากตัวเองเข้าไปเกี่ยวด้วย
ตี้อู่เย่ว์บ่นพึมพำ ล้มเลิกความคิดนี้ “แล้วตกลงปรมาจารย์ที่ว่าคือใครเหรอ”
อิ๋งจื่อจินเปิดไพ่ทาโรต์ ดวงตาหงส์หรี่ลง “ทางตะวันออก บนเขาอวี้ซง”
“เขาอวี้ซงเหรอ” ตี้อู่เย่ว์อึ้ง “อ๋อๆ ฉันรู้จักเขาอวี้ซง นักพยากรณ์หลายคนชอบไปรวมตัวกันที่นั่น คนของสมาคมโหราศาสตร์หลายคนก็ไป”
“วันนี้ก็มีนัดกัน แถมยังเชิญปู่ฉันไปด้วย แต่พวกเราไม่สนใจ”
อิ๋งจื่อจินตอบอืม “ก็เลยเรียกเธอมาด้วย”
วงการนักพยากรณ์สมัยนี้ต่างจากเมื่อก่อนมาก ตระกูลนักพยากรณ์ส่วนใหญ่ไม่อยู่แล้ว เหลือแค่ตระกูลตี้อู่
นับตั้งแต่ตี้อู่เย่ว์ในที่สุดก็เข้าร่องเข้ารอย ตี้อู่ชวนก็พาเธอไปเจอนักพยากรณ์คนอื่นๆ ในวงการอยู่ไม่น้อย
ตอนนี้ตี้อู่เย่ว์ก็เลยค่อนข้างเป็นที่รู้จัก
คนดูแลเขาอวี้ซงก็รู้จักตี้อู่เย่ว์ พอเห็นเธอพาเด็กสาวสวมผ้าปิดปากมาก็ไม่ได้ถามมาก ปล่อยให้ผ่านเข้าไป
ตรงไหล่เขามีสวนหย่อม มีคนอยู่ตรงนั้นหลายคนทั้งแก่และหนุ่มสาว
ตี้อู่เย่ว์กวาดตามองกลุ่มคนที่พูดคุยกันอย่างออกอรรถรสแล้วกระซิบ “พี่สาว คนไหนเหรอ”
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า สายตาหยุดที่ชายชราคนหนึ่ง “โหลวเหวินไห่”
“โหลวเหวินไห่เหรอ” ตี้อู่เย่ว์ตะลึง “เป็นเขาจริงเหรอ”
“ทำไมเหรอ”
“ปู่ฉันบอกว่า โหลวเหวินไห่สร้างสำนักของตัวเอง มีลูกศิษย์นับไม่ถ้วน เก่งในด้านการพยากรณ์มาก โลกจอมยุทธ์ยังเคยเชิญเขาไป”
“เพราะปู่ฉันไม่ค่อยออกไปไหน ตอนนี้ชื่อเสียงของโหลวเหวินไห่ก็เลยดังกว่าปู่ฉัน” ตี้อู่เย่ว์เกาหัว “มิน่าวันนี้ที่นี่ถึงคนเยอะขนาดนี้ น่าจะมาเพราะโหลวเหวินไห่”
อิ๋งจื่อจินไม่ถามต่อ พูดแค่ว่า “ไป”
ตี้อู่เย่ว์ตามไปทันที
ตรงด้านหน้า ชายชราคนนั้นถูกกลุ่มหนุ่มสาวล้อมไว้ กำลังบรรยายความรู้ที่เกี่ยวกับศาสตร์พยากรณ์ไม่หยุด
นี่ก็คือโหลวเหวินไห่
ปีนี้อายุเจ็ดสิบสองปี บารมีสูงส่ง
“ปรมาจารย์โหลวครับ ไม่ทราบว่าวันเกิด…”
“ปรมาจารย์โหลวครับ มีอีกครับมีอีก ผมอยากถามเรื่องบ้าน”
ปรมาจารย์โหลวลูบเคราพลางอธิบาย ดูชอบบรรยากาศแบบนี้มาก
ทันใดนั้นก็มีเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น ไม่ดังมาก แต่กลับชัดเจน
“เมื่อไรกันที่คนรู้เรื่องพวกนี้ก็บอกว่าตัวเองทำนายได้แล้ว”
“…”
เกิดความเงียบขึ้นในทันที
หลายคนหันมามอง พอเห็นเป็นเด็กสาวที่แต่งตัวมิดชิดก็ขมวดคิ้ว
มาใหม่เหรอ
แต่มาใหม่ก็กล้าท้าทายโหลวเหวินไห่แล้วเหรอ
ปรมาจารย์โหลวถูกยกย่องจนชินแล้ว ยังไม่เคยเจอคนพูดแบบนี้ใส่เขา
โดยเฉพาะอีกฝ่ายที่ยังเป็นแค่เด็กสาว
ปรมาจารย์โหลวหันมา สีหน้าบึ้งตึงในทันที “ฉันไม่คู่ควรพยากรณ์เหรอ เธอว่าฉันไม่คู่ควรงั้นเหรอ”
“เธอรู้หรือเปล่าว่าอะไรคือผังแปดทิศ คัมภีร์โจวอี้คืออะไร ตำราเหมยฮวาอี้ซู่คืออะไร!”
“ฉันศึกษาแผนภาพทุยเป้ยมาแปดสิบแปดรอบ ให้ท่องย้อนกลับก็ยังได้ ตำราฉยงทงเป่าเจี้ยนฉันก็อ่านมาหกสิบหกรอบ แค่เธอบอกมาอักษรเดียวฉันก็รู้แล้วว่ามาจากส่วนไหน”
“ตำราหมาอีเสินเซี่ยงฉันก็อ่านจนแตกฉานแล้ว ตอนนี้ตำราที่นักพยากรณ์อย่างพวกเขาใช้ก็ฉันเขียนเองทั้งนั้น!”
ปรมาจารย์โหลวพูดแต่ละประโยคก็ก้าวตรงเข้ามาทีละก้าว
ท่าทางกดดัน บุคลิกเอาเรื่อง
“ศตวรรษก่อนตระกูลมู่แห่งตี้ตูเคยเชิญฉันไปดูฮวงจุ้ยที่บ้านพวกเขา” ปรมาจารย์โหลวพูดโอ้อวด “พวกผู้กำกับโปรดิวเซอร์ชื่อดังของวงการบันเทิงก็เคยเชิญฉันไปทำนายดวงชะตาให้”
“ฉันโหลวเหวินไห่เดินเส้นทางนี้ตั้งแต่อายุหกขวบ ห้าด้อยสามขาดฉันเลือกที่จะไร้อำนาจ จวบจนทุกวันนี้ยังไม่เคยมีข้อผิดพลาดใดๆ บนเส้นทางการพยากรณ์ พวกเขาถึงได้เรียกฉันด้วยความเคารพว่าปรมาจารย์โหลว!”
ปรมาจารย์โหลวแสยะยิ้มพูดต่อ “เธอล่ะ เธอมีดีอะไร ฉันว่าอย่างเธอแค่คัมภีร์อี้จิงก็ท่องไม่ได้หรอก! ยังจะกล้าหาว่าฉันทำนายไม่เป็นอีกเหรอ”
“อายุแค่นี้ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”
วิชาศาสตร์พยากรณ์ฮวงจุ้ยต่างๆ มีอยู่คำพูดหนึ่ง
นักพยากรณ์ยิ่งแก่ ความสามารถในการพยากรณ์ก็จะยิ่งสูง และจะยิ่งได้รับความเคารพนับถือจากผู้คน
โหลวเหวินไห่อยู่ในวงการพยากรณ์มาหลายสิบปีแล้ว มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่นับหน้าถือตาจากคนจำนวนไม่น้อย
“ฉันไม่ได้มีดีอะไรหรอก” แววตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง เย็นชาดุจหิมะ หัวเราะเบาๆ “แต่ถ้าให้ชิงดวงทั้งหมดของคุณมาก็พอทำได้”
มีเหตุย่อมมีผล
หลีหานช่วยเธอทำการทดลอง เธอก็จะช่วยหลีหานจัดการเรื่องยืมดวง
คนที่วางผังยืมดวงคือโหลวเหวินไห่
เหตุเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นเธอลงมือได้
พอได้ยินแบบนี้ปรมาจารย์โหลวก็โมโหฮึดฮัด หัวเราะ “ดวงเหรอ เธอรู้เหรอว่าดวงคืออะไร ตั้งแต่โบราณจนปัจจุบัน มีแค่คำพูดที่ว่ายืมดวง มีการชิงดวงที่ไหนกัน”
“ไม่เข้าใจศาสตร์พยากรณ์ก็อย่ามาทำขายหน้าแถวนี้ ใครเชิญเธอเข้ามากันแน่ ยังไม่รีบพาออกไปอีก”
วันนี้เป็นงานรวมตัวของเหล่านักพยากรณ์และคนรุ่นหลังที่พวกเขาพามา ปรมาจารย์โหลวถือเป็นคนเก่งอันดับต้นๆ ในบรรดานักพยากรณ์เหล่านี้
คนอื่นๆ ก็เริ่มโมโห สีหน้าดูถูก
“สาวน้อย อย่ามาหาเรื่องปรมาจารย์โหลวเลย ถ้าเขาเล่นตุกติกกับวันเดือนปีเกิดของเธอ ชีวิตนี้เธอจบเห่แน่”
“นั่นน่ะสิ สาวน้อยคนนี้ลูกศิษย์ใคร แค่ปรมาจารย์โหลวพูดคำเดียวก็แบนอาจารย์ของเธอได้แล้ว”
นักพยากรณ์ระดับโหลวเหวินไห่มีความสามารถทำได้ถึงขั้นนั้นจริง
แค่เปลี่ยนแปลงดวงชะตาก็ทำให้คนคนหนึ่งตกต่ำไปทั้งชีวิตได้
เว็บบอร์ดเอ็นโอเคถึงได้มีคำพูดที่ว่า ถ้าจำนวนของนักทำนายมีมากพอให้จัดอันดับได้ก็จะเป็นนักล่าที่น่ากลัวที่สุด
น่ากลัวยิ่งกว่านักปรุงยาพิษ
“ก็ได้ ในเมื่อเธอไม่ไป งั้นฉันจะทำให้เธอไปเอง” แววตาของปรมาจารย์โหลวดุจมีไฟแผดเผา จ้องอย่างดุดัน
ฟึ่บ!
กระบี่ไม้ในมือเขาหลุดออกมาจากฝัก พุ่งตรงไปหาอิ๋งจื่อจิน
อิ๋งจื่อจินค่อยๆ ยกมือขึ้น ใช้แค่สองนิ้วก็หยุดกระบี่ไม้ของปรมาจารย์โหลวที่พุ่งมาได้
มือของเธอดูเหมือนไม่ได้ใช้เรี่ยวแรงเท่าไร แต่กระบี่ไม้กลับไม่ขยับแม้แต่น้อย เคลื่อนไปข้างหน้าไม่ได้
เวลานี้ในที่สุดสีหน้าของปรมาจารย์โหลวก็เปลี่ยนไป พูดเสียงหลง “เธอ…”
กระบี่ไม้เล่มนี้ของเขาไม่ใช่กระบี่ไม้ธรรมดา
ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ทั่วไปก็รับไม่ได้
แล้วทำไม…
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น “โจมตี”
ฟู่ว!
ทันใดนั้นมีกระแสลมพัดเข้ามา