ตอนที่ 521 รับผลกรรม ฟู่อวิ๋นเซิน ‘โทษที มีเจ้าของแล้ว’
มหาวิทยาลัยตี้ตูค่อนข้างเน้นไปทางสายวิทยาศาสตร์ นักศึกษาชายจึงเยอะกว่านักศึกษาหญิง
โดยเฉพาะพวกคณะวิศวกรรม เช่น วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมเครื่องจักร ในหนึ่งคลาสมีนักศึกษาหญิงสักสามคนก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
สาขาคอมพิวเตอร์ดีหน่อย แต่ผู้ชายก็ยังเยอะกว่าผู้หญิงเสมอ
นักศึกษาหญิงทุกคนจึงเป็นสิ่งล้ำค่า
เมื่อคลิปนี้ออกมา อย่าว่าแต่นักศึกษาหญิงเลย พวกนักศึกษาชายก็โมโหมาก
ถึงแม้ตอนนี้หลีหานจะไม่มีแฟน แต่คนที่ชอบเธอก็มีอยู่ไม่น้อย อย่างไรเสียเธอก็เป็นหนึ่งในดาวมหาวิทยาลัย แถมยังเป็นคนเก่ง
“เรื่องบางเรื่องฉันก็อยากไว้หน้าพวกคุณบ้าง แต่พวกคุณกลับจะต้อนฉันให้จนมุมให้ได้ มันก็ช่วยไม่ได้แล้วนะ” หลีหานยืนขึ้น หยิบไมโครโฟนมา “ก็พอดี มีคนอยู่เยอะ ฉันขอประกาศเลยแล้วกัน”
เธอพูดเสียงดังฟังชัด “นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันขอตัดความสัมพันธ์กับคุณหลีชุนหรงและคุณซุนหลานอย่างเป็นทางการ และก็ขอให้พวกคุณสองคนมียางอายบ้าง เฝ้าลูกชายของคุณไว้ให้ดี วันหน้าอย่ามาขอเงินฉัน”
“แน่นอนว่าฉันเองก็ไม่มีทางให้ แค่นี้แหละ”
“อ่อ ยินดีนะถ้าจะฟ้องฉัน ยินดีมากๆ ฉันมีเพื่อนอยู่คณะนิติศาสตร์หลายคนเลยล่ะ” หลีหานยิ้ม “ลองดูแล้วกันว่าคนหัวโบราณคร่ำครึอย่างพวกคุณจะฟ้องชนะนักศึกษาหัวกะทิของมหาวิทยาลัยตี้ตูได้หรือเปล่า”
นักศึกษาคณะนิติศาสตร์หลายคนของมหาวิทยาลัยตี้ตูหลังเรียนจบก็จะไปทำงานที่สำนักงานทนายความซีเฟิงที่เป็นสำนักงานทนายความอันดับหนึ่งของตี้ตู
พ่อหลีโกรธหน้าเขียว
ที่มากกว่าความโกรธคือความอับอาย
ไม่เพียงแต่เขาจะรักลูกชายมากกว่า ยังรักศักดิ์ศรีมากด้วย
คำพูดที่เขาเคยพูดถูกนำมาแฉต่อหน้าคนรุ่นลูกมากมายขนาดนี้ ราวกับผ้าคลุมที่ปกปิดไว้ถูกดึงออก
พ่อหลีระเบิดอารมณ์ทันที ถกแขนเสื้อขึ้นจะเข้าไปตบหลีหานแบบเมื่อก่อน
แต่แค่ลงจากเวทีเขายังทำไม่ได้ เพราะมีนักศึกษาชายสองคนที่นั่งแถวหน้าวิ่งเข้าไปบิดแขนของพ่อหลีไว้แล้วเอาตัวไปด้านนอก
แม่หลีอึ้ง ถูกพวกนักศึกษาหญิงไล่ออกไป
หลีหานเช็ดเหงื่อ ตอบกลับอิ๋งจื่อจิน
[ขอบใจนะรุ่นน้องอิ๋ง]
[ไม่เป็นไรค่ะ]
เรื่องที่เกิดขึ้นภายในหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยตี้ตูกับคลิปวิดีโอนั้นถูกเอาไปลงเว็บบอร์ดทั้งหมด
ชื่อเสียงของหลีหานโด่งดังมาก พวกนักศึกษาฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง
[อื้อหือ อัจฉริยะของมหา’ลัยตี้ตูเราถูกรังแกขนาดนี้เลยเหรอ]
[นักศึกษาชายมอเราไปอยู่ไหนกันหมด ออกมาปกป้องนักศึกษาหญิงด้วย]
[รายงานๆ รายงานจากแนวหน้า ศาสตราจารย์เซวียกับพวกศาสตราจารย์สาขาคอมพิวเตอร์ยกพวกออกจากตึกสำนักงานไปแล้ว เป้าหมายคือสองผัวเมียที่น่าขยะแขยงคู่นั้น]
[? ยกพวกเลยเหรอ]
…
พ่อหลีกับแม่หลีถูกเซวียกั๋วหวากับพวกศาสตราจารย์สาขาคอมพิวเตอร์ใช้ไม้กวาดไม้ถูพื้นไล่ออกจากมหาวิทยาลัยตี้ตู
นับตั้งแต่วินาทีนี้พ่อหลีกับแม่หลีถึงตระหนักได้ว่าหลีหานมีสถานะแบบไหนในมหาวิทยาลัยตี้ตู
พ่อหลีนึกเสียใจที่ตัวเองวู่วาม
แต่ใครจะไปคาดคิดว่า หลีหานจะรู้เรื่องที่ตัวเองถูกยืมดวง
อย่างไรเสียเรื่องแบบนี้พูดออกไปก็ไม่มีคนเชื่อ เจ้าตัวเองยิ่งไม่มีทางรู้สึกตัว
พ่อหลีก็แค่บังเอิญเชิญปรมาจารย์โหลวมาได้
เขาไม่เข้าใจวงการนักพยากรณ์ แต่เห็นคนอื่นให้ความเคารพนับถือปรมาจารย์โหลวกันมาก ก็เลยคิดว่าปรมาจารย์โหลวจะต้องเก่งแน่นอน
หรือว่าหลีหานจะรู้จักหมอดูที่เก่งกว่า
ขณะที่พ่อหลีกำลังคิดอยู่นั้นโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
ทางบริษัทโทรมา
บริษัทที่พ่อหลีทำงานอยู่เป็นหนึ่งในห้าร้อยบริษัทยอดเยี่ยมของประเทศจีน แต่เขาก็ไม่ได้นั่งทำงานในออฟฟิศ ทุกวันแค่ดูแลคลังสินค้า
แต่ละเดือนได้แค่เงินเดือนขั้นต่ำห้าพันหยวน และก็ไม่ได้มีงานอะไรมาก
แต่พ่อหลีพอใจในงานนี้มาก
เขาไม่กล้าให้หัวหน้ารอ กดรับทันที “สวัสดีครับผอ.หลิว ผม…”
พ่อหลียังไม่ทันพูดจบก็ถูกขัดจังหวะ ปลายสายพูดเสียงเย็นชา “หลีชุนหรง นับแต่นี้เป็นต้นไป นายถูกไล่ออกจากบริษัทแล้ว”
พ่อหลีลนลาน “ผะ ผอ.หลิวว่าไงนะครับ ล้อเล่นหรือเปล่าครับ”
“เปล่า” ผู้อำนวยการหลิวโมโหจนหัวเราะ “เมื่อกี้คอมพิวเตอร์ของบริษัทถูกแฮกทุกเครื่อง พวกเรารู้แล้วว่านายทำกับลูกสาวยังไง นายยังคิดจะอยู่บริษัทนี้อีกเหรอ”
“ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาวนายเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยตี้ตู นายคิดว่าบริษัทจะจ้างนายเหรอ”
หลีหานเป็นนักศึกษายอดเยี่ยมที่หลายบริษัทอยากเชิญเข้าไปทำงาน
พ่อหลีอึ้ง “ไม่ใช่เพราะเหวินเซวียนหรอกเหรอครับ”
เมื่อปีที่แล้วหลีเหวินเซวียนเก็บใบปลิวรับสมัครงานกลับมาให้เขาดู
เขาคิดว่าน่าสนใจเลยไปสมัคร นึกไม่ถึงว่าจะถูกเลือก
เมื่อก่อนเรื่องดีๆ แบบนี้ไม่มีทางตกมาถึงตัวเขา
พ่อหลีคิดมาตลอดว่าหลังจากยืมดวง หลีเหวินเซวียนก็นำโชคดีมาสู่ครอบครัวหลี
เขาก็ยิ่งไม่ชอบหลีหานเข้าไปใหญ่
“หลีชุนหรง นายหมายถึงลูกชายไม่เอาไหนของนายน่ะเหรอ เขามีค่าถึงขั้นทำให้บริษัทหาตำแหน่งงานให้นายเลยเหรอ” ผู้อำนวยการหลิวพูดเสียงเย็นชา “ฉันขอพูดไว้ตรงนี้เลยนะ ถ้าไม่มีคุณหลีหาน แม้แต่จะก้าวเข้าบริษัทเรานายยังทำไม่ได้เลย อีกเดี๋ยวรีบมาเก็บของแล้วไสหัวไปซะ!”
ปลายสายตัดสายทิ้ง
พ่อหลีอึ้งอยู่ที่เดิม เหงื่อออกเต็มหลัง นั่งแน่นิ่งอยู่บนพื้น สีหน้าซีดเซียว
หลีหานตัดขาดกับเขา หลีเหวินเซวียนก็จะตายแล้ว แถมเขายังถูกไล่ออกจากงานอีก
เขาไม่เหลืออะไรแล้ว มีแค่ความแค้นปกคลุม ครอบงำทุกความคิดของเขา
…
อิ๋งจื่อจินออกจากห้องทดลองในมหาวิทยาลัยเวลาห้าโมงครึ่ง
พวกนักศึกษาในมหาวิทยาลัยตี้ตูก็ชินแล้วที่มีเธออยู่ ถึงแม้จะยังตื่นเต้นมาก แต่อย่างไรเสียการเรียนก็มาอันดับหนึ่ง
อิ๋งจื่อจินสวมหมวกเบสบอลบังแดด มืออีกข้างกดส่งข้อความ
มีคนเรียกเธอจากด้านหลัง
“รุ่นน้องอิ๋ง! รุ่นน้องอิ๋ง รอก่อน!”
อิ๋งจื่อจินหยุดเดินแล้วหันไป
เป็นนักศึกษาชายที่หน้าตาดีคนหนึ่ง วิ่งตามเธอออกมาจากประตูมหาวิทยาลัย
“รุ่นน้องอิ๋ง พี่เรียนปอโทปีหนึ่งคณะวิศวกรรมเครื่องจักร” ในมือของนักศึกษาชายมีจดหมายฉบับหนึ่ง ยิ้มให้เธอ “พี่ชอบเธอนะ อันนี้ให้”
อิ๋งจื่อจินยังไม่ทันได้เอ่ยปฏิเสธก็มีเสียงชิงพูดขึ้นมาก่อน
“โทษทีนะ” นิ้วเรียวยาวกดจดหมายฉบับนั้นแล้วค่อยๆ ดึงออกมา “มีเจ้าของแล้ว”
สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก
เธอหันไป
ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำเรียบง่าย มีผ้าคาดปากสีดำ
เขายืนสบายๆ อยู่ตรงนั้น งอขาข้างหนึ่ง ท่าทางเรื่อยเปื่อย คุณชายเสเพล
แต่บุคลิกเอาเรื่อง ไม่อาจมองข้าม
นักศึกษาชายเกร็งขึ้นมาทันที ทำตัวไม่ถูก
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว เหลือบมองจดหมายแล้วส่งคืนให้ ยิ้มมุมปาก “ตั้งใจเรียน อย่ารีบมีความรัก”
นักศึกษาชาย “…”
เขาเป็นโสดมายี่สิบสามปีแล้ว
“แฟนจ๋า ไปกันเถอะ” ฟู่อวิ๋นเซินจับมืออิ๋งจื่อจินแล้วลูบหัวเธอ “เดี๋ยวที่รักจะพาไปกินข้าวเย็นนะ”
อิ๋งจื่อจินปล่อยให้เขาจูงไป
ทั้งสองคนขึ้นรถ
อิ๋งจื่อจินคาดเข็มขัดนิรภัยพลางพูดขึ้น “ผู้บัญชาการ ฉันไม่เคยสังเกตจริงๆ ว่าคุณยังมีฟังก์ชันผลุบๆ โผล่ๆ ด้วย”
“แค่เฉพาะกับเธอ” ฟู่อวิ๋นเซินหันมา “ต้องเฝ้าให้ดี”
เขาดึงผ้าปิดปากออก เผยให้เห็นใบหน้าชวนสะกดใจ
อิ๋งจื่อจินก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเขาดูซีดมาก แต่กลับดูหล่อยิ่งขึ้น
เธอเอามือวัดไข้บนหน้าผากของเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ”
ต่อมาอิ๋งจื่อจินถึงรู้ว่าที่ผ่านมาหลายปีฟู่อวิ๋นเซินต้องใช้ยาหรือการสะกดจิตถึงจะหลับได้
เพราะแค่หลับตาก็จะเห็นเลือดนอง
สภาพอารมณ์ของฟู่อวิ๋นเซินไม่คงที่มาตลอด มักจะเกือบควบคุมไม่ได้อยู่บ่อยครั้ง
สาเหตุที่เขาต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายหลายครั้งในโลกจอมยุทธ์ก็เพื่อระบายอารมณ์
ไม่อย่างนั้นเขาจะสติแตก
เธอไม่รู้ว่าเขาผ่านมาได้ยังไง
เปลือกตาฟู่อวิ๋นเซินสั่นเล็กน้อย เขาจับมืออิ๋งจื่อจิน
“ก็ใช่น่ะสิ แต่แค่กอดเธอก็ดีขึ้นแล้ว เธออยู่ พี่ชายไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”
อิ๋งจื่อจินกอดเขาพลางกระซิบ “ฉันอยู่นี่”
ฟู่อวิ๋นเซินจูบเธอ “คืนนี้พักโรงแรมหรือพักบ้านเนี่ยเฉา”
“คืนนี้ฉันนอนมหา’ลัย”
“…”
เขาลืมไปว่าพรุ่งนี้เด็กน้อยของเขาจะไปเล่นฝึกระเบียบทหาร
…
วันที่เก้าตุลาคม การฝึกระเบียบทหารเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
สนามฝึกหลักอยู่ที่สนามกีฬา
ตอนเช้าทำพิธีเปิดเสร็จก็เริ่มแบ่งกลุ่มตามคณะหรือสาขาที่เรียน
จี้หลีมองๆ แล้วก็รู้สึกผิดหวัง “เฮ้อ เทพอิ๋ง ครูฝึกของพวกเราไม่หล่อเหมือนกลุ่มอื่นเลย”
อิ๋งจื่อจินหาว “คนอื่นก็ธรรมดา”
หลักๆ คือเห็นคนหล่อมาจนชิน
จี้หลีพยักหน้าเห็นด้วย “เทียบกับน้องเขยไม่ได้อยู่แล้ว”
เสียงนกหวีดดังขึ้น แสบแก้วหู
พวกนักศึกษายืนตรงทันที
“ผมเป็นสมาชิกฝึกหัดของหน่วยอีจื้อชื่อเว่ยจื่อซวี่ จะมาเป็นครูฝึกให้พวกคุณสิบสี่วัน ระหว่างที่ฝึกนี้ผมไม่อยากเห็นใครฝ่าฝืนคำสั่ง” เว่ยจื่อซวี่กวาดตามองนักศึกษาทีละคน “ตอนนี้จะเริ่มเช็กชื่อ”
เขาไล่มองรายชื่อ กระโดดข้ามไปที่ชื่อหนึ่ง “อิ๋งจื่อจิน”
จี้หลีงง “เทพอิ๋ง ชื่อของเธอไม่ใช่คนแรกและก็ไม่ใช่คนสุดท้ายหรือเปล่า”
นี่เช็กชื่อยังไง
อิ๋งจื่อจินเงยหน้าตะโกนตอบ “มาค่ะ”
“ดี” เว่ยจื่อซวี่พยักหน้า “ออกมายืนตรงนี้”