ตอนที่ 534 ถูกถอดตำแหน่ง ลงโทษหนัก! ง้อแฟน
คณะและสาขาในมหาวิทยาลัยตี้ตูต่างไม่แย่ สามคณะใหญ่แข็งแกร่งที่สุด
แต่ก็มีนักศึกษาของสามคณะใหญ่ที่คิดว่าตัวเอาอยู่เหนือกว่าหนึ่งระดับ
มีความคิดแบบนี้ก็ไม่แปลก อย่างไรเสียคะแนนขั้นต่ำของทั้งสามคณะนี้ก็สูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของคณะอื่นสิบห้าคะแนน
เหยียนอันเหอคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นมาตลอด
เธอดูถูกหลีหานก็เพราะตอนหลีหานอยู่ปีหนึ่งไม่ได้อยู่ในสามคณะใหญ่ สุดท้ายอาศัยการย้ายคณะถึงได้มาอยู่สาขาคอมพิวเตอร์
อิ๋งจื่อจินยิ่งไม่มีอะไรเข้าไปใหญ่ สาขาชีวะเคมีเทียบคณะแพทยศาสตร์ของพวกเขาไม่ได้
ตอนนี้พอได้ยินเฉินจวิ้นเซียนพูดแบบนี้ เหยียนอันเหอก็เงยหน้าทันที
ริมฝีปากเธอซีดไม่เหลือเลือดหล่อเลี้ยง ราวกับถูกหมัดเข้าเต็มเปา
เธอแทบไม่อยากเชื่อ
“ทะ ทุกคณะเหรอคะ”
อะไรคือทุกคณะ
“ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้จัดให้นักศึกษาอิ๋งจื่อจินอยู่คณะไหน” เฉินจวิ้นเซียนตอบ “ผู้บริหารมหาวิทยาลัยกับพวกศาสตราจารย์ก็ได้เห็นความสามารถของเธอแล้ว การบังคับให้เธอลงคณะไหนเป็นพิเศษกลับจะเป็นการส่งผลต่ออนาคตของเธอ”
“ดังนั้นเธออยากเรียนอะไรก็ตามสบาย พวกเราไม่บังคับ”
แน่นอนว่าเรื่องที่พวกศาสตราจารย์ของแต่ละคณะแย่งตัวเธอกันอย่างบ้าคลั่ง เฉินจวิ้นเซียนไม่ได้พูดออกมา
เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม มหาวิทยาลัยก้าวหน้าขนาดนี้ แต่กลับแย่งเด็กกันเอง
เฉินจวิ้นเซียนเงยหน้า มองเหยียนอันเหอที่หน้าซีด แต่กลับพูดกับเหยียนรั่วเสวี่ย “ฟังจากที่ศาสตราจารย์เหยียนพูด พวกเรากลับยิ่งต้องปกป้องชื่อเสียงของอัจฉริยะที่อยู่ทุกคณะแบบนี้ ดำเนินการลงโทษนักศึกษาเหยียนอันเหออย่างเข้มงวด”
เหยียนอันเหอหูตื้อไปหมด
มิน่าตอนนั้นที่เธออยากใช้ความเป็นประธานสภานักศึกษาฟ้องคณบดีเรื่องการทำผิดกฎของอิ๋งจื่อจิน อิ๋งจื่อจินถึงให้เบอร์ของอธิการบดีมา
“ค่ะ ทุกคณะก็ทุกคณะ” เหยียนรั่วเสวี่ยฝืนใจยอมรับ แต่เธอก็ยังคงรับไม่ได้ “อันเหอทำไม่ถูกจริง แต่การลงโทษอย่างคุมประพฤติก็หนักเกินไป ฉันไม่เห็นด้วยค่ะ”
“ศาสตราจารย์เหยียนรั่วเสวี่ย ดูท่าคุณจะยังไม่ตระหนักถึงความรุนแรงของเรื่องนี้” น้ำเสียงของเฉินจวิ้นเซียนยังคงใจเย็น “ข้อแรก นี่เป็นโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างมหาวิทยาลัยตี้ตูกับมหาวิทยาลัยตูริน”
“ข้อมูลการทดลองถูกลบทิ้งโดยมีเจตนาร้าย ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของสถานะคณะแพทย์มหาวิทยาลัยตี้ตูในระดับโลกและนักศึกษาของคณะ”
เหยียนอันเหอหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม “ท่านอธิการคะ หนูไม่ได้อยากให้ข้อมูลการทดลอง…”
ข้อมูลการทดลองมีฉบับเขียนด้วยมือ สามารถทำเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างรวดเร็ว
พอถึงเวลาสมาชิกคนอื่นรวมถึงเธอไม่มีทางได้รับผลกระทบใดๆ ยกเว้นอิ๋งจื่อจิน
เฉินจวิ้นเซียนไม่สนใจคำแก้ตัวของเธอ วางเอกสารในมือกระแทกลงบนโต๊ะ “เหยียนอันเหอเธอเรียนคณะอะไร คณะแพทย์!”
“ศาสตราจารย์เหยียนรั่วเสวี่ย คุณบอกผมที คนที่เป็นว่าที่หมอทำเรื่องแบบนี้ ใครยังจะวางใจกล้าส่งเธอไปทำงานได้!”
เหยียนรั่วเสวี่ยสีหน้าเปลี่ยน พูดไม่ออก รู้สึกอาย
เธอเกือบลืมไปว่าที่นี่คือมหาวิทยาลัยตี้ตู ไม่ใช่ตระกูลจี้ที่เล่นงานกันด้วยแผนสกปรก
ถ้าสืบออกมาไม่ได้ก็ถือว่าแล้วไป แต่อิ๋งจื่อจินกลับมีภาพกล้องวงจรปิดอยู่ในมือ
“คุมประพฤติ หยุดกิจกรรมนักศึกษาทั้งหมด” เฉินจวิ้นเซียนไม่ใจอ่อน “ศาสตราจารย์เหยียนรั่วเสวี่ย งานของคุณในตระกูลจี้ก็ยุ่งเหมือนกัน วิชาของคุณในมหาวิทยาลัยผมจะให้คณบดีของสาขาชีวะเคมีเปลี่ยนให้คนอื่นสอนแทน”
เหยียนรั่วเสวี่ยชักสีหน้าเดินออกไป ไม่ได้พาเหยียนอันเหอออกไปด้วย
เหยียนอันเหอยืนอยู่นอกประตู ริมฝีปากสั่น ตัวก็สั่น เธออ้าปากถาม “คณบดีคะ…”
“พักการเรียนชั่วคราว” คณบดีผิดหวังอย่างสิ้นเชิง “นักศึกษาอิ๋งจื่อจินคนนี้ไม่ได้อยู่คณะแพทย์ คนละรุ่นกับเธอด้วยซ้ำ เธอทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร”
เขาเคยเจอเรื่องอย่างนักศึกษาใช้แผนสกปรกเพื่อแย่งชิงโควตาเรียนต่อกับโควตาไปเรียนต่างประเทศ มีเยอะมาก แต่ละปีมีเรื่องร้องเรียน
แต่คณบดีไม่เข้าใจว่าเหยียนอันเหอทำแบบนี้ได้ประโยชน์อะไร
เหยียนอันเหอพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
เธอยืนอยู่ที่เดิม เหงื่อไหลไม่หยุด
“ส่วนทางสภานักศึกษา ตำแหน่งของเธอให้รองประธานรับหน้าที่ชั่วคราว จะมีการเลือกประธานสภานักศึกษาคนใหม่” คณบดีพูดต่อ “ช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งมามหาวิทยาลัยเลยนะ”
พูดจบเขาก็เดินกลับห้องทำงานของอธิการบดี เคาะประตูแล้วเดินเข้าไป
“ท่านอธิการครับ เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการแก่งแย่งชิงดีในตระกูลจี้ครับ” เขาขมวดคิ้ว “แต่ส่งผลต่อมหาวิทยาลัยของเราไม่ใช่เรื่องดีเลยนะครับ”
พวกเขาก็รู้ว่าตระกูลจี้เริ่มเลือกผู้สืบทอดแล้ว
การแก่งแย่งชิงดีในตระกูลจี้สกปรกโสมม ทำได้ทุกวิถีทาง
เหยียนอันเหอเป็นหลานสาวของเหยียนรั่วเสวี่ย และก็ได้อาศัยบารมีของตระกูลจี้
“ผมรู้ ผมจะคุยกับทางตระกูลจี้” เฉินจวิ้นเซียนพยักหน้าช้าๆ “ตระกูลจี้ของพวกเขาจะทำยังไง มหาวิทยาลัยตี้ตูไม่มีทางเข้าไปยุ่ง แต่นักศึกษาของเราจะถูกเอาเปรียบไม่ได้”
…
ตอนบ่าย
อิ๋งจื่อจิน เฉินฉี่ และสมาชิกอีกสองคนของกลุ่มส่งรายงานการทดลองพร้อมกลุ่มของมหาวิทยาลัยตูรินเสร็จ โครงการแลกเปลี่ยนก็จบลงอย่างเป็นทางการ
ดอกเตอร์นอร่างานยุ่งมาก อยู่ที่ประเทศจีนนานไม่ได้
ครั้นแล้วเธอก็พูดเชิญชวนอิ๋งจื่อจินอยู่สักพัก จากนั้นถึงไปขึ้นเครื่องบินด้วยความเสียดาย
โครงการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ราบรื่นมาก ศาสตราจารย์กู่พึงพอใจ ต้องการเลี้ยงข้าวทั้งสี่คน
“หนูไม่ไปแล้วกันค่ะ” อิ๋งจื่อจินปฏิเสธ “หนูนัดแฟนไว้แล้วค่ะ”
ศาสตราจารย์กู่ย่อมไม่มีทางรบกวนชีวิตของหนุ่มสาว เขาพยักหน้า “ได้ รีบไปเถอะ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าแล้วไปรอรถด้านหน้า
ไม่นานก็มีรถมาเซราติมาจอด
เปิดประตูรถ อิ๋งจื่อจินเข้าไปนั่ง
สมาชิกในกลุ่มยังไม่ไปไหน พอเห็นภาพนี้ก็มีคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย “พวกนายเห็นแฟนของรุ่นน้องอิ๋งหรือเปล่า”
เฉินฉี่อึ้ง ส่ายหน้า “มองไม่ออก เห็นแค่เป็นผู้ชาย”
“…”
ไร้สาระจะพูดทำไม
บนรถ
ฟู่อวิ๋นเซินแบมือออก บนฝ่ามือมีลูกอมคล้ายเม็ดคริสตัลสองเม็ด “รสลิ้นจี่กับรสมะนาว กินรสไหน”
อิ๋งจื่อจินไม่คิดอะไรมาก หยิบขึ้นมาหนึ่งเม็ด “ลิ้นจี่แล้วกัน”
รสลูกอมที่เธอกินเหมือนกับเวินทิงหลาน
พออิ๋งจื่อจินกินเข้าไป ทันใดนั้นเอวของเธอก็ถูกกระชับ
ริมฝีปากถูกสัมผัสอย่างแผ่วเบา
จูบของฟู่อวิ๋นเซินนุ่มนวลมาตลอด ไม่มีการใช้กำลังข่ม แต่กลับอ่อนโยนจนชวนให้ถลำลึกอยู่ในวังวนนั้น
มือแตะอยู่ที่เอวของเธอ ยิ่งจูบก็ยิ่งลึก ดื่มด่ำถอนตัวไม่ขึ้น
ผ่านไปสักพักฟู่อวิ๋นเซินถึงหยุด
ริมฝีปากของอิ๋งจื่อจินแดงระเรื่อ เย้ายวนใจ
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง ดวงตาสีอำพันเหม่อลอย
เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ติดแหบเล็กน้อย “รสลิ้นจี่ หวานดีนะ”
อิ๋งจื่อจินค่อยๆ สูดลมหายใจ
จากนั้นก็เหล่มองเขา โยนลูกอมอีกเม็ดให้เขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “คุณกินรสมะนาวไปเถอะ”
“อืม ตามใจเธอ ครั้งหน้าจะกินรสมะนาว” ฟู่อวิ๋นเซินถาม “ไปโลกจอมยุทธ์เหรอ”
“อืม” อิ๋งจื่อจินหาวหวอด หลับตาลงพิงหลังของเขา “ฉันยังไม่ได้ไปเตร่แถวสหพันธ์จอมยุทธ์เลย”
เธอเข้าไปในโลกจอมยุทธ์หลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้อยู่นาน
สถานการณ์ของโลกจอมยุทธ์ในตอนนี้วุ่นวายมาก เธอต้องสำรวจให้ชัดเจน
“ได้ พี่ชายจะส่งเธอไปที่บ้านตระกูลเยี่ยแล้วกัน” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะเธอ “ให้อวิ๋นซานติดตามไป ถ้าเธอต้องเป็นฝ่ายช่วยเขาก็ทิ้งเขาไว้ได้เลย”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้วเล็กน้อย “ผู้บัญชาการ ลูกน้องเยอะเกินไปใช่ไหม”
“ประมาณนั้น” ขณะฟู่อวิ๋นเซินตอบก็กดรับสายโทรศัพท์
สิบกว่าวินาทีต่อมาเขาก็กดวาง หันไปพูด “เนี่ยอี้ให้พวกเราไปหาหน่อย”
…
การรับคนใหม่ของหน่วยอีจื้อในปีนี้สิ้นสุดลงแล้ว สมาชิกฝึกหัดยี่สิบคนรวมถึงหนิงอวี่เจ๋อได้เลื่อนเป็นสมาชิกทางการสำเร็จ
เมื่อกลายเป็นสมาชิกทางการ เนี่ยอี้จะเป็นคนมอบป้ายชื่อให้พวกเขา
พอเข้าหน่วยอีจื้อก็ต้องให้คำสัตย์สาบาน อีกทั้งต้องรักษาความลับทุกการปฏิบัติภารกิจ
สมาชิกฝึกหัดทั้งยี่สิบคนที่เข้ามาใหม่นี้นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าผู้บัญชาการสูงสุดของหน่วยอีจื้อจะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเนี่ย
ต่อให้เนี่ยอี้ออกจากตระกูลเนี่ยแล้ว แต่มีความสัมพันธ์นี้อยู่ก็ช่วยสร้างความมั่นคงให้สถานะของตระกูลเนี่ยในตี้ตูมากยิ่งขึ้น
“นี่เป็นข้อมูลของคนที่ฉันเลือกออกมา” เนี่ยอี้ยื่นเอกสารให้ปึกหนึ่ง “นายลองอ่านดู ถ้ามีที่เหมาะสมก็ส่งไปลองดูที่ไอบีไอได้”
ฟู่อวิ๋นเซินรับมา ไล่อ่านอย่างรวดเร็ว ดึงเอกสารออกมาไม่กี่ฉบับ นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ “เอาแค่นี้”
“โอเค” เนี่ยอี้เก็บเอกสารที่เหลือ เอาเอกสารที่ฟู่อวิ๋นเซินเลือกยื่นให้หัวหน้าทีม เพื่อให้เขาส่งไปที่สำนักงานใหญ่ไอบีไอ
ฟู่อวิ๋นเซินยืนขึ้น “ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันจะไปส่งเด็กน้อยของฉันที่โลกจอมยุทธ์”
“มี” สีหน้าของเนี่ยอี้ชะงักเล็กน้อย “ฉันมีคำถาม”
“ถาม”
“ง้อแฟนยังไง”
“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้า ดวงตาดอกท้อหรี่ลงเล็กน้อย ยิ้มพลางถาม “นายก็มีวันนี้เหรอ”
เนี่ยอี้เม้มริมฝีปากแน่น “ช่วยหน่อย”
“บอกว่าคิดถึงเธอสิ” ฟู่อวิ๋นเซินเลือกมาจากในโทรศัพท์ “คำพูดนี้โอเค ลองส่งไปหาสิ”
เนี่ยอี้มองดู เงียบไปชั่วขณะ “แบบนี้ได้ผลจริงเหรอ”
“ของฉันได้ผล” ฟู่อวิ๋นเซินคลายคอเสื้อ เหลือบตาขึ้น ยิ้มพลางพูด “แต่ของนายจะได้ผลหรือเปล่าฉันไม่รู้จริงๆ”
ตอนนั้นเขาไม่ควรถามเนี่ยอี้จริงๆ ว่าสาวอายุสิบเจ็ดสิบแปดชอบอะไร
เพราะผู้ชายคนนี้อีคิวติดลบ
แต่โชคดีที่สุดท้ายเขาไม่ได้ทำตามคำแนะนำของเนี่ยอี้
ไม่อย่างนั้นยิ่งจีบคงยิ่งหมดหวัง
เนี่ยอี้ครุ่นคิดสักพัก สุดท้ายก็ทำตามที่ฟู่อวิ๋นเซินบอก ส่งข้อความหาหลิงเหมียนซี
[วันนี้ก็คิดถึงคุณ จิตใจยากจะสงบ]
หลังจากส่งข้อความเสร็จก็ไม่ได้ปรากฏเครื่องหมายตกใจสีแดง
ถือเป็นลางดี
มือของเนี่ยอี้วางอยู่ตรงริมฝีปาก รอด้วยความอดทน
ต่อมาก็มีสี่ข้อความเข้าต่อเนื่อง
หลิงเหมียนซี : [บทสวดจินกัง.mp3]
หลิงเหมียนซี : [มหาเมตตา.mp3]
หลิงเหมียนซี : [นะโมอามิตตาพุทธ.mp3]
หลิงเหมียนซี : [ฟังหลายๆ รอบนะ จิตใจจะได้สงบ]
หัวหน้าทีมสองกับหัวหน้าทีมสามที่ชะโงกเข้ามาดูด้วย “…”
ดูเหมือนหัวหน้าของพวกเขาจะไม่ได้น่าสงสารธรรมดา
นี่ต้องล่วงเกินแฟนมากขนาดไหนกัน
ทำได้ถึงขั้นนี้บอกเลยว่าสุด
เนี่ยอี้จับหัว สูดลมหายใจเข้าลึก จิตใจสงบลงแล้ว “ของฉันไม่ไหวจริงๆ”
ฟู่อวิ๋นเซิน “ผนึกวรยุทธ์ไว้แล้วให้เธออัด”
เนี่ยอี้ “ต่อให้ฉันไม่ผนึกวรยุทธ์อย่างมากก็ได้แค่สู้จนเสมอตัวกับเธอ”
อย่างไรเสียพ่อแม่ของเนี่ยอี้ก็ไม่ใช่จอมยุทธ์
เขามีพรสวรรค์จอมยุทธ์ก็คล้ายกับสถานการณ์ของเวินเฟิงเหมียน ไม่รู้ว่าเป็นพันธุกรรมที่สืบทอดมากี่รุ่นแล้ว
หลิงเหมียนซีถือเป็นประเภทที่แปลกประหลาดในโลกจอมยุทธ์ พรสวรรค์จอมยุทธ์ของพ่อแม่เธอเรียกได้ว่าธรรมดามาก
อีกทั้งเธอยังเป็นผู้หญิง ฝึกวรยุทธ์ได้ยากกว่าผู้ชาย
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น วรยุทธ์ของเธอก็ยังคงอยู่อันดับต้นๆ ในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน
ตระกูลเซี่ยอยากจับหลิงเหมียนซีมาตลอด สาเหตุหนึ่งก็เพื่อเอาตัวเธอไปศึกษา
ดูว่าเป็นการกลายพันธุ์หรือไม่
ฟู่อวิ๋นเซินยืนขึ้น พูดอย่างใจเย็น “ยังมีอีกวิธีหนึ่ง”
เนี่ยอี้เงยหน้า “หืม?”
“นายให้เธอเปลี่ยนแฟนใหม่ ปัญหานี้ก็จะหมดไป”
“…”
…
อีกด้านหนึ่ง
ตระกูลจี้
เวินเฟิงเหมียนกับจี้อี้หางอยู่ในห้องทดลอง
โลกจอมยุทธ์กว้างใหญ่ ตระกูลอย่างตระกูลจี้ไม่มีทางเข้าถึงศาลสถิตยุติธรรม
ผู้อาวุโสกับพวกฮู่ฝ่าของศาลสถิตยุติธรรมก็ไม่มีทางสนใจตระกูลจี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลจี้ที่อยู่ในตี้ตู ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้ว่าเวินเฟิงเหมียนมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลจี้
“เฟิงเหมียน จริงสิ ฉันล้างรูปเสี่ยวหลีกับจื่อจินตอนฝึกระเบียบทหารออกมาแล้วนะ” จี้อี้หางนั่งลง วางอัลบั้มรูปลงบนโต๊ะ “ให้นายหนึ่งชุด”
เวินเฟิงเหมียนแกะไล่ดูทีละรูป
เด็กสาวที่อยู่ในรูปสวมชุดลายพราง ใบหน้าดุจภาพวาด
บุคลิกตอนจับปืนยังดูดี งดงามชวนตะลึง
แววตาของเวินเฟิงเหมียนอ่อนโยน
โชคดีที่ไม่ว่าจะอิ๋งจื่อจินหรือเวินทิงหลานตอนนี้ต่างมีชีวิตที่ดี
เขาวางใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว
เวลานี้มีคนมาเคาะประตูห้องทดลอง เป็นผู้ช่วย “คุณเหยียนรั่วเสวี่ยมาครับ มีธุระมาหาพวกคุณครับ”
จี้อี้หางขมวดคิ้ว “เหยียนรั่วเสวี่ยเหรอ”
การแข่งขันชิงตำแหน่งผู้สืบทอดดุเดือดขึ้นทุกที เหยียนรั่วเสวี่ยเป็นคู่แข่งของพวกเขา แล้วทำไมถึงมาหาพวกเขาตอนนี้
ไม่มีทางมีเรื่องดี
“ให้เธอเข้ามาสิ” เวินเฟิงเหมียนพูด “ลองฟังดูว่าเรื่องอะไร”
จี้อี้หางหันไปสั่งผู้ช่วย
ห้องทดลองของพวกเขาเลื่อนมาเป็นระดับเอสแล้ว ต่อให้เป็นเหยียนรั่วเสวี่ยก็บุกเข้ามาไม่ได้
ไม่นานเหยียนรั่วเสวี่ยก็เข้ามา
“เดิมทีก็ไม่ได้อยากมาหรอก” เหยียนรั่วเสวี่ยพูด เธอมองเวินเฟิงเหมียน “แต่ช่วยไม่ได้ เหยียนอันเหอกับลูกสาวคุณมีเรื่องขัดแย้งกันนิดหน่อย คุณไปบอกลูกสาวคุณทีว่าให้เรื่องจบแค่นี้พอ”