คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 538 อย่ามีเรื่องด้วย เทพอิ๋งเป็นบรรพบุรุษ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 538 อย่ามีเรื่องด้วย เทพอิ๋งเป็นบรรพบุรุษ

เดิมทีโทษคุมประพฤติใช่ว่าจะยกเลิกไม่ได้

วันหน้าเกิดเหยียนอันเหอประสบความสำเร็จในด้านการแพทย์แล้วไปคุยกับทางคณะแพทย์ ทำตัวน่าสงสารหน่อยก็ยกเลิกการลงโทษได้

นานวันเข้าก็ไม่มีใครจำได้แล้วว่าเหยียนอันเหอเคยทำอะไรไว้

แต่ตอนนี้มหาวิทยาลัยตี้ตูไล่เหยียนอันเหอออก ก็เท่ากับหมดโอกาสกลับมาเหมือนเดิมแล้ว

แต่สำหรับเหยียนรั่วเสวี่ย เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญที่สุด

เรื่องที่สำคัญที่สุดคือเธอเองก็ถูกไล่ออกไปด้วย ทั้งยังมีผลทันที ไม่ให้เวลาแก้ตัว แม้แต่เขียนใบลาออกก็ไม่ให้เธอทำ

คณบดีของสาขาชีวะเคมีประกาศให้เธอไสหัวออกไปได้แล้ว

เหยียนรั่วเสวี่ยมีวิชาสอนในมหาวิทยาลัยตี้ตูไม่มาก แค่สัปดาห์ละคาบ

แต่เงินเดือนไม่ต่ำ เพราะมีชื่อเสียงมาก

ตอนนี้ไม่เหลืองานนี้แล้ว ทำให้เธอขาดแหล่งรายได้ไป ไหนจะเส้นสายอีก

เหยียนอันเหอรู้สึกหน้ามืดไปชั่วขณะ พูดเสียงสั่น “ป้าว่าอะไรนะคะ”

เธอถูกมหาวิทยาลัยตี้ตูไล่ออกแล้วงั้นเหรอ!

ไหนว่าแค่คุมประพฤติ

ทำไมถึงเป็นแบบนี้

“ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ” เหยียนรั่วเสวี่ยโมโหผิดปกติ “เธอไปล่วงเกินใครมากันแน่”

เธอไม่ได้คิดไปทางอิ๋งจื่อจินแม้แต่น้อย

อิ๋งจื่อจินเป็นแค่นักศึกษามหาวิทยาลัยตี้ตู ยังไม่มีอำนาจถึงขั้นทำให้สาขาชีวะเคมีไล่เธอออกได้

เหยียนอันเหอหัวใจหดเกร็ง เจ็บปวดราวกับเป็นตะคริว เธอพึมพำ “ทำไมเป็นแบบนี้”

เธอเองก็นึกไม่ออกว่าทำอะไรลงไป เหยียนรั่วเสวี่ยถึงติดร่างแหไปด้วย

“เหยียนอันเหอ ป้าขอเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย” เหยียนรั่วเสวี่ยพูดเสียงเย็นชา “รีบออกมาจากโลกแพทย์แผนโบราณเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น อาทิตย์หน้าตระกูลจี้จะเลือกผู้สืบทอดแล้ว”

“ถ้าเธอกล้าก่อเรื่องอะไรก่อนที่ป้าจะยึดตระกูลจี้ได้ล่ะก็ อย่ามาโทษที่ป้าจะตัดขาดกับเธอ! ต่อไปจะไม่สนใจเธอแล้ว!”

พูดจบเหยียนรั่วเสวี่ยก็ตัดสายทิ้ง

ผู้ช่วยก้มหน้า กลัวว่าตัวเองจะถูกพาลโมโหไปด้วย

จนกระทั่งเหยียนรั่วเสวี่ยถามเขา “สถานการณ์ทางยุโรปเป็นไงบ้าง”

“เตรียมพร้อมแล้วครับ” ผู้ช่วยรีบตอบ “ทางศาสตราจารย์มานูเอลจะส่งคนมาสนับสนุนคุณเต็มที่ วางใจได้ครับ นอกจากคุณแล้ว ในตระกูลจี้ยังจะมีใครได้คลุกคลีกับห้องทดลองชั้นแนวหน้าระดับโลกอีก”

ตระกูลจี้เลือกผู้สืบทอดก็ต้องดูเส้นสายในระดับโลก

มีแค่เหยียนรั่วเสวี่ยจริงๆ ที่ได้เข้าร่วมห้องทดลองชั้นแนวหน้าระดับโลก

เวินเฟิงเหมียนยังสู้ไม่ได้

เหยียนรั่วเสวี่ยตอบอืม อารมณ์ถึงดีขึ้นมาบ้าง

ดูท่าตำแหน่งผู้สืบทอดต้องเป็นของเธอแน่แล้ว

พอถึงตอนนั้นเธอจะไล่คนที่ขัดหูขัดตาเธอออกให้หมด

เวินเฟิงเหมียน รวมถึงอิ๋งจื่อจิน

เมืองฮู่เฉิง

วันนี้เป็นวันที่สิบเอ็ดพฤศจิกายน เวลาตีห้า ผู้เฒ่าจงไปที่สุสานคนเดียว

เขาวางช่อดอกไม้หน้าป้ายหลุมศพ จุดธูปสามดอกเสร็จก็ค่อยๆ นั่งลง

“ตาเฒ่าฟู่ แกสบายใจได้แล้ว” ผ่านไปสักพักผู้เฒ่าจงถึงพูดขึ้น “เด็กคนนั้นมีชีวิตที่ดี เขาเป็นถึงประธานโซนเอเชียแปซิฟิกของวีนัสกรุ๊ปเชียวนะ เหนือกว่าตระกูลฟู่ของแกอีก เศรษฐีตี้ตูยังสู้เขาไม่ได้เลย”

“แล้วก็ พวกคนที่เคยรังแกเขา เวรกรรมตามทันหมดแล้วนะ ถึงจะเคยเล่าให้แกฟังไปแล้ว แต่แกความจำแย่ เล่าหลายๆ ครั้งแกจะได้มีความสุข”

รูปถ่ายที่อยู่บนป้ายหลุมศพเป็นรูปสมัยผู้เฒ่าฟู่หนุ่มๆ

สวมชุดทหาร หน้าตาคมเข้ม หล่อเหลาเอาการ

ราวกับเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน ทุกอย่างไม่มีเปลี่ยนไป

“แกคิดว่าฉันไม่รู้ทันความคิดของแกเหรอ” ผู้เฒ่าจงพูดๆ อยู่ขอบตาก็เริ่มแดง เขาเช็ดตา “แกอยากให้หลานชายตัวแสบของแกล่อลวงหลานสาวของฉันนานแล้ว ยังจะทำเป็นไม่บอกฉัน แสร้งทำมาขอกินข้าวไปเรื่อย”

“ความปรารารถนาของแกเป็นจริงแล้ว ไว้พวกเขาแต่งงานกันเมื่อไร ฉันจะไปซื้อเหล้า พวกเรามานั่งดื่มด้วยกันสักหนึ่งกา”

“หมากกระดานนั้นที่ตอนนั้นแกเล่นกับฉัน ฉันไม่ได้แตะต้อง จนถึงตอนนี้ยังอยู่เหมือนเดิม…”

ผู้เฒ่าจงพูดคนเดียวอยู่นาน จนกระทั่งตอนเที่ยงถึงออกจากสุสาน

ด้านหลังดูแก่ลงไปไม่น้อย

ภายในคฤหาสน์ตระกูลจง พ่อบ้านจงกำลังสั่งคนใช้ในครัว

พอเขาได้ยินเสียงก็เดินออกมา ยิ้มพลางพูด “คุณท่าน เดี๋ยวตอนบ่ายคุณจื่อจินก็กลับมาแล้ว ทำไมถึงไม่รอเธอ ไปเองคนเดียวล่ะครับ”

“ไม่ได้ รอเธอไม่ได้เด็ดขาด” ผู้เฒ่าจงส่ายมือ พูดพึมพำ “ถ้าหลานสาวเห็นตาร้องไห้ ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

พ่อบ้านจงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ชั่วขณะนั้นไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี

คุณท่านต้องรักษามาดไว้

เวลานี้ประตูคฤหาสน์ถูกเปิดออกอีกครั้ง มีเสียงติดเย็นชาหน่อยดังมาจากทางประตู “ใครร้องไห้เหรอคะคุณตา”

ผู้เฒ่าจงยืนตัวตรงทันที แกล้งกระแอมวางมาด หันไปชี้พ่อบ้านจง “พ่อบ้านของหลานร้องไห้ เมื่อกี้ร้องไห้คร่ำครวญ เฮ้อ ทนดูไม่ได้ ตากำลังปลอบใจเขาอยู่”

โชคดีที่เขาเช็ดน้ำตาจนแห้งแล้ว ไม่อย่างนั้นได้ความแตก

พ่อบ้านจง “?”

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้วเล็กน้อย พูดอย่างใจเย็น “โกหกเป็นนิสัยที่ไม่ดีเลยนะคะคุณตา”

ผู้เฒ่าจง “…”

ตอนนี้เขารู้สึกว่าแท้จริงแล้วหลานสาวของเขาคือบรรพบุรุษของเขา แอบน่ากลัว

“ปู่จง” ฟู่อวิ๋นเซินเดินตามเข้ามา ยังคงท่าทางเสเพล พูดเสียงเนือย “ผมเอาขนมจากตี้ตูมาฝาก มีของยุโรปด้วย กินได้นานเลยครับ”

ผู้เฒ่าจงสวมแว่นสายตายาว ทำเสียงหยิ่ง “หึ หลานเขยเข้าใจตาที่สุด มาๆๆ เจ้าบื้อ ไปเดินหมากกันหน่อย”

อิ๋งจื่อจินเดินตามไปที่ห้องทำงาน เห็นคลิปใหม่ในคอมพิวเตอร์ของผู้เฒ่าจง แต่ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย

ผู้เฒ่าจงวางหมากพลางพูด “จริงสิ เมื่อไรเราสองคนจะเปิดตัว ตาเห็นแฟนคลับคู่จิ้นของเราสองคนงอแงบอกไม่มีอะไรให้ดูแล้ว”

“เฮ้อ ตาสงสารพวกเขา อยากบอกมากกว่านี้แต่ก็ทำไม่ได้ เด็กพวกนี้น่าสงสารเหลือเกิน”

อิ๋งจื่อจินจับหัว

ก็คนแก่เหมือนกันทั้งนั้น ทำไมคุณตาของเธอถึงได้ล้ำสมัยขนาดนี้

ผู้เฒ่าเนี่ยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคู่จิ้นคืออะไร

“ผมได้หมดครับ” ฟู่อวิ๋นเซินหันมายิ้ม “แล้วแต่เยาเยาเลย”

ผู้เฒ่าจงเงยหน้ามองอย่างคาดหวัง

อิ๋งจื่อจินหาวหวอด พูดไร้เยื่อใย “รอจบมหา’ลัยแล้วกันค่ะ”

“…”

ผู้เฒ่าจงปวดใจ

ถึงเขาจะรู้ว่าตัวเองอายุยืน ดีใจมาก แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้อุ้มเหลน

เขาไม่หวังทางอิ๋งเทียนลี่ว์แล้ว รายนั้นไม่มีแม้แต่แฟน

หลังจากกินข้าวกับผู้เฒ่าจงเสร็จ อิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินก็ออกจากคฤหาสน์ตระกูลจง ขับรถไปที่สุสาน

พ่อบ้านจงปิดประตู พูดอย่างลังเล “คุณท่านครับ ไม่คุยกับคุณจื่อจินเรื่องนั้นเหรอครับ ผมว่าบอกให้เธอรู้จะดีกว่านะครับ”

ผู้เฒ่าจงชะงัก เขาเงียบแล้วส่ายหน้า “ไม่บอก อย่าไปรบกวนเธอเลย ชีวิตเธอกำลังไปได้ดี จะรู้หรือไม่รู้ก็มีค่าเท่ากัน”

เวลาเย็น

อิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินไปไหว้หลุมศพผู้เฒ่าฟู่ที่สุสานแล้วขึ้นเขา

บนเขาลมแรงมาก ดวงดาวสุกสกาว พระจันทร์งามเด่น

ไม่แตกต่างจากเมื่อปีที่แล้ว ยกเว้นเรื่องฝนตกหนัก

ฟู่อวิ๋นเซินจัดวางของเซ่นไหว้แล้วพูดขึ้น “เยาเยา ไม่คิดว่าเธอจะจำได้ ทำไมถึงตามมาล่ะ”

เขาส่งเธอไปที่โลกจอมยุทธ์แล้ว เธอเองก็รับปาก เขาคิดอยู่ว่าจะได้ให้เธอเลี่ยงวันที่สิบเอ็ดพฤศจิกายน

ใครจะไปรู้ว่าวันนี้ตอนนั่งเครื่องบินจะมีเธอนั่งอยู่ข้างๆ ด้วย

เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ

“วันเกิดของคุณ ฉันจะลืมได้ยังไง” อิ๋งจื่อจินหยิบถุงหอมที่เตรียมไว้ออกมา ก้มหน้าลง เอาใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตสีดำของเขาอย่างใจเย็นแล้วตบเบาๆ “ยี่สิบสี่แล้ว เวลาผ่านไปไวจริงๆ”

เธอเงยหน้า พูดอย่างจริงจัง “สุขสันต์วันเกิดนะฟู่อวิ๋นเซิน”

มือของฟู่อวิ๋นเซินสั่นเล็กน้อย

นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอเรียกชื่อเขาเต็มๆ ไม่แตกต่างจากวันที่สิบเอ็ดพฤศจิกายนของเมื่อหนึ่งปีก่อน

แต่ทุกครั้งที่ได้ฟัง หัวใจจะสั่นไหว ราวกับมีกระแสไฟฟ้า

ฟู่อวิ๋นเซินยกมือขึ้น ฝ่ามือวางอยู่ที่เอวของเธอ ออกแรงกอด เอาเคยเกยบ่าของเธอ

ผ่านไปสักพักเขาก็ยิ้ม พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องดีๆ แบบนี้”

“อะไรนะ”

“ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่ง พี่ชายจะได้ฉลองวันเกิดจริงๆ”

วันเกิดของเขาเป็นวันครบรอบวันตายของฟู่หลิวอิ๋งกับเหยียนเย่ว์หวา

วันนี้ย้ำเตือนเขาตลอดเวลาว่า เขาเป็นตัวอัปมงคล เขาทำให้คนในครอบครัวต้องตาย เขาต้องแก้แค้น

เขาถึงไม่มีทางฉลองวันเกิด

แต่ตอนนี้ เขาต้องปกป้องคนที่อยู่ตรงหน้าให้ดีก่อน

“ไม่ใช่แค่วันเดียว แต่ตลอดไป” อิ๋งจื่อจินเบือนสายตาหนี ยิ้มพลางพูด “ต่อไปก็จะฉลองด้วยตลอด”

“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินปล่อยเธอ ยิ้มมุมปาก พูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ สางผมให้เธอ “สาวน้อยของพี่ชายสวยขึ้นแล้ว เมื่อก่อนไม่ค่อยยิ้ม ใช่ผลงานของพี่ชายหรือเปล่านะ หืม?”

อิ๋งจื่อจินเหล่มองเขา ไม่ตอบ

มีคนชอบได้คืบจะเอาศอก

ตามใจมากไม่ได้

เธอนั่งลงข้างๆ ฟังฟู่อวิ๋นเซินพูดกับฟู่หลิวอิ๋ง แววตาอ่อนโยนลง

“แน่ใจได้ว่า ซิวเซ่าหนิงกับแม่ของพี่ชายน่าจะไปที่เดียวกัน” ฟู่อวิ๋นเซินไหว้เสร็จก็ยืนขึ้นแล้วพูด “จุดที่ไม่เหมือนกันคือ แม่ของพี่ชายกลับมาแล้ว แต่ซิวเซ่าหนิงยังอยู่ที่นั่น”

อิ๋งจื่อจินนิ่งเงียบ

เธอก็รู้เหมือนกัน

ถ้าเดาไม่ผิด นอร์ตันก็อยู่ที่นั่น

แต่ตอนนี้พวกเขาหาไม่เจอ

อีกทั้งพวกคนที่มีสัญลักษณ์หัวกะโหลกสีดำก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลย ร่องรอยก็ถูกตัดขาด

ขนาดไอบีไอยังสืบไม่พบ เป็นพวกอิทธิพลไหนกันแน่

“ต้องหาเจอแน่” อิ๋งจื่อจินเอามือลูบศีรษะของเขา “สักวันพวกเขาต้องปรากฏตัวอีกครั้ง ไม่ออกมาตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน”

วรยุทธ์กับญาณพยากรณ์ของเธอยังฟื้นกลับมาไม่หมด

“อืม ก็จริง ถ้า…” ฟู่อวิ๋นเซินมองมุมหนึ่งของหลุมศพ สายตาชะงัก

ดวงตาสีอำพันขรึมลงในชั่วขณะ ฉายแววเย็นชา

มีคนมายุ่งกับหลุมศพ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท