ตอนที่ 544 คุณอิ๋งต่างหากที่เก่งทั้งจอมยุทธ์และแพทย์แผนโบราณ
“เยาเยา”
พอได้ยินเขาเรียก อิ๋งจื่อจินจึงหันหน้าไปอีกครั้ง “ทำไมเหรอ”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูด หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดๆ
จากนั้นก็มีเสียงดังติ๊ง
มีเงินเข้าบัญชีอีกครั้ง พันล้านหยวน
ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “เงินกินขนม ไม่ต้องช่วยพี่ชายประหยัด”
“ยังมีอีกคำถาม ต้องรอเรียนจบมหา’ลัยจริงเหรอ” หยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “อีกปีเดียวได้ไหม ทนเห็นพี่ชายอยู่โดดเดี่ยวไปจนเกือบสามสิบได้เหรอ”
เขาคิดไว้ว่าจะรอเธอแต่งงานได้ตามกฎหมายก็รวบหัวรวบหางทันที
รอเรียนมหาวิทยาลัยจบมันช้าไปหน่อย
เกิดถูกคนอื่นหลอกไปจะทำไง
“งั้น…” ครั้งนี้อิ๋งจื่อจินไม่หวั่นไหวเพราะตัวเลขที่ยาวเป็นพรวน พูดอย่างไร้เยื่อใย “ทนได้”
“…”
…
โลกแพทย์แผนโบราณ
สมาพันธ์โอสถ
การทดสอบระดับหนึ่งถึงสามมีทุกวัน แต่ระดับสี่ขึ้นไปมีการกำหนดวันสอบ
เนื้อหาของการทดสอบระดับสี่มีเยอะมาก จัดสอบเดือนละครั้ง
ระดับห้ากับระดับหกครึ่งปีครั้ง ระดับเจ็ดปีละครั้ง
ระดับสองสอบพวกความรู้ต่างๆ ถือเป็นภาคทฤษฎี ผ่านได้อย่างง่ายดาย
วันนี้อิ๋งจื่อจินเข้าสอบระดับสาม เป็นการปรุงยา
ยาที่ต้องปรุงในระดับสามคือยาเรียกเลือด
ความหมายก็ตามชื่อ ใช้รักษาบาดแผล
เยี่ยหลิงกับอวิ๋นซานตามมาด้วย รออยู่ด้านนอก
เธอมองไปข้างหน้า “คุณอวิ๋นว่าคุณอิ๋งจะสอบผ่านระดับสามหรือเปล่า”
อวิ๋นซานเชื่อมั่นในตัวอิ๋งจื่อจินเต็มร้อย “ผ่านแน่นอนครับ ถ้าไม่ติดว่ามีกฎอยู่ คุณอิ๋งคงเข้าไปสอบระดับเจ็ดแล้วครับ”
การปรุงยาต้องไปทำในสนามสอบ มีพวกอาจารย์ของสมาพันธ์โอสถคอยจับตาดู เพื่อป้องกันการทุจริตทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นป้องกันการสอบแทน
ทั้งสองคนคุยกันแบบไม่มีปิดบัง คนอื่นๆ ที่รออยู่แถวนั้นได้ยินกันหมด
“ยังจะระดับเจ็ด รู้หรือเปล่าว่าทั้งสมาพันธ์โอสถมีสมาชิกระดับเจ็ดอยู่กี่คน”
“แม้แต่คุณชายฝูเฉินกับคุณหนูชิงเสวี่ยยังไม่ถึงระดับเจ็ดเลย แล้วคนที่เพิ่งสอบระดับสามจะไประดับเจ็ดเลยเนี่ยนะ น่าตลกจริงๆ”
“อย่าไปสนใจ ตระกูลเล็กๆ ไม่รู้เรื่องหรอก”
ตระกูลเยี่ยไม่ติดอันดับในโลกจอมยุทธ์ ทั้งยังจนมาก
เยี่ยหลิงชินกับคำพูดพวกนี้นานแล้ว
อวิ๋นซานทำเสียงฮึดฮัด ไม่พูดอะไร
การทดสอบระดับสามใช้เวลาหกชั่วโมง อิ๋งจื่อจินไม่ได้ออกมาก่อน หมดเวลาเธอถึงออก
“เป็นไงบ้างครับคุณอิ๋ง” อวิ๋นซานเข้าไปหาทันที หยิบช็อกโกแลตที่เตรียมไว้ออกมา ฟู่อวิ๋นเซินสั่งไว้ “นี่ครับ”
“อืม พอได้ สมุนไพรคุณภาพใช้ได้” อิ๋งจื่อจินรับมาแล้วพูด “ปรุงดีๆ ประสิทธิภาพยาเรียกเลือดไปถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ได้”
ระยะนี้เยี่ยหลิงชินแล้ว
พูดให้ถูกก็คืองงจนชิน
เธอไม่เข้าใจโลกของบอส
อวิ๋นซานเข้าใจ “คุณอิ๋งปรุงยาเรียกเลือดที่ให้ผลได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยเหรอครับ”
อิ๋งจื่อจินส่ายหน้าเล็กน้อย “เปล่า หกสิบเปอร์เซ็นต์”
เยี่ยหลิงอึ้ง “ตรวจแล้วเหรอคะคุณอิ๋ง”
แม้แต่สมาชิกระดับเจ็ดของสมาพันธ์โอสถหรือระดับผู้อาวุโสก็ไม่แน่ใจว่ายาที่ตัวเองปรุงออกมามีประสิทธิภาพเท่าไร
อย่างไรเสียระหว่างที่ทำก็มีปัจจัยที่ไม่แน่นอนเยอะมาก เช่น ความแรงของไฟ แรงลม เป็นต้น ไม่มีใครควบคุมได้หมด
“ไม่ได้ตรวจ” อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “แต่แน่ใจว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ไม่มีทางต่ำกว่านี้”
ประสิทธิภาพเท่านี้ไม่มีทางดึงดูดความสนใจ และยังสามารถสอบผ่านอย่างราบรื่น
เธอก็เลยควบคุมให้อยู่ที่ตัวเลขนี้
ยาที่ประสิทธิภาพต่ำกว่านี้เธอปรุงออกมาไม่ได้จริงๆ
ประสิทธิภาพสูงเกินไป สมาพันธ์โอสถก็จะปล่อยข่าว เดี๋ยวคนได้แห่มาให้เธอทำยากันพอดี
เธอก็แค่อยากได้สมุนไพร ไม่ได้อยากกลายเป็นเครื่องจักรผลิตยา
อย่างไรเสียป้ายอนุญาตระดับสวรรค์ก็ได้มาแล้วในครั้งเดียว ไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่อีก
อวิ๋นซานฟังแล้วก็ปาดเหงื่อ
คนอื่นอย่างมากก็แค่คุมคะแนนสอบได้ แต่คุณอิ๋งของพวกเขาเทพถึงขั้นคุมประสิทธิภาพยาได้
นี่ต่างหากอัจฉริยะทั้งแพทย์แผนโบราณและจอมยุทธ์
เมื่อก่อนอวิ๋นซานคิดว่าตัวเองเป็นคน
แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่า เขาเป็นเศษเหล็กที่ดูดอะไรไม่ได้เลย
…
ภายในสวนที่อยู่ห่างจากสมาพันธ์โอสถไม่ไกล
หญิงชรายังคงนั่งอยู่ตรงหน้าเรือน หลับตาพักสายตา แต่ก็มักจะมองไปด้านนอกอยู่บ่อยครั้ง
ผู้ช่วยตัวน้อยวัยเก้าขวบชะโงกหน้าออกมาจากในห้อง “ยายฉา กำลังรอพี่สาวหน้าตาดีเมื่อไม่กี่วันก่อนคนนั้นเหรอ ดูเหมือนวันนี้เธอไม่มีทางมาช่วยยายถอนหญ้าหรอกนะ”
คนในโลกแพทย์แผนโบราณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ไม่รู้ว่าที่นี่ต่างหากที่เป็นบ้านพักอาศัยของฉาเซิ่ง
ภูเขาที่อยู่ตรงข้ามสมาพันธ์โอสถใกล้จะกลายเป็นจุดชมวิวไปแล้ว แต่แน่นอนว่าก็มีแค่ไม่กี่คนที่กล้าขึ้นไปจริงๆ
ที่นี่ไม่ห่างไกล คนของสมาพันธ์โอสถผ่านไปผ่านมามากมาย แต่มีแค่ไม่กี่คนที่ให้ความสนใจสวนทางนี้
หญิงชราเหลือบมองเขาแล้วหว่านเมล็ดพันธุ์ลงบนพื้นดิน “เจ้าตัวแสบ เอ็งไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอก”
ผู้ช่วยตัวน้อยหุบปาก ได้แต่มองตาปริบๆ
หญิงชราถอนหญ้าในสวน
เธอถอนอย่างคล่องแคล่ว สายตาดีมาก สายตาไม่ได้ฝ้าฟางแม้แต่น้อย
ผู้ช่วยตัวน้อยทนไม่ไหว ถามต่อ “ยายฉา อยากแนะนำแฟนให้พี่สาวคนนั้นใช่ไหม”
หญิงชราชะงัก ถือจอบพลางพูด “ตัวแค่นี้รู้เหรออะไรคือแฟน”
“รู้สิ ดูนะยายฉา นี่เป็นโทรศัพท์ที่พี่ชายเพิ่งเปลี่ยนให้ผมใหม่ก่อนหน้านี้” เด็กน้อยล้วงไอโฟนออกมาจากกระเป๋าตรงหน้าท้องพร้อมยิ้มกว้าง” แถมเน็ตยังไม่อั้น ผมเรียนในเน็ตมา”
หญิงชราเหลือบมอง แอบอิจฉา พูดพึมพำ “ทำไมหมอนั่นไม่ให้ฉันสักเครื่อง”
“ผมรู้ๆ” เด็กน้อยยกมือขึ้น “เพราะยายฉาซื่อบื้อเกินไป ใช้สมาร์ทโฟนไม่เป็น พี่ชายเลยซื้อโทรศัพท์คนแก่ให้ แต่โทรศัพท์คนแก่ไม่มีอะไรสนุกเลย”
หญิงชรา “…”
เธอไม่อยากสนใจเด็กคนนี้ ขุดดินต่อ
“จริงสิๆ” ทันใดนั้นเด็กน้อยก็ถึงบางอ้อ “ยายฉาต้องอยากจับคู่ให้พี่ชายกับพี่สาวแน่ พอถึงตอนพวกเขาแต่งงานกัน ผมไปเป็นเด็กโปรยดอกไม้ได้หรือเปล่า”
ฟังถึงตรงนี้หญิงชราก็แสยะยิ้ม “เอ็งฝันหรือว่าเขาฝัน ก็จริงนะ ยังกลางวันอยู่”
เธอรอคนที่รอบรู้เรื่องสมุนไพรมานานมาก
อัจฉริยะที่ตระกูลเมิ่งตระกูลฝูส่งมาก็ยังทำให้เธอพอใจไม่ได้
เด็กน้อยไม่พูดอะไรอีก ถอนหายใจตามเคย
เฮ้อ
พี่ชายหน้าตาดี นิสัยดี หุ่นดี ดีไปหมดทุกอย่าง
ก็แค่เมื่อไม่กี่ปีก่อนตอนอยู่โลกแพทย์แผนโบราณชอบตบหัวเขาบ่อยๆ
บอกว่าเขาหัวล้านแต่เด็ก โตไปยิ่งล้าน วันหน้าจะหาเมียไม่ได้ ต้องโสดไปตลอดชาติ
ทำเหมือนแหย่หมา
ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะเพิ่งห้าขวบ แต่ก็จำคำพูดพวกนี้ได้ดี ทั้งยังร้องไห้ด้วยความเสียใจอยู่นานสองนาน
เด็กน้อยผู้ช่วยลูบหัวที่โกนเกลี้ยงของตัวเอง ไม่ค่อยสบอารมณ์ นั่งอยู่ในสวนสมุนไพรเล่นโทรศัพท์ต่อ
ผ่านไปสักพักหูของเขาก็ขยับ “เอ๊ะ ยายฉา มีคนมาอีกแล้ว ลองดูสิว่าใช่พี่สาวหรือเปล่า”
มือของหญิงชราชะงัก หันกลับไปมองด้านนอก
โยนเครื่องมือทิ้งทันที กลับไปนั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง กลายเป็นหญิงสูงวัยสายตาฝ้าฟาง
อิ๋งจื่อจินผ่านมาก็เลยแวะมาดู พอเห็นมีเด็กอยู่ด้วยก็ไม่ได้ถามอะไร
อวิ๋นซานยังคงแยกไม่ออกว่าอันไหนหญ้าอันไหนสมุนไพร เขาเกาหัว “ยายครับ หางานให้ผมทำเถอะ ผมเบื่อ”
ถ้าให้ฟู่อวิ๋นเซินรู้ว่าเขายืนมองอิ๋งจื่อจินทำงาน เขาได้ถูกลอบฆ่าแน่
หญิงชราไม่แม้แต่จะเงยหน้า “อย่ามายืนบังแดด”
อวิ๋นซานถอยไปอย่างน้อยใจ “…ครับ”
…
การทดสอบของสมาพันธ์โอสถ ระดับสี่เหมือนเป็นเส้นแบ่ง
ดังนั้นสมาชิกที่สอบผ่านระดับสามจึงควรค่าให้สมาพันธ์โอสถจับตามองในขั้นต้น
สมาพันธ์โอสถจะจัดอาจารย์มาให้คำชี้แนะแก่สมาชิกระดับสาม เพิ่มพูนความรู้
ช่วงไม่กี่เดือนมานี้คนที่เข้าร่วมการสอบระดับสามมีน้อยมาก ทั้งหมดมีแค่หนึ่งร้อยยี่สิบสามคน
แต่สุดท้ายมีคนสอบผ่านแค่สิบแปดคน
ผลสอบของทั้งสิบแปดคนนี้ได้ถูกส่งให้กับคนที่รับหน้าที่ทดสอบระดับสามแล้ว
อาจารย์ฟางไล่ดูไปเรื่อยๆ หยิบผลทดสอบออกมาสองชุด
อิ๋งจื่อจิน ประสิทธิภาพ 60.00%
ลู่สวี่ ประสิทธิภาพ 59.96%
ขาดแค่ศูนย์จุดศูนย์สี่เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขแค่นี้มองข้ามได้
การทดสอบระดับสามมีเงื่อนไขว่า ประสิทธิภาพของยาเรียกเลือดเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็ผ่านแล้ว
คนที่ผ่านส่วนใหญ่ประสิทธิภาพจะอยู่ที่ประมาณห้าสิบสองเปอร์เซ็นต์
สองคนนี้อยู่ที่ประมาณหกสิบเปอร์เซ็นต์ ถือว่าใช้ได้
อาจารย์ฟางพอใจมาก
เขามีโควตาศิษย์ของสำนักเทียนอีอยู่ในมือหนึ่งโควตา ถ้าเขาแนะนำคนเข้าสำนักเทียนอีได้สำเร็จ แบบนั้นสถานะของเขาก็จะเลื่อนสูงขึ้น
อาจารย์ฟางเงียบไป สุดท้ายก็หยิบผลทดสอบของอิ๋งจื่อจินขึ้นมา
ถึงจะเยอะกว่าแค่ศูนย์จุดศูนย์สี่เปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าเยอะกว่าอยู่ดี
เวลานี้มีผู้ดูแลรีบร้อนเดินเข้ามา ทำความเคารพเสร็จก็พูดขึ้น “อาจารย์ครับ ลู่สวี่คนนี้รู้จักกับคุณชิงจยา ค่อนข้างสนิท เขาฝากมาบอกท่าน หวังว่าท่านจะตัดสินใจให้ถูกต้องครับ”
พอได้ยินแบบนี้มือของอาจารย์ฟางที่ถือผลทดสอบของอิ๋งจื่อจินก็ชะงัก