ตอนที่ 559 แนะนำให้รู้จัก อิ๋งจื่อจิน ลูกพี่ฉันเอง
ถึงแม้นอร์ตันจะสนใจแต่เล่นแร่แปรธาตุ งานบริหารมั้งหมดของมหาวิทยาลัยจะผลักไปให้รองอธิการบดี
แต่เขาเป็นสัญลักษณ์ของความสามารถและพลังต่อสู้ที่สูงที่สุดของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน
ผู้อาวุโสใหญ่ของแต่ละตระกูลต่างต้องคำนับให้เขา
เจสัน เฮอร์เชลก็ไม่มีข้อยกเว้น
นอร์ตันจะเรียกพบบุคคลระดับสูงของมหาวิทยาลัยนอร์ตันทุกปี
พวกเขาย่อมคุ้นเคยกับใบหน้านี้
สีหน้าของเจสันเริ่มซีดลง หน้าผากมีเหงื่อผุด
เป็นไปได้อย่างไร
ทำไมอยู่ๆ นอร์ตันก็ปรากฏตัว
ฟังจากคำพูดของนอร์ตัน เห็นได้ชัดว่าได้ยินคำพูดของเขาตอนเข้าสายมา
ในที่สุดรองอธิการบดีก็โล่งอก “ท่านอธิการ!”
เขาติดต่อนอร์ตันไม่ได้
แต่เขาเชื่ออิ๋งจื่อจินว่านอร์ตันยังมีชีวิตอยู่ และไม่มีอันตรายถึงชีวิต
“ท่านอธิการ ท่านต้องยังไม่ตายอยู่แล้วครับ” รองอธิการบดีแสยะยิ้ม “แต่มีคนบางคนอยากให้ท่านตาย”
“อ่อ” นอร์ตันเลียริมฝีปาก ยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน สายตาคมปลาบดุจเหยี่ยว
“เจสัน เฮอร์เชล ชื่อนี้ใช่ไหม”
เจสันทรุดลงบนพื้น ครั้งนี้เขาตื่นกลัวอย่างสิ้นเชิงแล้ว “ทะ…ท่านอธิการ ผมไม่ได้…”
“ลืมคำพูดของผมก่อนไปแล้วเหรอ หืม?” รอยยิ้มของนอร์ตันหายไปในชั่วพริบตา
“เหลือเพียงความเย็นชาเข้ากระดูก “เชื่อฟังคำสั่งของเด็คเกอร์ ถ้าใครขัดขืน รอผมกลับมา คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นส่วนประกอบเล่นแร่แปรธาตุ”
เจสันพูดไม่ออกแล้ว ตัวสั่นไปหมด
เพราะเขาเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
ตอนนั้นมหาวิทยาลัยนอร์ตันตามล่านักโทษข้ามชาติที่ฆ่านักศึกษาคนหนึ่ง หลังจากนักโทษคนนี้ถูกไอบีไอสอบสวนเสร็จ ต่อมาก็ถูกชำแหละกลายเป็นส่วนประกอบเล่นแร่แปรธาตุ
ไม่มีข้อยกเว้น นอร์ตันเป็นคนบ้าจริงๆ อีกทั้งยังอารมณ์แปรปรวน
“อ้อจริงสิ ตอนนี้ยังต้องรวมเธอด้วย” นอร์ตันยิ้ม “นี่คือลูกพี่ของฉัน เชื่อฟังเธอ เข้าใจไหม”
พอได้ยินแบบนี้พวกผู้อาวุโสใหญ่ต่างตะลึง
โดยเฉพาะชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้ตำหนิอิ๋งจื่อจิน แม้แต่รอยยิ้มของเขายังดูฝืน
“ทะ…ท่านอธิการ ว่าอะไรนะครับ”
นอร์ตันมีชีวิตอยู่มาหลายศตวรรษ นี่เขายังมีลูกพี่อีกเหรอ
แถมยังเป็นเด็กสาวชาวตะวันออก
ล้อเล่นบ้าบออะไรกัน
นอร์ตันหุบยิ้มอีกครั้ง สายตาเย็นชาลง “คุณควรรู้นะว่าผมไม่พูดสองรอบ”
ชายวัยกลางคนหุบปากทันที แอบหวั่นใจ กลัวตัวเองจะกลายเป็นส่วนประกอบเล่นแร่แปรธาตุ
“เด็คเกอร์ ฉันยกสิทธิ์ทั้งหมดให้นายกำจัดคนทรยศของมหาวิทยาลัย” นอร์ตันพูด “ไว้ฉันเสร็จธุระฉันจะกลับไป ใครกล้าทรยศอีก…”
ไม่มีใครกล้าพูดแล้ว
“ครับท่านอธิการ” รองอธิการบดีขานรับเสียงดัง “ฝ่ายปฏิบัติการรับคำสั่ง”
“ดีมาก” นอร์ตันพูด “ตอนนี้คนอื่นออกไปได้แล้ว”
ไม่มีใครกล้าต่อต้าน รีบออกจากสายทันที
เจสันหมดสติไปอีกครั้ง
ครั้งนี้อิ๋งจื่อจินไม่ได้ลงมือ เขาช็อกจนหมดสติไปเอง
“สหายเก่า” นอร์ตันเอียงศีรษะ หรี่ตามองหน้าจอ สายตาจับจ้องอิ๋งจื่อจิน
“ที่แท้…เธอก็เป็นสาวน้อยหรอกเหรอ มิน่าเธอถึงสวมชุดตัวยาวแบบชาวอาหรับตลอด”
“ถ้าฉันรู้ว่าเธอหน้าตาเป็นแบบนี้ เธอไม่มีความน่ากลัวเลยจริงๆ ซีซาร์รู้หรือเปล่า”
รองอธิการบดีเช็ดเหงื่อขณะฟัง
ครั้งแรกที่เขาเห็นก็ตกใจมากเหมือนกัน
“นอร์ตัน” อิ๋งจื่อจินขี้เกียจคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กผี เธอพูดขึ้น “นายอยู่ที่ไหน”
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากบอก” นอร์ตันทำเสียงจึ๊
“ฉันบอกไปพวกเธอก็ไม่ได้ยิน อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับที่นี่จะถูกเซ็นเซอร์โดยอัตโนมัติ”
“สิ่งที่ฉันบอกพวกเธอได้ก็คือ วิทยาการของที่นี่ก้าวไกลกว่ามหาวิทยาลัยของเราอีก แต่การปิดกั้นสูงมาก ไม่มีการติดต่อกับโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ฉันเผลอหลุดเข้ามา ไม่มีบัตรผ่าน จนถึงตอนนี้ก็ยังออกไปไม่ได้”
“ถูกเซ็นเซอร์เหรอ” อิ๋งจื่อจินหรี่ตา “นายพูดมาก่อน”
“ได้ สหายเก่า เธอเป็นคนจีน ฉันจะพูดภาษาของพวกเธอ” นอร์ตันเลิกคิ้ว เขาพูดชื่อหนึ่งเป็นภาษาจีน”
พูดจบก็ถาม “ได้ยินไหม”
รองอธิการบดีส่ายหน้า “ไม่ได้ยินครับท่านอธิการ หลังๆ เสียงมันหายไป”
“เหรอ” นอร์ตันไม่แปลกใจ “งั้นเปลี่ยนเป็นภาษาละติน”
“…”
เกิดความเงียบ
“ยังไม่ได้ยินอีกเหรอ งั้นลองภาษาฮีบรู”
ยังคงไม่มีเสียงใดๆ
รองอธิการบดีฟังแล้วก็เหงื่อตก
ภายในเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที นอร์ตันพูดไปแล้วหลายสิบภาษาเพื่อบอกว่าเขาอยู่ที่ไหน
แววตาของอิ๋งจื่อจินเริ่มขรึมลง เธอเคาะโต๊ะ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ใช้ภาษาเล่นแร่แปรธาตุ”
วงการเล่นแร่แปรธาตุมีภาษาโดยเฉพาะ มีแค่นักเล่นแร่แปรธาตุที่ใช้
ภาษาเล่นแร่แปรธาตุยากยิ่งกว่าภาษาละติน ต่อให้คนทั่วไปเรียนก็ไม่เข้าใจภาษาพวกนี้
มีเพียงคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านนี้เท่านั้นถึงจะเรียนภาษาเล่นแร่แปรธาตุได้
แต่ภาษาเล่นแร่แปรธาตุก็ใช้เฉพาะในวงการเล่นแร่แปรธาตุเท่านั้น ไม่เผยแพร่สู่ภายนอก
คณะเล่นแร่แปรธาตุของมหาวิทยาลัยนอร์ตันเปิดขึ้นมาได้ยังเป็นเพราะนอร์ตันเคยเรียนภาษาเล่นแร่แปรธาตุมาบ้างตอนไปวงการเล่นแร่แปรธาตุครั้งแรก
แต่หลังจากออกมาเขาก็คลำหาระบบของภาษานี้ได้
อัจฉริยะเล่นแร่แปรธาตุสติเฟื่อง ไม่ได้ได้มาเล่นๆ
“ไม่ได้” นอร์ตันยักไหล่ ต่างหูสะท้อนแสง “ถ้าเธอไม่เชื่อ งั้นเดี๋ยวฉันพูดให้ฟัง”
เขาหยุดเล็กน้อย จากนั้นก็เปล่งเสียง
ภาษาที่เก่าแก่มากออกจากปากเขา ศักดิ์สิทธิ์และลึกลับ
รองอธิการบดีไม่เข้าใจ แต่พอฟังออกว่าคำด้านหลังเสียงหายไป
แม้แต่ภาษาเล่นแร่แปรธาตุก็ไม่ได้!
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง “ระบบนี้ลงไว้ทุกภาษา ขอแค่พูดชื่อสถานที่นั้นออกมาระบบก็จะเซ็นเซอร์คำโดยอัตโนมัติ เพิ่มการปิดกั้น ไม่ใช่โปรแกรมที่ยากมาก แต่ซับซ้อน”
“ใช้ได้นี่สหายเก่า หายไปนานขนาดนี้รู้เรื่องคอมพิวเตอร์ด้วยเหรอ” นอร์ตันลูบคาง พูดอย่างสุภาพ
“เสริมประสิทธิภาพให้ไฟร์วอลมหาวิทยาลัยหน่อยเป็นไง”
อิ๋งจื่อจินเงยหน้ามองเขา แยกสายตาไม่ออกว่าสุขหรือโกรธ
“คือ…คือท่านอธิการครับ” รองอธิการบดีเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “เธอทำเรียบร้อยแล้วครับ”
“อ่อ งั้นก็ดี” นอร์ตันขอโทษทันที บทจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน
“โทษทีๆ เธอก็ยังเป็นลูกพี่ฉันอยู่วันยังค่ำ”
เขาไม่เหมือนกับซีซาร์
ซีซาร์เป็นเด็กน้อย วิ่งตามตูดลูกพี่ต้อยๆ
เขาเรียกอิ๋งจื่อจินว่าลูกพี่เป็นเพราะยอมจำนน
มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะควรค่าให้เขาติดตาม
“ที่นี่ไม่ได้มีสัญญาณตลอด อีกทั้งมีคนคอยจับตาดูอยู่เรื่อยๆ ฉันอุตส่าห์หาโอกาสมาได้ ถึงได้ติดต่อพวกเธอ” นอร์ตันนั่งพิงเก้าอี้ เหลือบตาขึ้น ยิ้มพลางพูด “สหายเก่า ฉันมาสำรวจทางให้เธอก่อน ความสามารถยังไม่ฟื้นฟูใช่ไหม”
อิ๋งจื่อจินเงียบ ไม่กี่วินาทีต่อมาก็พูดขึ้น “อย่าเพิ่งขยับ”
เธอหลับตาลง
ญาณพยากรณ์ทำงานเต็มที่ในทันที
ไม่กี่นาทีต่อมาอิ๋งจื่อจินก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาขรึมลง
ไม่นานก็มีกรอบสีแดงเด้งขึ้นมา
[จับพิกัดไม่ได้]
เหมือนโลกจอมยุทธเป็นสถานที่เอกเทศ จับพิกัดไม่ได้
แต่ก็ไม่ถือเป็นข่าวร้ายอย่างสิ้นเชิง
อย่างน้อยเธอก็แน่ใจแล้วว่า แฮกเกอร์พวกนั้นที่เคยโจมตีมหาวิทยาลัยนอร์ตัน วีนัสกรุ๊ป รวมถึงเธอ อยู่ที่เดียวกับนอร์ตัน และก็รวมถึงอิทธิพลที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปหัวกะโหลกสีดำ
“สัญญาณจะหายแล้ว วางสายก่อนนะ” ขณะนอร์ตันพูดก็ได้กดปิดวิดีโอคอล
การประชุมออนไลน์จึงเหลือแค่รองอธิการบดีกับอิ๋งจื่อจิน
รองอธิการบดีเห็นอิ๋งจื่อจินหน้าซีดเล็กน้อย จึงถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรจริงๆ เหรอครับ”
“ไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินนวดขมับช้าๆ “ฉันน่าจะยังไม่ได้บอกพวกคุณว่า ฉันสูญเสียความทรงจำไปส่วนหนึ่ง”
เธอทิ้ง ‘หัวใจ’ ดวงนั้นเพราะขี้เกียจยุ่งยาก ไม่ใช่แค่ความรู้สึกที่มีอยู่ในนั้น ยังเป็นที่มาพลังส่วนหนึ่งของเธอด้วย
หลังจากโยนทิ้ง ทำให้เธอไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความผูกพันใดๆ ทั้งยังเสียความทรงจำไปส่วนหนึ่ง เธอลืมเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองไปบางส่วน
ความรู้สึกผูกพันถูกปลุกโดยฟู่อวิ๋นเซิน เวินทิงหลาน และเวินเฟิงเหมียน ความทรงจำจะฟื้นฟูได้ก็ต้องรอเธอตามหา ‘หัวใจ’ กลับมาก่อน
ทว่าแม้แต่ตัวเธอก็ไม่รู้ว่าเธอเอา ‘หัวใจ’ ไปทิ้งไว้ที่ไหน
แถมยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเธอ เธอจะพยากรณ์ก็ไม่ได้
เดิมทีคิดว่าความทรงจำส่วนนี้เกี่ยวข้องกับโลกบำเพ็ญเพียรที่เธอเคยอยู่ แต่ดูจากตอนนี้ น่าจะมาจากโลกมนุษย์
รองอธิการบดีเครียดขึ้นมาทันที “งั้นคุณ…”
“ไม่ต้องเป็นห่วง” อิ๋งจื่อจินตอบ “นอร์ตันพูดถูก เขาไปสำรวจเส้นทางก่อน”
รองอธิการบดีเห็นด้วย “ท่านอธิการอยู่ที่นั่นสองปีแล้วยังไม่เป็นไร ผมว่าด้วยระดับความหน้าไม่อายของเขา ไม่แน่อาจเข้าไปถึงส่วนในแล้วครับ”
เขาย่อมไม่กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้านอร์ตัน
เขากลัวตัวเองถูกชำแหละ
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ฝากน้องชายฉันด้วยนะคะ ห้ามเกิดเรื่องขึ้นกับเขา”
รองอธิการบดีพยักหน้าจริงจัง “แน่นอนครับ”
การสนทนาจบลง
อิ๋งจื่อจินยังนั่งอยู่ที่โซฟา
เธอดึงกระดาษทิชชู่ข้างตัวขึ้นมาหนึ่งแผ่นแล้วซับที่มุมปาก
เลือดซึมไปบนกระดาษ ไม่นานก็ทะลุ
พยากรณ์สถานที่อยู่ของนอร์ตันในครั้งนี้ส่งผลกระทบมากกว่าตอนที่เธอเปลี่ยนดวงชะตาให้ซังเย่าจือมากทีเดียว
ญาณพยากรณ์ของเธอถูกผนึกอีกครั้ง
ไม่ใช่เพราะนอร์ตัน แต่เป็นเพราะสถานที่ที่เขาอยู่
อิ๋งจื่อจินดื่มน้ำ เตะเจสันออกไป จากนั้นก็เข้าห้องนอน
…
วันต่อมาหลังประชุมเสร็จ มหาวิทยาลัยนอร์ตันก็ส่งหน่วยปฏิบัติการไปจับเจสันกับฮวนกลับมาด้วยตัวเอง
ฮวนถูกพิษของงูน้ำตัวนั้นกัดกินถึงสมอง ระบบประสาทยังแปรปรวน มีความเป็นไปได้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าจะฟื้นฟูไม่ได้แล้ว
เว้นเสียแต่จะเชิญแพทย์แผนโบราณมาได้เพื่อใช้เข็มทองเค้นพิษออกมาจากสมองของเขา
เวินทิงหลานพอรู้สึกได้ว่ารองอธิการบดีดูกลัวอิ๋งจื่อจิน แต่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะทำให้ตระกูลเฮอร์เชลล้มทั้งตระกูลได้
เรื่องที่ตระกูลเฮอร์เชลมีความคิดทรยศย่อมไม่มีทางเอาไปบอกพวกนักศึกษา
เวินทิงหลานก็กลัวว่าเขาจะนำความยุ่งยากและภัยมาให้อิ๋งจื่อจิน เขาโล่งอก
“พี่ ผมอยู่ขึ้นปีใหม่เป็นเพื่อนพ่อกับพี่ก่อนค่อยกลับ”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “เอาสิ”
เธอไม่มีทางบอกเวินทิงหลานว่ามีความเป็นไปได้ที่เวินเฟิงเหมียนจะจับเขาไปช่วยทำการทดลอง
อะเดลก็ย่อมอยู่ด้วย เธอยังชิมของอร่อยในตี้ตูไม่ครบทุกอย่าง
เวินทิงหลานทำได้เพียงพาเธอออกไปกิน
เวลานี้อิ๋งจื่อจินได้รับข้อความวีแชทสองข้อความ
[เสี่ยวหลี่ที่พยายามท่องเน็ต : คุณอิ๋งครับ ผมมาบอกข่าวดี พวกอาจารย์ในสำนักเทียนอีถูกใจผลงานของคุณมาก คุณมีโอกาสสูงที่จะได้รับเลือกเข้าสำนัก นอกจากคุณชิงจยาแล้ว คุณเป็นคนแรกเลยนะครับ!]
[เสี่ยวหลี่ที่พยายามท่องเน็ต : แล้วก็ เอ่อคือ รบกวนช่วยจ่ายค่าโทรศัพท์ให้หน่อยสิครับ(อีโมชั่นเขินอาย) เดี๋ยวผมให้สมุนไพร!]
อิ๋งจื่อจิน “…”
เธอเปิดวีแชทด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ หลังจากช่วยอาจารย์หลี่จ่ายค่าโทรศัพท์เสร็จเธอก็แคปหน้าจอขั้นตอนการจ่ายส่งไป
[ต่อไปจ่ายเองนะคะ]
ทางด้านฟู่อวิ๋นเซินก็จัดการเรื่องที่ศาลยุติธรรมเสร็จเรียบร้อยกลับมาแล้ว
อิ๋งจื่อจินวางโทรศัพท์ลงแล้วยื่นมือออกไป “ไปที่ระเบียง”
ฟู่อวิ๋นเซินเดินเข้าไปใกล้แล้วก้มตัวอุ้มเธอขึ้นมา กระชับให้แน่น
เขาก้มเอาหน้าแนบใบหน้าของเธอ “ทำไมอยู่ๆ ก็ขี้เกียจแบบนี้ล่ะ ไม่ได้ตั้งใจพักผ่อนเหรอ”
“อืม” อิ๋งจื่อจินพิงบ่าของเขา หลับตาลง “ไม่อยากเดิน”
“ได้ พี่ชายจะเป็นเท้าให้ พร้อมรับใช้เสมอ”
แสงแดดตรงระเบียงกำลังดี อบอุ่นแต่ไม่แยงตา
ฟู่อวิ๋นเซินวางเธอลงบนเก้าอี้เอนข้างกระถางดอกไม้ ส่วนเขาก็นั่งลง “ผู้เฒ่ามู่ส่งข่าวมาว่า ตอนขึ้นปีใหม่พวกเราไม่ต้องไปบ้านตระกูลมู่แล้ว”
เขาบอก “จะได้ไม่ต้องเจอคนที่ไม่ควรเจอ”
เมื่อครู่มู่เฮ่อชิงเพิ่งบอกเขาว่า คนคุ้มกันของเมิ่งชิงเสวี่ยวนเวียนอยู่ที่บ้านตระกูลมู่ตลอด
น่าจะจับตาดูเขา
ช่วงนี้เขาไม่มีทางไปบ้านตระกูลมู่แล้ว
อิ๋งจื่อจินไม่คิดอะไร เธอหาวออกมา “งั้นก็ไปงานเคาท์ดาวน์แล้วกัน ฉันมีตั๋ว”
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้า “เอาให้ผู้เฒ่ามู่ด้วย เขาก็น่าจะไม่อยากอยู่บ้านเท่าไร”
…
สำนักเทียนอีในโลกแพทย์แผนโบราณ
“อาจารย์หมอครับ นี่ก็คือข้อมูลสมาชิกที่สมาพันธ์โอสถส่งมาครับ” คนดูแลพูดด้วยความนอบน้อม
“ทางผู้เฒ่าฉีมีคุณชิงจยา ท่านไม่เคยรับลูกศิษย์เลย ผู้เฒ่าฉีก็เลยให้เอาข้อมูลมาให้ท่านครับ”
“ก็ได้” อาจารย์หมอลูบเครา พูดอย่างมีศักดิ์ศรี
“ให้เธอมาพบฉันด้วยตัวเอง ฉันจะลองดูว่าเธอเหมาะจะเรียนฝังเข็มหรือเปล่า”
“ถ้าไม่เหมาะ ต่อให้ปรุงยาเก่งแค่ไหนฉันก็ไม่รับ”