ตอนที่ 562 ตอกกลับเข้าให้ สปายขั้นเทพ
สูตรยาคุ้มใจอยู่ในมือของตระกูลเมิ่ง ตระกูลฝู และสมาพันธ์โอสถ
นักปรุงยาคนอื่นไม่มีทางมี
สมาชิกระดับสี่ของสมาพันธ์โอสถในรุ่นก่อนๆ มีแค่สิบเปอร์เซ็นต์ที่ทำยาคุ้มใจออกมาได้ และส่วนใหญ่ผ่านที่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์พอดี
อิ๋งจื่อจินเพิ่งทำยาคุ้มใจครั้งแรก อีกทั้งยังไม่มีคนชี้แนะ
อย่าว่าแต่จะทำออกมาได้สำเร็จเลย ยาอาจไม่เป็นรูปเป็นร่างด้วยซ้ำ
เมิ่งชิงเสวี่ยก็รู้ว่าอิ๋งจื่อจินเป็นที่หนึ่งของสมาชิกระดับสี่ในตอนนี้
แต่ความยากของการทำยาคุ้มใจยากกว่ายาสงบใจหลายสิบเท่า
ทั้งสองอย่างคนละเรื่องเลยด้วยซ้ำ
เวลานี้อิ๋งจื่อจินแบ่งสมุนไพรเรียบร้อยแล้ว หลังจากคัดเอาส่วนสำคัญเสร็จก็ใส่ลงไปในหม้อ คุมไฟและแรงลม
สายตาของทุกคนต่างไปรวมอยู่ที่อิ๋งจื่อจิน
เวลาค่อยๆ ผ่านไป
เมิ่งชิงเสวี่ยมองท่าทางของอิ๋งจื่อจิน สีหน้าจากที่ผิดหวังก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นตะลึง
นี่ก็คือวิธีทำยาคุ้มใจ ไม่มีผิดแม้แต่น้อย
แต่…ทั้งๆ ที่ไม่มีคนสอนเนี่ยนะ
ใบหน้าของเมิ่งชิงเสวี่ยเริ่มแดง
ผู้อาวุโสที่อยู่บนเวทีก็ตกใจ สีหน้าเคร่งขรึม “ดูกันให้ดีนะ นี่คุณอิ๋งแค่สาธิต แถมยังทำครั้งแรก อีกเดี๋ยวถ้าพวกคุณทำได้แย่ก็ไม่ต้องพูดกันแล้ว”
คราวนี้บรรดาสมาชิกเริ่มเครียด
มีแค่ฝูเฉินที่ง่วงมาก ไม่จดจ่อ
ที่เขาตอบรับคำเชิญของสมาพันธ์โอสถเป็นเพราะไม่อยากเข้าเรียน
มิฉะนั้นเขาจะถูกขังอยู่ในห้องปรุงยาห้ามออกไปไหนหนึ่งเดือน
สำหรับฝูเฉินแล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะแอบอู้
จนกระทั่งเขาได้กลิ่นหอมอบอวล
ฝูเฉินลืมตาเต็มที่ แววตาเปล่งประกาย “แบบนี้ประสิทธิภาพถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว”
เมิ่งชิงเสวี่ยเม้มริมฝีปาก “ยังไม่เสร็จ และก็ยังไม่ได้ตรวจ รู้ได้ยังไงว่าประสิทธิภาพถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์”
ผลงานครั้งที่ดีที่สุดของเธออยู่ที่เก้าสิบสองเปอร์เซ็นต์
และยังเป็นหลังจากที่เธอฝึกฝนหลายครั้งกว่าจะทำออกมาได้
“ผมจมูกดี ยังต้องตรวจอีกเหรอ” ฝูเฉินมั่นใจ “ผมบอกว่าถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ก็คือถึง”
เมิ่งชิงเสวี่ยไม่อยากเถียงกับฝูเฉิน แต่ก็จำต้องยอมรับ หากว่าด้วยเรื่องพรสวรรค์ทางด้านแพทย์แผนโบราณ ฝูเฉินสูงกว่าเธอ
ก็แค่ฝูเฉินติดเล่นเกินไป ไม่ได้ตั้งใจเท่าที่ควร
ฝูเฉินตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าเดิม “ดูให้ดีนะ เปิดหม้อแล้ว!”
อิ๋งจื่อจินเปิดหม้อออกท่ามกลางทุกสายตาจับจ้อง
กลิ่นยาหอมตลบอบอวล
ผู้อาวุโสเดินเข้าไปทันที ตรวจสอบด้วยตัวเอง
หลังจากตรวจเสร็จเขาก็ยืนค้างอยู่ที่เดิม ราวกับถูกฟ้าผ่า
คนอื่นๆ พากันซุบซิบ
“เกิดอะไรขึ้น คงไม่ได้เสียหมดเลยใช่ไหม”
“หรืออาจจะดีเกินไป”
“แต่ถ้าทำสำเร็จจริง ฉันว่าเธอเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งด้านการปรุงยาในรุ่นหนุ่มสาวเลยนะ ไม่มีใครแย้งใช่ไหม”
“ไม่มีๆ อายุสิบแปดทำยาคุ้มใจออกมาได้ ถ้าประสิทธิภาพเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ก็ไม่มีใครเทียบได้แล้ว”
เมิ่งชิงเสวี่ยฟังอยู่ แม้แต่รอยยิ้มยังดูฝืน
“ท่านลุง รีบบอกผลสิครับ” ฝูเฉินทนรอไม่ไหวแล้ว “มัวแต่ยืนอึ้งอะไรอยู่”
“อ๋อ อ่อๆๆ!” ผู้อาวุโสถึงได้สติกลับมา เขาเช็ดเหงื่อ พูดอย่างยากลำบาก “หนึ่งเตาได้สี่เม็ด ยาคุ้มใจแต่ละเม็ดมีประสิทธิภาพอยู่ที่แปดสิบเปอร์เซ็นต์”
หินก้อนเดียวตีคลื่นได้นับพัน
“หนึ่งเตาสี่เม็ด! คุณชิงจยาทำหนึ่งเตาได้กี่เม็ด ฉันจำได้ว่าสามเม็ดนะ”
“ยินดีด้วย ในที่สุดโลกแพทย์แผนโบราณก็มีอัจฉริยะเพิ่มอีกหนึ่งคนแล้ว อนาคตมีหวังแล้ว”
ฝูเฉินตบมือ “สุดยอด สุดยอดมาก”
เขากะพริบตาปริบๆ เริ่มคิดแล้วว่าจะหลอกอิ๋งจื่อจินไปเข้าตระกูลฝูอย่างไร เขาจะได้เป็นอิสระสักที
อิ๋งจื่อจินนวดข้อมือ หยิบโควตาสมุนไพรที่เป็นของตัวเอง ไม่อยู่นาน ออกจากสมาพันธ์โอสถทันที
โชคดีที่คุมไว้ ไม่อย่างนั้นเกือบทำยาคุ้มใจที่แต่ละเม็ดประสิทธิภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ออกมาแล้ว
“คุณอิ๋ง”
เวลานี้มีคนเรียกเธอจากด้านหลัง
เป็นเมิ่งชิงเสวี่ย
“คุณอิ๋งคะ ฉันอยากเชิญคุณไปเข้าตระกูลเมิ่ง คุณมีพรสวรรค์มาก ตระกูลเมิ่งลงทุนทรัพยากรให้คุณได้ ฉันจริงใจนะคะ ฉันอยากช่วยเขา”
ขอแค่เธอดีกับอิ๋งจื่อจิน เธอก็จะสามารถชดเชยได้บ้าง
อิ๋งจื่อจินไม่แม้แต่จะหยุด “ไม่เข้าค่ะ”
“เดี๋ยวค่ะคุณอิ๋ง คุณ…” เมิ่งชิงเสวี่ยขยับปาก “งั้นคุณ…คุณต้องดูแลเขาให้ดีนะคะ”
“คุณเมิ่ง คุณนี่แปลกดีนะคะ” ในที่สุดอิ๋งจื่อจินก็หยุดแล้วหันไปพูด “แฟนฉัน ฉันก็ต้องดูแลอยู่แล้ว คุณบอกให้ฉันดูแลเขาให้ดีในฐานะอะไรเหรอคะ เป็นแม่เขา หรือเป็นพ่อเขา”
เมิ่งชิงเสวี่ยได้รับการสั่งสอนมารยาทของตระกูลใหญ่มาตั้งแต่เด็ก คนป่าเถื่อนที่สุดที่เคยเจอก็คือเซี่ยเนี่ยน
แต่เธอเพิ่งเคยถูกย้อนถามแบบนี้เป็นครั้งแรก
สีหน้าของเธอซีดลงในทันที รู้สึกมีกลิ่นคาวเลือดในลำคอ
“เขาลำบากมามากพอแล้ว กรุณาอย่าไปหาเขาอีก” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ น้ำเสียงเย็นชา “พวกคุณสองคนไม่มีเวรกรรมต่อกัน ถ้ามี ก็คือคุณติดค้างเขา”
“มันใช่ที่เขาเคยแก้แค้น แต่เรื่องเขาบาดเจ็บก็เรื่องจริง ฉันไม่อยากเห็นเขาบาดเจ็บแม้เล็กน้อย ฉันปวดใจ คุณน่าจะรู้ว่าฉันไม่รู้สึกดีต่อคุณเลยสักนิด”
เมิ่งชิงเสวี่ยหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม เลือดหายไปจากใบหน้า “ขะ ขอโทษค่ะ เมื่อก่อนฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่เคยคิดจริงๆ…”
อิ๋งจื่อจินกลับไม่ฟังอีก เธอหันตัวเดินออก
ทางด้านอวิ๋นซานกระโดดลงจากกำแพงเดินตามอิ๋งจื่อจิน
เขาตั้งใจอัดเสียงที่เมื่อครู่อิ๋งจื่อจินพูดกับเมิ่งชิงเสวี่ย จากนั้นก็ส่งให้ฟู่อวิ๋นเซิน
แบบนี้เรียกอะไร
เรียกสปายขั้นเทพ
อวิ๋นซานรู้ว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคนพูดน้อยมาตลอด
ทุกครั้งที่พูดเยอะล้วนเกี่ยวข้องกับคุณชายของเขา
“คุณอิ๋งครับ เธอน่ารำคาญขนาดนี้ อยากให้ผมจัดการไหมครับ” อวิ๋นซานส่งข้อความเสร็จก็ทำหน้าโหด “ยังไงซะเธอก็อยู่ได้อีกไม่นานแล้ว”
อิ๋งจื่อจินหรี่ตาลง “เธอเป็นหมอ นายอยากตายเหรอ”
อวิ๋นซานเกาหัว ยังคงไม่เข้าใจ “หมอแล้วไงครับ พวกเราพูดจริงทำจริง จัดการเด็ดขาด”
“ฉันเคยเปิดบันทึกของสมาพันธ์โอสถ” อิ๋งจื่อจินพูด “ในบันทึกเขียนไว้ว่า ฝูเฉินออกรักษาคนตอนอายุสิบสี่ ปีนี้เขาอายุยี่สิบหกปี รักษาคนไปแล้วทั้งหมดหนึ่งพันเจ็ดร้อยแปดสิบหกครั้ง ช่วยชีวิตคนไว้ได้เก้าร้อยเก้าสิบเจ็ดครั้ง”
“เมิ่งชิงเสวี่ยออกรักษาคนตอนอายุสิบห้า ปีนี้อายุยี่สิบสี่ รักษาคนไปแล้วทั้งหมดเจ็ดร้อยหกสิบห้าครั้ง ช่วยชีวิตคนไว้ได้เจ็ดร้อยสามสิบสี่ครั้ง”
ดูจากสถิติ ฝีมือการรักษาของเมิ่งชิงเสวี่ยสูงกว่าฝูเฉิน
อิ๋งจื่อจินหยุดเล็กน้อย “นายรู้ไหมว่านี่สร้างบุญให้คนคนหนึ่งตั้งเท่าไร”
“อย่าว่าแต่ฆ่าเธอเลย ต่อให้ใครทำร้ายเธอก็ต้องรับผลกรรมทั้งนั้น เว้นเสียแต่เธอจะทำตัวไม่ดีเอง”
สาเหตุที่ฝูซีอายุยืนยังมีอีกอย่าง เป็นเพราะช่วยรักษาคนมานับไม่ถ้วน มีบุญมาก
หากไม่มีอะไรผิดพลาด อายุขัยของฝูเฉินก็จะยืนยาวกว่าแพทย์แผนโบราณทั่วไป
เมิ่งชิงเสวี่ยร่างกายอ่อนแอ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเคยช่วยชีวิตคนไว้มากก็อาจอยู่ไม่ถึงอายุยี่สิบด้วยซ้ำ
อวิ๋นซานรู้สึกละอาย “ขอโทษครับคุณอิ๋ง ผมมันจิตใจคับแคบเกินไป”
“นี่ไม่ใช่ความผิดของนาย แต่เป็นเพราะนายชินกับวิถีในโลกจอมยุทธ์ คิดว่าการฆ่าแกงช่วยแก้ปัญหาได้” อิ๋งจื่อจินพูด “แน่นอนว่าจิตใจที่หวาดระแวงย่อมต้องมี ยามไหนที่ควรลงมือก็ต้องทำ”
ตอนแรกสุดจอมยุทธ์ยังมีไม่มาก ต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
จนกระทั่งเริ่มมีการก่อตั้งตระกูลมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเริ่มมีความขัดแย้ง
ระหว่างทางเห็นใครขัดตาก็เข้าไปฆ่า
กลิ่นอายความโหดเหี้ยมในโลกจอมยุทธ์ก็เลยมีมาก ไม่ดีต่อใครทั้งนั้น
อิ๋งจื่อจินหยิบช็อกโกแลตในกระเป๋าออกมากินแล้วพูดอย่างใจเย็น “อีกอย่าง คุณชายของนายยอดเยี่ยมขนาดนั้น ถ้าไม่มีคนมาชอบก็แสดงว่าพวกเขาตาถั่ว ยังไงซะก็ไม่ใช่ฉันที่สายตาไม่ดี”
อวิ๋นซานที่เกือบตายเพราะถูกอาหารหมายัดใส่ปาก “…”
เขาคิดแล้วเปิดแอปฯ เถาเป่าในมือถือ สั่งซื้อหนังสือธรรมะหนึ่งชุด เตรียมตั้งใจอ่านให้ดี
…
วันต่อมา
ยังคงอยู่ในช่วงวันหยุดปีใหม่ พอดีกับที่สวนสนุกยูนิเวอร์แซลฉลองเปิดใหม่
ฟู่อวิ๋นเซินจองตั๋วสี่ใบ
ด้วยความที่ทั้งสองคนเป็นที่ดึงดูดความสนใจจึงต้องแปลงโฉม
หิมะโปรยปราย
ฟู่อวิ๋นเซินก้มตัววางมันเผาที่เพิ่งซื้อมาใส่มืออิ๋งจื่อจิน “กินตอนร้อนๆ นะ”
อิ๋งจื่อจินนั่งลง
“อวิ๋นซานบอกว่าวันนั้นที่สมาพันธ์โอสถเธอเจอ…” ฟู่อวิ๋นเซินเว้นชื่อไว้ “ต่อไปถ้ามีเรื่องแบบนี้อีกเรียกพี่ชายนะ”
“อืม เข้าใจแล้ว” อิ๋งจื่อจินกัดมันเผา “กินด้วยกันสิ”
ฟู่อวิ๋นเซินรับมา “พวกน้องๆ ล่ะ”
“ไปเจอคนแล้ว อะเดลก็ไปด้วย อีกเดี๋ยวน่าจะกลับมา”
…
ด้านนอกสวนสนุกยูนิเวอร์แซล
หลินชิงจยาเดินตามคนดูแลของตระกูลเทเลอร์ “นักศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ตันอยู่ที่นี่เหรอคะ”
“ใช่ครับ นายใหญ่ก็ประหลาดใจเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจได้” คนดูแลยิ้ม “หนุ่มสาวทั้งนั้น ปกติถูกฝึกแบบปิดอยู่ในมหาวิทยาลัยนอร์ตันตลอด อุตส่าห์ได้ออกมาทั้งที”
หลินชิงจยาพยักหน้า
จนกระทั่งเธอเห็นคนคุ้นเคย
เท้าของหลินชิงจยาชะงัก “พวกเราไปทางนี้ดีกว่าค่ะ”
เธอถอยหนึ่งก้าว ไม่ให้เวินทิงหลานเห็นเธอ
เธอไม่ค่อยอยากให้คนอื่นรู้ว่าเธอยังมีน้องชายแท้ๆ ที่เป็นคนธรรมดาอยู่อีกคน