คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 614 เดี้ยงคาเวที เซี่ยเนี่ยนถูกหมิ่นเกียรติ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 614 เดี้ยงคาเวที เซี่ยเนี่ยนถูกหมิ่นเกียรติ

พอเห็นใบหน้าของฟู่อวิ๋นเซิน เจียงหรานก็นิ่งอึ้ง

แรงสะเทือนมหาศาล สมองของเขาถึงกับหยุดทำงานไปชั่วขณะ แค่มองไปด้านบนอย่างอึ้งๆ

เงาผู้ลึกลับที่สุดของศาลสถิตยุติธรรม ที่แท้คือฟู่อวิ๋นเซินเองเหรอ!

“เมื่อกี้ถ้าฉันฟังไม่ผิด นายแทนตัวเองว่าพ่อเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินหันไปพูดด้วยเสียงหยอกล้อ ดวงตาดอกท้อโค้งมน “เยาเยา ลูกชายเธอชักเอาใหญ่แล้วนะ”

เจียงหรานยังไม่ทันตั้งสติ อิ๋งจื่อจินก็อ้อมมาจากด้านหลัง

ในมือเธอมีกล่องหนึ่งใบ เธอเลิกคิ้วพลางพูด “ฉันกินไอศกรีมอยู่ เรื่องของผู้ชาย จัดการกันเองได้หรือเปล่า”

เจียงหรานตะลึงแบบกู่ไม่กลับ

เขานึกถึงคำพูดของหลิงเหมียนซีก่อนหน้านี้

‘เกิดเธอรู้จักใครในศาลสถิตยุติธรรมล่ะ’

แต่ใครจะไปคาดคิดว่าคนที่อิ๋งจื่อจินรู้จักคือเงา

ไม่ถูกสิ ทำไมฟู่อวิ๋นเซินถึงกลายเป็นเงาได้!

“ผม ผม…” เจียงหรานอ้าปาก ก้มหน้าลง “คุณคือพ่อผม”

ฟู่อวิ๋นเซินเลิกแกล้งเขา “นายคงไม่ได้คิดว่าฉันเรียกนายมาเพื่อลงโทษหรอกนะ”

พอเจียงหรานนึกถึงสภาพตัวเองเมื่อครู่ก็ใบหน้าร้อนผ่าว อับอายขายหน้า “เพราะเมื่อกี้อยู่ข้างนอกเฉียวถิงบอกว่า พวกเขาให้ตระกูลฝานมาคุยกับศาลสถิตยุติธรรมแล้ว จะให้คนสั่งสอนผม”

“อืม ใครเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “ผู้อาวุโสคนไหนล่ะ”

เจียงหรานพูดได้ไม่เต็มปาก “อาจจะเป็นฮู่ฝ่าซ้ายหรือเปล่า”

ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้าเล็กน้อย ชักสนใจ “เขามีอำนาจมากกว่าฉันเหรอ”

เจียงหราน “…ไม่มี”

พูดกันตามตรง ตำแหน่งฮู่ฝ่าซ้ายหากเทียบกับในตระกูลใหญ่ของตี้ตูก็แค่หัวหน้าบอดี้การ์ด

เข้าไปยุ่งเรื่องสำคัญเรื่องใหญ่ของศาลสถิตยุติธรรมไม่ได้

“งั้นก็จบแล้วสิ” ฟู่อวิ๋นเซินพูดอย่างใจเย็น “ฉันเรียกนายมาเพื่อบอกว่า อยู่ในศาลสถิตยุติธรรม ใครหาเรื่องนาย นายก็อัดกลับไป สู้ไม่ได้ก็มาฟ้องฉัน พวกเขามีคนหนุนหลัง นายก็มีเหมือนกัน อย่าทำตัวเองลำบาก เข้าใจไหม”

เขาเลิกคิ้ว “การประลองวันนี้ถ้าทำอีกฝ่ายหมดสภาพใช้การไม่ได้อีก ฉันรับผิดชอบเอง”

ตอนแรกสุดที่อยู่ในโรงเรียนมัธยมชิงจื้อ เจียงหรานเคยดูแลอิ๋งจื่อจินจริงๆ

ช่วยเธอหยุดความรุนแรงในโรงเรียนไว้หลายครั้ง

พอได้ยินแบบนี้เจียงหรานก็อึ้งอีกครั้ง

เขาก้มหน้า ขอบตาเริ่มแดงทีละนิด

นับตั้งแต่เข้ามาอยู่ในศาลสถิตยุติธรรมเขาก็รู้ว่าตัวเองต้องต่อสู้เพียงลำพัง

เจียงหรานไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น “นายร้องไห้เหรอ”

“เหลวไหล ไม่มี!” เจียงหรานอัดอั้นอยู่นาน ในที่สุดก็โพล่งออกไป “พ่อฟู่ ยังมีใครรู้สถานะนี้ของพ่อฟู่อีกหรือเปล่า”

“ไม่กี่คน” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “วางใจได้ พวกเขาพูดออกไปก็ไม่มีใครเชื่อหรอก”

เจียงหราน “…”

ก็จริง พ่อฟู่ของเขาทำตัวเสเพลได้เหมือนกว่าคนเสเพลตัวจริงเสียอีก

“ไปเถอะ” ฟู่อวิ๋นเซินปัดอกเสื้อ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า ยิ้มพลางพูด “ฉันรับปากไว้ว่าจะไปดูนายประลอง”

ด้านนอกห้อง

หลิงเหมียนซียังรออยู่

รออยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงเจียงหรานร้อง แต่ก็ไม่เห็นเขาออกมาสักที

เธอขมวดคิ้ว

มีคนเรียกเธอในเวลานี้

“เสี่ยวเหมียน”

หลิงเหมียนซีหันไปก็เห็นเนี่ยอี้

เขายังอยู่ในชุดเครื่องแบบที่เรียบกริบ

“มาได้ยังไง” หลิงเหมียนซีแอบประหลาดใจ “หน่วยอีจื้อหายยุ่งแล้วเหรอ”

“ช่วงนี้ตี้ตูไม่มีเรื่องใหญ่อะไร” เนี่ยอี้พยักหน้า “ลาหยุดไม่กี่วันยังพอได้อยู่”

และที่สำคัญที่สุดคือพวกตระกูลที่เมื่อก่อนทำตัวเหิมเกริมก็สงบเสงี่ยมลงไปมากแล้ว

ต่างกลัวว่าจะเจอคนที่ภายนอกดูธรรมดาแบบอิ๋งจื่อจิน แต่เบื้องหลังกลับมีอิทธิพลใหญ่โต เดี๋ยวจะซวยเอา

“งั้นก็ดี มาๆๆ” หลิงเหมียนซีดวงตาเป็นประกาย “มาสู้กันหน่อย วรยุทธ์ฉันเพิ่งจะก้าวหน้าขึ้น ไม่โกหก”

เนี่ยอี้ “…”

เขาครุ่นคิดอย่างจริงจัง จากนั้นก็ส่งข้อความวีแชทไปหาฟู่อวิ๋นเซิน

[นายกับคุณอิ๋งพอเจอหน้ากันก็สู้กันไหม]

ไม่มีข้อความตอบกลับทางวีแชท แต่มีเสียงดังอยู่ข้างหู

เป็นเสียงหัวเราะ

“แฟนฉันเห็นใจฉัน ทำฉันไม่ลง ต่อให้สู้กันก็ไม่มีทางทำที่หน้า”

พอได้ยินแบบนี้เจียงหรานก็เกาหัว “พ่ออิ๋งเป็นพวกคลั่งหน้าตาเหรอ”

อิ๋งจื่อจินหันมองเขา ไม่พูดอะไร

แต่สายตาบ่งบอกทุกสิ่ง

ยังต้องถามอีกเหรอ

เจียงหรานหุบปากทันที

“ใช่” หลิงเหมียนซีพูดอย่างเต็มปากเต็มคำ “ฉันไม่เห็นใจคุณ”

เนี่ยอี้ “…”

“ไม่เห็นใจงั้นเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “งั้นตอนเขาบาดเจ็บใครกันที่ทำแผลให้เสร็จก็เดินออกไปร้องไห้คนเดียว”

หลิงเหมียนซี “…”

เจียงหรานมองซ้ายแล้วมองขวา

รู้สึกได้อย่างลึกซึ้งว่าเขาเป็นหมาที่กั้นอยู่ระหว่างกลาง

การประลองจะเริ่มพอดี เจียงหรานจึงชิ่งดีกว่า

มีคนมาดูการประลองวันนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

เซี่ยเนี่ยนก็อยู่ด้วย

แต่สิ่งที่เธอสนใจไม่ใช่การประลองบนเวที แต่เป็นเนี่ยอี้

เธอได้ข่าวตั้งแต่เนี่ยอี้เดินเข้าโลกจอมยุทธ์แล้ว

เซี่ยเนี่ยนหรี่ตามอง เชิดคางขึ้น “คิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นไง”

ข้างเธอเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลฝาน ฝานจื่อซี

ฝานจื่อซีมองไป ดวงตาเปล่งประกาย “พี่เนี่ยน ใช้ได้เลยนะ ฉันมองวรยุทธ์ของเขาไม่ออก ต้องสูงกว่าฉันแน่นอน”

“แน่นอนอยู่แล้ว” ริมฝีปากแดงของเซี่ยเนี่ยนผุดรอยยิ้ม “ผู้ชายที่ฉันถูกใจมีคนไหนบ้างที่ดูด้อย”

เธอก้าวเข้าสู่ปรมาจารย์จอมยุทธ์ครึ่งทางแล้ว ย่อมมองวรยุทธ์ของเนี่ยอี้ออก

ประมาณหกสิบกว่าปี

หากอยู่ในตระกูลเซี่ยก็คืออัจฉริยะเหนืออัจฉริยะ

เซี่ยเนี่ยนก็ไม่เคยเจอผู้ชายแบบเนี่ยอี้มาก่อน

ไม่แน่พอมีเนี่ยอี้แล้ว เธออาจจะสิ้นลายก็ได้

ฝานจื่อซีเริ่มประจบ “พี่เนี่ยน ไม่เข้าไปเหรอ”

“ไม่เห็นหลิงเหมียนซีอยู่ข้างเขาเหรอ” เซี่ยเนี่ยนสีหน้าเย็นชา “ไว้รอฉันสบโอกาสจัดการยัยนั่นได้ก่อนค่อยว่ากัน ฉันไม่มีอารมณ์ใช้ผู้ชายร่วมกับคนอื่น”

ฝานจื่อซีพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก

นี่เป็นการทำผิดศีลธรรมอย่างเห็นได้ชัด

แต่ช่วยไม่ได้ โลกจอมยุทธ์คุยกันด้วยหมัด

คนดูแลบนเวทีเรียกรายชื่อรอบต่อไป

“คู่ที่สามเจียงหรานจากตระกูลหลิงเจอกับเฉียวถิงจากตระกูลเฉียวครับ”

เฉียวถิงยืดอก เดินขึ้นเวทีอย่างสง่าผ่าเผย

เจียงหรานขึ้นจากอีกฝั่งหนึ่ง

พอเฉียวถิงเห็นเจียงหรานมาในสภาพสมบูรณ์ก็อึ้งก่อน จากนั้นก็แสยะยิ้ม “ไอ้หนุ่ม นับว่าแกดวงดีนะ ฉันว่าท่านเงาคงเห็นแกยังเด็ก อนาคตยังอีกไกล ถึงได้ปล่อยแกไป”

“ในเมื่อแกได้รับการตักเตือนแล้ว อีกเดี๋ยวก็รู้งานหน่อย รีบไสหัวลงไปเอง เข้าใจหรือเปล่า”

เจียงหรานเอามือไพล่หลัง พูดอย่างไม่เกรงกลัว “คนเรานี่นะ กลางวันแสกๆ ก็เริ่มฝันเพ้อเจ้อแล้ว”

เฉียวถิงเดือดจัด “อยากตายเหรอไอ้หนุ่ม!”

เขารวบรวมกำลังภายในแล้วปล่อยไปโจมตีเจียงหราน

วรยุทธ์ของทั้งสองคนพอๆ กัน ยากที่จะตัดสินแพ้ชนะในชั่วประเดี๋ยวเดียว

แต่เจียงหรานมีความปราดเปรียวกว่า

การโจมตีของเฉียวถิงวืดหมดทุกกระบวนท่า แต่ตัวเองกลับโดนเข้าไม่น้อย

เฉียวถิงดวงตาแดงเดือด “เจียงหราน แกบังคับฉันเองนะ!”

ชั่วขณะนั้นพลังมหาศาลก็รวมอยู่ที่ตัวเขา

หมัดถูกปล่อยเข้าหาเจียงหราน

เจียงหรานสีหน้าเปลี่ยน หลบได้ทันเวลา

วินาทีถัดมาจุดที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ก็เป็นหลุมตื้น

ผู้ชมต่างตื่นเต้น เริ่มปรบมือ

มีเพียงอิ๋งจื่อจินที่สังเกตเห็นความผิดปกติ เธอหันไปถาม “การประลองระหว่างคนคุ้มกันในศาลสถิตยุติธรรมกินยาได้ด้วยเหรอ”

มียาที่ช่วยเพิ่มวรยุทธ์ได้ในเวลาอันสั้น แต่ส่งผลเสียต่อร่างกายมากพอสมควร

“ในทางทฤษฎีห้ามทำ” ฟู่อวิ๋นเซินหรี่ตาลงเล็กน้อย “แต่ตราบใดที่สืบไม่พบก็จะไม่ส่งผลอะไร”

ทีมคนคุ้มกันไม่อยู่ในความดูแลของเขาก็จริง แต่เขาก็เข้าไปยุ่งได้

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าแล้วถามต่อ “ผู้บัญชาการ ฉันก็โกงด้วย ไม่ถือสาใช่ไหม”

“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินหันมา “เปลี่ยนคำเรียกซิ”

“แฟนหนุ่ม”

“งั้นไม่ถือสา แฟนสาว”

อิ๋งจื่อจินเหล่มองเขาแล้วหยิบเข็มทองออกมาหนึ่งเล่ม

ตอนนี้เจียงหรานถูกเฉียวถิงไล่โจมตีไม่หยุด ไม่มีช่องให้สู้กลับ

เซี่ยเนี่ยนสืบเกี่ยวกับหลิงเหมียนซีมาอย่างดี ย่อมรู้ว่าเจียงหรานเป็นน้องชายของหลิงเหมียนซี

เธอแสยะยิ้ม “เอาแต่หลบ ไม่ได้เรื่อง”

แต่เวลานี้อยู่ๆ เจียงหรานก็มีพลังมากขึ้น

เขาไม่หลบอีกต่อไป พุ่งเข้าไปโจมตีเฉียวถิง

เปรี๊ยะ!

เสียงกระดูกร้าว

เฉียวถิงร้องด้วยความเจ็บปวด ต้านแรงไม่ทัน กระเด็นลอยออกไป

ไปทางเซี่ยเนี่ยนพอดี

ความสนใจของเซี่ยเนี่ยนอยู่ที่เนี่ยอี้ตลอด กำลังคิดว่าจะใช้ไม้ไหนถึงจะสนุก

หลบไม่ทัน ถูกเฉียวถิงพุ่งเข้าหาเต็มอก

ไม่เพียงเท่านี้ ยังถูกเลือดสาดเต็มหน้า

แคว่ก…

เสียงเสื้อขาด

เดิมทีชุดที่เซี่ยเนี่ยนใส่ก็เป็นเดรสแดงผ่าข้าง คราวนี้เห็นไปถึงไหนต่อไหน

จอมยุทธ์ย่อมมีแต่ผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ คนที่อยู่แถวนั้นต่างอึ้ง

ถ้าพวกเขามีโทรศัพท์มือถือจะต้องเอามาถ่ายไว้แน่นอน

มีเสียงซุบซิบดังขึ้นโดยรอบ

“คุณหนูใหญ่ตระกูลเซี่ย จึ๊ ไม่ธรรมดา”

“ใช่ไหมล่ะ ได้ยินว่าถนัดแย่งผู้ชายด้วยนะ”

ฝานจื่อซีตะลึง รีบหยิบเสื้อคลุมขึ้นมา “พะ พี่เนี่ยน เร็วเข้า”

เซี่ยเนี่ยนถีบเฉียวถิงออกไปแล้วรีบรับเสื้อคลุมจากฝานจื่อซีมาใส่

สีหน้าของเธอขรึมลง “อยากตายเหรอ!”

กล้าทำเธอขายหน้าขนาดนี้

เซี่ยเนี่ยนยกฝ่ามือขึ้น เดินขึ้นบนเวทีหมายจะบีบคอเจียงหราน

มีเสียงตะโกนด้วยความร้อนใจ “คุณหนูเซี่ย!”

มีชายวัยกลางคนไปขวางหน้าเธอไว้ ฮู่ฝ่าขวา

“คุณหนูเซี่ย ไม่เกี่ยวกับเขานะครับ เขาเองก็ไม่ได้เจตนา ก็แค่คุณอยู่ใกล้เวทีเกินไป”

ฮู่ฝ่าซ้ายก็มาด้วย พยายามขยิบตาให้เซี่ยเนี่ยนไม่หยุด “เนี่ยนเนี่ยน”

เซี่ยเนี่ยนไม่เคยอัดอั้นตันใจเท่านี้มาก่อน

ประเด็นคือเธอไม่คิดว่าเจียงหรานไม่ตั้งใจ

เจียงหรานจะต้องจงใจซัดเฉียวถิงให้กระเด็นมาทางเธอแน่นอน

แต่เธอกลับหาเหตุผลที่จะฆ่าเจียงหรานไม่ได้

เซี่ยเนี่ยนทำเสียงฮึดฮัด หันตัวเดินออกโดยไม่มองฮู่ฝ่าซ้าย

ฮู่ฝ่าซ้ายปวดหัวมาก

เซี่ยเนี่ยนมีผู้นำตระกูลเซี่ยคอยให้ท้าย แม้แต่คณะผู้อาวุโสก็ยังต้องให้เกียรติเธอ

เขาจะพูดอะไรได้

เฉียวถิงถูกเจียงหรานซัด ทั้งยังถูกเซี่ยเนี่ยนถีบ เขาหมดสติไปทันที

แต่ไหนแต่ไรมาการประลองมีกฎกติกาว่า

หากเกิดการบาดเจ็บสาหัสหรือตาย อีกฝ่ายจะถูกลงโทษ

แต่เซี่ยเนี่ยนเข้ามายุ่งแล้ว ฮู่ฝ่าก็ตัดสินไม่ได้ว่าจะโทษใครดี

ฮู่ฝ่าซ้ายตวัดมือพูดเสียงเย็นชา “หามเขาออกไป”

หยามเกียรติเซี่ยเนี่ยน ไม่มีทางได้อยู่รอด

เจียงหรานเลื่อนเป็นคนคุ้มกันระดับสี่ได้สำเร็จ

ฟู่อวิ๋นเซินก็มีรางวัลให้เขาตามสัญญา

ทุกคนกลับบ้านตระกูลหลิง

พอเจียงฮว่าผิงรู้ว่าเนี่ยอี้ก็มาด้วยจึงเข้าครัวไปทำกับข้าวอีกหลายอย่าง

“นั่งลงๆ” เจียงฮว่าผิงยิ้มทักทาย “เสี่ยวอี้ไม่มานานแล้ว ป้าหลิงยังบ่นถึงเธออยู่เลย”

เนี่ยอี้พูดอย่างสุภาพ “น้าเจียง ป้าหลิง”

แม่หลิงดีใจมาก “ไม่ต้องเกรงใจ กินข้าวกันเถอะ”

หลังกินข้าวเสร็จอิ๋งจื่อจินก็กลับห้อง

ก็ไม่รู้ว่าเจียงฮว่าผิงเจตนาหรือเปล่า เปิดห้องให้พวกเขาห้องเดียว

แต่ก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยนอนเตียงเดียวกัน

แน่นอนว่าก็แค่นอนอย่างเดียว

ฟู่อวิ๋นเซินเดินไปที่หน้าต่าง กดรับสาย “ฮัลโหล”

พอเขาฟังจบแววตาก็เริ่มขรึมลง “ได้ เข้าใจแล้ว”

อิ๋งจื่อจินเงยหน้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ “มีอะไรเหรอ”

“มีจดหมายนิรนามร้องเรียนมาว่าลุงหลิงซื้ออาวุธระยะไกลจากโลกปุถุชนมาไม่น้อย กองไว้ในคลังเก็บของ” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “แถมยังมีหลักฐาน จดหมายนิรนามฉบับนี้ถูกส่งไปที่ฝ่ายตรวจสอบ คนของศาลสถิตยุติธรรมมากันแล้ว”

พอเขาพูดจบก็ได้ยินเสียงเอะอะจากด้านนอก

อิ๋งจื่อจินปิดคอมพิวเตอร์ “ฉันจะออกไปดูหน่อย”

นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ศาลสถิตยุติธรรมมาบ้านตระกูลหลิง

แต่กลับไม่ใช่เรื่องดี

“หลิงฉงโหลวใช่ไหม” ชายวัยกลางคนมองหลิงฉงโหลวด้วยสายตาสำรวจ “ผมเป็นคนของฝ่ายตรวจสอบจากศาลสถิตยุติธรรม มาตามคำสั่งของก้งเฟิ่ง”

“มีคนร้องเรียนว่าคุณนำอาวุธเทคโนโลยีเข้ามาในโลกจอมยุทธ์ ต้องการเล่นงานตระกูลเฉียว กำจัดตระกูลเฉียว นี่คือหลักฐานครับ”

พอคำพูดนี้ออกมาคนที่อยู่แถวนั้นก็สีหน้าเปลี่ยน

ถึงแม้โลกจอมยุทธ์จะตัดขาดจากโลกภายนอก แต่ก็ไม่ได้ห้ามการมีอยู่ของเทคโนโลยี

เนื่องจากภายใต้สถานการณ์ที่โลกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว โลกจอมยุทธ์ก็ปิดกั้นไปได้อีกไม่นานแล้ว

มีเพียงอาวุธระยะไกลที่เป็นของต้องห้าม เว้นเสียแต่จะได้รับใบอนุญาตครอบครองปืนจากศาลสถิตยุติธรรม

อย่างไรเสียปืนก็สะดวกมาก ยิงทีเดียวก็จัดการคนทำผิดได้

แต่มีปืนได้ อาวุธใหญ่รุนแรงชนิดอื่นห้ามมีเด็ดขาด

ขีปนาวุธลูกเดียวสามารถฆ่าปรมาจารย์จอมยุทธ์ได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาวุธระยะไกลที่ขั้นสูงยิ่งกว่านั้น

นี่เป็นภัยคุกคามต่อโลกจอมยุทธ์มากทีเดียว

ชายวัยกลางคนหันไปสั่งคนคุ้มกันข้างตัว “จับเขาไว้ก่อน”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท