คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 616 ผู้ก่อตั้งเว็บบอร์ด พ่ออิ๋งคุ้มครอง

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 616 ผู้ก่อตั้งเว็บบอร์ด พ่ออิ๋งคุ้มครอง

หลิงตงชิงไม่เคยไปยุโรป ย่อมไม่รู้ว่าแต่เดิมเว็บบอร์ดเอ็นโอเคคือสมาพันธ์ลับสมัยศตวรรษที่สิบห้า

แต่ไม่ว่าจะนับอย่างไร เว็บบอร์ดเอ็นโอเคก็คือสิ่งตกทอดจากศตวรรษก่อน

เขาก็ไม่รู้จักอิ๋งจื่อจิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอิ๋งจื่อจินยังแปลงโฉมอีก

แต่ไม่ว่าจะแปลงโฉมอย่างไรก็ปิดบังความจริงที่เธออายุเท่าเจียงหรานไม่ได้

แล้วจะเกี่ยวข้องกับเว็บบอร์ดเอ็นโอเคได้อย่างไร

กฎของโซนซื้อขาย โซนภารกิจ และโซนอื่นๆ ของเว็บบอร์ดเอ็นโอเคล้วนถูกตั้งโดยผู้ดูแลเว็บบอร์ด

ไม่ว่าจะเป็นตระกูลใหญ่ของยุโรปหรือนักล่าติดชาร์ตต่างก็แก้ไขไม่ได้

หลิงตงชิงฟังแล้วก็แทบอยากหัวเราะ

เขาชักสงสัยจริงๆ แล้วว่าสมองของหลิงฉงโหลวมีปัญหาหรือเปล่า หาพยานทั้งทีแทนที่จะหาคนที่พูดจามีหลักการหน่อย

แต่ไหนแต่ไรมาการสอบสวนของศาลสถิตยุติธรรมมีความยุติธรรมเสมอ ห้ามใส่ร้ายคนดี

หัวหน้าฝ่ายสอบสวนพยักหน้า หันไปสั่งคนคุ้มกันอีกคน “ไปหยิบคอมพิวเตอร์มาแล้วเข้าเว็บบอร์ดเอ็นโอเค ลองดูว่าโซนซื้อขายมีกฎข้อนี้หรือเปล่า”

คนคุ้มกันขานรับแล้วออกไป

หลิงตงชิงนั่งลง ยกถ้วยชาขึ้นมา

เขามองคนคุ้มกันถือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กด้วยสายตาเย็นชา ล็อกอินเข้าเว็บบอร์ดให้ดูตรงนั้น

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง หาวหวอด

หลิงตงชิงแสยะยิ้ม “บอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิ ยังคิดจะ…”

เขายังพูดไม่ทันจบก็ถูกคนคุ้มกันขัดจังหวะ “เรียนก้งเฟิ่ง โซนซื้อขายมีกฎข้อนี้จริงๆ ครับ ปักหมุดเอาไว้ด้วย”

รอยยิ้มของหลิงตงชิงชะงักลงทันที

เขาอึ้งอยู่ห้าวินาทีเต็มๆ ก่อน จากนั้นก็ร้องออกมาด้วยความเหลือเชื่อ “ว่าไงนะ!”

ตอนเขาซื้ออาวุธพวกนั้นจากเว็บบอร์ดเอ็นโอเคไม่มีกฎข้อนี้เสียหน่อย!

ถ้ามี มีเหรอที่เขาจะซื้อ

หลิงตงชิงหัวร้อน จะเข้าไปแย่งคอมพิวเตอร์จากมือคนคุ้มกัน

หัวหน้าฝ่ายสอบสวนตวาดเสียง “ในที่สอบสวนยังจะกล้าก่อเรื่อง บังอาจ!”

มีคนคุ้มกันสองคนเข้าไปจับตัวหลิงตงชิงไว้

หลิงตงชิงก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี “ไม่มีทางมี!”

หัวหน้าฝ่ายสอบสวนชักหมดความอดทน “เอาให้เขาดู”

คนคุ้มกันหันคอมพิวเตอร์ให้หลิงตงชิงดู

หลิงตงชิงเห็นกฎข้อแรกที่ถูกปักหมุดเด่นหราในโซนซื้อขายอย่างชัดเจน

ทั้งยังเป็นอักษรสีแดง โดดเด่นมาก

[การซื้อขายอาวุธใดๆ ในโซนซื้อขายที่มีปริมาณร้อยชิ้นขึ้นไปจะต้องสลักชื่อผู้ซื้อลงบนอาวุธ ห้ามใช้ชื่อปลอม]

สมองของหลิงตงชิงตื้อไปหมด เขาอ้าปากค้าง “แต่ว่า…”

เขายังไม่ทันพูดจบ คนคุ้มกันที่ไปตรวจสอบอาวุธก็พูดแทรกขึ้นมา “เรียนก้งเฟิ่ง ตรวจสอบอาวุธทั้งหมดแล้วครับ เป็นเหมือนที่พยานคนนี้บอกครับ บนนั้นมีชื่อผู้ซื้อ”

หัวหน้าฝ่ายสอบสวนหน้าเครียดขึ้นมาทันที “เป็นใคร ดูดีแล้วใช่ไหม”

“มีทั้งหมดสองชื่อครับ” คนคุ้มกันยื่นรูปให้ดู “มีชื่อหลิงตงชิงกับเฉียวฮั่นครับ”

เฉียวฮั่นเป็นชื่อจริงของนายใหญ่เฉียว

คราวนี้หลิงตงชิงอึ้งสนิท “เป็นผมได้ยังไง ไม่มีทางเด็ดขาด!”

เห็นๆ อยู่ว่าตอนเขาซื้ออาวุธพวกนี้ใช้นามแฝง!

เขาจะโง่ถึงขั้นสลักชื่อตัวเองได้อย่างไร

หัวหน้าฝ่ายสอบสวนดูรูปเสร็จก็โยนลงบนโต๊ะอย่างแรง “คุมตัวหลิงตงชิงไว้ ไปจับเฉียวฮั่นที่บ้านตระกูลเฉียวมาด้วย!”

กล้าโกหกแม้แต่กับศาลสถิตยุติธรรม

“ไม่ใช่ผม! ผมไม่ได้ให้สลักชื่อนะ!” หลิงตงชิงลนลาน “ท่านก้งเฟิ่ง ไม่ใช่ผมจริงๆ ครับ!”

เขามือสั่น “ต้องเป็นหลิงฉงโหลวแน่นอน! ต้องเป็นเขาแน่นอน! เขาจงใจใส่ร้ายผม”

“หลิงตงชิง นายเองก็พูดออกมาแล้ว” เจียงฮว่าผิงแสยะยิ้ม “ใครใส่ร้ายใครดูก็รู้”

หัวหน้าฝ่ายสอบสวนโบกมือ “คุมตัวไป”

หลิงตงชิงตัวสั่น หันไปเจอสายตาของอิ๋งจื่อจิน

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินเย็นชา ดวงตาหงส์คู่งามคล้ายกับมองออกทั้งหมด

เธอยืนอยู่ตรงนั้นไม่มีตื่นตระหนกแม้แต่น้อย

หลิงตงชิงโมโหตัวสั่น เกือบกระอักเลือด

เขาถูกคุมตัวออกไปอย่างไม่ยินยอม

“การสอบสวนในวันนี้จบลงเพียงเท่านี้” หัวหน้าฝ่ายสอบสวนยืนขึ้น “หลิงฉงโหลว เรื่องนี้ศาลสถิตยุติธรรมเข้าใจผิดคุณ อีกเดี๋ยวจะมีของชดเชยไปส่งที่บ้านตระกูลหลิง”

หลิงฉงโหลวส่ายมือ “ไม่ต้องหรอกครับ ศาลสถิตยุติธรรมให้ความเป็นธรรม โลกจอมยุทธ์ต่างรู้กันดี”

ถ้าไม่มีอิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซิน เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ

การสอบสวนที่ทำให้เจียงหรานรู้สึกเหมือนเจอศึกหนักได้จบลงไปทั้งแบบนี้

เขายังไม่ได้สติกลับมาเท่าไร

กระเถิบเข้าไปหาอิ๋งจื่อจิน “พ่ออิ๋ง เรื่องชื่อมันอะไรกันเหรอ”

“ง่ายมาก” อิ๋งจื่อจินตอบ “เมื่อวานเขาเข้าไปในที่เก็บอาวุธที่ถูกยึดมา จากนั้นก็ใช้กำลังภายในสลักชื่อสองคนนั้นบนอาวุธ แค่นี้ก็ได้แล้ว”

เจียงหราน “…”

โอ้โห

ใช้กำลังภายในสลักชื่อโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

พ่อฟู่ของเขามีความสามารถนี้ด้วยเหรอ!

วรยุทธ์ต้องสูงขนาดไหนเนี่ย

เจียงหรานถามคำถามนี้ออกไป

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดแล้วตอบ “ประมาณปรมาจารย์จอมยุทธ์สองคนรวมกันได้มั้ง”

เจียงหรานชูมือนับ

รวมกันงั้นก็เกือบสองร้อยปีแล้ว

เทพอะไรขนาดนั้น!

เจียงหรานขอปลีกวิเวก

ในเวลาเดียวกัน

บนเว็บบอร์ดเอ็นโอเค

อยู่ๆ ก็มีกฎข้อนี้โผล่มา ทั้งยังปักหมุดขึ้นตัวแดงไว้บนหน้าหลัก พวกบอสที่เข้ามาส่องกระทู้ทุกวันไม่มีทางไม่เห็น

[ผู้ดูแลคนไหนเป็นบ้าขึ้นมาอีกเนี่ย เว็บบอร์ดเอ็นโอเคต้องสั่งอาวุธด้วยชื่อจริงตั้งแต่เมื่อไรกัน เกินไป ตัวตนของนักล่าไม่ถูกเปิดเผยเลยเหรอ]

[ไปดูตารางเข้าเวร วันนี้เป็นเวรของ แอทผู้ดูแล004 ทุกครั้งที่เกิดเรื่องก็คนนี้ รีบออกมาเลยนะ!]

[ฉันจำต้องขอสงสัยว่าเว็บบอร์ดถูกแฮกอีกแล้วหรือเปล่า ตอนนั้นเจ้าของแอ๊กเคานท์นั้นคือใครกันแน่ มีคนรู้ตัวหรือยัง]

[เอาเป็นว่าไม่น่าใช่ประธานสมาพันธ์แฮกเกอร์นิรนามแน่นอน ความกล้าของเขาเท่าขี้เล็บ]

[ช่างเถอะ ต่อไปฉันจะซื้ออาวุธที่เก้าสิบเก้าชิ้น แบบนี้ก็ไม่ขัดต่อกฎข้อนี้แล้ว ฉันนี่มันฉลาดจริงๆ]

ในขณะที่บนเว็บบอร์ดกำลังถกเถียงกันอย่างดุเดือด ณ ที่แห่งหนึ่งบนโลก

ภายในห้องหนึ่ง

ผู้ดูแลศูนย์ศูนย์สี่มองความเคลื่อนไหวในเว็บบอร์ด ตกใจจนพ่นน้ำออกมา “แค่กๆๆ!”

เขาถูกปรักปรำจริงๆ นะ

ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ สองเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย

อีกทั้งครั้งนี้ก็ไม่เหมือนครั้งก่อน ครั้งนี้แก้กฎ

นี่ไม่ใช่เรื่องที่แฮกเกอร์จะทำได้ ต้องมีอำนาจที่สูงมาก

“ฉันจะไปหาท่านหน่อย” ผู้ดูแลศูนย์ศูนย์สี่วางแก้วน้ำลง “ลองถามดูว่าใช่เขาหรือเปล่าที่นึกครึ้มเปลี่ยนกฎ”

ผู้ดูแลอีกคนที่อยู่ข้างกันพูดขึ้น “อย่าเลย ถ้าพวกเราหาตัวท่านเจอคงไม่ต้องมานั่งดูแลเว็บบอร์ดอยู่ตรงนี้แล้ว”

ท่านของพวกเขาถนัดเรื่องไหนมากที่สุด

ซ่อนตัว

ต่อให้อยู่เมืองเดียวกันกับพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่เคยเจอแม้แต่เงา

ผู้ดูแลศูนย์ศูนย์สี่พยักหน้า แต่ก็อดสงสัยไม่ได้

เคยได้ยินท่านบอกว่า เขากับอีกสามคนร่วมกันก่อตั้งสมาพันธ์ลับขึ้นมา

ดูจากสถานการณ์นี้มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นฝีมือผู้ก่อตั้งอีกคน

ทว่าแม้แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าอีกสามคนคือใครกันแน่

อย่างไรเสียพวกเขาก็แค่แรงงานต่ำต้อย

บ้านตระกูลเฉียว

คณะผู้อาวุโสตระกูลเฉียวก็ไม่มีใครห้ามแผนของนายใหญ่เฉียวกับหลิงตงชิง

ข้อแรก ถ้าแผนนี้สำเร็จ ตระกูลหลิงก็จะยืนอยู่ฝั่งเดียวกับตระกูลเฉียวของพวกเขา อยู่ใต้อาณัติของอิทธิพลตระกูลฝานเหมือนกัน

ข้อสอง จะได้จับหลิงเหมียนซีแต่งงาน เอาใจตระกูลฝานด้วยเรื่องนี้ สถานะของตระกูลเฉียวก็จะทะยานขึ้นสูงมาก

ยิงปืนหนึ่งนัดได้นกสองตัว

นายใหญ่เฉียวไม่ได้ไปดูการสอบสวนวันนี้ รอฟังข่าวดีจากหลิงตงชิงอยู่ที่บ้าน

แต่หลิงตงชิงที่เขารอยังไม่มา กลับมีคนจากฝ่ายตรวจสอบของศาลสถิตยุติธรรมมาแทน

นายใหญ่เฉียวแอบดีใจ แต่ไม่แสดงออกทางใบหน้า

เขาเข้าไปพูดอย่างนอบน้อม “ขอถามท่านทั้งสอง คดีเมื่อวานสอบสวนเสร็จหรือยังครับ”

ชายวัยกลางคนเหลือบมองนายใหญ่เฉียว พูดขึ้นทันทีโดยไม่รีรอ “จับไว้”

คนคุ้มกันสองคนเข้าไปจับนายใหญ่เฉียวไว้ จากนั้นก็เอากุญแจมือออกมาใส่

นายใหญ่เฉียวงงหนัก “ท่าน?”

“นายแอบลักลอบซื้ออาวุธมาซ่องสุมไว้ในคลังเก็บของ อีกทั้งยังใส่ร้ายคนอื่น ความผิดสองกระทงนี้เพียงพอให้ติดคุกยาวนานแล้ว จะออกมาได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้” ชายวัยกลางคนแสยะยิ้ม “เข้าใจเล่นนะ โกหกแม้กระทั่งศาลสถิตยุติธรรม!”

คำพูดนี้ระเบิดกลางหัวนายใหญ่เฉียวจนตื้อไปหมด หูก็ได้ยินเสียงหึ่งๆ

เกิดอะไรขึ้น

ทำไมคนที่ซื้ออาวุธกลับกลายเป็นเขาไปได้

นายใหญ่เฉียวอ้าปาก กลืนคำพูดที่ว่าเขาออกเงินแค่ครึ่งเดียวไว้ได้ทันเวลา

พูดออกมาก็มีแต่จะเป็นการยอมรับผิด

คนของศาลสถิตยุติธรรมมา คณะผู้อาวุโสก็ตื่นตกใจไปด้วย

พอผู้อาวุโสสามฟังจบก็ขมวดคิ้ว “เป็นไปไม่ได้ ดูสิว่าตระกูลเฉียวของเรามีของใช้เทคโนโลยีแค่ไม่กี่อย่าง เขาจะไปซื้ออาวุธระยะไกลได้จากไหน”

“ตระกูลหลิงต่างหากที่ดูจะมีโอกาสมากกว่า”

นายใหญ่เฉียวรีบพยักหน้า

“สมรู้ร่วมคิดกับคนอื่นไงล่ะ เขาซื้อไม่ได้ คนอื่นก็ซื้อไม่ได้ด้วยเหรอ ก็พอดี เขานี่แหละรวมหัวกับคนของตระกูลหลิง” ชายวัยกลางคนขี้เกียจเสียเวลากับคนของตระกูลเฉียว “โกหกศาลสถิตยุติธรรม ทั้งยังทำหลักฐานเท็จ ความผิดเพิ่มอีกหนึ่งกระทง เอาตัวไป!”

เขาอยู่ในศาลสถิตยุติธรรมมานาน ชินแล้วกับการแก่งแย่งชิงดีภายในตระกูลต่างๆ

เรื่องราวกระจ่าง เขาจึงไม่มีท่าทีสุภาพต่อนายใหญ่เฉียวเหมือนที่ทำต่อหลิงฉงโหลวเมื่อวานแล้ว

นายใหญ่เฉียวถูกลากตัวออกไป

เขาจะคร่ำครวญอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ คนทั้งตระกูลเฉียวต่างได้ยินเสียงร้องตะโกนเหมือนจะขาดใจของเขา

คณะผู้อาวุโสของตระกูลเฉียวมองหน้ากัน

ผู้อาวุโสสามหน้าเสีย หันไปมองผู้อาวุโสใหญ่ “พี่ใหญ่ เรื่องนี้…”

“ถูกเล่นงานกลับแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่หรี่ตา ทำเสียงฮึดฮัด “ทำงานไม่ระวัง ถูกคนจับจุดอ่อนได้ เขาไม่ต้องเป็นแล้วนายใหญ่”

ตระกูลจอมยุทธ์ขนาดกลางขึ้นไปก็แบบนี้

นายใหญ่เป็นแค่ตัวแทนตระกูลเวลาอยู่ข้างนอก เปลี่ยนได้ตามใจ

ผู้อาวุโสสามพยักหน้า พูดด้วยความโมโห “แต่ทางตระกูลหลิง จะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ ไม่ได้เป็นอันขาด!”

ทำให้ตระกูลเฉียวเสียหน้าขนาดนี้ หลิงฉงโหลวอย่าคิดว่าจะได้อยู่สบาย

“เรื่องนี้พวกเราไปขอความเห็นจากตระกูลฝานดีกว่า” ผู้อาวุโสใหญ่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วพูดขึ้น “น้องสาม ลองคิดดู สำหรับตระกูลจอมยุทธ์แล้ว ยังมีอะไรสำคัญที่สุดอีกนอกจากทรัพยากรการฝึก”

ผู้อาวุโสสามอึ้ง ตอบออกไปทันที “ก็ต้องแพทย์แผนโบราณ!”

จอมยุทธ์ฝึกต่อสู้ทุกวัน มากน้อยย่อมมีบาดเจ็บ

มีแพทย์แผนโบราณอยู่ข้างตัวก็เท่ากับมีหลายชีวิต

แพทย์แผนโบราณที่มาอยู่ประจำตระกูลเฉียวมีแค่สิบห้าคน

เพียงแต่ด้วยสถานะของตระกูลเฉียวในโลกจอมยุทธ์ย่อมเชิญแพทย์แผนโบราณของสามตระกูลใหญ่อย่างฝู อัน เมิ่ง มาไม่ได้

แพทย์แผนโบราณที่มีบารมีมากของสำนักเทียนอีพวกเขายิ่งเข้าไม่ถึง

“ถูกต้อง ก็คือแพทย์แผนโบราณ” ผู้อาวุโสใหญ่พูด “ถ้าตระกูลหลิงไม่มีแพทย์แผนโบราณจะเป็นยังไง”

ผู้อาวุโสสามดวงตาเป็นประกาย “ถ้าตระกูลหลิงไม่มีแพทย์แผนโบราณ แบบนั้นตระกูลก็จะหยุดพัฒนา หรืออาจถึงขั้นเสื่อมถอย”

ตระกูลหลิงแตกต่างจากตระกูลเฉียวของพวกเขา ยังไม่มีตระกูลใหญ่หนุนหลัง ไม่มีทางเข้าถึงพวกอิทธิพลชั้นแนวหน้าของโลกแพทย์แผนโบราณ

พวกเขาสามารถปิดกั้นเส้นทางที่ตระกูลหลิงว่าจ้างแพทย์แผนโบราณได้โดยผ่านทางตระกูลฝาน

ตระกูลหลิงได้จบเห่แน่

“ทำให้ตระกูลหลิงเปลี่ยนหลิงฉงโหลวออกจากตำแหน่งนายใหญ่ให้ได้” ผู้อาวุโสใหญ่พูดเสียงเย็นชา “ถ้าไม่เปลี่ยน ตระกูลหลิงก็อย่าหวังจะเชิญแพทย์แผนโบราณคนไหนมาได้อีกเลย”

ผู้อาวุโสสามตอบอย่างหนักแน่น “ผมจะไปหาตระกูลฝานเดี๋ยวนี้”

ในเวลาแค่สองวันตระกูลฝานก็ปล่อยข่าวไปยังพวกแพทย์ไร้สังกัดของตระกูลหลิง

แพทย์ไร้สังกัดไม่อยู่ใต้อาณัติของอิทธิพลใด แต่ฝีมือการรักษาก็ไม่ด้อย

หมอที่ตระกูลจอมยุทธ์ขนาดกลางเชิญมาก็คือแพทย์แผนโบราณประเภทนี้

การทำแบบนี้ของตระกูลฝานเล่นเอาตระกูลหลิงตั้งรับไม่ทัน

ภายใต้การบีบบังคับของตระกูลฝาน พวกแพทย์แผนโบราณของตระกูลหลิงต่างพากันบอกลา

พวกเขาก็แค่มีความสัมพันธ์ร่วมงานกับตระกูลหลิง

แต่ไหนแต่ไรมาแพทย์แผนโบราณก็เป็นที่ต้องการอยู่เสมอ ออกจากตระกูลหลิงก็ยังมีตระกูลจอมยุทธ์อีกมากมายให้พวกเขาเลือก

พวกแพทย์แผนโบราณของตระกูลหลิงทยอยบอกลาคณะผู้อาวุโสแต่เช้าตรู่ ไปจากบ้านตระกูลหลิง

ผู้อาวุโสใหญ่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาขวางแพทย์อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่บ้านตระกูลหลิงมาสามสิบปี

“น้องชาย มันหมายความว่าไงกัน”

“ตระกูลฝานประกาศในโลกแพทย์แผนโบราณ” แพทย์อาวุโสคนนั้นแค่ส่ายหน้า ถอนหายใจ “พวกเราห้ามทำงานกับตระกูลหลิง ผู้อาวุโสใหญ่ โปรดอภัย”

เขาถือกล่องยาแล้วรีบร้อนเดินออก

ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้ขวางเขาอีก

เวลานี้มีคนคุ้มกันเข้ามารายงาน “ผู้อาวุโสใหญ่ครับ มีคนจากตระกูลฝานมาครับ”

ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้ว “เชิญเข้ามา”

ตระกูลฝานมีอิทธิพลมากกว่าตระกูลหลิง ล่วงเกินไม่ได้

แต่ตระกูลฝานทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร

คนที่มาคือพ่อบ้านตระกูลฝาน

เขาเข้าประเด็นทันที

“คือแบบนี้ครับ พวกเราไม่ได้เจตนาบังคับตระกูลหลิง แต่เรื่องบางอย่างมีคนทำเกินไป” พ่อบ้านยิ้ม ข่มขู่เป็นนัยๆ “ขอแค่ตระกูลหลิงถอดหลิงฉงโหลวออกจากตำแหน่งนายใหญ่ บรรดาแพทย์แผนโบราณก็ย่อมกลับมา”

“ไม่เพียงเท่านี้ พวกเรายังจะช่วยเชิญแพทย์แผนโบราณของสามตระกูลใหญ่มาให้ตระกูลหลิงด้วย แพทย์จากสำนักเทียนอีก็ยังได้”

ขอเพียงแต่หลิงฉงโหลวลงจากตำแหน่งนายใหญ่

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท