ตอนที่ 653 โยเซฟเดี๋ยวรู้เรื่อง
นามสกุลนี้โด่งดังมาก
เดินตามถนนแค่เงยหน้าก็เจอได้
อย่างไรเสียธนาคารลอเรนท์ก็มีสาขาไปทั่วทุกหองระแหง
คนที่ครอบครองนามสกุล ‘ลอเรนท์’ เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ล้วนเป็นหัวกะทิชั้นยอดของแต่ละวงการ
ถ้าไม่ใช่เพราะพิธีกรบอกล่วงหน้าว่า ‘ผู้กุมอำนาจ’ ทุกคนคงคิดแค่ว่านี่คือคุณชายสักคนของตระกูลลอเรนท์
ห้องถ่ายทอดสดในเน็ตฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง
[โอ้โห ผู้กุมอำนาจของตระกูลลอเรนท์เด็กขนาดนี้เลยเหรอ!]
[หล่อโคตร หล่อมาก ดวงตาสีน้ำเงินของเขาสวยมาก]
[แม่จ๋า หนูจะเอาคนนี้]
[โทษนะ เขาดูเหมาะกับประธานฟู่มากกว่าหน่อย เป็นนักธุรกิจชั้นยอดทั้งคู่(อีโมชันหัวหมา)]
โยเซฟช็อกมาก แต่ที่มากกว่าคือสงสัยและไม่เข้าใจ
คีล ลอเรนท์ ที่เขานัดเจออายุตั้งสี่สิบกว่าแล้วยังจะต้องเรียกเด็กหนุ่มที่ดูยังไงก็อายุไม่น่าถึงยี่สิบว่านายท่านอีกเหรอ
ตระกูลลอเรนท์มีโครงสร้างอิทธิพลยังไงกันแน่
หากมองแค่ภายนอก เด็กหนุ่มที่ชื่อ ‘ซีซาร์’ คนนี้ดูเหมือนว่าก็ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ
อิ๋งจื่อจินมองดอกกุหลาบแดงที่อยู่ตรงหน้าอกซีซาร์ หัวจะปวด
เธอรู้อยู่แล้วว่าถ้าเมื่อไรที่ซีซาร์ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนก็จะทำตัวเป็นคุณชายเฉิ่มเบ๊อะแน่นอน
ควบคุมไม่อยู่
ไม่อยากบอกว่ารู้จักกันเลยจริงๆ
อิ๋งจื่อจินเบือนสายตาหนี ขี้เกียจจะสนใจอีก
เธอกดหูฟังไมโครโฟน พูดเสียงเบา “หนุ่มหน้าเด็ก คอยจับตาดูในงานให้ดีนะ รับรองความปลอดภัยของทุกคน”
วันนี้เรียกได้ว่าสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการธุรกิจระดับโลกมาเจอกัน
ประเทศเจไม่สงบแน่นอน
คนที่อยากฆ่าฟู่อวิ๋นเซินกับซีซาร์ ลอเรนท์ มีเยอะมาก
ต่อให้ไม่มีความสามารถถึงขั้นนั้น แต่ก็มีอิทธิพลที่อยากจะเก็บ
ด้วยเหตุนี้อิ๋งจื่อจินถึงได้ติดต่อฉินหลิงเยี่ยนก่อนที่งานประชุมสรุปผลงานไตรมาสจะเริ่มขึ้น ให้เขาคอยดูความสงบเรียบร้อย
“รับทราบ” ภายในคฤหาสน์ส่วนตัวอีกแห่งหนึ่งในประเทศเจ สายตาของฉินหลิงเยี่ยนจับจ้องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องที่อยู่ตรงหน้า ดื่มโค้กหนึ่งอึก “ตอนนี้ทุกอย่างปกติดี ไม่พบอาวุธที่จ้องเล่นงานแต่อย่างใด ยังไม่มีอันตราย”
แต่การสอดส่องระยะไกลก็ไม่อาจการันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แค่ลดอันตรายที่จะเกิดให้มากที่สุด
“เอ๊ะ” ซีนายเงยหน้า “พวกเธอกำลังตรวจสอบว่ามีวัตถุอันตรายไหมอย่างนั้นเหรอ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “อืม พวกเรามีศัตรูค่อนข้างเยอะ”
โดยเฉพาะซีซาร์ กับเธอ ต่างมีศัตรูยาวนานหลายศตวรรษแล้ว
โชคดีที่ตอนนี้ศัตรูของเธอไม่รู้จักเธอ
แต่ซีซาร์เปิดตัวขนาดนี้ก็ไม่แน่แล้ว
ไม่แน่ว่าอาจมีคนเอารูปถ่ายของเขาไปเทียบกับภาพสีน้ำมันของหลายศตวรรษก่อน
“อ่อ ง่ายมาก เดี๋ยวฉันช่วยดู”
ขณะที่ซีนายพูดก็ล้วงแว่นตากรอบดำออกจากกระเป๋าแล้วใส่
จากนั้นก็กดปุ่มที่ขาแว่น
ตรงหน้าเธอมีช่องตารางมากมาย รวมถึงสัญลักษณ์ตัวเลขอีกนับไม่ถ้วน
นี่คือระบบค้นหาขนาดใหญ่และคลังตรวจจับใบหน้า ทั้งยังสามารถติดตามร่องรอยจากระยะไกลได้ด้วย
ซีนายสวมแว่นมองไปรอบๆ งาน พูดเสียงเบา “อาอิ๋ง คนที่สามแถวห้าด้านซ้าย”
อิ๋งจื่อจินหรี่ตาเล็กน้อย มองไป
“ในกระเป๋าของเขามีวัตถุที่ระเบิดได้ ยี่สิบมิลลิลิตร ถ้าเจอประกายไฟจะระเบิดได้ครึ่งงาน”
ฉินหลิงเยี่ยนจับตาดูในงานอยู่ตลอด
พอเขาได้ยินแบบนี้ก็สำลัก พ่นน้ำโค้กออกมา “บอส แม่สาวน้อยคนนี้ใครเหรอ”
ตาเธอมองทะลุเสื้อผ้าได้หรือไง
เก่งกว่าโปรแกรมของเขาอีกเหรอ
“เก็บได้ข้างทาง” อิ๋งจื่อจินกดหูฟังไมโครโฟน หันไปกำชับอีกทาง “คนที่สามแถวห้าด้านซ้าย คุมตัวออกไป”
ยอมฆ่าผิดคนหมื่นคนดีกว่าปล่อยให้รอดแม้แต่คนเดียว
ใครมันจะอยู่ว่างๆ พกวัตถุระเบิดได้เข้ามา
แถมยังพกวัตถุระเบิดได้เข้ามาในปริมาณยี่สิบมิลลิลิตร เกรงว่าตรงจุดตรวจก็มีไส้ศึก
อิ๋งจื่อจินกวาดตามองตรงทางเข้า
ญาณพยากรณ์ทำงานในทันที หมอกจางปกคลุมดวงตา
เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตหลายเรื่องปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอโดยอัตโนมัติ
คนที่หนึ่ง คนที่สี่ และคนสุดท้าย
ล้วนเป็นคนที่โยเซฟแทรกเข้ามาทั้งนั้น
“วาเลนซ์” อิ๋งจื่อจินสั่งอีกครั้ง “ยังมีพวกเจ้าหน้าที่ตรงประตูด้วย เอาออกไปให้หมด พวกคุณรับหน้าที่สอบสวน”
ไม่มีเรื่องไหนที่ไอบีไอเค้นออกมาไม่ได้
ด้านนอกงาน วาเลนส์ยืนอยู่บนที่สูง
เขามองนาฬิกาข้อมือแล้วพูดหน้าเครียด “ครับ คุณอิ๋ง”
ตอนแรกสุดเขายังสงสัยในความสามารถของอิ๋งจื่อจินอยู่
แต่ช่วงที่ติดตามอิ๋งจื่อจินในไม่กี่วันนี้ วาเลนส์ก็นับถือและศรัทธาในตัวอิ๋งจื่อจินอย่างสิ้นเชิงแล้ว
มิน่าขนาดผู้บัญชาการที่ถูกเรียกว่านักพรตของพวกเขายังตบะแตกได้
วาเลนส์ตวัดมือเรียกลูกน้อง “พวกนายเข้าไปเอาคนออกมา คุ้มกันความปลอดภัยของผู้บัญชาการให้ดี”
เจ้าหน้าที่ค้นหาจำนวนห้าคนเดินเข้าไป ทันใดนั้นนักสืบที่เหลืออยู่คนหนึ่งก็พูดขึ้น “ผู้บัญชาการวาเลนส์ครับ หัวหน้าใหญ่ของพวกเราจัดสรรเวลาเก่งมากเลยนะครับ”
ก่อนหน้านี้ ขนาดพวกเขาที่เป็นลูกน้องยังแอบรับไม่ได้ที่ผู้บัญชาการสูงสุดของไอบีไอเป็นประธานใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปด้วย
“ไร้สาระ” วาเลนส์เหล่มองเขา ทำเสียงหึ “พวกเราถึงได้เป็นหมาโสดไง”
นักสืบ “…”
สองอย่างนี้มันเกี่ยวกันเหรอ
มันไม่ควรเป็นเพราะว่าหัวหน้าใหญ่ทรมานลูกน้องเก่งหรอกเหรอ
…
สายตาของทุกคนในงานต่างไปรวมอยู่บนเวที ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีหลายคนที่ถูกเจ้าหน้าที่ค้นหาของไอบีไอเอาตัวออกไป
ซีซาร์ที่อยู่บนเวทีกำลังพูด “บัญชีผู้ใช้งานของธนาคารลอเรนท์ทะลุสองพันล้านครั้งแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่ไว้วางใจครับ”
สองพันล้านเป็นจำนวนที่สูงมาก
“อ้อ จริงสิ ยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งครับ ครั้งนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพอดี ผมจะขอพูดเลยแล้วกัน” ซีซาร์จับไมโครโฟน มองพิธีกร “นี่ถ่ายทอดสดไปทั่วโลกหรือเปล่าครับ”
พิธีกรพยักหน้า “ใช่ครับคุณซีซาร์ ผู้ชมทั่วโลกดูคุณอยู่ครับ”
“ดีมาก” ซีซาร์พอใจแล้ว “ผมจะประกาศเรื่องหนึ่ง ผมเตรียมที่จะ…”
เขาเพิ่งพูดไปได้ครึ่งเดียวก็รู้สึกได้ถึงแรงอาฆาต
ซีซาร์หันไปอัตโนมัติ
อิ๋งจื่อจินมองเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
ซีซาร์สีหน้าชะงัก ตั้งสติแล้วพูดอย่างยากลำบาก “ธนาคารลอเรนท์เตรียมออกบัตรใหม่สีดำทอง โดยมีตั้งแต่ระดับเอถึงระดับเอฟ บัตรดำทองระดับเอมีจำกัดแค่สิบใบ โปรดติดตามครับ”
คีลที่นั่งอยู่ด้านล่างมุมปากกระตุก “…”
ทำไมอยู่ๆ นายท่านของพวกเขาก็กลายเป็นพนักงานเชียร์สินค้าไปได้
คนอื่นๆ แอบผิดหวัง
[เฮ้อ ที่แท้ก็ออกบัตร เดิมทีฉันคิดว่าจะหาคู่เสียอีก]
[แยกย้ายๆ บัตรดำทองระดับเอ มีเหรอที่พวกเราจะได้]
[ถูกสะกิดต่อมเผือก แต่กลับพูดเรื่องนี้ คนขี้จุ๊]
ผู้เฒ่าจงสงสัย “จื่อจิน ตาว่าเขาไม่ได้แค่อยากออกบัตร เขาต้องอยากพูดเรื่องอื่นแน่นอน”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองซีซาร์ที่ลงจากเวที เธอดื่มน้ำอย่างใจเย็น
“ค่ะ เขาอยากประกาศหาคู่ไปทั่วโลก แต่เขาไม่กล้า”
ผู้เฒ่าจง “…”
หลานสาวเขาเริ่มล้อเขาเล่นอีกแล้ว
หลังจากที่เอียนพูดในช่วงสุดท้ายเสร็จ รายงานสรุปผลงานไตรมาสก็จบลงเพียงเท่านี้
พิธีกรรับไมโครโฟนไป “ลำดับถัดไปจะเป็นเวลาของงานเต้นรำครับ ทุกท่านอยากเห็นประธานใหญ่ฟู่ขนาดนี้ งั้นก็ให้เขาเปิดฟลอร์แล้วกันครับ”
“เราจะทำการจับฉลากหาคู่เต้นรำให้ประธานใหญ่ฟู่ครับ”
คำพูดนี้ทำให้สาวๆ ภายในงานเกิดความสนใจขึ้นมาทันที
รวมถึงเจ้าหญิงของประเทศเจด้วย
เธอแสดงความเขินอายแบบเด็กสาวอย่างที่น้อยครั้งจะได้เห็น
สาวน้อยมองเจ้าหน้าที่ยกกล่องขึ้นไป เม้มริมฝีปาก “พ่อคะ”
เจมส์ย่อมรู้ทันความคิดของลูกสาว ตบมือลูกสาวเบาๆ “วางใจได้ พ่อจะชิงมาให้ลูก”
พิธีกรพูดขึ้นอีกครั้ง “ลำดับถัดไป ขอเชิญท่านประธานใหญ่ของพวกเรามาจับฉลากด้วยตัวเองครับ เพื่อเริ่มงานเต้น…”
“ขอโทษด้วยครับ วันนี้ไม่มีงานเต้นรำอะไรทั้งนั้นแล้ว” มีเสียงพูดด้วยความหงุดหงิดดังขึ้น ขัดจังหวะพิธีกร “และก็ไม่มีประธานใหญ่ฟู่อะไรนี่ด้วย ประธานใหญ่ไม่ได้แซ่ฟู่”
หินก้อนเดียวตีคลื่นได้นับพันชั้น
บรรดาแขกเหรื่อมองโยเซฟที่ยืนอยู่ ต่างตะลึง
งานประชุมสรุปผลงานไตรมาสกลายเป็นศูนย์กลางสงครามไปแล้วเหรอ
“โยเซฟ ทำอะไรน่ะ” นีลโมโหมาก “นายไม่ใช่แม้แต่ประธานฝ่ายปฏิบัติการก็คิดจะเหยียบหัวบอสแล้วเหรอ”
“บอสเหรอ” โยเซฟแสยะยิ้ม “เดี๋ยวก็ไม่ใช่แล้ว”
เขาจัดชุดสูทให้ดีท่ามกลางสายตามากมาย เดินขึ้นเวที
ฟู่อวิ๋นเซินหันไป สีหน้าเรียบเฉย
“ประธานใหญ่ฟู่ยังไม่รู้ใช่ไหมครับ” โยเซฟยิ้ม “ในเวลาสั้นๆ ที่คุณขึ้นพูดบนเวที ธนาคารลอเรนท์ได้ทำการแช่แข็งทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ในนามของคุณไว้แล้ว”
พอคำพูดนี้ออกมา สีหน้าของบรรดาผู้บริหารระดับสูงในวีนัสกรุ๊ปก็เปลี่ยนไป
แต่ไม่รวมพวกคนที่โยเซฟซื้อตัวมาแล้ว พวกเขาแสดงสีหน้าเหมือนรอดูละครฉากใหญ่
นีลด่า “โยเซฟ นายมันชั้นต่ำ!”
โยเซฟไม่แคร์เลยสักนิด เขายิ้ม “ผมไม่ได้มาหารือกับคุณอีก แต่มาบอกว่าตำแหน่งประธานใหญ่วีนัสกรุ๊ปเป็นของผมแล้ว”
สายตาของฟู่อวิ๋นเซินยังคงเรียบเฉย
โยเซฟขมวดคิ้ว หันไปพูดอย่างนอบน้อม “รบกวนด้วยครับคุณลอเรนท์”
ซีซาร์เลิกคิ้ว เดินขึ้นไป