คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 658 พลอดรัก ทำเนียบประธานาธิบดีขายหน้า

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 658 พลอดรัก ทำเนียบประธานาธิบดีขายหน้าไม่มีเหลือ

“…”

เกิดความเงียบขึ้นอย่างกะทันหัน

ไม่มีเสียงแม้แต่น้อย

แคทเธอรีนยืนอยู่ไกลมาก แต่ก็เห็นใบหน้าของฟู่อวิ๋นเซินได้อย่างชัดเจน

ดวงตาดอกท้อที่คุ้นเคย ใบหน้าชวนหลงใหล

ราวกับมีฟ้าผ่ากลางอากาศ ดังอยู่ข้างหูแคทเธอรีน

เกิดเสียงหนวกหูสั่นสะเทือน ระเบิดหัวสมองของเธอให้ว่างเปล่า

ฟู่อวิ๋นเซิน…เป็นฟู่อวิ๋นเซินได้ยังไง

ริมฝีปากของแคทเธอรีนสั่นอย่างรุนแรง รู้สึกวิงเวียนตาลาย “ทำไม ทำไมคุณ…”

พวกปาปารัซซี่ก็งงหนัก ตะลึงตาค้าง

ชายแก่เหรอ

นายทุนของอิ๋งจื่อจินเหรอ

ฟู่อวิ๋นเซินเป็นถึงคนที่ได้รับการขนานนามว่าหัวกะทิชั้นยอดที่หนุ่มที่สุดในวงการธุรกิจ ห่างไกลกับคำว่าแก่ลิบลับ

บอกว่าเขาเป็นนายทุน นั่นยังเท่ากับเป็นการลบหลู่เขา

“คะ คุณฟู่!” ผู้จัดการตั้งสติได้ก่อนคนแรก แข้งขาอ่อนแรง “ปะ เป็นคุณเองเหรอครับ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ”

“แล้วทำไมผมถึงอยู่ที่นี่ไม่ได้ล่ะครับ” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น ยิ้มอย่างเย็นชา “หรือว่าการเปิดห้องกับคู่หมั้นมันผิดกฎหมายประเทศเจด้วยเหรอครับ”

คำพูดนี้ทำให้ผู้จัดการตัวแข็ง “เปล่าๆๆ ครับคุณฟู่ ผมไม่มีเจตนาแบบนั้น พวกเราได้รับแจ้งมาว่ามีคนข่มขู่คุณอิ๋ง ถึงได้ขึ้นมาดูครับ”

ก่อนขึ้นมาเขาได้นึกไล่เรียงผู้ชายที่มีอิทธิพลทั้งหมดในยุโรปแล้วหนึ่งรอบ

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่คาดคิดเลยว่า คนที่อยู่ในห้องของอิ๋งจื่อจินจะเป็นฟู่อวิ๋นเซิน

แถมพวกเขายังเป็นคู่หมั้นกันด้วย!

“คะ คู่หมั้น…” ร่างกายของแคทเธอรีนโงนเงน ริมฝีปากไร้สีเลือด

อิ๋งจื่อจินเป็นคู่หมั้นของฟู่อวิ๋นเซิน งั้นก่อนหน้านี้ที่ทางประเทศเจเสนอเรื่องงานหมั้นในงานเต้นรำไม่กลายเป็นเรื่องตลกเลยเหรอ

แคทเธอรีนสมองตื้อในชั่วขณะ ใบหน้าร้อนผ่าว

เธอทำอะไรลงไป

อิ๋งจื่อจินติดกระดุมสองเม็ดบนให้ฟู่อวิ๋นเซินพลางพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนค่อยออกมา”

ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง ว่านอนสอนง่าย “ได้ เดี๋ยวกลับไปจะซื้อชุดอาหรับมาใส่ ต่อไปจะให้เธอดูคนเดียว”

ทั้งสองคนคุยกันเหมือนไม่มีคนอื่นอยู่ ยิ่งทำให้คนอื่นๆ ช็อกหนัก

ปาปารัซซี่เผ่นหนีกันหมดแล้ว แม้แต่กล้องถ่ายรูปที่ทำตกไว้ก็ไม่กล้าเก็บ

ล้อเล่นหรือเปล่า

พวกเขาจะกล้าถ่ายฟู่อวิ๋นเซินได้ยังไง

ไม่เท่ากับรนหาที่ตายเหรอ

“คุณฟู่ คุณอิ๋ง ขอโทษที่รบกวนครับ ขอโทษจริงๆ ครับ” ผู้จัดการเช็ดเหงื่อ รีบขอโทษต่อเนื่อง “พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้ รบกวนเวลาของทั้งสองท่าน เดี๋ยวจะส่งของมาให้เป็นการขอโทษครับ”

ฟู่อวิ๋นเซินตอบอืมแล้วปิดประตู

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือมากดโทรออก “วาเลนส์ สืบดูด้วยว่าเรื่องวันนี้มันยังไงกันแน่”

เขาพอเข้าใจแล้วว่ามันเรื่องอะไร

มีคนเจตนาไม่ดีปล่อยข่าวลือว่าอิ๋งจื่อจินซ่อนผู้ชายไว้ในห้อง

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่ก็เห็นได้ชัดว่าจ้องทำลายชื่อเสียงของอิ๋งจื่อจิน

ล้ำเส้นความอดทนของเขา

ดวงตาของฟู่อวิ๋นเซินฉายแววอาฆาต แต่กลับมาอ่อนโยนอีกครั้งเมื่อมองอิ๋งจื่อจิน “เยาเยา ไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินหาว “สนุกดีนะ เอาไปแต่งนิยายได้ แต่งเสร็จก็ถ่ายละครลงอินเตอร์เน็ต”

“…”

สาวน้อยของเขาสมองคิดไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไปเลยจริงๆ

“ไปเถอะ” ฟู่อวิ๋นเซินสวมเสื้อคลุม “มื้อดึกอยากกินอะไร”

“ลองไปดูแถวไชน่าทาวน์” อิ๋งจื่อจินสะพายกระเป๋า “อยากกินรสชาติแบบจีนๆ มากกว่า”

“ได้” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มพลางลูบหัวเธอ “ไปเถอะ”

วันต่อมา

ตอนเช้า

เจมส์กำลังดื่มชาอยู่กับคุณนายประธานาธิบดี

เขาอ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับวีนัสกรุ๊ปในหนังสือพิมพ์ เส้นเลือดปูดขึ้นที่มือ

อย่าว่าแต่เป็นพันธมิตรกับตระกูลลอเรนท์เลย ต่อให้ไม่มี วีนัสกรุ๊ปก็ไม่ใช่บริษัทที่ประเทศเจจะควบคุมได้นานแล้ว

เจมส์ทำเสียงฮึดฮัด โยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะอย่างแรง

ทันใดนั้นคุณนายก็พูดขึ้น “แคทเธอรีนล่ะคะ ลูกไม่ได้กลับมากับคุณเหรอ”

พอพูดถึงแคทเธอรีน สีหน้าของเจมส์ก็ดีขึ้นมาหน่อย “ลูกยังอยู่กับพวกสาวไฮโซที่โรงแรม เดี๋ยววันนี้ก็กลับมา”

“คุณก็จริงๆ เลย” คุณนายบ่น “ทำไมความอดทนต่ำแบบนั้น ถ้าหารือเรื่องหมั้นหมายกันเงียบๆ ก็ไม่ถึงกับต้องอับอายใหญ่โตขนาดนั้นแล้ว”

เจมส์หงุดหงิด “ใครจะไปรู้ว่าเมื่อห้าปีก่อนเขาถ่ายคลิปเอาไว้ด้วย”

คุณนายส่ายหน้า “คนตะวันออกฉลาดเป็นกรด ช่วยไม่ได้ ทำได้แค่ยอมจำนน”

ทันใดนั้นคนคุ้มกันก็รีบวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น ลนลานทำอะไรไม่ถูก “ท่านประธานาธิบดีครับ แย่แล้วครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

“มีอะไร” เจมส์ขมวดคิ้ว ข่มความโกรธ “แต่ละคนไม่รู้จักกฎระเบียบเลยหรือไง พวกนายคิดจะก่อกบฏเหรอ”

เมื่อวานประธานาธิบดีประเทศเจขายหน้าไม่มีเหลือแล้ว ผู้นำประเทศอื่นต่างหัวเราะเยาะเขา

ถ้าไม่ติดว่าทำเนียบประธานาธิบดีมีอำนาจ ทำให้ไม่มีข่าวหลุดไปในเน็ตมากนัก ไม่อย่างนั้นตอนนี้ทำเนียบประธานาธิบดีประเทศเจได้กลายเป็นตัวตลกไปทั่วโลกแล้ว

ตอนนี้ถูกรบกวนเวลาจิบชายามเช้า เจมส์ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่

“ท่านประธานาธิบดีครับ คือ เกิดเรื่องใหญ่แล้วจริงๆ ครับ” คนคุ้มกันพูดตะกุกตะกัก “เจ้าหญิงถูกไอบีไอจับตัวกลับมาครับ”

เจมส์สีหน้าเปลี่ยนไปมาก “ว่าไงนะ”

ไอบีไอเล่นงานแต่พวกผู้ก่อการร้ายระดับโลก แล้วแคทเธอรีนไปเกี่ยวข้องกับไอบีไอได้อย่างไร

เจมส์ยังไม่ทันจะออกไปก็มีคนบุกเข้ามาก่อนแล้ว

อุกอาจมาก ไม่มีปิดบังตัวตนแม้แต่น้อย

แคทเธอรีนถูกเจ้าหน้าที่สืบค้นสองคนจับกดลงพื้นอย่างไร้ความปรานี กดแรงมากจนเธอร้องด้วยความเจ็บปวด

คุณนายประธานาธิบดีแทบหยุดหายใจ ลนลานขึ้นมาทันที “แคทเธอรีน!”

แต่ด้านข้างยังมีนักสืบสองคนของไอบีไอถือปืนอยู่ คุณนายจึงไม่กล้าเข้าไป

เจมส์หน้าบึ้ง มองวาเลนส์ที่เข้ามาทีหลัง “หมายความว่าไง”

สำนักงานไอบีไอประจำประเทศเจอยู่ตรงข้ามทำเนียบประธานาธิบดี

กล้าทำตัวเหิมเกริมแบบนี้ในทำเนียบประธานาธิบดีก็มีแค่ไอบีไอแล้ว

ปกติวาเลนส์ไม่ค่อยออกหน้า

เจมส์รู้จักกับลิซิเนียสประธานไอบีไอ แต่กลับไม่เคยเจอวาเลนส์

“ท่านประธานาธิบดีครับ ประธานฟู่บอกว่า รบกวนท่านดูลูกสาวตัวเองให้ดีๆ ด้วย” วาเลนส์ยิ้ม “บอกให้เธอเลิกล้มแผนพวกนั้นที่อยู่ในใจเสีย อย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย”

“เจตนาปล่อยข่าวที่ไม่เป็นความจริง หมิ่นเกียรติแขกกิตติมศักดิ์ที่มาจากต่างประเทศ ท่านประธานาธิบดีครับ หรือนี่ก็เป็นความต้องการของท่านด้วย ท่านอยากทำลายความสงบสุขของโลกเหรอครับ”

คำพูดนี้คือการป้ายสีเจมส์โดยตรง

เส้นเลือดปูดบนหน้าผากเจมส์ แต่กลับจำต้องข่มอารมณ์ไว้ “คงเข้าใจผิดกันครับผู้บัญชาการ”

“เข้าใจผิดเหรอ” วาเลนส์พูดเสียงเย็นชา “ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดอะไรหรอก ถ้ามีครั้งหน้าอีก ไอบีไอมีสิทธิ์จับลูกสาวของท่านในนามของผู้พิทักษ์สันติสุขของโลก”

พูดจบเขากับลูกน้องก็ออกไป

ยังคงมีท่าทางอุกอาจเช่นเดิม ไม่ไว้หน้าทำเนียบประธานาธิบดีแม้แต่น้อย

คนคุ้มกันมองเจมส์ที่จวนเจียนจะระเบิดอารมณ์อย่างกล้าๆ กลัวๆ ก็รีบถอยออกไปเช่นกัน

ภายในห้องอาหาร

แคทเธอรีนทรุดอยู่บนพื้น ตัวสั่นอย่างรุนแรง สีหน้าหวาดกลัว

แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมไอบีไอถึงมาหาเธอ

เช้าวันนี้ขณะที่เธอยังนอนอยู่ก็ถูกเจ้าหน้าที่โรงแรมไล่ออกไป

ยังไม่ทันได้ตั้งสติก็ถูกเจ้าหน้าที่สืบค้นของไอบีไอจับกุมตัว

เจมส์หมดความอดทน ง้างมือตบหน้าแคทเธอรีน “งามหน้านัก พูด ไปทำอะไรไว้”

แคทเธอรีนโดนตบก็หน้าบวม น้ำตาร่วง

เธอเอามือจับหน้า สีหน้าเหลือเชื่อ “คุณพ่อ”

แต่เล็กจนโตพ่อไม่เคยตีเธอ

คุณนายตกใจ เข้าไปขวางเจมส์ไว้ “คุณทำอะไรน่ะ”

“ผมทำอะไรเหรอ” เจมส์โมโหมาก “ไอบีไอพาลูกสาวเรามาส่งด้วยตัวเอง คุณถามว่าผมทำอะไรงั้นเหรอ”

นี่ถ้าลือออกไปชื่อเสียงของแคทเธอรีนได้พังหมดแน่

ต่อไปยังจะมีใครกล้ามาขออีก

“หนู หนูไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น” แคทเธอรีนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง น้อยใจยิ่งกว่าเดิม “นี่มันเกี่ยวอะไรกับไอบีไอ พวกเขาจับผิดคน!”

“พ่อคะ พ่อต้องจัดการให้หนูนะคะ!”

“จัดการเหรอ” เจมส์โมโหจนหัวเราะ “จัดการยังไง ไอบีไอทำงานกันยังไงแกไม่รู้เหรอ”

แคทเธอรีนพูดไม่ออก

ในสายตาของไอบีไอไม่มีแบ่งแยกชายหญิงด้วยซ้ำ

คุณนายหน้าเครียด “เจมส์คะ ฟู่อวิ๋นเซินคงไม่ได้เกี่ยวข้องกับไอบีไอใช่ไหม”

เจมส์ขมวดคิ้ว

ก็จริง

ถ้าเป็นเมื่อก่อนไอบีไอมีเหรอจะสนเรื่องแบบนี้

พวกนักสืบวุ่นอยู่กับการทำภารกิจทั่วโลก

“เป็นไปไม่ได้” เจมส์ส่ายหน้า “เขาเป็นแค่นักธุรกิจชั้นยอด คนละวงการกับไอบีไอ จะสั่งคนของไอบีไอได้ยังไง”

คุณนายครุ่นคิด ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน

เจมส์พูดขึ้นอีกครั้ง “ช่วงสองสามเดือนนี้แคทเธอรีนไม่ต้องออกไปไหน สำนึกผิดอยู่ในบ้าน!”

“เอาล่ะ เรื่องเป็นแบบนี้แล้วพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์” คุณนายประคองแคทเธอรีนขึ้นมา ถอนหายใจ “ต่อไปพวกเราอย่าไปหาเรื่องวีนัสกรุ๊ปเลย”

เจมส์หน้าบึ้งพยักหน้า

ฟู่อวิ๋นเซินมีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย เลี่ยงได้ก็เลี่ยง

ไม่อย่างนั้นเดี๋ยววันไหนจะซวยถึงทำเนียบประธานาธิบดีเอา

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากที่โยเซฟถูกวีนัสกรุ๊ปกวาดล้าง เขาก็กลายเป็นคนล้มเหลวที่ไม่เหลืออะไร

แม้เขาจะมีความสามารถมาก แต่ก็ไม่มีบริษัทไหนจ้างเขา

โยเซฟไม่มีทางไป ทำได้เพียงเอาเงินที่เหลืออยู่ไม่มากไปซื้อบ้านหลังเล็กๆ

เขารู้ว่าเป็นแบบนี้ต่อไปย่อมไม่ใช่หนทาง แต่ก็ถูกวีนัสกรุ๊ปปิดกั้นเส้นทางหมดทุกด้านแล้ว

เป็นเพราะฟู่อวิ๋นเซิน!

โยเซฟเดินออกจากบ้านด้วยสีหน้าเย็นชา จะไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตข้างๆ แต่ถูกคนขวางไว้กลางทาง

เป็นชายวัยกลางคน เขายิ้มพลางพูด “ยินดีที่ได้พบกันครับคุณโยเซฟ”

โยเซฟขมวดคิ้ว “คุณเป็นใคร”

“ผมขอแนะนำตัวนะครับ ผมเป็นผู้ช่วยของศาสตราจารย์มานูเอลครับ” ชายวัยกลางคนพูด “คุณโยเซฟน่าจะพอคุ้นๆ ชื่อนี้อยู่บ้างไหมครับ”

โยเซฟหรี่ตา สีหน้าไม่เปลี่ยน “พวกคุณมาหาผมทำไม”

เขาย่อมรู้จักชื่อมานูเอลอยู่แล้ว

มานูเอลมีสถานะที่สูงมากในวงการชีวะเคมี มีสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ มากมายในช่วงหลายปีนี้ เคยเกือบกดเกอร์เวนไว้ได้

“พวกเราสนับสนุนยาพิษที่ไร้สีไร้กลิ่นให้คุณโยเซฟได้นะครับ” ผู้ช่วยยิ้ม “สารเคมีมีพิษแบบนี้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของห้องทดลอง ถ้าเอาไปฆ่าคนก็ไม่มีทางทิ้งร่องรอยไว้แน่นอนครับ”

“คุณโยเซฟสร้างผลงานให้วีนัสกรุ๊ปตั้งมากมายขนาดนั้นแต่กลับถูกไล่ออก คุณยอมจริงๆ เหรอครับ”

โยเซฟกัดฟันพูด “แล้วผมจะทำไงได้”

“ยังมีวิธีแน่นอนครับ” ผู้ช่วยหยิบขวดสารเคมีออกมา “ขอแค่ประธานใหญ่ตาย คุณก็จะกลับเข้าวีนัสกรุ๊ปได้ อย่างน้อยความสามารถของคุณก็เป็นที่ประจักษ์ ไม่ใช่เหรอครับ”

เขาพูดเสียงเบา “วิธีใช้อยู่บนขวด นี่เป็นยาพิษชนิดใหม่ที่แม้แต่โลกใต้ดินก็ยังไม่มีเลยนะครับ”

โยเซฟดวงตาเป็นประกาย มองไปรอบๆ เอาขวดยาพิษเก็บเข้ากระเป๋า “พวกคุณต้องการอะไร”

“พวกเราไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น” ผู้ช่วยยิ้มอีกครั้ง “ก็แค่ทนเห็นคุณโยเซฟถูกไล่ออกไม่ได้ ไม่อยากเห็นฟู่อวิ๋นเซินเป็นใหญ่อยู่คนเดียว”

โยเซฟไม่หลงกลง่ายๆ เขาถามอีกครั้ง “พวกคุณอยากได้อะไรกันแน่”

“ก็ได้ คุณโยเซฟนี่ฉลาดจริงๆ เลยนะครับ” ผู้ช่วยพูด “เป้าหมายของพวกเราคือคุณอิ๋งที่อยู่ข้างกายคุณฟู่ แต่นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ พวกเรามีวิธีจัดการ”

“คุณอิ๋งเหรอ” โยเซฟขมวดคิ้ว “ได้ เข้าใจแล้ว ขอบคุณที่ช่วย”

เขาจับปกคอเสื้อให้ตั้งขึ้นแล้วเดินออกโดยไม่หันกลับไปมอง

บอดี้การ์ดที่ตามผู้ช่วยมาพูดขึ้นด้วยความลังเล “เขาจะทำสำเร็จเหรอครับ”

“จะสำเร็จหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา” ผู้ช่วยพูด “เขาก็แค่ช่วยพวกเราเบนความสนใจ ไปเถอะ”

เป้าหมายของพวกเขาไม่เคยเป็นฟู่อวิ๋นเซิน

แต่แน่นอนว่าถ้าโยเซฟทำสำเร็จจะเป็นการดีที่สุด

แต่ผู้ช่วยก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก

อิ๋งจื่อจินออกจากโรงแรม

เมื่อคืนเธอกับริต้านัดกันว่าจะไปเดินห้างสรรพสินค้าเปิดใหม่ที่ใจกลางเมือง

ตอนเดินเข้าซอย ทันใดนั้นหูของอิ๋งจื่อจินก็ขยับ เท้าเดินช้าลง

มีบอดี้การ์ดสิบกว่าคนที่ร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากด้านหน้าและด้านหลัง ล้อมเธอไว้ ค่อยๆ เดินเข้าไปหา

อิ๋งจื่อจินเงยหน้ามองผู้ช่วยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คุณเองเหรอ”

“คุณอิ๋งยังจำผมได้เสียด้วย นับเป็นเกียรติมากครับ” ผู้ช่วยยิ้ม “คุณอิ๋งครับ ครั้งก่อนคุณปฏิเสธคำเชิญของศาสตราจารย์ พวกเราเลยต้องมาบังคับ ช่วยไปกับเราหน่อยนะครับ”

เขาขยิบตาให้พวกบอดี้การ์ด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท