ตอนที่ 671 เซี่ยเนี่ยนตาย หนุนหลัง
เสียงนี้มาพร้อมกำลังภายใน ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ลอยมาไกลร้อยลี้ สะเทือนเยื่อแก้วหูของทุกคน
เซี่ยคงหมิงไม่มีแม้แต่เวลาตั้งตัว ตัวกระแทกลงพื้นดุจระเบิด
“ตูม!”
เกิดเป็นหลุมลึกในชั่วพริบตา
จอมยุทธ์ทั้งหมดที่อยู่บนอัฒจันทร์ต่างตกใจ เงยหน้าทันควัน หันไปมองต้นเสียง
ตรงนั้นเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ เหาะมาจากขอบฟ้า
ค่อยๆ เดินมากลางอากาศราวกับเดินขึ้นบันได
แน่วแน่มั่นคง ดุจเดินบนพื้นดิน
เขาสวมชุดคลุมกันลมสีดำ ลมแรงพัดอกเสื้อของเขาเปิดออก เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าที่สมบูรณ์แบบ
มีกลิ่นอายความโหดเหี้ยม ราวกับเขาเป็นปีศาจร้ายที่ปีนขึ้นมาจากขุมนรก
เจือไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน แต่กลับเป็นตัวแทนแห่งความตายเช่นกัน
“…”
เกิดความเงียบขึ้นบนทะเลสาบชิวเยี่ย
ทุกคนต่างมองชายหนุ่มรูปงามที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันคนนี้ด้วยความตะลึง ลมหายใจแทบหยุดไปชั่วขณะ
ใบหน้านี้ของฟู่อวิ๋นเซินถือว่ามีชื่อเสียงมากในโลกจอมยุทธ์ คนของสามตระกูลอย่างหลิน เซี่ย เย่ว์ รู้จักเขาอยู่ไม่น้อย
แต่ทุกคนต่างรู้ว่าเซี่ยคงหมิงมีวรยุทธ์สองร้อยสามสิบกว่าปี
ถึงแม้จะไม่ถือว่าอยู่ในกลุ่มจอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์สูงสุด แต่ก็เป็นบุคคลที่มีความน่าเกรงขามพอสมควรในโลกจอมยุทธ์
แต่ปีนี้เขาอายุเกือบสามร้อยปีแล้ว
อายุสามร้อยปีเป็นขีดจำกัดอายุของจอมยุทธ์จำนวนมาก
แล้วฟู่อวิ๋นเซินล่ะ
ปีนี้อายุของเขายังไม่เกินยี่สิบห้าปีด้วยซ้ำ!
จะเป็นไปได้ยังไง!
อิ๋งจื่อจินเป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์ที่อายุไม่ถึงยี่สิบปี นั่นก็เพียงพอให้ตะลึงกันไปทั้งโลกจอมยุทธ์แล้ว
แต่ตอนนี้ ฟู่อวิ๋นเซินอายุไม่ถึงยี่สิบห้าปี วรยุทธ์ของเขากลับนำเซี่ยหมิงคง!
นี่มันเรื่องอะไรกัน
คนที่ตะลึงหนักสุดย่อมเป็นลูกหลานตระกูลหลิน
โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่เคยพูดจาดูถูกในงานประมูลที่จัดเพียงปีละครั้งของโลกจอมยุทธ์ เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“นายใหญ่!” เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง ผ่านไปสักพักกว่าเขาจะหาเสียงของตัวเองเจอ พูดปากสั่น “วะ วรยุทธ์ของเขา ทะ ทำไมถึงได้สูงขนาดนี้”
ตอนนั้นตระกูลหลินสืบมาอย่างดีแล้ว
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ใช่คนของโลกจอมยุทธ์ บรรพบุรุษของเขาก็ไม่มีจอมยุทธ์
ซึ่งก็หมายความว่า เป็นไปไม่ได้ที่ยีนของเขาจะโดดออกมา ได้ครอบครองพรสวรรค์จอมยุทธ์
แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่เขาจะมีวรยุทธ์ ยังเป็นอัจฉริยะที่ฝีมือล้ำเกินหน้าจอมยุทธ์รุ่นหนุ่มสาวทั้งหมดไปไกลมากด้วย
หลินจิ่นอวิ๋นก็ตะลึงมากเช่นกัน
ถึงเขาจะรู้ว่าฟู่อวิ๋นเซินคือเงา แต่เขาไม่คาดคิดว่า วรยุทธ์ของฟู่อวิ๋นเซินจะสูงถึงขั้นนี้แล้ว
สีหน้าของเขาอึมครึม เม้มริมฝีปากเล็กน้อย แอบนึกเสียใจ
ถ้าเมื่อสิบปีที่แล้วเขารู้ว่าฟู่อวิ๋นเซินจะน่ากลัวขนาดนี้ในอนาคต เขาจะฆ่าทิ้งตั้งแต่ตอนนั้นแน่นอน ไม่มีทางปล่อยให้มีโอกาสได้เติบโต!
หลินจิ่นอวิ๋นกัดฟัน
แต่ละคนเก็บซ่อนความสามารถกันเก่งนัก
ความเคลื่อนไหวโดยรอบไม่ส่งผลกระทบต่ออิ๋งจื่อจิน เธอยกมือปล่อยกำลังภายใน
เซี่ยเนี่ยนถูกยกตัวเท้าลอยเหนือพื้น ค้างกลางอากาศ
เข็มทองกับเข็มเงินในมืออิ๋งจื่อจินปักเข้าร่างกายของเซี่ยเนี่ยนอย่างต่อเนื่องคล้ายกำลังเย็บซ่อมแซมเสื้อผ้าเก่า
สายตาของเซี่ยเนี่ยนเลือนรางแล้ว เธอมองเห็นใบหน้าของฟู่อวิ๋นเซินไม่ค่อยชัด ทำได้เพียงวิเคราะห์จากเสียงตะลึงของผู้ชมบนอัฒจันทร์ว่าเป็นใคร
เธอย่อมเคยได้ยินชื่อของฟู่อวิ๋นเซิน
คนที่มาจากโลกปุถุชน มีพรสวรรค์จอมยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา เดิมทีก็น่าประหลาดใจอยู่แล้ว
เพียงแต่เซี่ยเนี่ยนไม่เคยเก็บฟู่อวิ๋นเซินมาใส่ใจ
แต่ตอนนี้คนที่เธอเคยดูถูก แต่ละคนกลับพากันมาเหยียบหัวเธอ
มีเหรอที่เธอจะยอม!
อยู่ๆ ร่างกายของเซี่ยเนี่ยนก็เย็นเฉียบ
“แคว่ก”
เสื้อผ้าท่อนบนของเธอขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพราะกำลังภายใน ทยอยหล่นลงพื้น
จอมยุทธ์ชายทั้งสนามประลองเห็นเรือนร่างของเซี่ยเนี่ยนกันหมด ยกเว้นฟู่อวิ๋นเซินที่หันหลังให้เวทีประลองกำลังล็อกตัวคนตระกูลเซี่ยไว้อยู่
บนเรือนร่างนั้นเต็มไปด้วยเข็มเงินกับเข็มทอง มีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
แผลเหวอะเห็นเนื้อด้านใน สภาพน่าสยดสยอง ไม่ถือเป็นภาพที่งดงามแน่นอน
“โอ้โห!” เจียงหรานอึ้งไปชั่วขณะ หยิบผ้าปิดตาออกมาทันที “ทำตาฉันมีมลทินหมด”
เซี่ยเนี่ยนดวงตาเบิกโพลง ความรู้สึกอับอายแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนทำให้น้ำตาของเธอไหลออกมาทันที
เสียงร้องไห้ดังออกมาจากลำคอ เธอแทบคลั่ง “อิ๋ง…อิ๋ง! โอ๊ย!”
เซี่ยเนี่ยนพูดได้ไม่เต็มประโยค
เมื่อครู่มีเข็มทองเล่มหนึ่งถูกปักเข้าที่ลำคอของเธอ ทำลายเส้นเสียงของเธออย่างสิ้นเชิง
บนร่างกายของเซี่ยเนี่ยนถูกปักเข็มเงินเข็มทองเข้าไปแล้วอย่างน้อยห้าหกสิบเล่ม แต่ละเล่มปิดจุดลมปราณของเธอ
แต่เธอกลับยังไม่ตาย
ในเวลานี้เองเซี่ยเนี่ยนเพิ่งเข้าใจคำพูดหนึ่ง
จะมีเรื่องกับใครก็ได้แต่อย่ามีเรื่องกับแพทย์แผนโบราณ
“ในเมื่อชอบเล่นสนุก งั้นก็เต็มที่” สีหน้าของอิ๋งจื่อจินเรียบเฉย เธอยกมือหยิบเข็มทองออกมาอีกเล่ม “เลือกสักจุดสิ”
ในที่สุดเซี่ยเนี่ยนก็ขาดสติอย่างสิ้นเชิงภายใต้การถูกทรมานแบบนี้ สติแตกในชั่วขณะ
ปีศาจ!
อิ๋งจื่อจินก็เป็นปีศาจเหมือนกัน!
เมื่อเข็มเงินกับเข็มทองเล่มใหม่ถูกทิ่มเข้าไป เซี่ยเนี่ยนก็ค่อยๆ สูญเสียการได้ยินและการมองเห็น
เธอไม่ได้ยินและมองไม่เห็นแล้ว แต่เธอยังไม่ตาย
เวลานี้เซี่ยเนี่ยนไม่มีความคิดอื่น มีเพียงความโกรธแค้นที่ไม่สิ้นสุดปกคลุมความคิดของเธอ
อีกด้านหนึ่ง
“ให้ตายเถอะ!” ในที่สุดเซี่ยคงหมิงก็ลุกจากพื้นขึ้นมาได้ สีหน้าบึ้งตึง “ไอ้หนุ่ม แกอยากตายเหรอ!”
ตระกูลเซี่ยจะต้องฆ่าอัจฉริยะสองคนนี้ทั้งหมดให้ได้!
มิฉะนั้นจะกลายเป็นหายนะในวันหน้า
เซี่ยคงหมิงยกฝ่ามือ งอนิ้วลงเหมือนกรงเล็บแล้วปล่อยพลังโจมตีฟู่อวิ๋นเซิน
ฟู่อวิ๋นเซินยืนอยู่กลางอากาศ สองมือกอดอก เลิกคิ้วเล็กน้อย
เขาไม่ขยับ แค่ยกมือขึ้น
เขาส่ายมือเบาๆ ไม่ได้จงใจปล่อยกำลังภายในเพื่อสู้กลับ
“ฟึ่บๆ!”
ผิวทะเลสาบด้านหลังฟู่อวิ๋นเซินปั่นป่วนขึ้นมาทันที
เกิดคลื่นสูงมหึมาขนาดร้อยฟุต
กำแพงน้ำที่เมื่อครู่เซี่ยเนี่ยนสร้างขึ้นเทียบคลื่นมหึมาตรงหน้าไม่ติดเลยสักนิด กลายเป็นของเด็กเล่น
จากนั้นคลื่นยักษ์ที่สูงร้อยฟุตก็พ้นเหนือน้ำ กลายเป็นธนูน้ำหลายร้อยดอก
เซี่ยคงหมิงสีหน้าเปลี่ยน ตะโกนออกไป “การแสดงหลอกเด็ก!”
เขาระเบิดกำลังภายในปล่อยออกไป
“ตูม!”
ก้อนหินขนาดยักษ์ที่อยู่บนเขาข้างทะเลสาบชิวเยี่ยถูกยกออกมาแล้วจับทุ่มไป
“ตูมๆ!”
เจียงหรานแทบหยุดหายใจ “ซี้ด…”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นฝีมือของฟู่อวิ๋นเซิน
เจียงหรานรู้ว่าเมื่อวรยุทธ์เกินสองร้อยปีขึ้นไป กำลังภายในก็จะอานุภาพสูงมาก เก่งกว่าปรมาจารย์จอมยุทธ์ทั่วไปไม่รู้ตั้งเท่าไร
ถึงแม้จะยังไม่ถึงขั้นย้ายภูเขายกทะเลได้ แต่ก็เพียงพอทำให้ตกตะลึง
นั่นต่างหากสงครามครั้งใหญ่อย่างแท้จริง
แต่เมื่อเทียบกับตาแก่เซี่ยคงหมิง ลมหายใจของฟู่อวิ๋นเซินยังเป็นปกติเลยด้วยซ้ำ
เปรียบเทียบสองคน สูงต่ำชัดเจน
เป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์ที่กำลังภายในสูงส่งเหมือนกัน แต่เซี่ยคงหมิงกลับถูกฟู่อวิ๋นเซินข่มจนสู้กลับไม่ได้แม้แต่น้อย ถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
ขนาดตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ยังจะมีแรงไปสนเซี่ยเนี่ยนได้ยังไง
“อยากฆ่าใครนะ” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น ยิ้มชั่วร้าย “ลองดูไหมล่ะ”
เขามองอย่างเย็นชา นิ้วเรียวยาวกำหมัด
หวดหมัดกลางอากาศ!
“พลั่ก!”
เซี่ยคงหมิงส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ทุรนทุรายขั้นสุด
ทันใดนั้นมีเลือดพุ่งออกจากอกด้านซ้ายของเขา เลือดทะลักไหลนอง
หัวใจถูกบดละเอียด ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ก็ไม่รอดแล้ว
เซี่ยคงหมิงตาค้าง ร่างกายทรุดลงอย่างควบคุมไม่ได้ ตกลงไปในทะเลสาบ
ในทะเลสาบชิวเยี่ยมีซากกระดูกอยู่จำนวนมาก
ตอนนี้มีผู้นำตระกูลเซี่ยเพิ่มเข้าไปอีกคน
นายใหญ่เซี่ยตัวสั่นอย่างรุนแรง ริมฝีปากของเขาสั่นเทา ขาดก็แค่น้ำลายฟูมปาก
“ท่านผู้นำตระกูลคงหมิงตะ…ตายแล้วเหรอ!”
ฆ่าปรมาจารย์จอมยุทธ์ด้วยหมัดเดียว!
แถมยังเป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์ที่วรยุทธ์สองร้อยกว่าปี กำลังภายในสูงส่ง!
นี่มันฝีมือระดับไหนกัน
บนอัฒจันทร์แทบหยุดหายใจกัน
บรรดาจอมยุทธ์ต่างตะลึงงัน
“ไม่ต้องมองฉัน” ฟู่อวิ๋นเซินปัดอกเสื้อ ยิ้มมุมปาก “มองบนเวที”
เขาถอยหลังหนึ่งก้าว นั่งลงกลางอากาศ หลังยืดตรง
ทุกคนถึงได้ละสายตาไปมองที่เวที
พอมองไปก็ตะลึงมากกว่าเดิม
เซี่ยเนี่ยนเลือดท่วมตัวไปแล้ว
มองไม่ออกว่าสภาพเดิมเป็นอย่างไร
โหดเหี้ยมมาก!
แต่พวกเขาก็รู้ว่า นี่มันเทียบกับเรื่องที่เซี่ยเนี่ยนเคยทำไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
จอมยุทธ์ที่เคยถูกเซี่ยเนี่ยนหยามเกียรติมีเพียงความรู้สึกสะใจ
พูดได้เพียงว่ากรรมตามสนอง สมน้ำหน้า
อิ๋งจื่อจินทิ่มเข็มทองทั้งหมดเสร็จก็บีบคอเซี่ยเนี่ยนอีกครั้ง
นายใหญ่เซี่ยแยกเขี้ยวยิงฟัน ตะโกนด้วยความโกรธ “หยุดนะ! หยุดเดี๋ยวนี้!”
เขาอยากเข้าไป แต่ตรงที่นั่งของตระกูลเซี่ยถูกฟู่อวิ๋นเซินใช้กำลังภายในผนึกไว้ ขยับไปไหนไม่ได้
บนเวทีประลองที่เงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียง ‘เปรี๊ยะ’
เป็นเสียงกระดูกแตก
ขาของเซี่ยเนี่ยนอ่อนเปลี้ย คอตก หมดลมหายใจอย่างสิ้นเชิง
อิ๋งจื่อจินปล่อยมือ
ร่างกายของเซี่ยเนี่ยนหล่นลงกระแทกพื้น ไม่เหลือความเป็นไปได้ที่จะลุกขึ้นมาได้อีกแล้ว
ว่าที่ปรมาจารย์จอมยุทธ์ เซี่ยเนี่ยนแห่งตระกูลเซี่ย…ตายแล้ว!
“…”
เงียบสงัด เงียบกันทั้งสนาม
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ตระกูลเซี่ยถูกข่มจนถึงขั้นทำอะไรไม่ได้
แต่ไหนแต่ไรมามีแต่ตระกูลเซี่ยรังแกเข่นฆ่าจอมยุทธ์คนอื่น ตอนนี้กลับกลายเป็นพวกเขาถูกฆ่า ทั้งยังไม่มีแรงจะสู้กลับ
นายใหญ่เซี่ยสีหน้าแตกตื่น “แกจบแน่! ตายแน่! ฉันจะบอกพวกแกให้ พวกแกตายแน่!”
“ไว้ท่านผู้นำตระกูลอาวุโสออกมา พวกแกจบเห่แน่! ฉันขอบอกพวกแกไว้เลย ท่านผู้นำตระกูลอาวุโสจะต้องเอาเลือดล้างโลกจอมยุทธ์ เขาทำแน่นอน!”
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “หนวกหูจริง”
เขาตวัดมือ คลื่นกำลังภายในอันแผ่วเบาทะลุอกนายใหญ่เซี่ย
ร่างกายของนายใหญ่เซี่ยโงนเงน ล้มลงไปอีกคน
วรยุทธ์ของเขาไม่ถึงระดับปรมาจารย์จอมยุทธ์ ย่อมแบกรับไม่ไหว
ตระกูลเซี่ยตายไปอีกหนึ่งคน
เกิดความเงียบขึ้น
ฟู่อวิ๋นเซินเหาะขึ้นหน้าไปโอบเอวอิ๋งจื่อจิน “เยาเยา ไปเถอะ กลับก่อน”
ทั้งสองคนหายออกไปพร้อมกันโดยไม่มีใครกล้าห้าม
แต่ทุกคนต่างรู้ว่า หลังจากที่ชื่อเสียงจอมยุทธ์อัจฉริยะของอิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินแพร่ไปทั่ว โลกจอมยุทธ์จะต้องโกลาหลครั้งใหญ่แน่นอน
…
บ้านตระกูลหลิง
หลิงเหมียนซียังคงไม่ได้สติ แต่สีหน้าดีขึ้นมาก
เนี่ยอี้ก็เพิ่งมาถึงไม่นาน เฝ้าเธออยู่ข้างเตียงตลอด
เขาไม่เคยเห็นหลิงเหมียนซีเงียบแบบนี้มาก่อน เนื้อตัวมีบาดแผลมากมาย
เจ็บปวดหัวใจจริงๆ
เนี่ยอี้ห่มผ้าให้หลิงเหมียนซีอย่างเงียบๆ ประตูถูกเปิดออกในเวลานี้
เขาหันไปแล้วยืนขึ้น “อวิ๋นเซิน พวกนาย…”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว พวกเราพาเหมียนซีออกจากโลกจอมยุทธ์ก่อน” อิ๋งจื่อจินเข้าประเด็นทันที
“โลกจอมยุทธ์ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว”
เนี่ยอี้อุ้มหลิงเหมียนซีด้วยความระมัดระวัง ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คุณอิ๋ง อวิ๋นเซิน พวกนายก็ไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อ วันนี้…”
เซี่ยเนี่ยนตาย ตระกูลเซี่ยไม่อยู่เฉยแน่
เซี่ยฮ่วนหรานใกล้ออกมาเต็มที แต่ตอนนี้ยังหาตัวเฟิงซิวไม่พบ
ใครจะขวางเซี่ยฮ่วนหรานได้
ไม่มีใครรู้ว่าปรมาจารย์จอมยุทธ์ระดับเซี่ยฮ่วนหรานไปเก็บตัวฝึกอยู่ที่ไหน
อิ๋งจื่อจินหันไป “เขาพูดถูก คุณต้องออกไป”
“แล้วเธอล่ะ” ฟู่อวิ๋นเซินจับข้อมืออิ๋งจื่อจินแน่น “เธอคงไม่ได้จะบอกว่าจะเอาอย่างตัวเองเมื่อก่อนนี้ใช่ไหม”
อิ๋งจื่อจินเงียบไป
เธอรู้ว่าฟู่อวิ๋นเซินหมายถึงเรื่องที่เธอเคยเล่าให้ฟัง ตอนอยู่โลกบำเพ็ญเพียรเธอเคยตายเพื่อเพื่อนสนิท
“ไม่ว่ายังไงฉันก็ไปไหนไม่ได้” อิ๋งจื่อจินหยุดเล็กน้อย “ฉัน…”
“อืม งั้นพี่ชายก็ไม่ไปไหนด้วย” ฟู่อวิ๋นเซินขัดจังหวะคำพูดของเธอ “พี่ชายจะอยู่ด้วย”
“…”
“ช่างเถอะ” อิ๋งจื่อจินถอนหายใจเบาๆ
“พวกเราช่วยกันพาคนตระกูลหลิงทั้งหมดออกไป จากนั้นค่อยทำลายตระกูลเซี่ย”
เซี่ยฮ่วนหรานยังไม่ออกมา นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ปล่อยมือเธอ กลับจับแน่นขึ้น “ไป”
เมื่อคืนตระกูลหลิงเร่งเก็บของกันทั้งคืน เจ็ดร้อยกว่าคนย้ายของไปที่ทางเข้าออกโลกจอมยุทธ์พร้อมกัน
แต่ทีมคุ้มกันของตระกูลเซี่ยขวางอยู่ข้างหน้า
“อิ๋งจื่อจิน คิดจะหนีเหรอ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งเดินขึ้นหน้า แสยะยิ้ม
“จะบอกให้นะ พวกแกอย่าได้คิดหนีกันแม้แต่คนเดียว อยู่ที่นี่ให้หมด!”
สีหน้าคนของตระกูลหลิงเปลี่ยนไป
อิ๋งจื่อจินยกมือ “ไม่ต้องตื่นตกใจ”
ผู้อาวุโสตวัดมือด้วยความโมโห “จัดการ!”
แต่คนคุ้มกันหลายสิบคนที่เข้าไปก่อนอยู่ๆ ก็ถูกตบกลางอากาศ
ผู้อาวุโสสีหน้าเปลี่ยน เงยหน้าทันที
“คนตระกูลเซี่ย อยากเอาชีวิตพวกเขาก็ควรมาถามความต้องการของฉันก่อนหรือเปล่า”
ตัวยังมาไม่ถึง เสียงมาก่อน
บรรยากาศกดดัน