คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 683 ข้างกายมีแต่คนระดับบอส รนหาที่ตาย!

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 683 ข้างกายมีแต่คนระดับบอส รนหาที่ตาย!

เผยให้เห็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์เกินไป

อายุไม่มีทางเกินสามสิบปีแน่นอน

ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ต บนจมูกโด่งมีแว่นกันแดด ช่วยขับให้ผมสั้นสีน้ำเงินเทาที่เพิ่งย้อมยิ่งโดดเด่น

ท่าทางเตรียมออกไปเที่ยวเต็มที่

อิ๋งจื่อจิน “…”

เธอบอกแล้วว่าเธอไม่เชื่อในรสนิยมของซิว

คนที่ตั้งค่าเว็บไซต์เป็นสีดำทั้งหมด รสนิยมความงามเรียกได้ว่าเฉียดศูนย์

ถ้าผู้วิเศษเป็นแบบนี้กันหมด งั้นสำนักผู้วิเศษก็คงเป็นผับดิสโก้ขนาดใหญ่

ซิวถอดแว่นกันแดดออก

จากที่อิ๋งจื่อจินบอกก่อนหน้านี้ว่าจะใส่ชุดอะไร เขาก็หาตัวคนที่เขาอยากเจอได้อย่างแม่นยำ

ซิวเงยหน้าขึ้น “พวกสาวๆ เวลาออกจากบ้านนี่ค่อนข้าง…”

เขาไม่ได้พูดคำว่า ‘ช้า’ ออกไป ทันใดนั้นคำพูดหยุดชะงัก

ใบหน้าอันงดงามของอิ๋งจื่อจินเข้ามาในสายตา

ดวงตาหงส์ขนตางอนยาว ผมดำขลับริมฝีปากบาง

ความงามแบบที่พลังทำลายล้างสูง ราวกับมีมีดมาจ่อคอ ต่อให้ต้องตายเพราะแบบนี้ก็ยินดี

ซิวเท้ากระตุก เกือบเหยียบคันเร่งเหาะออกไปแล้ว

ก่อนเจอกันซิวเคยจินตนาการเอาไว้มากมาย

เป็นต้นว่า สหายเก่าของเขาคนนี้อาจเป็นคนพิการ

ถ้าไม่ตาบอดก็หูหนวก หรืออาจมีตาข้างเดียวมีหูเพิ่มเข้ามา

ไม่อย่างนั้นทำไมเมื่อก่อนถึงเอาแต่สวมชุดคลุมตัวยาวสีดำ ไม่เผยตัวให้คนอื่นเห็น

แต่ตอนนี้?

ซิวรู้สึกเหมือนตัวเองโดนหลอก

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “มีปัญหาเหรอ”

“เปล่า” ซิวรีบเปลี่ยนคำพูดทันที เขากดปุ่ม “ขึ้นรถสิ”

ประตูรถเปิดอัตโนมัติ

พออิ๋งจื่อจินขึ้นไปนั่งแล้ว ซิวก็เหยียบคันเร่ง

รถทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว เข้าไปยังเส้นทางจราจรบนท้องฟ้า จากนั้นก็หายวับไป

ทิ้งเทียนเยียนยืนหน้าบึ้งอยู่ที่เดิม

เธอเห็นอย่างชัดเจน รถคันนั้นเป็นรถแข่งแบบสามโหมดน้ำบกฟ้าที่เพิ่งวางขายในเว็บดับบลิว

แอคเคาท์ระดับเอสเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ซื้อ

เมื่อวานบิล เรนเกล ก็เพิ่งพูดถึงรถรุ่นใหม่

ไม่มีตามท้องตลาด

รถแค่คันเดียวราคาสูงถึงพันล้าน

เทียนเยียนแค่ติดตามบิล ตระกูลของเธอเรียกได้ว่าเป็นระดับกลางค่อนไปทางบน ย่อมไม่มีทางมีเงินมากขนาดนั้น

“ฉันก็ว่าทำไมทำตัวอวดดีได้ขนาดนั้น ที่แท้ก็มีเศรษฐีหนุนหลัง” เทียนเยียนกำมือแน่น แสยะยิ้ม

“ยังจะบอกว่าไปเจอท่านนักพรต”

ท่านนักพรตย้อมผมด้วยหรือไง

น่าตลกจริงๆ

ระหว่างทาง

รถขับเคลื่อนอัตโนมัติ

ซิวเปิดเบียร์กระป๋อง หันหน้าไป “ทำอะไรอยู่”

อิ๋งจื่อจินกดโทรศัพท์ ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “รายงานกำหนดการประจำวันให้แฟนรู้”

ซิวมือสั่น เกือบกดโหมดบินให้กลายเป็นโหมดลงน้ำ

ต่อมาเขาก็เผลอเห็นข้อความ

[วางใจได้ผู้บัญชาการ ไม่หล่อเท่าคุณ]

ตามมาด้วยสติกเกอร์กระต่าย

กระต่ายทำท่าหัวใจ ด้านบนมีคำว่า ‘รักนะ’

ซิว “…”

ตาจะบอดไหม

ตอนนี้เขาเชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่าสาวน้อยตรงหน้าคนนี้ก็คือสหายเก่าที่เคยทำงานกับเขามาร้อยปี

พูดไม่เยอะ แต่พลังโจมตีกลับสูงมาก

หลังจากอิ๋งจื่อจินคุยกับฟู่อวิ๋นเซินเสร็จก็มองวิวนอกหน้าต่าง

“ผู้ก่อตั้งอีกสองคนของเว็บดับบลิวกับสมาพันธ์ลับก็คือผู้วิเศษสินะ”

“อืม คุณเดาถูก พวกเขาก็เป็นผู้วิเศษเหมือนกัน” ซิวเงียบไปชั่วครู่แล้วถึงพูดต่อ

“คือพลังกับความยุติธรรม”

ผู้วิเศษลำดับที่เก้า พลัง

ผู้วิเศษลำดับที่สิบสอง ความยุติธรรม

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงักเล็กน้อย “พวกเขา…ไม่อยู่แล้วเหรอ”

ตรงช่องเพื่อนแชทของเธอ ภาพโปรไฟล์ของสองคนนี้เป็นสีเทามาตลอด

“อาจไม่อยู่แล้ว หรืออาจจงใจเก็บซ่อนตัว ปลอมตัวเป็นคนธรรมดา” ซิวพูด “ตราบใดที่ผู้วิเศษไม่เผยตัวตนก็ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคือผู้วิเศษ”

อิ๋งจื่อจินมองสำรวจผมสีน้ำเงินเทาของเขา “ฉันเห็นด้วย”

เธอคิดว่าคุณชายเสเพลที่ไหนมาทำตัวเท่ห์แถวนี้เสียอีก

“ผมก็เลยอยากเชิญคุณมาทำนายให้หน่อย” ซิวพูดเสียงขรึม “ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า”

อิ๋งจื่อจินนวดหัว ผ่านไปสักพักถึงพูดขึ้น “พลังของฉันได้รับความเสียหาย ตอนนี้พยากรณ์ผู้วิเศษไม่ได้”

ซิวอึ้ง “เกิดอะไรขึ้น”

“สรุปง่ายๆ ก็คือตายแล้วกลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้งแล้ว” อิ๋งจื่อจินพูด

“เดิมทีฉันคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าลืมตาขึ้นมาอีกครั้งจะมาอยู่บนโลก”

จะว่าไปก็ไม่ถือว่ากลับชาติมาเกิดใหม่

ต้องเรียกว่าลงมาจุติในโลกมนุษย์

ก็แค่จิตใต้สำนึกหลับลึกนานไปหน่อย เพิ่งจะมาตื่นอย่างสมบูรณ์ตอนเธออายุสิบเจ็ด

ซิวสีหน้าเปลี่ยน “ร่างกายไม่เป็นไรใช่ไหม บาดเจ็บตรงไหน หนักขนาดนี้เลยเหรอ”

“พอไหว” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ

“ตอนนี้ฟื้นคืนมามากแล้ว ก็แค่พลังยังอ่อนอยู่ แต่ฉันคิดว่าปลายปีน่าจะฟื้นคืนกลับมาหมด”

“ก็ได้ ไม่ได้รีบว่าต้องทำนายเดี๋ยวนี้” ซิวส่ายมือ

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดชั่วครู่ “ได้ยินว่าผู้วิเศษอัศวินรถม้าเพิ่งกลับมาเหรอ”

“อืม” ซิวตอบ “ผมไม่ได้กลับสำนักผู้วิเศษมาหลายสิบปีแล้ว ได้ยินว่าหน้าตาใช้ได้ ไว้วันไหนจะกลับไปดูหน่อย”

อิ๋งจื่อจินเอามือเท้าศีรษะ

เห็นได้ชัดว่าภายในสำนักผู้วิเศษก็ไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

อย่างน้อยผู้วิเศษจักรพรรดินีกับผู้วิเศษเดวิลก็แบ่งออกเป็นสองฝ่าย

“ผมไม่เคยบอกคุณเรื่องหนึ่งมาตลอด ถ้าไม่ติดว่าคุณมาจากจักรวาลอื่น ผมคงคิดว่าคุณก็เป็นผู้วิเศษเหมือนกัน” ซิวดึงกุญแจรถ

“เพราะน้องสาวของผมมีความสามารถพิเศษเหมือนคุณเปี๊ยบ”

มือของอิ๋งจื่อจินชะงัก “วงล้อแห่งโชคชะตาเหรอ”

ในสำรับไพ่ทาโรต์ ไพ่ที่ต่อจากไพ่นักพรตก็คือไพ่วงล้อแห่งโชคชะตา

ผู้วิเศษลำดับที่สิบเอ็ด วงล้อแห่งโชคชะตา

“อืม” ซิวกลับไม่พูดต่อ สีหน้าของเขาขรึมลง

“คุณอยากซื้ออะไรเลือกได้เลยนะ ผมเลี้ยงเอง”

หยุดเล็กน้อยแล้วพูดย้ำอีกครั้ง “อาอิ๋ง ตอนนี้คุณห้ามไปยุ่งกับสำนักผู้วิเศษเด็ดขาด”

อิ๋งจื่อจินหรี่ตาเล็กน้อย

“ผู้วิเศษแข็งแกร่งกว่าที่คุณคิดไว้มาก” ซิวเปิดประตูรถ

“อย่างน้อยก็รอพลังของคุณฟื้นกลับมาก่อนค่อยว่ากัน แต่ทำไมคุณไปอยู่สำนักวิจัยล่ะ แถมยังขายของในเน็ตด้วยเหรอ”

ซิวคือผู้ก่อตั้งเว็บดับบลิว

ถึงแม้อิ๋งจื่อจินจะซ่อนประเภทแอคเคาท์กับระดับ แต่ซิวก็สามารถเห็นได้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานเธอโพสต์สินค้า

เป็นการลงประมูล

ตอนนี้ราคาเพิ่มไปถึงหนึ่งล้านแล้ว

“อ่อ หาเงินน่ะ”

“หาทำไมเงิน ผมโอนให้ได้เดี๋ยวนี้เลย”

“เงินที่ได้มาง่ายๆ มันไม่เร้าใจ”

“…”

เมืองแห่งโลกมีถุงมหัศจรรย์ที่ขนาดเท่าฝ่ามือ สามารถยัดคฤหาสน์ทั้งหลังลงไปได้

เพื่อแสดงความรักของพ่อที่มันเอ่อล้น ซิวเหมาของทั้งห้างแล้วพาเธอกลับไปส่งที่สำนักวิจัย

สำนักวิจัยก่อตั้งมาเกือบพันปีแล้ว

นับตั้งแต่ศตวรรษที่สิบเอ็ด วิชาเล่นแร่แปรธาตุก็ถูกสำนักวิจัยให้ความสำคัญเสียยิ่งกว่าสำคัญ

จนกระทั่งศตวรรษที่สิบหกที่เทคโนโลยีอุตสาหกรรมเริ่มเจริญก้าวหน้า สำนักวิจัยถึงได้ก่อตั้งเป็นสองคณะใหญ่

อิ๋งจื่อจินเอาถุงมหัศจรรย์ยัดใส่กระเป๋าเสื้อ ทันใดนั้นเท้าของเธอได้หยุดชะงัก

เธอเงยหน้า เดินไปทางภาพวาดที่แขวนอยู่ข้างริมระเบียงทางเดิน

มือของเธอสั่น จับกรอบรูป มองภาพเด็กหนุ่มที่อยู่ในนั้นอย่างเงียบๆ

มุมขวาล่างเป็นชื่อที่คุ้นเคย

เธอรู้จักไซมอน แบรนด์ ดี

ชายชราผู้นี้มองผิวเผินเหมือนสติไม่เต็ม บางครั้งยังชอบแกล้งคนอื่น

แต่ในความเป็นจริงจิตใจดีมาก สร้างคุณูปการให้มวลมนุษยชาติมาตลอด

แม้จนถึงตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วไซมอนคือชาวเมืองแห่งโลกแท้ๆ แต่เธอก็ยังเดาได้ว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะไปจากเมืองแห่งโลก

เพียงเพราะอยากเอาเทคโนโลยีส่วนหนึ่งไปที่เจ็ดทวีปสี่มหาสมุทร พัฒนาสังคมให้เจริญก้าวหน้าไปอีกขั้น

แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายกลับมีจุดจบแบบนั้น

“นี่คือนักวิจัยที่ยอดเยี่ยมที่สุดในช่วงหลายร้อยปีมานี้ของคณะวิศวกรรมของเรา”

มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ

อิ๋งจื่อจินหันไป

เป็นชายชราคนหนึ่ง

เขาสวมชุดสูท ยืนหลังตรง

ตรงด้านซ้ายบนของชุดสูทมีเข็มกลัดติดอยู่อันหนึ่ง

คณบดีคณะวิศวกรรมเครื่องกลและการบิน!

“แต่น่าเสียดาย…” ชายชราส่ายหน้า “เฮ้อ”

ด้วยระดับสติปัญญาของไซมอน แบรนด์ แม้จะเป็นในเมืองแห่งโลกก็ยังยอดเยี่ยมหาได้ยาก

“ขอโทษด้วย” ชายชราดึงสติกลับมาจากห้วงความทรงจำ รอยยิ้มอ่อนโยน “ฉันรบกวนเธอเข้าแล้ว”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินออก

ชายชรายังคงเหม่ออยู่เล็กน้อย

ชั่วขณะนั้นเขาคิดว่าซู่เวิ่นมายืนอยู่ตรงหน้าเขา

ผู้หญิงที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและความสามารถที่เคยโด่งดังไปทั่วเมืองแห่งโลก ตอนนี้กลับอยู่ในห้วงหลับใหลมายาวนาน

สวรรค์อิจฉาคนมีความสามารถถึงได้เอาเธอไป

ชายชราครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วเรียกผู้ช่วย “ส่งข้อมูลของนักศึกษาคนเมื่อครู่ให้ฉันหน่อย”

อิ๋งจื่อจินวางถุงไว้ที่หอพักแล้วไปห้องทดลองระดับต้น

เธอเพิ่งเลี้ยวหัวมุมเท้าก็ชะงัก จากนั้นก็เดินต่อ

ห้องทดลองสภาพเละเทะ

มีโต๊ะทดลองสองตัวถูกถีบล้ม คอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ทดลองก็พังหมด

ปิงหลานคุกเข่านั่งอยู่ที่พื้น แววตาตื่นกลัว ใบหน้ามีบาดแผล

รอบตัวเธอมีนักศึกษาระดับสูงล้อมอยู่หลายคน

“อาอิ๋ง รีบหนีไป!” พอเห็นอิ๋งจื่อจินเข้ามาปิงหลานก็มีสีหน้าตื่นตระหนก

“เทียนเยียนให้พวกเขามา จะเอาเธอไปทดลองตัดต่อยีน!”

“โอ๊ะ กลับมาแล้วเหรอ” นักศึกษาชายที่เป็นหัวโจกปัดมือ แสยะยิ้ม “เอาไปด้วยกันเลย พวกเราขาดแคลนตัวทดลองพอดี เอายีนของกบปลูกถ่ายเข้าร่างกายเธอเล่นหน่อยดีกว่า”

นี่เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในสำนักวิจัย

คณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ต้องการตัวทดลองจำนวนมาก แต่มีเท่าไรก็ไม่เคยพอสักที

ส่วนหนึ่งเป็นทาสหรือชาวเมืองที่ยากจนขายชีวิตแลกเงิน อีกส่วนเป็นนักศึกษาระดับต้นของสำนักวิจัย

แต่ละปีมีนักศึกษาระดับต้นเยอะมาก มีค่าน้อยนิดในดินแดนที่แบ่งชนชั้นชัดเจนอย่างเมืองแห่งโลก

แววตาของอิ๋งจื่อจินขรึมลง

เธอเดินขึ้นหน้า มือข้างหนึ่งจับบ่าของปิงหลาน มืออีกข้างชี้โต๊ะทดลอง

พูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความนุ่มนวล “เก็บซะ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท