ตอนที่ 700 ซู่เวิ่นฟื้นแล้ว!
พอเป็นแบบนั้น ไม่เพียงแต่จะได้กำจัดปัญหาไปให้หมด ยังทำให้ตัวเองพ้นข้อกล่าวหาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว
สำหรับหมอแล้วนั้น นี่เป็นเรื่องที่เขาจนปัญญา
เขาเป็นหมอประจำตัวคนที่ห้าของซู่เวิ่น และเป็นหมอที่ถูกส่งมาจากโรงพยาบาลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเมืองแห่งโลก
หลายปีมานี้เขาเป็นคนรักษาซู่เวิ่น ใช้ยาประคองชีวิตซู่เวิ่นมาตลอด
เขายอมรับได้ถ้าซู่เวิ่นจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก แต่รับไม่ได้ที่คนจากนอกเมืองแห่งโลกสามารถรักษาซู่เวิ่นให้หายได้
ถ้าซู่เวิ่นหายดี แล้วช่วงหลายปีมานี้ที่เขารักษาซู่เวิ่นจะมีความหมายอะไร
พอซู่เวิ่นฟื้น สำนักผู้วิเศษก็จะมาเอาเรื่องเขา โทษว่าเขาไร้ความสามารถ
ไม่เพียงเท่านี้ พอเขากลับไปอยู่โรงพยาบาล ชื่อเสียงของเขาก็จะตกต่ำลง แทบจะตัดขาดเส้นทางในภายภาคหน้าของเขา
อีกทั้งยังเป็นเพราะคนนอกสองคนนี้ได้รับอนุญาตจากผู้วิเศษ ไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้าไปในห้องรักษาระหว่างที่ทำการรักษาอยู่
จุดนี้ทำให้หมอไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ถ้าให้เขาไปเป็นผู้ช่วย ถ้าซู่เวิ่นฟื้นขึ้นมาแล้วให้เขามีความดีความชอบนิดหน่อยก็ยังดี เขาจะไม่มีทางเลือกร่วมมือกับคุณนายสาม
หมอพูดต่อ “คุณนายสาม ผมได้ให้คนไปที่โลกแพทย์แผนโบราณของประเทศจีน ได้ยินแพทย์แผนโบราณของที่นั่นบอกว่า วิธีฝังเข็มที่รักษาระบบประสาทแบบนี้เรียกว่าศาสตร์มืดสิบสามเข็มครับ”
“การใช้ศาสตร์มืดสิบสามเข็มมีเงื่อนไขที่เข้มงวดมาก ห้ามผิดแม้แต่เข็มเดียว ผมเองก็เล็งเห็นจุดนี้ถึงได้ลงมือครับ”
ต้องพูดเลยว่าปรมาจารย์ที่คิดค้นศาสตร์มืดสิบสามเข็มเป็นคนที่เก่งมาก
แม้แต่ผู้วิเศษนักมายากลก็ยังรักษาอาการป่วยของซู่เวิ่นไม่ได้ แต่ศาสตร์มืดสิบสามเข็มกลับทำได้
แต่การฝังเข็มก็มีจุดบกพร่องที่ใหญ่มาก นั่นก็คือตายตัวเกินไป
เขาได้สอบถามมาอย่างละเอียดแล้ว
ศาสตร์มืดสิบสามเข็มจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น จุดฝังเข็มแต่ละจุดถูกกำหนดไว้แล้ว
“ดีมาก ดีมาก” ในที่สุดคุณนายสามก็มีรอยยิ้ม “ครั้งนี้ก็มีผลงานของคุณอยู่ด้วย ไว้งานใหญ่เสร็จเมื่อไร ฉันกับโมเชี่ยนจะตกรางวัลให้อย่างงาม”
“ทางสำนักผู้วิเศษ พวกเราจะช่วยเอ่ยชมคุณให้ คุณจะได้เลื่อนตำแหน่ง”
หมอดีใจมาก “ขอบคุณคุณนายสามมากครับ ต่อไปผมจะเชื่อฟังคุณนายสามเพียงคนเดียวแน่นอนครับ”
คุณนายสามพยักหน้า ความตึงเครียดในช่วงหลายวันมานี้ได้ผ่อนคลายลง
รับมือซู่เวิ่นกับซีนายเสร็จ ลำดับต่อไปก็เป็นบิลกับคุณนายรองแล้ว
ใครที่ขัดขวางเธอไม่ให้กุมอำนาจตระกูลเรนเกล ต้องกำจัดให้หมด
…
ภายในห้องรักษา
ครั้งก่อนซีนายย้ายซู่เวิ่นไปที่เตียงธรรมดาแล้ว
ซู่เวิ่นยังคงปิดตาสนิท แต่ใบหน้าไม่ซีดเหมือนเมื่อก่อน มีเลือดกลับมาหล่อเลี้ยงพอสมควร
ซีนายนั่งลงข้างเตียง ห่มผ้าให้ซู่เวิ่น เงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้น “ถ้าพี่ใหญ่ยังอยู่คงดี มีเขาอยู่ อย่างน้อยพี่สะใภ้ฟื้นมาแล้วก็ยังมีที่พึ่งทางใจไม่โดดเดี่ยว”
แม้เธอจะเกิดมาในรุ่นเดียวกับลูเอล แต่ก็เกิดช้ากว่ามาก
ตอนลูเอลแต่งงานกับซู่เวิ่น เธอเพิ่งอายุขวบกว่า
ต่อมาตอนสองขวบ พ่อแม่ของพวกเขาก็จากไปทั้งคู่ ลูเอลกับซู่เวิ่นเป็นคนเลี้ยงเธอจนเติบโต
ลูเอลกับซู่เวิ่นเปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่สองของซีนาย
อิ๋งจื่อจินหยิบเข็มออกจากกล่องยาว ทำการฆ่าเชื้อพลางถาม “หัวหน้าตระกูลหายตัวไปได้ยังไง”
“ฉันไม่แน่ใจ” สายตาของซีนายเย็นชาลง “พี่ใหญ่หายไปเมื่อยี่สิบปีก่อน ฉันอายุแค่หกขวบ เรียนอยู่ในคลาสเตรียมความพร้อมของสำนักวิจัย”
“คลาสเตรียมความพร้อมเป็นแบบปิด พอฉันกลับมาพี่สะใภ้ใหญ่ก็หมดสติไปแล้ว ศพของหลานสาวฉันก็ถูกฝังอยู่ในสุสานของตระกูล”
ช่วงหลายปีนี้เธอก็ตามสืบมาตลอด
แต่จากเบาะแสแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะครอบครัวคุณนายรองหรือครอบครัวคุณนายสาม ตอนนั้นต่างอยู่ภายในคฤหาสน์ แต่พิสูจน์ได้ว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ
ซีนายถอยหลังหนึ่งก้าว “อาอิ๋ง เริ่มเถอะ”
อิ๋งจื่อจินหรี่ตา “ไม่ รอก่อน”
เธอวางเข็มทองลง มือจับชีพจรของซู่เวิ่น หลับตาลง
ชีพจรของซู่เวิ่นมีกำลังกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ก็ยังอ่อนแอกว่าหน่อยเมื่อเทียบกับคนปกติทั่วไป
เพียงแต่วันนี้ชีพจรเต้นแปลกๆ
เดี๋ยวอ่อนเดี๋ยวแรง
เหมือนกลอง
นี่คืออาการของคนถูกพิษ
“มีคนวางยา” แววตาของอิ๋งจื่อจินเย็นชาลง “น่าจะเป็นเมื่อเช้า มองผิวเผินมองไม่ออก แต่ถ้าฝังเข็มลงไป พิษก็จะปะทุออกมา”
คนที่เข้าใกล้ซู่เวิ่นได้ก็มีแค่หมอคนเดียว
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไร
สีหน้าของซีนายเย็นชาลงทันที “สำนักผู้วิเศษเป็นคนเชิญหมอคนนี้มาจากโรงพยาบาล เมื่อก่อนก็มีชื่อเสียงมากในโรงพยาบาล”
“คนเรามีความคิดเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น” อวี้เสวี่ยเซิงหันมา ยิ้มบาง “ผมสังเกตทุกคนตั้งแต่มาที่นี่ครั้งแรกแล้วครับ”
“คุณนายรองเจ้าเล่ห์แผนสูง คุณนายสามใจร้อนอยากได้ผลลัพธ์เร็วๆ หมอคนนี้มองผิวเผินเหมือนไม่มีอะไร แต่ในความเป็นจริงขี้ขลาด อยากได้ผลประโยชน์ ทำเรื่องแบบนี้ได้ก็ไม่แปลกหรอกครับ”
ไม่เพียงแต่อวี้เสวี่ยเซิงจะเป็นนักสะกดจิต เขายังเป็นนักจิตวิทยาชั้นยอดอีกด้วย
เขาสามารถบอกได้ว่าคนคนนี้คิดอะไรอยู่จากสีหน้าที่แสดงออกแม้เพียงเล็กน้อย
“อืม ถ้าทิ่มเข็มลงไป ไม่เพียงแต่จะฟื้นฟูระบบประสาทของคุณนายใหญ่ไม่ได้ ยังจะทำให้เลือดออกภายในร่างกายปริมาณมาก” อิ๋งจื่อจินพูด “ถ้าห้ามเลือดไม่ได้ คุณนายซู่เวิ่นก็จะตาย”
ซีนายใจหายวาบ “อาอิ๋ง งั้นเธอ…”
“เปลี่ยนวิธีฝังเข็มก็ได้แล้ว” อิ๋งจื่อจินหยิบเข็มเงินออกมา “ใช่ว่าฉันจะไม่รู้จักปรับใช้ตามสถานการณ์”
ศาสตร์มืดสิบสามเข็มไม่สามารถเปลี่ยนจุดฝังเข็มได้ก็จริง
แต่น่าเสียดายที่หมอพลาดไปหน่อย
แม้อิ๋งจื่อจินจะอายุยังน้อย แต่ฝีมือการรักษาของเธอไม่ได้เรียนจากใครมา
เดิมทีเธอก็คือคนสร้างศาสตร์มืดสิบสามเข็ม
แค่เธอเปลี่ยนวิธีการฝังเข็มเล็กน้อยก็สามารถสร้างวิธีใหม่ขึ้นมาได้
อิ๋งจื่อจินยกมือ ทยอยปักเข็มลงไป
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ มีเหงื่อผุดบนหน้าผากเธอ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา อิ๋งจื่อจินก็ปักเข็มสุดท้าย
เข็มเงินสั่นเล็กน้อย
ผ่านไปอีกสักพักอิ๋งจื่อจินก็ถอนเข็มทั้งหมดออก พูดเสียงขรึม “พักผ่อนอีกไม่กี่ชั่วโมงคุณนายซู่เวิ่นก็น่าจะฟื้นได้”
เธอก้มตรวจร่างกายของซู่เวิ่น
แต่ชั่วขณะนั้นอิ๋งจื่อจินกลับเห็นดวงตาคู่หนึ่ง
ดวงตาของทั้งสองคนประสานกัน
ดวงตาหงส์เหมือนกัน
หางตายกขึ้นเล็กน้อยเหมือนกัน สวยสะกดใจ
แม้อิ๋งจื่อจินจะแปลงโฉมแล้ว แต่ก็เอาแบบง่ายๆ ไม่ได้เปลี่ยนรูปตา
พอสบตากับสายตาที่อ่อนโยนบริสุทธิ์แบบนี้ ทันใดนั้นมือของอิ๋งจื่อจินก็สั่น
“พี่สะใภ้ใหญ่!” ซีนายตกใจ รีบเข้าไปหา “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่…”
ยี่สิบปีแล้ว
ในที่สุดซู่เวิ่นก็ฟื้นแล้ว
ซู่เวิ่นมองซีนาย เห็นผมยาวสีบลอนด์ของเธอ ดวงตาสีน้ำเงิน
คุ้นเคยมาก แต่ไม่ใช่เด็กน้อยอีกแล้ว
ซู่เวิ่นไม่แน่ใจชั่วขณะ เธอเรียกด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ซีนายเหรอ”
“ฉันเอง ฉันเอง” ซีนายพยายามควบคุมอารมณ์ที่ตื่นเต้นดีใจ “ซีนายเอง”
“โตขนาดนี้แล้วเหรอ” ซู่เวิ่นอึ้งอยู่สักพัก เห็นได้ชัดว่าความทรงจำยังหยุดที่เมื่อยี่สิบปีก่อน
ต่อมาสายตาของเธอถึงเบนไปหาอิ๋งจื่อจินอย่างควบคุมไม่ได้ เริ่มวิงเวียน “เธอ เธอคือ…”
แต่ทันใดนั้นซู่เวิ่นยังไม่ทันพูดจบก็ไอเป็นเลือด
วินาทีถัดมาก็เกิดอาการเวียนศีรษะ ซู่เวิ่นหมดสติไปอีกครั้ง
ซีนายสีหน้าเปลี่ยน “พี่สะใภ้ใหญ่!”
ประตูห้องรักษาถูกถีบออกในเวลานี้
บนพื้นขาวมีหยดเลือดสีดำชัดเจน ชวนให้ตกตะลึง
หมอเข้ามา อดตกใจไม่ได้
ในแผนการของเขา ซู่เวิ่นควรมีเลือดออกเยอะกว่านี้แล้วตายทันที
ทำไมมีเลือดแค่นี้ล่ะ
แต่ก็ไม่ต่างกัน
ยังไงก็เกิดเรื่องแล้ว
“พี่สะใภ้ใหญ่” ซีนายประคองซู่เวิ่นที่หมดสติไป หันไปมองด้วยสายตาเย็นชา “คิดจะทำอะไร”
“ฉันจะทำอะไรน่ะเหรอ ยังจะมีหน้ามาถาม” คุณนายสามแสยะยิ้ม “ซีนาย อย่าคิดว่าเธอหลบๆ ซ่อนๆ ก็จะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้นะ”
“พวกเราเห็นชัดเจน พี่สะใภ้ใหญ่อ้วกเลือดจนหมดสติไป!”
เธอยิ่งพูด เสียงก็ยิ่งดัง “ซีนาย เธอเชิญหมออะไรมาน่ะ เอามาฆ่าพี่สะใภ้ใหญ่โดยเฉพาะเหรอ”
“แล้วก็เธอ เป็นประเภทหมอห่วยแตกสินะ” คุณนายสามมองอิ๋งจื่อจินด้วยสายตาเย็นชา “หลายครั้งก่อนหน้านี้เธอจงใจสินะ ปล่อยให้พวกเราคิดว่าเธอสามารถรักษาพี่สะใภ้ใหญ่ให้หายได้ แต่ตอนนี้ล่ะ!”
สีหน้าของอิ๋งจื่อจินเรียบเฉย เธอเก็บเข็ม จากนั้นก็ห่มผ้าให้ซู่เวิ่น
“พี่สะใภ้ใหญ่หายแล้ว” สายตาของซีนายแข็งกร้าว “แค่ต้องพักผ่อนอีกหน่อย”
“ซีนาย ยังจะมาแถ” คุณนายสามแสยะยิ้ม “ช่วงหลายปีมานี้ถึงแม้พี่สะใภ้ใหญ่จะหมดสติมาตลอด แต่ค่าสุขภาพก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่พอเธอพาคนมารักษา พี่สะใภ้ใหญ่ก็อ้วกเป็นเลือด”
“อย่ามาบอกนะว่าพี่สะใภ้ใหญ่อ้วกเป็นเลือดโดยไม่มีสาเหตุ”
“ตรวจพบแล้วครับ” เวลานี้หมอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ภายในร่างกายของคุณนายซู่เวิ่นมีสารพิษไม่ทราบชนิด และสารพิษนี้เองที่ทำให้คุณนายซู่เวิ่นอ้วกเป็นเลือดและหมดสติไป”
เครื่องตรวจไม่มีทางโกหก
บนหน้าจอสีน้ำเงินมีกรอบหน้าต่างเด้งขึ้นมาไม่หยุด
[แจ้งเตือน! แจ้งเตือน!]
[พบสารพิษไม่ทราบชนิด!]
“กล้าวางยาพิษเลยเหรอ” คุณนายสามสายตาดุดัน “ไม่ต้องพูดมาก จับพวกเขาไว้!”
พวกคนคุ้มกันที่ตามมาเดินเข้าไปทันที กำลังจะลงมือ
“ลืมจดหมายอนุญาตของผู้วิเศษไปแล้วเหรอ” ซีนายยืนขึ้น ขวางหน้าอิ๋งจื่อจินไว้ “มีจดหมายอนุญาตของผู้วิเศษอยู่ พวกคุณคิดจะจับใคร”
“ได้ งั้นก็ไปที่ศาลตัดสิน” ดวงตาของคุณนายสามฉายแววหวาดกลัวเล็กน้อย “ให้ท่านผู้พิพากษาตัดสิน ไม่ขัดข้องใช่ไหมล่ะ”
อิ๋งจื่อจินจับชีพจรซู่เวิ่น เธอลุกขึ้น “ไปสิ”
เธอตวัดมือแบบไม่ให้สังเกตเห็น ใช้กำลังภายในปกคลุมห้องนี้ไว้
“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!” คุณนายสามทำเสียงฮึดฮัด “ไปขึ้นศาลพวกเธอก็ต้องตายกันหมด”
…
ซู่เวิ่นอ้วกเป็นเลือดหมดสติไป ตระกูลเรนเกลโกลาหลขึ้นมาทันที
มีหลายคนที่ให้ความสนใจตระกูลเรนเกล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีคนในตระกูลที่คอยตีคลื่นใต้น้ำ
คำค้นหาในเว็บดับบลิวดุเดือดขึ้นมาทันที
#วางแผนฆาตกรรม#
#ซีนาย เรนเกล#
#คุณนายซู่เวิ่น#
[ฆ่าแม้กระทั่งพี่สะใภ้ตัวเอง ยังมีความเป็นคนอยู่ไหม]
[ได้ยินว่าซีนายเป็นนักวิทยาศาสตร์ใช่หรือเปล่า ขอเรียกร้องให้ทางสำนักวิจัยตัดชื่อทิ้ง]
[คุณนายซู่เวิ่น ฉันรู้จัก แม่ฉันเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นคุณนายซู่เวิ่นเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองแห่งโลก มีคนตามจีบเธอเยอะมาก ไม่มีใครคาดคิดว่าเธอจะหมดสติไปถึงยี่สิบปี น่าเสียดายเหลือเกิน]
[ดูเหมือนศาลตัดสินจะมีช่องไลฟ์สดของตัวเองด้วย ดูกันดีกว่าว่าซีนายหน้าตาเป็นไง จิตใจโหดเหี้ยมขนาดนี้]
ศาลตัดสินของสำนักผู้วิเศษก่อตั้งโดยผู้วิเศษผู้พิพากษา มีประวัติศาสตร์ร่วมพันปีแล้ว
ในช่วงที่เมืองแห่งโลกยังเป็นดินแดนอารยธรรมโบราณ ศาลตัดสินก็ได้มีมาอยู่ก่อนแล้ว
ผู้วิเศษลำดับที่ยี่สิบเอ็ดจากยี่สิบสองคน ผู้วิเศษผู้พิพากษา
ถึงแม้ผู้วิเศษผู้พิพากษาไม่ได้มาปรากฏตัวนานแล้วเหมือนกัน แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการที่ศาลตัดสินยังคงเป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวในเมืองแห่งโลกที่ลงโทษคนผิดได้
กฎที่ผู้วิเศษผู้พิพากษาตั้งขึ้นทั้งหมดต้องผดุงความยุติธรรม
คุณนายสามมองซีนายกับอิ๋งจื่อจินเดินเข้าไปในศาล จากนั้นถึงรู้สึกโล่งอก
เธอกลัวสองคนนี้หนีไป
“ท่านผู้พิพากษา สองคนนี้มาจากนอกเมืองแห่งโลกครับ” หมอคุกเข่าพูด ชี้อิ๋งจื่อจิน “พวกเขาทำตุกติกบางอย่างขณะรักษาคุณนายซู่เวิ่น ถึงขั้นที่ยังวางยาพิษด้วยครับ”
“ผมกับตระกูลเรนเกลขอฟ้องพวกเขา ขอท่านผู้พิพากษาลงโทษด้วยครับ!”
ผู้พิพากษาขมวดคิ้ว “วางยาพิษเหรอ”
“พวกเราไม่มีเหตุผลต้องวางยาพิษค่ะ” ซีนายพูด “และก็ไม่ได้ทำด้วย”
“เธอมีเหตุผลแน่นอน” แววตาคุณนายสามเต็มไปด้วยสายตาดูถูก “พอพี่สะใภ้ใหญ่ตาย ตระกูลเรนเกลก็จะต้องเลือกหัวหน้าตระกูลอีกครั้ง มีความเป็นไปได้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นเธอ”
“ไม่อย่างนั้นทำไมพอเธอกลับมาก็พาสองคนมารักษาพี่สะใภ้ใหญ่ล่ะ จิตใจดีขนาดนี้เลยเหรอ”
ซีนายเหลือบมองคุณนายสาม “ถ้าพี่สะใภ้สามจะคิดแบบนี้ งั้นก็ช่วยไม่ได้”
คุณนายสามเกือบกระอักเลือดเพราะคำพูดนี้ เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ว่ายังไงพี่สะใภ้ใหญ่ก็ตายไปแล้ว ท่านผู้พิพากษาคะ จับพวกเขาไปเลยค่ะ”
ผู้พิพากษาพูดเสียงขรึม “ขังไว้ก่อน ค่อยหาหลักฐาน”
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า ยังคงสุขุมเยือกเย็น “มีคนวางยาจริงๆ ค่ะ”
หมอสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
“ก็เธอไม่ใช่เหรอ พวกเธอมีหลักฐานอะไร” คุณนายสามแย่งพูด “ท่านผู้พิพากษาคะ ได้โปรดจับพวกเขาไปขังไว้!”
“ท่านผู้พิพากษาคะ หลักฐานพวกนี้มันเบาบางมากจริงๆ คำพูดก็แค่ลมปาก” มีเสียงนุ่มนวลดังขึ้น “แต่ฉันคิดว่า ตัวฉันเป็นเครื่องยืนยันได้ค่ะ”