ตอนที่ 766 สามหัวเรือใหญ่ของสำนักผู้วิเศษ กำจัดคนเลวต่อเนื่อง
ตอนแรกสุดผู้วิเศษทั้งยี่สิบสองคนไม่ได้มีการคบค้าสมาคมกัน
ก็แค่ต่างมีพลังพิเศษคนละหนึ่งอย่าง
แม้แต่ซาโรห์จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้พวกเขามีพลังพิเศษเหนือมนุษย์ทั่วไป
อาจเป็นภารกิจใหญ่จากสวรรค์ ต้องการให้ทั้งยี่สิบสองคนปกป้องดาวโลกแห่งนี้ไว้
ต่อมาเนื่องจากเกิดภัยพิบัติบ่อยครั้ง ผู้วิเศษทั้งยี่สิบสองคนก็มักรวมกลุ่มไปต่อต้านภัยพิบัติ
และก็เพราะลำดับของผู้วิเศษพระอาทิตย์กับพระจันทร์อยู่ต่อกันพอดี ทั้งสองคนจึงมักได้ไปทำภารกิจด้วยกัน
ภัยพิบัติบางอย่างก็เป็นเคราะห์ที่ถึงตายได้สำหรับบรรดาผู้วิเศษ
โดยเฉพาะภัยพิบัติระดับทำลายล้างโลก
มิฉะนั้นผู้โง่เขลาและเทวทูต สองผู้วิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาไม่กี่คนคงไม่ถึงกับต้องดับสูญอย่างสิ้นเชิงในระหว่างต้านทานภัยพิบัติระดับวันสิ้นโลกเมื่อหลายสิบศตวรรษก่อน
ผู้วิเศษเมื่อมีชีวิตอยู่นานเข้าก็เคยชินกับวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิด ยากที่จะรู้สึกหวั่นไหวกับอะไร
ซาโรห์ก็รู้สึกอิจฉาที่พระอาทิตย์กับพระจันทร์ได้กลายเป็นคู่รักกันจากคู่หูที่เข้ากันได้ดี
นี่เป็นสิ่งที่ยากจะพานพบและยากที่วอนขอ
“แอสโตรแลบไม่แสดงข้อมูลของพระอาทิตย์” นักบวชหญิงหมุนไพ่ทาโรต์ในมือ ส่ายหน้าพลางพูด “เนื่องจากฉันยังไม่หายดีจากที่ครั้งก่อนทำนายเบาะแสของเดวิล เลยยังทำนายเบาะแสของผู้วิเศษคนอื่นไม่ได้”
ซาโรห์ขมวดคิ้ว “นี่ก็เกือบสองเดือนแล้ว ยังไม่หายดีเหรอ”
นักบวชหญิงไอเล็กน้อย ยิ้มเศร้า “โทษที การทำนายไม่ใช่จุดแข็งของฉัน ถ้าเจ้าชะตาน้อยอยู่คงไม่มีเรื่องไหนบนโลกที่ทำนายไม่ได้”
พอได้ยินแบบนี้ซาโรห์กลับเงียบไป
สักพักเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “วงล้อแห่งโชคชะตาไม่อยู่แล้ว ต่อไปเรื่องพวกนี้เป็นหน้าที่ของเธอ จะรับมือกับภัยพิบัติใหญ่ในวันหน้ายังไงก็ต้องให้เธอชี้แนะแล้ว”
นักบวชหญิงถอนหายใจ “ฉันคงทำได้แค่พยายาม”
ซาโรห์ทำนายไม่เป็น และก็ไม่รู้ว่าแอสโตรแลบแสดงผลอย่างไร
เธอขมวดคิ้วอีกครั้ง “ในเมื่อพระจันทร์กลับมาแล้ว ทำไมไม่มาหาพวกเราล่ะ”
“น่าจะยังมีเรื่องด่วนบางอย่างอยู่” นักบวชหญิงพูด “ยังไงก็ต้องมา”
“ก็จริง” ซาโรห์พยักหน้า จับคฑาแล้วยืนขึ้น “ฉันจะไปเอายาที่นักมายากลหน่อย เอามารักษาเธอ”
นักบวชหญิงพยักหน้า ยังคงนั่งทำนายที่โต๊ะต่อ
อีกด้านหนึ่ง
นักมายากลก็ได้รับแจ้งข่าวจากคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์
เขากวาดตามองรูปกับชื่อในข้อมูลที่ส่งมาอย่างไม่ใส่ใจแล้วส่ายมือใส่คนดูแล “งั้นก็ใช้อัศวินดัดแปลงพันธุกรรมระดับดับเบิลเอส ให้พวกเขารีบฆ่าผลงานล้มเหลวสองคนนี้ซะ”
ผลงานล้มเหลวที่เกิดจากพันธุวิศวกรรมตัวอ่อนสองตัวไม่ควรค่าให้พูดถึงสำหรับเขา
คนดูแลขานรับแล้วรีบออกไป
มีเสียงดังมาจากทางประตู “ผลงานล้มเหลวอะไร”
“อ่อ ก็แค่พันธุวิศวกรรมตัวอ่อนในตอนนั้น” นักมายากลเงยหน้า “ซาโรห์ เมื่อคืนคุณได้ยินเสียงเอะอะบ้างไหม”
“ได้ยิน ก็เลยจะมาบอกคุณ” ซาโรห์พูด “พระจันทร์กลับมาแล้ว”
นักมายากลตกใจเล็กน้อย “แค่เธอคนเดียวเหรอ พระอาทิตย์ล่ะ”
“อืม ยังไม่รู้ว่าพระอาทิตย์อยู่ที่ไหน” ซาโรห์พูด “แต่ก็น่าจะใกล้แล้ว”
เธอกับผู้วิเศษพระจันทร์ไม่เคยคลุกคลีอะไรกันมาก ในความทรงจำพระจันทร์เป็นผู้หญิงที่นิสัยเย็นชาสุดขั้ว
ไม่สนิทกับผู้วิเศษคนอื่นยกเว้นพระอาทิตย์
แต่สงครามผู้วิเศษครั้งนั้น พระจันทร์กับพระอาทิตย์ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขา
ครั้งนี้ก็ไม่มีทางยกเว้น
…
สมาพันธ์แฮกเกอร์
ฉินหลิงเยี่ยนฝันหวาน ตอนเช้ายังไม่อยากตื่น
จนกระทั่งได้ยินเสียงดังสนั่น สั่นสะเทือนแก้วหู
ฉินหลิงเยี่ยนสะดุ้งตื่นทันที วิ่งออกมาโดยที่ยังไม่ทันได้สวมเสื้อ “โอ้โห ฆ่ากันอีกแล้วเหรอ!”
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินมองมา “ปากน่ะหุบซะ รีบไสหัวกลับไปใส่เสื้อ”
ฉินหลิงเยี่ยนดวงตาซุกซน มองซ้ายมองขวา “เกิดอะไรขึ้นเหรอเหล่าฟู่”
ฟู่อวิ๋นเซินยกเท้าถีบเขา ทำหน้าเนือยใส่ “คนที่อยากฆ่านายมากันแล้ว”
เมื่อนักมายากลอนุมัติ อัศวินดัดแปลงพันธุกรรมระดับดับเบิลเอสก็ออกปฏิบัติการทันที
อัศวินระดับนี้เทียบได้กับจอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์สามร้อยปี และเป็นประเภทที่ดัดแปลงพันธุกรรมได้ถึงขีดสุดแล้ว
“อาอิ๋ง ไม่ต้อง ฉันเอง” ฉินหลิงอวี๋แสยะยิ้ม “ฉันเป็นเป้าหมาย ไม่ต้องให้ถึงมือเธอหรอก”
เธอเองก็ไม่ใช่ผู้วิเศษประเภทต่อสู้เหมือนกัน
แต่พลังพิเศษอย่างควบคุมความฝันช่วยให้เธอรับมือกับศัตรูได้อย่างสบาย
ยังคงแค่มองปราดเดียว อัศวินระดับดับเบิลเอสก็เข้าสู่ห้วงความฝัน
พอถูกฝันร้ายครอบงำ สติก็จะถูกทำลายไปทีละนิด
อิ๋งจื่อจินย่อตัวนั่งลง หาชิปเจออย่างแม่นยำ จากนั้นก็บดขยี้
แววตาของฉินหลิงอวี๋ค่อยๆ เย็นชาลง กำมือแน่น แสยะยิ้มอีกครั้ง “นักมายากล!”
ฉินหลิงเยี่ยนที่สวมเสื้อผ้าแล้ววิ่งออกมาอีกครั้ง พอเห็นภาพเหตุการณ์นี้ก็อิจฉา “เฮ้อ ทำไมฉันไม่ใช่ผู้วิเศษนะ นี่มันจะเก่งเกินไปแล้วหรือเปล่า”
“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มมุมปาก “ไปมารอบนึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”
ฉินหลิงเยี่ยนถอนหายใจ “เรามันไม่ใช่ทางของผู้วิเศษ และก็ไม่มีความสามารถที่จะได้เป็นด้วย”
ยิ่งมีความสามารถมาก ความรับผิดชอบก็ยิ่งมากตามมาด้วย
เขากอดถ้วยบะหมี่เล่นคอมไปตามเดิมดีกว่า
“ปล่อยวางเถอะ” อิ๋งจื่อจินบิดขี้เกียจ หาวหวอด “ฉันเดินมาสามรอบยังไม่รู้สึกอะไรเลย”
พอได้ยินแบบนี้ฉินหลิงเยี่ยนก็เริ่มสดชื่นขึ้นมา “เอ๊ะ ฉันกับบอสเหมือนกัน น้องพี่ เธอเป็นผู้วิเศษแล้ว ไม่เหมือนคนธรรมดาอย่างพวกเรา”
ฉินหลิงอวี๋ไม่อยากสนใจเขา
เธอล่ะนึกเสียใจจริงๆ ที่ตัวเองใจอ่อน เมื่อคืนเธอให้ฉินหลิงเยี่ยนฝันเห็นบะหมี่ถ้วยกองเป็นภูเขาหลายสิบลูก แถมยังมีสาวงามรายล้อมมากมาย
ควรให้ตาบื้อนี่สัมผัสกับวิธีตายสารพัดมากกว่า
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดพลางพูด “หลิงอวี๋ เธอกับพระอาทิตย์ดับสูญได้ยังไง”
ซิวไม่เคยดับสูญ นอร์ตันเบื่อก็เลยเลือกที่จะเปลี่ยนภพแล้วออกไปหาความสนุก
แต่ละคนไม่มีปกติเลยสักคน
“อืม นี่ก็ไม่ใช่ความลับอะไร” ฉินหลิงอวี๋คิดแล้วตอบ “ไม่รู้ว่าพวกเธอเคยได้ยินเรื่องคำทำนายวันสิ้นโลกปีหนึ่งเก้าเก้าสี่หรือเปล่า”
ฉินหลิงเยี่ยนตอบตามตรง “ไม่นะ ฉันยังไม่เกิดเลย”
“แต่ละปีจะมีคำทำนายวันสิ้นโลกที่แตกต่างกันไปจากพวกหมอดูที่อยากจะมีชื่อเสียง แต่ส่วนใหญ่ก็ไร้สาระทั้งนั้น” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “แต่คำทำนายของปีหนึ่งเก้าเก้าสี่ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก”
“ใช่ คำทำนายปีหนึ่งเก้าเก้าสี่เป็นของจริง” ฉินหลิงอวี๋พูด “ถึงคราวที่ฉันกับพระอาทิตย์ออกไปขัดขวางพอดี”
แววตาของอิ๋งจื่อจินขรึมลง “พวกเธอดับสูญระหว่างที่ทำการขัดขวางเหรอ”
“เป็นแบบนั้น” ฉินหลิงอวี๋ตอบเสียงขรึม “ฉันยังดีหน่อย พวกเธอไม่รู้หรอกว่า ภัยพิบัติที่ผู้โง่เขลากับเทวทูตขัดขวางหนักยิ่งกว่า กลับมาไม่ได้แล้ว”
ฉินหลิงเยี่ยนตะลึง “ยังมีภัยพิบัติที่หนักกว่าวันสิ้นโลกอีกเหรอ”
“ภัยพิบัติวันสิ้นโลกก็มีแบ่งใหญ่เล็ก” ฉินหลิงอวี๋อธิบาย “เกิดอุทกภัยหนึ่งครั้งย่อมเทียบไม่ได้กับสนามแม่เหล็กเปลี่ยนขั้วหรือดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “เป็นแบบนั้น”
“แสดงว่าอันที่จริงคำทำนายวันสิ้นโลกบางคำทำนายก็เป็นของจริง” ฉินหลิงเยี่ยนเกาหัวแกรกๆ “แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้อย่างปลอดภัย เป็นเพราะพวกเธอขัดขวางไว้เหรอ”
“อืม” ฉินหลิงอวี๋ยักไหล่ “นี่เป็นหน้าที่ของพวกเรา”
ฉินหลิงเยี่ยนกลับเป็นห่วงมาก “น้องพี่ งั้นวันหน้าถ้าเจอภัยพิบัติพวกนี้อีก เธอก็ต้อง…”
“ต่อไปถ้าเจออีกฉันจะ…” ฉินหลิงอวี๋ยิ้ม “เอานายไปบูชาสวรรค์ก่อน”
ฉินหลิงเยี่ยน “…”
เขาล่ะเกลียดปากตัวเอง
“คุยกันไปนะ วันนี้ผลประเมินโปรเจ็กต์ออก” อิ๋งจื่อจินสวมหมวก “ฉันจะไปสำนักวิจัยหน่อย”
ฉินหลิงเยี่ยนพ่นน้ำโค้กออกมา
มีผู้วิเศษให้เกาะแล้วบอสยังจะไปเล่นทำโปรเจ็กต์อีกเหรอ
ฉินหลิงอวี๋ก็ลุกขึ้น ดวงตาฉายแววอาฆาต “อาอิ๋ง ฉันไปด้วย”
ความแค้นบางอย่างได้ฤกษ์ชำระแล้ว
เริ่มตั้งแต่คณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์
…
สำนักวิจัย
“ท่านคณบดีครับ ทางท่านนักมายากลทราบข่าวแล้ว และก็ได้ส่งอัศวินดัดแปลงพันธุกรรมระดับดับเบิลเอสออกไปแล้วด้วยครับ” คนสนิทพูดอย่างนอบน้อม “ท่านรอฟังข่าวดีได้เลยครับ”
“จึ๊” คณบดีคณะพันธุศาสตร์ชี้รูปถ่ายของฉินหลิงอวี๋กับฉินหลิงเยี่ยน “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคราวนี้จะจัดการสองคนนั้นไม่ได้”
คนสนิทถอยออกไปได้ไม่กี่นาทีก็รีบร้อนกลับมาอีกครั้ง รู้สึกเซอร์ไพรส์ “ผู้วิเศษต้องการพบท่านคณบดีครับ!”
คณบดีคณะพันธุศาสตร์ตะลึง “ผู้วิเศษเหรอ”
ในบรรดาผู้วิเศษยี่สิบสองคน เขาเคยเห็นแค่สามหัวเรือใหญ่ในตอนนี้ของสำนักผู้วิเศษ
ผู้วิเศษจักรพรรดินี ผู้วิเศษสังฆราช และผู้วิเศษนักมายากล
ผู้วิเศษสิบกว่าคนที่เหลือล้วนเคยได้ยินชื่อกับตำนานของพวกเขาแค่ในหนังสือ
คณบดีคณะพันธุศาสตร์ยืนขึ้นทันที เดินออกไป “ไม่รู้ว่าเป็นผู้วิเศษท่านไหน”
คนสนิทตามอยู่ด้านหลัง งงเหมือนกัน “คนของสำนักผู้วิเศษไม่ได้บอกครับ”
คณบดีพยักหน้า
งั้นก็น่าจะนอกเหนือจากผู้วิเศษสามหัวเรือใหญ่แล้ว
แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้วิเศษคนไหนเขาก็ต้องไปคุกเข่าต้อนรับ
อัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์ยืนเรียงแถวกันอยู่ด้านนอก
มือกำอาวุธ ท่าทางองอาจ
คณบดีคณะพันธุศาสตร์รีบคุกเข่าลง “น้อมต้อนรับการมาเยือนของท่านผู้วิเศษครับ”