ตอนที่ 784 ผู้วิเศษเหรอ ฉันก็เป็นเหมือนกัน
คำพูดคุ้นหู พาซาโรห์ย้อนกลับไปเมื่อวานทันที
แสงจันทร์สะท้อนใบหน้าของอิ๋งจื่อจินอย่างชัดเจน
เย็นชาสุดขั้ว
ดวงตาหงส์มีหมอกพาดผ่าน เมื่อหมอกจางหายก็เผยให้เห็นความงามอันน่าตะลึง
เป็นครั้งแรกที่ซาโรห์มีสีหน้าตื่นตกใจ “แก…!”
ดวงตาคู่นี้ทำให้เธอรู้สึกคุ้นมาก
ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว วงล้อแห่งโชคชะตาก็เคยมองเธอแบบนี้
ไม่ยินดียินร้าย มีเพียงความเย็นชา
ชั่วขณะที่สบตากัน ทำให้ซาโรห์เกือบคิดว่าเป็นวงล้อแห่งโชคชะตากลับชาติมาเกิดใหม่ ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง!
วงล้อแห่งโชคชะตาดับสูญอย่างสิ้นเชิงแล้ว กลับมาเกิดใหม่ไม่ได้อีก
อีกทั้งวงล้อแห่งโชคชะตาก็ไม่มีทางสวยขนาดนี้
ตรงกันข้าม เพราะพลังพิเศษของวงล้อแห่งโชคชะตาติดบัคเกินไป ร่างกายจึงอ่อนแอยิ่งกว่าผู้วิเศษคนอื่นๆ
ซาโรห์กัดฟันกรอด “แกเป็นใครกันแน่!”
เธอไม่พบผู้วิเศษเพศหญิงคนไหนที่สอดคล้องกัน
ไม่มีผู้วิเศษเพศหญิงคนไหนที่เป็นประเภทต่อสู้
ทันใดนั้นในที่สุดซาโรห์ก็นึกถึงจอมยุทธ์
สาเหตุที่สำนักผู้วิเศษให้ความสำคัญกับจอมยุทธ์ก็เพราะวิทยายุทธ์ทำให้คนสามารถมีฝีมือต่อสู้เทียบเท่าผู้วิเศษได้
แน่นอนว่าก็เทียบเคียงได้แค่ผู้วิเศษประเภทกองหนุน
แต่จุดนี้ไม่ว่าจะวิชาเล่นแร่แปรธาตุหรือการดัดแปลงพันธุกรรมก็ทำไม่ได้
ซาโรห์กลับรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก
อายุขัยของจอมยุทธ์จะยาวนานได้สักเท่าไรกัน
สักวันก็ต้องตาย
ฉินหลิงอวี๋ช่วยถ่ายทอดคำพูดแทนจอมยุทธ์ ก็ไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน
“ฉันเป็นใครน่ะเหรอ” มืออีกข้างหนึ่งของอิ๋งจื่อจินจับบ่าซาโรห์ พูดอย่างใจเย็น “ฉันก็แค่อยากดูว่า คุณไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ร่างกายจะแข็งแกร่งได้ถึงขั้นไหนกันแน่”
กำลังภายในอันหนักหน่วงถูกปล่อยออกมาในชั่วขณะนี้!
เป๊าะ
มีเสียงกระดูกหักดังขึ้นอย่างชัดเจนภายในสำนักผู้วิเศษที่เงียบสงบ
แขนทั้งท่อนถูกบดละเอียดในชั่วพริบตา
ซาโรห์ส่งเสียงร้องด้วยความทรมาน เหงื่อผุดเต็มหลัง สีหน้าบิดเบี้ยว
ถึงแม้ผู้วิเศษจะเยียวยาตัวเองได้ แต่ความเจ็บปวดก็เป็นของจริง
“ก็ไม่เห็นจะสักเท่าไร” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “ไหนมาดูข้างนี้ซิ”
เธอจับแขนขวาของซาโรห์ ปล่อยกำลังภายในอีกครั้ง
แขนถูกบดละเอียดและกลับคืนสภาพเองอีกครั้ง ความเจ็บปวดทวีความรุนแรง
ซาโรห์หน้าซีด “แก…”
ทันใดนั้นมีเสียงหัวเราะอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ซาโรห์” เสียงนั้นพูด “ครั้งแรกเลยนะที่เห็นเธอน่าสมเพชขนาดนี้”
มีเงาคนปรากฏตรงขอบหน้าต่าง
เป็นสาวน้อยรูปร่างผอมบาง
ผู้วิเศษลำดับที่สิบแปด ผู้วิเศษดวงดาว
พลังพิเศษ สะกดและควบคุมความคิด!
เพียงชั่วพริบตาอิ๋งจื่อจินก็ถูกพากลับไปวันที่เธอตายแทนเพื่อนสนิทเมื่อชาติก่อน
คลื่นน้ำวนแห่งความสิ้นหวังที่เหมือนสีดำ ปั่นป่วนกลบเธอมิด
ราวกับมีมือขนาดใหญ่ขยำหัวใจ เจ็บปวดทุรนทุราย
อิ๋งจื่อจินมือสั่นเล็กน้อย เธอปล่อยมือ
ซาโรห์หล่นลงบนพื้น แต่ร่างกายกลับเจ็บปวดอย่างรุนแรง ไม่มีแม้แต่แรงจะลุกขึ้น
“เฮ้อ ช่วยไม่ได้จริงๆ” สาวน้อยยักไหล่ “ยังต้องช่วยพาเธอไปอีก”
เธอจำต้องเข้าไปประคองซาโรห์ขึ้นมา
วินาทีถัดมาทั้งสองคนก็ไปจากสำนักผู้วิเศษด้วยความเร็วสูงสุด ไม่เหลือแม้แต่เงา
และในชั่วเวลาหนึ่งวินาทีนี้เองที่ดวงตาของอิ๋งจื่อจินกลับมามองเห็นชัด สีหน้าเย็นชา
สาวน้อยย่อมสัมผัสได้ เธอส่งเสียงเอ๊ะเบาๆ ตกใจนิดหน่อย
ไม่ใช่ผู้วิเศษแต่สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมความคิดและการสะกดของเธอได้เร็วขนาดนี้
จิตใจต้องแน่วแน่ขนาดไหน
ซาโรห์อดทนต่อความเจ็บปวด พยายามเงยหน้า “อัลไคด์?”
“ใช่ๆๆ ฉันเอง” อัลไคด์ยกมือ “จึ๊ ทำไมฉันไม่มาช้ากว่านี้อีกสักก้าวนะ คงมีฉากเด็ดกว่านี้ให้ดู”
“ทำไมเธอ…” ซาโรห์สีหน้าเปลี่ยน “ทำไมเธอถึง…”
ในความทรงจำของเธอ ผู้วิเศษดวงดาวไม่น่าแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้
พลังพิเศษของผู้วิเศษดวงดาวคือสร้างมนต์สะกด ใกล้เคียงกับการควบคุมความฝันของผู้วิเศษพระจันทร์มาก
ถึงแม้ทั้งสองคนจะเล่นงานคนได้ในเสี้ยววินาที แต่ก็ไม่ใช่ผู้วิเศษประเภทต่อสู้ทั้งคู่
อัลไคด์ไปเอาฝีมือต่อสู้มาจากไหน
“เธออยากถามฉันว่าทำไมถึงได้แข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ใช่ไหม” อัลไคด์หาวหวอด ยักไหล่ “โทษทีนะ นี่เป็นความลับ”
ซาโรห์สภาพย่ำแย่ มีเหรอจะยังหลงเหลือความอวดดีแบบก่อนหน้านี้
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เธอถูกอัดเข้ากำแพง
ต่อให้เป็นอัศวินรถม้าก็ยังไม่กล้าทำถึงขนาดนี้!
ให้ตายเถอะ!
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่
อัลไคด์กอดอก ก้มมองซาโรห์ที่ศีรษะเต็มไปด้วยเหงื่อ
เหมือนเธอนึกอะไรขึ้นได้ อยู่ๆ ก็ยิ้มพลางพูด “อย่างนั้นเหรอ งั้นเธอจะมาอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเราไหม ถ้าอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเรา เธอก็จะมีพลังที่ยิ่งใหญ่ขึ้น”
ซาโรห์ขมวดคิ้ว รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี “พวกเธอเหรอ หมายความว่าไง”
“อ๋อ ไม่หมายความว่าไงหรอก” อัลไคด์กลับไม่พูดต่อ เธอยืนขึ้น ส่ายมือพลางพูด “มีธุระ ไปก่อนนะ แต่ครั้งหน้าฉันคงไม่บังเอิญมาเดินเล่นที่สำนักผู้วิเศษและช่วยเธอแล้วนะ”
“ทำไมเธอต้องช่วยฉัน” ซาโรห์พูดเสียงเย็นชา “เธอกับพระจันทร์เป็นเหมือนพี่น้องกัน พระจันทร์ขัดขวางฉัน เธอช่วยฉัน พระจันทร์จะไม่เคืองใจเธอเหรอ”
อัลไคด์ไม่หยุดเดิน พูดอย่างไม่แคร์ “นี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะมายุ่ง สนแต่เรื่องของตัวเองก็พอ จริงสิ อยากมาเป็นพวกเดียวกับพวกเราเมื่อไรก็ต้อนรับเสมอนะ”
ขณะพูดเธอก็มองซาโรห์ด้วยสายตาสงสาร “ซาโรห์ เธอเป็นจักรพรรดินีได้น่าเวทนามาก ฉันล่ะสงสารเธอจริงๆ”
ซาโรห์สีหน้าย่ำแย่
อัลไคด์ออกจากสำนักผู้วิเศษ สองมือล้วงกระเป๋า หันกลับไปมองบันไดหินที่ลอยอยู่กลางอากาศ
สีหน้าผ่อนคลายอารมณ์ดี เธอผิวปาก “ในที่สุดก็มีคนที่สูสีหน่อย ชักสนุกแล้วสิ ไม่อย่างนั้นมันน่าเบื่อ”
…
ภายในสำนักผู้วิเศษ
อิ๋งจื่อจินละสายตากลับมา “เหมียนซี ไปเถอะ”
สีหน้าของหลิงเหมียนซีก็ซีดลงเล็กน้อย “เมื่อกี้…”
ถ้าไม่ใช่เพราะได้สติกลับมาเร็ว เกรงว่าเธอคงฆ่าตัวตายไปแล้ว
“ผู้วิเศษดวงดาว” อิ๋งจื่อจินก้าวขึ้นบันไดหิน “เธอควบคุมความคิดได้”
หลิงเหมียนซีผ่อนลมหายใจช้าๆ “ความสามารถน่ากลัวจริงๆ”
พอไม่มีการขัดขวาง ทั้งสองคนก็ไปถึงชั้นเจ็ดได้อย่างราบรื่น
นี่คือชั้นที่เป็นของผู้วิเศษคู่รัก
ทันใดนั้นเท้าของหลิงเหมียนซีก็หยุดนิ่ง ไม่ได้เคลื่อนต่อ
เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองเพดานโค้งเว้า
ยังคงเป็นใบหน้าเดิม รูปร่างเดิม
แต่ชั่วขณะนี้บุคลิกในตัวเธอได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง
สง่างาม สูงส่ง มิอาจล่วงเกิน
อิ๋งจื่อจินมองออกได้ไม่ยากว่าหลิงเหมียนซีก็คือผู้วิเศษคู่รัก
เธอจับหัว เป็นครั้งแรกที่รู้สึกได้ว่าแบบไหนเรียกยอมใจ “ฉันนี่มัน…”
ซิวพูดถูกจริงๆ
ทำไมเธอพาใครมาที่สำนักผู้วิเศษก็กลายเป็นผู้วิเศษกลับชาติมาเกิดจริงๆ
หลิงเหมียนซียืนนิ่งไปนาน เห็นได้ชัดว่ากำลังปรับตัวกับความทรงจำที่กลับคืนมาในสมอง
ผ่านไปสักพักเธอถึงหันไปมองอิ๋งจื่อจิน
สายตาอึ้งๆ เกือบร้องไห้ออกมา “อาอิ๋ง”
อิ๋งจื่อจินสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเธอ แววตาก็เปลี่ยนเล็กน้อย “เป็นอะไรไป ยังถูกมนต์สะกดของผู้วิเศษดวงดาวอยู่เหรอ”
พลังพิเศษของผู้วิเศษดวงดาวเมื่อเทียบกับหอคอยก็ดูเหมือนจะธรรมดามาก
แต่เธอสามารถควบคุมความคิดคนได้ ทำให้คนสติแตกได้ อาจสิ้นหวังถึงขั้นฆ่าตัวตาย
แม้จะเป็นผู้วิเศษก็ได้รับผลกระทบนี้ได้เหมือนกัน
“เปล่า…” หลิงเหมียนซีหันหน้าหนี ขยี้ตา ผ่อนลมหายใจ “ก็แค่คิดว่าฉายาของฉันคือคู่รัก ช่วยจับคู่ให้คนอื่น ถือเป็นงานแบบเดียวกับผู้เฒ่าจันทรา”
“แต่เมื่อก่อนตัวเองกลับเป็นหมาโสด มันน่าน้อยใจจัง”
อิ๋งจื่อจิน “…”
เธอนี่มันมีความสามารถในการดึงดูดเพื่อนติงต๊องจริงๆ
…
คืนนี้สำนักผู้วิเศษปั่นป่วน แต่ไม่มีข่าวเล็ดลอดออกไปเลยสักนิด
แน่นอนว่าซาโรห์ก็ไม่มีทางยอมให้ชื่อเสียงของตัวเองด่างพร้อย
หลิงเหมียนซีก็ไม่ลืมที่จะถ่ายวิดีโอไปฝากเจียงหราน
ทั้งสองคนเพิ่งกลับถึงตระกูลเรนเกลในตอนเช้า
เจียงหรานยังอยู่ที่โซฟา ทำสงครามกับชาวเน็ต
พอเห็นอิ๋งจื่อจินกลับมาเจียงหรานก็ดีใจมาก “พ่ออิ๋ง พวกเขาเถียงสู้ฉันไม่ได้ ฉันเก่งมากใช่หรือเปล่า”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา ไม่สนใจ ไปนั่งอีกด้านหนึ่งของโซฟา
เห็นได้ชัดว่าฟู่อวิ๋นเซินก็นั่งอยู่ที่ห้องรับแขกมาทั้งคืน
เขาลืมตาขึ้น ดวงตาดอกท้อโค้งมน แขนยาวโอบเธอไว้ แนบชิดหน้าผากเธออย่างอ่อนโยน “เด็กน้อย”
เจียงหราน “…”
โหย
พอกลับมาก็ยัดอาหารหมาใส่เขาเลยนะ
เห็นใจกันหน่อยไม่ได้เหรอ
เขาโมโหมาก ทำสงครามกับชาวเน็ตต่อ
“น้องหรานหราน” หลิงเหมียนซีกระดิกนิ้วเรียกเจียงหราน
เจียงหรานวางโทรศัพท์มือถือลงอย่างไม่ยินยอมเท่าไร เดินเข้าไปหา “อะไร เร็วเข้า ผมยังต้องปั่นอันดับให้พ่ออิ๋งอีก”
หลิงเหมียนซีพูด “ฉันจะบอกอะไรให้ฟัง”
“เรื่องอะไร” เจียงหรานข่มความหงุดหงิด ทำเสียงฮึดฮัด “พี่ไม่รู้หรอกว่ายัยไชรูอะไรนั่นมีผู้วิเศษสามคนหนุนหลัง”
จุดนี้เขาเถียงอะไรไม่ได้เลย
“ใช่ ฉันจะบอกนายเรื่องนี้” หลิงเหมียนซีเท้าคาง กะพริบตา “ฉันก็เป็นผู้วิเศษเหมือนกัน”