คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 786 หน้าซีด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 786 หน้าซีด

คุณนายผู้เฒ่าอวี้ก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะจับคู่ให้ฟู่อวิ๋นเซิน

นับตั้งแต่หลิงอวี่ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้ดูแลเว็บดับบลิว คุณนายผู้เฒ่าอวี้ก็ไม่เคยเห็นหนิงรั่วอยู่ในสายตาอีกเลย

เพราะไม่สามารถสร้างประโยชน์ให้ตระกูลอวี้ได้

เป้าหมายของคุณนายผู้เฒ่าอวี้ในตอนนี้คือไชโลห์ เรนเกล

ไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลเว็บดับบลิวหรือผู้บัญชาการหน่วยอัศวิน อย่างไรก็ใกล้ชิดผู้วิเศษสู้ไชโลห์ไม่ได้

นี่คือเป้าหมายที่ยอดเยี่ยม

เวลานี้บริกรเข้ามาพูดกับเธออย่างนอบน้อมพอดี “คุณนายผู้เฒ่า คุณไชโลห์มาแล้วครับ”

“คุณไชโลห์” คุณนายผู้เฒ่าอวี้รีบเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มทันที เชิญไปอีกด้านหนึ่ง “คุณไชโลห์มาจริงๆ ถือเป็นเกียรติของตระกูลอวี้มากค่ะ”

“คุณนายผู้เฒ่าเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ” ท่าทีของไชโลห์ยังคงทำแบบขอไปที แค่พยักหน้านิดหน่อย “ฉันค่อนข้างงานยุ่ง แค่แวะมาดู อีกเดี๋ยวก็อาจไปแล้วค่ะ”

“คุณไชโลห์มาได้ถือเป็นบุญของพวกเราค่ะ” คุณนายผู้เฒ่าอวี้ดีใจมาก “ได้ยินว่าสุดสัปดาห์นี้จะเริ่มคัดเลือกหัวหน้าตระกูลแล้ว พอถึงตอนนั้นตระกูลอวี้จะสนับสนุนคุณไชโลห์อย่างเต็มที่แน่นอนค่ะ”

ระหว่างนั้นคุณนายผู้เฒ่าอวี้ได้กระซิบ “คุณไชโลห์คะ หลานชายคนโตของฉันเป็นคนที่โดดเด่นมาก ไว้เดี๋ยวจะแนะนำให้คุณไชโลห์รู้จักนะคะ”

ไชโลห์ยิ้ม แต่ในใจไม่คิดแบบนั้น

เธอเป็นถึงลูกศิษย์ของสามผู้วิเศษ มีเหรอจะถูกใจสมาชิกสายตรงของตระกูลอวี้

แต่เธอไม่พูดหักหน้า

ไชโลห์ยื่นเสื้อคลุมให้บริกรด้านข้าง จากนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็น เธอชะงักทันที

เท้าหยุดอยู่ที่เดิม สีหน้าซีดลงอย่างควบคุมไม่ได้

คุณนายผู้เฒ่าอวี้เกร็งขึ้นมาทันที “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณไชโลห์”

ไชโลห์ลังเล ส่ายหน้า “เปล่าค่ะ”

เมื่อเธอมองไปอีกครั้ง ตรงนั้นก็ไม่มีร่างของคนรู้จักแล้ว

เหลือเพียงแขกเหรื่อที่ทยอยเข้ามา

ไชโลห์ถึงได้โล่งอก

เมื่อครู่เหมือนเธอจะเห็นผู้วิเศษพระจันทร์กับผู้วิเศษพระอาทิตย์

ที่แท้ก็ตาฝาด

ผู้วิเศษจะมาในที่เล็กๆ แบบนี้ด้วยตัวเองได้ยังไง

อีกด้านหนึ่ง

พวกคนรับใช้ที่ถูกคุณนายผู้เฒ่าอวี้ส่งไปไล่พวกฉินหลิงอวี๋กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น ไม่กล้าหายใจแรง

“พวกซื่อบื้อ” คุณชายห้าชี้หน้าพวกเขา ด่าชุดใหญ่ “คนพวกนี้เป็นเพื่อนของฉัน ลองขวางดูสิ เชื่อคำพูดยายแก่นั่น ทำไม ยายแก่นั่นลงชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลได้เหรอ”

คุณชายห้าคิดดีแล้ว

เพื่อนของพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ก็คือเพื่อนของเขา

ต้องดูแลให้ดี

เจียงหรานเตรียมถกแขนเสื้อลุยพวกคนใช้แล้ว แต่ถูกคุณชายห้าตัดหน้าก่อน เขาหันไปถาม “ไอ้บ้านี่ใคร”

หลิงเหมียนซีเหลือบมองเขา “ยังจะมีหน้าเรียกคนอื่นไอ้บ้า”

เวลานี้มีเสียงเนือยกึ่งหยอกเย้าพูดขึ้น

“มาทำอะไรกันอยู่ตรงนี้”

“เอ้า พี่ใหญ่!” ดวงตาของคุณชายห้าเปล่งประกาย “ยายแก่ไล่เพื่อนพวกเรา ผมกำลังสั่งสอนพวกเขา”

ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินกวาดมองเล็กน้อย เข้าใจแล้ว “ลำบากนายแล้ว”

“ไม่ลำบาก ไม่ลำบาก” คุณชายห้ายืดอก “พี่ใหญ่ พวกเราเป็นใคร พี่น้องกัน ไปไหนไปกัน”

เจียงหรานโมโห “พ่อฟู่ ยายแก่บ้านนี้จะทำตัวหมาเกินไปแล้ว”

อิ๋งจื่อจินหันมา “เจียงหราน”

เจียงหราน “ครับพ่อ!”

“อย่าหยามเกียรติหมา” อิ๋งจื่อจินโน้มตัว เอาเนื้อย่างให้สุนัขซามอยด์สีขาวที่คุณชายห้าเลี้ยงไว้ “หมาน่ารักจะตาย”

เธอยื่นมือออกไปลูบหัวนุ่มๆ ของสุนัขตัวนั้น

ครุ่นคิดในใจ

เธอซื้อหมาสักตัวดีไหมนะ เอาไว้ให้ตูตูขี่

เจียงหราน “…”

“พี่ใหญ่ ยายแก่นั่นมีเจตนาไม่ดี ทำไมพี่ยังมาอีกล่ะ” คุณชายห้าขมวดคิ้ว “ผมก็รู้เรื่องลุงเซ่าอวิ๋นมาจากพ่อแม่นานแล้ว ยายแก่นั่นโหดร้ายชะมัด”

เรียกได้ว่าโศกนาฏกรรมของฟู่หลิวอิ๋งกับอวี้เซ่าอวิ๋นเป็นฝีมือของคุณนายผู้เฒ่าอวี้

“มาเล่นๆ อยากดูอะไรสนุกๆ” ฟู่อวิ๋นเซินตอบอืม หยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “จริงสิ นายอ่านหนังสือให้มากหน่อย”

คุณชายห้า “?”

“ลงชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลไม่มีความรู้ไม่ได้นะ”

“…”

ฟู่อวิ๋นเซินหันไป สายตาอ่อนโยนลง “เยาเยา ไปนั่งกับพวกเสวี่ยเซิงนะ กลัวอีกเดี๋ยวจะบาดเจ็บ”

อิ๋งจื่อจินจูงสุนัขซามอยด์ เลิกคิ้ว “ฉันจะหาที่นั่งที่มุมดีที่สุด”

เหลืออีกครึ่งชั่วโมงงานเลี้ยงตอนเย็นจะเริ่ม แขกเหรื่อนั่งกันอยู่เต็มห้องจัดเลี้ยง

ไชโลห์ถูกจัดให้นั่งอยู่โต๊ะหลัก ดึงดูดความสนใจของใครหลายคน

“นั่นใช่คุณไชโลห์หรือเปล่า”

“คุณไชโลห์มาได้ยังไง สำนักผู้วิเศษจะให้เธอแต่งเข้าตระกูลอวี้หรือเปล่า”

“แต่ก็ดูเหมาะสมกับคุณชายฟู่ดีนะ”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้ฟังแล้วก็หัวใจเบิกบาน เห็นฟู่อวิ๋นเซินเดินเข้ามาพอดี

“อวิ๋นเซิน นี่คือคุณไชโลห์” คุณนายผู้เฒ่าอวี้ยิ้ม “คิดว่าหลานคงรู้จักอยู่แล้ว คุณไชโลห์เป็นลูกศิษย์ของบรรดาท่านผู้วิเศษจักรพรรดินี หลานกับเธออายุพอกัน น่าจะคุยภาษาเดียวกัน”

“ตอนนี้พอดีงานยังไม่เริ่ม งั้นลองคุยกันดูนะ จะได้ทำความรู้จักกันไว้”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่แม้แต่จะมองไชโลห์ เดินตรงเข้าไปนั่งตำแหน่งประธานของโต๊ะหลัก

มือของไชโลห์ที่ยื่นออกไปค้างกลางอากาศ หน้าเสียเล็กน้อย

ก็แค่คนธรรมดา

ไม่รู้จะหยิ่งเอาอะไร

เธอก็ไม่ได้อยากรู้จักหรอก

คุณนายผู้เฒ่าอวี้ถูกหักหน้าก็ไม่แสดงความโกรธ

เพราะเธอนึกถึงแผนต่อไป ทำได้เพียงข่มความโกรธเอาไว้

เธออดทน

รอฟู่อวิ๋นเซินกินยานั่นของนักมายากลก็จะต้องทำตามคำสั่งของเธอ

คุณนายผู้เฒ่าอวี้ฉีกยิ้ม นั่งลงเช่นกัน ขอโทษขอโพยไชโลห์ “คุณไชโลห์คะ อวิ๋นเซินค่อนข้างเอาแต่ใจหน่อย อย่าถือสาเลยนะคะ”

ไชโลห์ทำเสียงหึ ไม่พูดอะไร

ถึงเวลาหกโมง งานเลี้ยงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

สายตาของบรรดาแขกเหรื่อไปรวมกันอยู่ที่โต๊ะหลัก รอคุณนายผู้เฒ่าอวี้กล่าวเปิดงาน

คุณนายผู้เฒ่าอวี้ก็ยืนขึ้น

แต่วินาทีถัดมาเธอกลับคุกเข่าลงตรงหน้าฟู่อวิ๋นเซิน

การกระทำแบบนี้สร้างความตกใจให้แขกจำนวนไม่น้อย

“คุณนายผู้เฒ่า!”

“วันนี้เป็นงานเลี้ยงไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณนายผู้เฒ่าคุกเข่าล่ะ รีบลุกขึ้นเถอะ”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้กลับไม่ขยับ เธอพูด “ชีวิตนี้ของฉันทำผิดไปหลายเรื่อง วันนี้ขอใช้โอกาสนี้ขอโทษหลานชายตัวเองต่อหน้าทุกคน”

ฟู่อวิ๋นเซินนั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานของงาน นิ้วเรียวยาวเล่นมีดหั่นอาหาร

สีหน้าของเขาเรียบเฉย มองคุณนายผู้เฒ่าอวี้โดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ดวงตาสีอำพันฉายแววเย็นชา

“ย่าขอโทษ เป็นความผิดของย่าทั้งหมดเอง” คุณนายผู้เฒ่าอวี้เริ่มคำนับ พูดเสียงสะอื้น “ย่าไม่ควรมองคนด้วยอคติ บังคับให้พ่อกับแม่ของหลานต้องแยกจากกัน ทำให้เกิดเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่อาจหวนคืน”

“และก็เป็นเพราะย่าดูคนไม่ดีเอง ไม่เห็นธาตุแท้ของผู้หญิงชั้นต่ำอย่างจูซา จนเป็นการทำร้ายทุกคน”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้ร้องไห้เสียใจ “อวิ๋นเซิน คนเราทำผิดกันได้ทั้งนั้น ย่าแก่แล้ว มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน หลานจะช่วยทำให้ย่าได้มีความสุขในช่วงบั้นปลายชีวิตได้ไหม”

“หลานเป็นคนจิตใจดีขนาดนี้จะเห็นย่าเป็นศัตรูตลอดได้ยังไง ใช่ไหมล่ะ อวิ๋นเซิน ย่าขอร้อง…”

มีแต่เสียงคุณนายผู้เฒ่าอวี้ร้องไห้คร่ำครวญไปทั่วห้องจัดเลี้ยง

แต่ผ่านไปสิบนาที ในที่สุดคุณนายผู้เฒ่าอวี้ก็สังเกตเห็นความผิดปกติ

เธอหยุดคร่ำครวญ จากนั้นถึงสังเกตได้ว่าไม่มีใครช่วยเธอพูดแม้แต่คนเดียว

มีสตรีไฮโซหลายคนอึกอักอยากพูด แต่พอเห็นมีดในมือฟู่อวิ๋นเซินก็กลืนคำพูดกลับไป

ภาพที่จูซาถูกตัดสินต่อหน้าสาธารณชนยังตราตรึงอยู่

โดยเฉพาะคำพูดนั้นของฟู่อวิ๋นเซิน

‘ใครทำร้ายฟู่หลิวอิ๋ง จุดจบก็ต้องเหมือนกับจูซา’

ผู้ชายคนนี้กล้าพูดแบบนั้นก็แสดงว่าทำได้แน่

ถ้าพวกเขากล้าเอ่ยปากก็จะกลายเป็นเป้าให้มีดเล่มนั้น

คุณนายผู้เฒ่าอวี้นิ่งอึ้ง ลืมร้องไห้ไปชั่วขณะ

ฟู่อวิ๋นเซินวางมีดสีเงินลงดังปึ้ก เชิดคางขึ้น ยิ้มมุมปาก “ต่อสิ ยังฟังไม่พอเลย”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้อ้าปาก แต่กลับไม่มีเสียงออกมา หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ

นี่ไม่อยู่ในความคาดหมายของเธอ

มันเรื่องอะไรกัน

ตามแผนของเธอ ตอนนี้พวกแขกควรยืนอยู่ฝั่งเธอแล้วเกลี้ยกล่อมฟู่อวิ๋นเซิน

“พูดจบแล้วเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ หันไป “พูดจบแล้วก็ตาผมบ้าง”

เขาหยิบแก้วไวน์แดงที่อยู่ข้างจาน “ดื่มไวน์แก้วนี้แล้วความแค้นระหว่างผมกับคุณจะหายกัน”

พอเห็นไวน์แดงแก้วนี้หัวใจของคุณนายผู้เฒ่าอวี้ก็เต้นเร็ว พยายามฝืนใจเย็น “อวิ๋นเซิน ย่าแก่แล้ว ย่าไม่กินเหล้า”

ในนั้นมียาที่เธอผสมไว้

เธอจะดื่มได้ยังไง

ฟู่อวิ๋นเซินก็เลือกได้ประจวบเหมาะ หยิบไวน์แก้วนี้พอดี

“ดื่มแค่แก้วเดียว” ฟู่อวิ๋นเซินแกว่งไวน์แดงในแก้ว “คงไม่ได้ไม่อยากคืนดีกับผมใช่ไหม”

คราวนี้บรรดาแขกเหรื่อพากันพูดขึ้น

“คุณนายผู้เฒ่าอวี้ แค่ไวน์แก้วเดียวคุณชายฟู่ก็จะคืนดีด้วย ดื่มๆ ไปเถอะค่ะ”

“นั่นสิคะ ครอบครัวเดียวกัน จะโกรธอะไรข้ามคืน แค่คุณนายผู้เฒ่าดื่มไวน์ความแค้นก็หายไป ดีจะตายค่ะ”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้เหงื่อแตก

เธอคาดไม่ถึงว่าคนที่ถูกบีบคั้นจะกลับกลายเป็นเธอ

นิ้วของฟู่อวิ๋นเซินเคาะโต๊ะเบาๆ ยิ้มพลางพูด “งั้นก็เชิญดื่มครับ”

“พี่ใหญ่ ผมๆๆ ผมมาแล้ว!” คุณชายห้ากระโดดออกมา ยกไวน์แก้วนั้นเข้าไป “ย่าครับ พี่ใหญ่เป็นฝ่ายเสนอคืนดีกับย่าแล้ว อย่าบอกปัดเลยนะครับ”

เขายื่นแก้วไวน์แดงไปที่ปากของคุณนายผู้เฒ่าอวี้ ทันใดนั้นได้ยกมือจับกรอกปากคุณนายผู้เฒ่าอวี้

คุณนายผู้เฒ่าอวี้ไม่ทันตั้งตัว

หลังจากตระหนักได้ว่าไวน์ลงคอไปหมดแล้วเธอก็ทำท่าอ้วกทันที สีหน้าซีดเซียวขั้นสุด

แย่แล้ว เธอกินยาเข้าไปเองแล้ว จบกัน!

ฟู่อวิ๋นเซินนั่งพิงเก้าอี้ สีหน้าเหนื่อยหน่าย “ยืนขึ้น”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้ไม่ได้อยากทำแบบนั้น แต่ร่างกายกลับยืนขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

ฟู่อวิ๋นเซิน “คุกเข่า”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้คุกเข่าดังตุบ

“ตบหน้าตัวเอง”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้ยกมือตบหน้าตัวเอง

“ตบต่อ”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้เริ่มตบหน้าตัวเองต่อเนื่อง หยุดไม่ได้

“…”

บรรดาแขกเหรื่อต่างงุนงงกันหมด

คุณนายผู้เฒ่าของตระกูลอวี้เป็นโรคอะไรหรือเปล่า

อิ๋งจื่อจินหรี่ตามอง

สมกับที่ผู้วิเศษนักมายากลมีพรสวรรค์ด้านปรุงยา แค่ให้ยาคุณนายผู้เฒ่าอวี้มาเม็ดเดียวก็ควบคุมคนได้อย่างสิ้นเชิง

“โอ้โห สุดยอด” คุณชายห้ามองออกแล้ว “พี่ใหญ่ ย่าถูกพี่ควบคุมแล้วใช่ไหม ลองสั่งให้เห่าได้ไหม”

“ก็ใช่ว่าจะไม่ได้” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “เห่าซิ”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้หน้าซีด มีเลือดซึมออกจากฟัน “โฮ่งๆ!”

ฟู่อวิ๋นเซินสีหน้าเรียบเฉย “พูดออกมาให้หมด”

“ฉันขอยามาจากผู้วิเศษนักมายากลหนึ่งเม็ด ยาเม็ดนั้นจะทำให้คนเชื่อฟังได้” คุณนายผู้เฒ่าอวี้ขบฟันแน่น แต่คำพูดกลับชัดเจน “ฉันเตรียมจะให้เธอกินยาเม็ดนี้ เธอจะได้อยู่ในความควบคุมของฉัน ฉันสั่งอะไรเธอก็ต้องทำตาม”

“เธอเป็นหลานชายของฉัน ฉันเป็นย่า คิดจะต่อต้านฉันเหรอ ไม่มีทาง!”

“ฉันต้องให้เธอเป็นหุ่นเชิดของตระกูลอวี้ไปทั้งชีวิต เหมือนพ่อของเธอ!”

“!”

คำพูดเดียวตีคลื่นได้เป็นพันชั้น

บรรดาแขกเหรื่อตกใจหน้าถอดสี

ตอนนี้พวกเขามองออกทั้งหมดแล้วว่าคุณนายผู้เฒ่าอวี้เอายาเม็ดนั้นใส่ลงในแก้วไวน์ของฟู่อวิ๋นเซิน

หากเธอสมดั่งใจ ฟู่อวิ๋นเซินก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดของเธอ

สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง

“ยายแก่นี่จิตใจระยำมาก!”

“สมน้ำหน้า สมควรรับกรรม”

“แต่ทำไมท่านนักมายากลถึงได้ทำยาที่โหดร้ายแบบนี้ออกมาได้”

ในความทรงจำของชาวเมือง ผู้วิเศษเมตตาอ่อนโยน ปราศจากข้อบกพร่องใดๆ

พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของไชโลห์ก็ขรึมลง

ตระกูลอวี้ไม่เกี่ยวกับเธอ แต่นักมายากลเป็นอาจารย์ของเธอ เธอจะทนเห็นอาจารย์เสื่อมเสียชื่อเสียงไม่ได้

ไชโลห์พูดเสียงเย็นชา “ตระกูลอวี้ของพวกคุณใช้ได้เลยจริงๆ ใช้วิธีชั้นต่ำแบบนี้ใส่ร้ายท่านนักมายากล ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกคุณเตรียมจะหลอกคนอีกเท่าไร”

ฟู่อวิ๋นเซินยังคงไม่มองเธอ “ต่อสิ”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้หน้าซีดยิ่งกว่าเดิม ถูกบีบให้หยิบกล่องยาออกมา

บนนั้นเป็นตราประทับเฉพาะของผู้วิเศษนักมายากล

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท